ตะลอนกินของอร่อยในมาเลเซีย ถ้าไม่ชิมก็คงไม่รู้


เที่ยวมาเลเซียจะกินอะไรให้อร่อย อยากรู้ตามเราไปตะเวนชิมของอร่อย ๆ กันดีกว่า

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ AdrenalineRush สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

          วันนี้เราเอาใจนักเที่ยวที่หลงใหลการตะเวนหาของกินอร่อย ๆ ตามสถานที่ที่ไปเที่ยว ด้วยการหยิบเอาบันทึกการเดินทางของ คุณ AdrenalineRush สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้ไปเยือนประเทศมาเลเซีย พร้อมกับทัวร์ชิมของอร่อย ๆ และนำมารีวิวให้เราได้ชมกันค่ะ ใครที่มีโครงการจะไปเที่ยวมาเลเซียก็อย่าลืมตามรอยไปชิมกันดูนะจ๊ะ เพราะอย่าลืมว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง ^^




          สวัสดีค่ะ ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาไปขับรถเที่ยวมาเลเซียมาค่ะ เป็นทริปสั้น ๆ 3 วัน 3 เมือง ตั้งใจจะให้เป็นทริปสบาย ๆ ถึงขนาดลงทุนเช่ารถขับเอง แต่แอบมีอุปสรรคเล็กน้อยซึ่งก็มีผลไม่น้อย คือ เดินทางช่วงวันหยุดชาติเค้า คือ วันฉลองหลังรอมฎอน มารู้ตัวอีกทีคือจองรถ จองโรงแรม ยากจัง แพงด้วย งานนี้เลยเที่ยวแบบอารมณ์แย่งกันกินแย่งกันเที่ยวกับคนมาเลย์ ฮ่วย..แต่ไม่เป็นไรค่ะ แม้จะไม่ได้ตามเป้าแต่ก็ประทับใจกับอาหารที่กินในทริปนี้พอสมควร เลยเอาข้อมูลมาแบ่งปันกัน

          มาเลเซีย เป็นประเทศที่มีหลายเชื้อชาติ หลายวัฒนธรรม แต่ละเชื้อชาติมีอาหารเป็นของตัวเอง เอาเชื้อชาติหลัก ๆ คือ มลายู จีน อินเดียตามลำดับ ดังนั้น อาหารเค้าก็มีอาหารมาเลย์ อาหารจีน อาหารอินเดีย นี่คือยังไม่นับอาหารนานาชาติที่มีให้เลือกมากมาย โดยเฉพาะใน KL แต่ที่เด็ดกว่าและถือว่าเป็นเอกลักษณ์หาได้ในแถบนี้ คือ Nyonya food ซึ่งเป็นอาหารลูกผสมระหว่างอาหารจีนและอาหารพื้นบ้านของมาเลเซีย เพราะในสมัยที่ชาวจีนมาตั้งรกรากได้มีการผสมผสานวัฒนธรรมการปรุงอาหาร โดยการใช้วัตถุดิบ เครื่องเทศ เครื่องแกงของท้องถิ่นเช่น พริก ตะไคร้ ขมิ้นและเครื่องเทศต่าง ๆ มาปรุงอาหาร เช่นนี้แล้วถ้าท่านใดเป็นนักชิม ชอบอาหารหลากหลายน่าจะเที่ยวมาเลย์ได้สนุกไม่น้อยเลยนะคะ

          กระทู้เรื่อง การเตรียมตัวและการขับรถในมาเลย์ ตามนี้ค่ะ

          ทริปนี้เรากินอะไรกันบ้าง ตามมาชมเลยค่ะ

          เราเที่ยวกัน 3 เมือง หลัก ๆ คือ KL, Cameron Highland, Melaka หรือมะละกา มาเลย์ใช้เงินริงกิต คิดแบบคร่าว ๆ คือ 1 RM = 10 บาท งานนี้เราไม่เน้นกินหรูค่ะ มาเริ่มกันที่ KL ก่อนเลย ทริปนี้เรามีเวลาที่ KL น้อยไปหน่อย เพราะมีอาการทำเวลาไม่ได้ วันสุดท้ายไม่ได้แวะตามแผน สรุปเราได้กินอาหารที่นี่แค่มื้อเดียว คือ มื้อเย็น เพราะเดินทางมาถึงก็เย็นแล้ว

          1. ร้าน Big Apple Donuts เริ่มต้นเบา ๆ (แต่แคลอรี่ไม่เบา) ด้วยโดนัทค่ะ นั่ง KL express มาลง Sentral Station แล้วเกิดอาการหิว เดินผ่านร้านนี้กลิ่นหอมยั่วยวนมาก ๆ (โดยเฉพาะตอนกำลังหิว) เห็นมีคนมุง ๆๆ มองเข้าไปในร้านมีโดนัทให้เลือกเป็นทิวแถว หน้าตาน่ากินเสียด้วย จริง ๆ ไม่ได้เป็นแฟนโดนัทแต่ก็กินได้ บวกกับมีเพื่อนกระซิบบอกก่อนเดินทางมาที่นี่ให้ชิมโดนัท J.Co แต่เมื่อยังไม่มีโอกาสชิมร้านนั้น ขอชิมร้านที่อยู่ตรงหน้านี้ก่อนแล้วกัน ^_^




          เดินละเมอเข้าไปซื้อ มีให้เลือกจริง สรุปเลือกชาเขียวกับชีสมา 2 ชิ้น 5 RM


          ขออภัยนะคะ ถ่ายรูปมารูปเดียวเพราะกินหมดอย่างรวดเร็ว อิอิ

          แป้งโดนัทนุ่มในระดับที่ชอบ (ชอบที่มันนุ่ม แต่ยังมีเนื้อให้เคี้ยว) รสชาเขียวนอกจากจะมีหน้าชาเขียวแล้วกัดเข้าไปข้างในเป็นครีมชาเขียวเบา ๆ แต่รสเข้ม มีความขมของชานิด ๆ ด้วย อร่อยค่ะ ส่วนชีสมีรสเค็ม ๆ มัน ๆ ของชีสตัดรสหวาน อร่อย ส่วนตัวแล้วชอบนะคะ รสชาติทำออกมาดี ไม่หวานจนเกินไปด้วย ส่วนตัวชอบมากกว่า KK น่าเสียดายที่ไม่ได้ลองของ J.Co ที่ได้ยินเสียงร่ำลือกันว่าอร่อยกว่าและอร่อยล้ำ งานนี้ขอติดไว้ก่อนเดี๋ยวตามเก็บโอกาสหน้า

          2. Koon Kee Wantan Mee เป็นร้านหมี่เกี๊ยวที่ได้ชื่อว่าอร่อยที่สุดใน KL (คนในพื้นที่เค้าว่าอย่างนั้นค่ะ) ร้านอยู่ที่ Petaling Street, China town

          **ดูแผนที่แล้วแอบงงเอง ถ้าเดินมาจากประตูทางเข้าของ Petaling Street เดินตรงมาตนถึงทางแยกแรกแล้วเลี้ยวซ้าย เดินไปอีกหน่อยร้านจะอยู่ขวามือ ต้องสังเกตนิดนึงเพราะจะมีร้านอื่นบัง ร้านขายทั้งกลางวันกลางคืน กลางวันจะมีตู้เป็ดย่างวางเหลื่อมอยู่ กลางคืนจะมีรถขายขนมคล้าย ๆ ถังแตกอยู่หน้าร้าน ***

          เจอร้านนี้โดยบังเอิญ จริง ๆ ตั้งใจมาหา Char Kuey Teaw กิน แต่ร้านที่เราตั้งใจมากินเค้าขายเฉพาะกลางวันค่ะ งานนี้เลยแอบมั่วเล็กน้อยด้วยการเล็ง ๆ สุ่ม ๆ เดินเข้าร้านนี้เพราะสังเกตว่ามีคนนั่งกินเยอะ หน้าตาดูเป็นคนท้องถิ่นด้วย ดูจากภายนอกแล้วงงมากว่าขายอะไร เพราะมองเข้าไปเห็นแต่คนนั่งเต็มร้าน ต้องเดินเจ้าไปส่อง ๆ ถาม ๆ ว่าขายอะไร มี Char Kuey Teow ไหม เจ๊แกตอบว่ไม่มี มีแต่ก๋วยเตี๋ยวจ้า พอดีมีลูกค้าใจดีที่นั่งในร้านบอกว่าร้านนี้ดังและเก่าแก่ ส่วนร้านที่เรากำลังตามหาเปิดเฉพาะกลางวันจ้า โอเค งั้นจัดร้านนี้เลยแล้วกัน

          ร้านเค้าเก่าแก่และดูขลังจริงๆ ดูภายนอกไม่น่าเชื่อเลยว่าเป็นร้านดัง มาหาข้อมูลที่หลังถึงรู้ว่าเป็นร้านบะหมี่เกี๊ยวที่อร่อยที่สุดใน KL ว้าว ๆๆๆ เดินมาชนร้านดังโดยไม่รู้ตัวเข้าแล้ว


          ร้านเค้าดังจริงนะ เคยลงหนังสือด้วย


          บรรยากาศในร้าน ได้อารมณ์คนในพื้นที่มากๆ บอกเลย



          เมนูเค้าไม่ซับซ้อนค่ะ มีแค่บะหมี่น้ำและแบบแห้งและเกี๊ยวน้ำ เราสั่งมาทั้งหมด แบบว่าอยากลองและหิวด้วย

          แบบแห้ง หรือ Char Siew Wantan Mee มาก่อน แอบดูเค้าทำ การทำหมี่แห้งเค้าเหมือนมีน้ำปรุงและคลุก ๆๆๆๆ ให้เส้นผสมกับน้ำปรุงให้ทั่ว ๆ ก่อน มาแล้วค่ะ สีเข้มมาเลย


          ชิม ๆ กันค่ะ เส้นนุ่มแบบเด้ง ๆ ให้ได้เคี้ยว มีกลิ่นหอมจองน้ำมันงา รสชาติลงตัวเป๊ะ อร่อยมากกกกกกกก หมูแดงที่โปะหน้ามาก็อร่อยมากกกกกกกกกกกก ชอบจริง ๆ จานนี้ จานแห้งเค้ามีถ้วยน้ำซุปเล็ก ๆ แยกมาให้ซดด้วยนะคะ

          มาถึงชามน้ำบ้าง มาแบบคอมโบ ทั้งเส้นหมี่ เกี๊ยว หมูแดง ไก่มาในชามเดียว


          ขอบอกว่าน้ำซุปอร่อยมากกกกกกกกค่ะ ไม่ต้องปรุงเลย คือเจ้าของกระทู้ชอบรสนี้ กินไปซดน้ำไป...อร่อย เกี๊ยวในชามรสชาติก็อร่อยดี แต่ไม่ได้แบบว่าอร่อยล้ำ


          ชามสุดท้ายเกี๊ยวน้ำ เป็นเกี๊ยวหน้าตาอีกแบบ รสชาติไม่เหมือนกันค่ะ อันนี้รสหมู น้ำมันงา และมีกลิ่นต้นหอมแรง ส่วนตัวแล้วชอบแบบเป็นลูกเล็ก ๆ ในก๋วยเตี๋ยวน้ำมากกว่า แต่น้ำซุปอร่อยเช่นเคย


          สั่งน้ำ Sugar cane มาลอง อารมณ์เหมือนน้ำอ้อยบ้านเราแต่ของเราอร่อยกว่า

          สรุปมื้อนี้ใช้ไป 22 RM อิ่มแปล้เลยค่ะ

          รถขายขนมถังแตกหน้าร้าน


          แถมหมูหวานอีกนิดนึงค่ะ แบบว่าเดินผ่านแล้วอยากชิม ขีดละ 8-9 RM แล้วแต่แบบค่ะ รสชาติใช้ได้ แต่ส่วนตัวแล้วชอบรสบ้านเรามากกว่าค่ะ


          เดินย่อยอาหารแป๊บนึง Petaling Street ยามค่ำคืนมีสีสันไม่เบานะคะ


          ตัดฉับมาที่ Cameron Highland แดนแห่งการปลูกชา Cameron Highland อยู่ทางเหนือของประเทศ อากาศเย็นตลอดปี อุณหภูมิเฉลี่ย 14-28 องศา ทั้งปี นอกจากจะปลูกชาแล้วยังมีผักสด ผลไม้ เช่น สตรอว์เบอร์รีให้เก็บทั้งปี คนเมาเลย์ก็นิยมมาตากอากาศแบบชิล ๆ จิบชากันที่นี่กันค่ะ


          กว่าจะมาถึงก็เย็นแล้ว เพราะช่วงต้น ๆ ของการเดินทางรถติดมาก ตอนเที่ยงต้องกินมาม่าในรถ เราพักที่ Tanah Rata มาถึงก็จัดอาหารเย็นเลยค่ะ ตั้งใจกินอาหารพื้นบ้าน ถามพนักงานในโรงแรมเค้าแนะนำร้านนี้ Ferm Nyonya Restaurant อยู่หลัง Maybank


          สั่งอาหารเลยค่ะ จานแรก Penang style Char Kuey Teaw ผิดหวังจากที่ KL ขอกินที่นี่แทนแล้วกัน มาแบบเข้มเลยค่ะ หน้าตาดูเผิน  ๆ เหมือนผัดซีอิ๊วบ้านเราเลยนะคะ เส้นใหญ่ผัดกับซอส ใส่ถั่วงอกและใบกุยช่าย รสไม่หวานนะคะ มีรสเผ็ดนิด ๆ กินแล้วอร่อยค่ะ จริง ๆ ต้นฉบับที่ปีนังเค้าต้องใส่กุ้งกับหอยแครงด้วย แต่ที่นี่คงไกลหน่อยกุ้งมาแบบเบา ๆ


          Char Kuey Teaw หากินได้ทั่วมาเลย์และสิงคโปร์ก็มี แต่เค้าเม้าท์กันว่าที่อร่อยสุด ออริจินัลอยู่ปีนัง แต่กินที่นี่ก็อร่อยแล้วนะคะ


          จานที่ 2 Nyonya fried rice ข้าวผัดหน้าตาธรรมดามาก แต่อร่อยมากค่ะ รสนัว ๆ กินแป๊บเดียวหมดค่ะ กินไปชมไป ปลาบปลื้มไปสำหรับเมนูนี้


          เมนูที่สามสั่งตามคำแนะนำของพนักงานร้านเค้า Asam prawns มาเป็นชามขนาดใหญ่หน่อย สีสันดูเหมือนเผ็ด แต่ไม่เผ็ดเลยค่ะ รสออกหวาน มีเปรี้ยวนิด ๆ จากสับปะรดที่ใส่ เครื่องแกงแบบเบา ๆ หอม ๆ กุ้งให้มาเยอะมากค่ะ เกือบ 10 ตัวได้ เป็นเมนูเจริญอาหารมาก ๆ และอร่อยสมกับเป็นจานแนะนำเลย


          เมนูสุดท้าย เอามาไว้ท้ายสุดเพราะผิดหวังค่ะ ซุปแกะ (Mutton soup) เนื้อแกะคาวมาก กินไม่ได้เลย ต้องเป็นอาหารแมวไปสำหรับเมนูนี้


          สั่ง BOH ชาร้อน ๆ มาดื่มค่ะ ชิลมาก เพราะยิ่งตกเย็นอากาศก็เย็นลงเรื่อย ๆ


          สรุปราคามื้อนี้ 54.9 RM ประทับใจค่ะ โดยเฉพาะข้าวผัด อยากกลับมากินอีก (ร้านเค้ามี Steam boat หรือสุกี้ขายด้วย แต่เรากินร้านอื่นค่ะ)

          มื้อสุดท้ายสำหรับที่ Cameron Highland เป็นร้านอาหารที่อยู่ถัดจาก Ferm Nyonya แค่ 1 คูหา หากินง่ายจริง ๆ งานนี้ อิอิ แต่ร้านเค้าก็ไม่ไก่กานะคะ มีคะแนนรีวิวดีและแปะป้าย Tripadvisor ด้วย May flower restaurant ร้านนี้แนวอาหารจีนและ Steam Boat หรือสุกี้บ้านเรา เค้าเคลมว่า Steam Boat เค้าเริดสุดนะคะ มาลองกินกัน


          ร้านคูหาเดียวแต่ลูกค้ามากันเต็มเลย



          มา Cameron Highland ควรจะลองชิม Steam Boat กันค่ะ แม้ว่าจะแลดูเหมือนสุกี้บ้านเราแต่มาถึงแล้วก็ขอลองชิมหน่อย

          การสั่งเค้าจะมีเป็นเซตให้กินคนเดียวหรือ 2 คนขึ้นไป น้ำซุปมีทั้งแบบต้มยำและซุปธรรมดา หรือจะเอา 2 อย่างก็ได้ จะเป็นแบบมังสวิรัติหรือกินเนื้อก็เลือกได้ตามชอบ ด้วยความตะกละแม้จะไปแค่ 2 คน แต่เราก็จัดเต็มค่ะ น้ำซุปสองแบบ เนื้อวัว เนื้อไก่ กุ้ง ปลา ไข่ด้วย ตอนแรกไม่แน่ใจว่าเค้ามีผักให้ในเซตหรือเปล่า แต่สุดท้ายมาแบบคอมโบเลย แถมมีทั้งวุ้นเส้นและหมี่เหลืองให้ด้วย งานนี้กินจนท้องจะแตกเลย

          เซตคล้ายสุกี้บ้านเราค่ะ


          น้ำซุป 2 แบบในหม้อเดียว ซ้ายมือเป็นต้มยำ


          ดูเนื้อแบบใกล้ ๆ เนื้อเค้านุ่มมากค่ะ ตอนแรกคิดว่าจะเหนียว แต่กุ้งเนื้อเละหน่อย ชอบกินแบบเด้ง ๆ แบบของบ้านเรามากกว่า กุ้งที่นี่เค้าไม่เด็ดหัวตัดหนวดให้นะคะ ได้มาเป็นตัวเลย


          น้ำจิ้มเค้าสีแซ่บมากกกกกกก ถ้าใครยังติดรสน้ำจิ้มของบ้านเราขอให้ทำเป็นลืมไปก่อนนะคะ เพราะของที่นี่รสไม่หวาน เผ็ดหน่อย ๆ แต่เวลาเอาเนื้อ ๆ จิ้มมันอร่อยไปอีกแบบ



          ชิมแบบต้มยำ รสเปรี้ยวจี้ดเลยรู้สึกว่าต้มยำบ้านเราอร่อยกว่านะคะ แต่โดยรวมก็พอใช้ได้ค่ะ ส่วนน้ำซุปแบบธรรมดาหอมอร่อยดี ซดได้คล่อง ๆ เลย


          ยังไม่หนำใจค่ะ สั่งบักกุดเต๋มากินอีก อากาศเย็น ๆ ซดอะไรร้อน ๆ อร่อยจริง ๆ Portion ใหญ่แบบกิน 2 คน ได้เลยค่ะ น้ำซุปหอมมาก อร่อยอีกแล้ว


          เมนูสุดท้ายข้าวผัดแบบ Nyonya แต่หน้าตาและรสชาติไม่เหมือนร้านก่อนหน้า อันนี้จะออกมาทางจีนเยอะกว่า ได้กลิ่นหอมกระทะด้วย ถ้าใครชอบทานข้าวผัดแนะนำเลยค่ะจานนี้ อร่อยกินเกลี้ยงแบบไม่เหลือเลยเมนูนี้


          เราสั่งน้ำเก๊กฮวยมากินด้วย รสชาติแปลกดีค่ะ มีรสเปรี้ยวนิด ๆ ด้วย

          ค่าเสียหายมื้อนี้ 53 RM จริง ๆ อยากไปนั่งจิบชา กินสโคน ในโรงแรม British style เก๋ ๆ แต่เราต้องทำเวลา ต้องไปแย่งคนมาเลย์เที่ยวที่มะละกาต่อ สาย ๆ รถเริ่มเยอะขึ้นเรื่อย ๆ เลยต้องอำลา Cameron highland ไว้เพียงแค่นี้

          มาโผล่ที่มะละกา...เมืองมรดกโลกค่ะ


          ส่วนตัวแล้วชอบเมืองนี้มาก มีอะไรให้ดูเยอะ อาหารก็แยะ แต่การมารอบนี้ของเราเหมือนถูกที่แต่ผิดเวลา เพราะเรามาตรงกับวันเที่ยวของคนมาเลย์ ผลคือคนเยอะมาก เมืองจะระเบิด เดินไปทางไหนมีแต่คน ร้านอาหารดัง ๆ แถวยาวเหยียด ทำเอามึน หมดอารมณ์เที่ยวไปเหมือนกันค่ะ บ่นเสร็จมากินต่อ มาเริ่มต้นที่เมนูที่ตั้งใจมากว่าจะมากิน "Satay Celup" นั่นเอง ก่อนมาเที่ยวมีพี่สาวที่น่ารักส่งลิงก์มาให้อ่าน บอกว่าต้องลองกินให้ได้เพราะว่ากันว่ามีให้กินที่มะละกาเท่านั้น

          * Satay หรือสะเต๊ะ เป็นอาหารที่พบได้ทั้งบ้านเรา มาเลย์ สิงคโปร์ แต่มาเลย์เค้าออกตัวแรงว่าของเค้าอร่อยที่สุดว่างั้น จริงหรือเปล่ามาพิสูจน์กันค่ะ

          * Satay Celup แตกต่างจากสะเต๊ะที่กินกันทั่วไปตรงที่เราต้องจุ่มสะเต๊ะลงในหม้อที่มีน้ำจิ้มต้มจนร้อน เพราะ "Celup" แปลว่า "การจุ่ม" นั่นเอง จะเรียกว่า" สะเต๊ะจุ่ม" ก็ไม่ผิดนะคะ ร้านออริจินัลคือ Captitol Satay Celup ร้านนี้



          แต่ดูคิวที่ยาวประมาณ 200 เมตร ณ เวลา 3 ทุ่ม แล้วสะเทือนใจ แต่ยังมีหวังริบหรี่ ถามเด็กที่ร้านบอกว่าเปิดบ่าย 4 โมงปิดตี 1 งั้นไปเดินเล่นแล้วค่อยกลับมาใหม่ตอน 5 ทุ่มแล้วกัน ด้วยความหิวกินโรตี canai ร้านแขกใกล้ ๆ รองท้อง สั่ง egg roti canai นึกว่าจะได้อารมณ์อาหารหวาน ได้แบบของคาวมาค่ะ T__T


          โรตีเนื้อเค้านุ่มมาก เหนียว เคี้ยวอร่อยดีค่ะ แต่รู้สึกแปลกเพราะเค้าใส่หอมลงไปด้วย มีน้ำจิ้มแบบจืด ๆ กลิ่นเครื่องเทศแรง ๆ ราคาแค่ 1.6 RM แต่ไม่ผ่านค่ะเมนูนี้

          กลับมาที่ Capitol Satay 5 ทุ่ม แต่กลับมาอีกครั้งแถวสั้นลงนิดหน่อยเอง ไม่เอาไม่พูด ตัดใจค่ะงานนี้ ไม่งั้นคงไม่ต้องนอนกัน กินร้านตรงข้ามก็ได้ (ฟระ) Kedai Satay A Famosa คิวสั้นกว่า รอไม่นานมากก็ได้กินแล้วค่ะ


          แต่ปัญหาคือมันดึกจนลืมหิวไปแล้ว เก็บภาพมานิดหน่อยค่ะ ร้านจะกึ่งบริการตัวเองนะคะ พอได้เก้าอี้ปุ๊บจะมีพนักงานยกหม้อน้ำจิ้มสะเต๊ะมาวางในเตาหลุม เปิดไฟ คน ๆ แล้วเค้าจะตักให้เราชิมว่าพอใจรสนี้หรือยัง ต้องการเผ็ดกว่านี้หรือถั่วลิสงเพิ่มไหม น้ำจิ้มเค้าจะหอม ๆ รสหวาน หอม ๆ เผ็ดนิด ๆ มีกลิ่นเครื่องเทศและขิง ต่างจากน้ำจิ้มสะเต๊ะบ้านเรา


          เค้าจะให้ถาดมา 1 อัน ทีนี้เราก็ไปหยิบสะเต๊ะเองได้เลยตามชอบ เค้าจะเก็บในตู้แช่ ไม่ได้ถ่ายรูปมา แบบว่าดึกแล้วเริ่มเบลอ มีให้เลือกเยอะมากตั้งแต่หมู ไก่ ลูกชิ้น เกี๊ยว บลา ๆ แต่ร้านนี้ไม่มีกุ้งนะคะ


          ได้มาแล้วก็จุ่มได้เลยค่ะ พอสุกแล้วก็หม่ำได้เลย ระหว่างนี้จะมีพนักงานเดินมาคน ๆ หม้อต้มและปรับไฟให้ เพราะเค้าจะไม่ให้มันเดือดพล่านตลอดเวลา



          ง่ำ ๆๆๆ ส่วนตัวแล้วชอบค่ะ เอาไม้สะเต๊ะจิ้มแบบล้วง ๆ ก้น ๆ หม้อขึ้นมา หอม อร่อย กินไม่ได้เยอะมากก็อิ่มแล้ว ไก่นุ่มดีค่ะ แต่หมูเนื้อเหนียวไปหน่อย

          มื้อนี้หมดไป 25 RM สรุปว่าอร่อยดีค่ะ แม้จะไม่ได้เลอเลิศแต่ก็ได้รสที่ต่างออกไป เสียดายกินตอนดึกไปหน่อย ถ้ามีโอกาสมาอีกก็ขอมากินอีกรอบ สะเต๊ะไม้ละ 0.8 RM สะเต๊ะที่หยิบมาแล้วกินไม่หมดคืนไม่ได้

          มาหาของกินบนถนน Jonker

          จาก Satay Celup มาถึงเมนูที่ใคร ๆ ก็กิน ข้าวมันไก่ Chicken rice ball นั่นเอง ร้านดังสุดฮิตที่แถวยาวมากกกกกกกก คือ ร้านนี้ค่ะ คิวตอน 9 โมงนะคะเนี่ย เห็นแล้วอยากดมยาดม ร้าน Kedai Kopi Chung Wah อยู่ต้น ๆ ถนน Jonker ว่ากันว่าเป็นเจ้าดัง 1 ใน 3 ในมะละกาเลยทีเดียว แต่คิวแบบนี้ขอไม่รอแล้วกันค่ะ คนมาเลย์นี่เค้าอดทนกันจริง ๆ คิวยาวแค่ไหนก็ยืนรอ


          แต่เห็นแถวยาวขนาดนั้นแล้วรอไม่ไหว ไปกินอีกร้าน

          เป็นร้านที่นักท่องเที่ยวนิยมมากินเหมือนกันค่ะ Restoran Famosa Chicken rice ball เดินเข้าไปใน Jonker Street นิดหน่อย ร้านเค้าแดงได้ใจมาก ๆ มีคิวแต่รอไม่นานมาก มีทางเข้า 2 ทางด้วยค่ะ ร้านใหญ่จริง ได้ภาพทางเข้าอีกทางมา



          สั่งเมนูทั่วไปเลย ไก่และ Rice Ball

          Rice Ball มาก่อนเลย ปั้นได้กลมจริง ๆ


          ไก่น่าจะแบบนึ่งราดซีอิ๊วมา


          กินแล้วรสชาติไม่เลวเลย แต่ถ้าจะเทียบกับข้าวมันไก่บ้านเราของเราอร่อยกว่า

          ตบท้ายด้วยขนมหวาน Cendol ที่ใครมาที่นี่ต้องลอง จริง ๆ แล้ว Cendol มีขายทั่วไปในมาเลเซียค่ะ รสต่างกันนิดหน่อย ลองชิมที่ Cameron highland แต่ของมะละกาอร่อยกว่า

          เจ้าเขียว ๆ นี่หน้าตารสชาติเหมือนลอดช่องบ้านเรา ปกติเค้าจะมีถั่วแดงหรืออาจจะมีข้าวโพดด้วย แล้วแต่ร้านจะรังสรรค์ ราดน้ำกะทิ โปะน้ำแข็งแล้วราดด้วยน้ำตาลโตนด รสหวานจากน้ำตาลโตนดทำให้รสขนมออกแบบมีเอกลักษณ์ค่ะ หอม ๆ หวาน ๆ กินตอนอากาศร้อน ๆ ชื่นใจจริง ๆ


          มื้อนี้ค่าเสียหาย 26 RM

          มาหมวดขนมบน Jonker Street กันบ้าง มีเยอะมาก ถ้าต้องกินหมดในวันเดียวคงท้องระเบิด ^__^ รู้สึกประทับใจ คือ มาเลย์มีทุเรียนมากมายหลายพันธุ์ คือ มากกว่า 10 สายพันธุ์ และที่มะละกาเค้าเอาทุเรียนมาดัดแปลงเป็นขนมได้หลากหลาย ทั้งไอศกรีม ไอศกรีมทอด ครีมพัฟ เครป คัพเค้ก Cendol และอื่น ๆ อีกมากมาย  ใครเป็นแฟนทุเรียนคงได้กรี๊ดกัน เก็บรูปมาแค่ส่วนหนึ่งค่ะ




          อยากกิน Hokkaido Chiffon Cakes ไส้ทุเรียน แต่ยังอบไม่เสร็จ


          ที่เรากินจริง คือ ไอศกรีมทุเรียนทอดค่ะ เดินออกมาจากร้าน Chicken Ball ก็เจอเลย แม้ว่าจะยังอิ่มอยู่แต่ท้องมีที่ว่างให้ขนมเสมอ อิอิ

          หน้าตาทุเรียนแช่แข็ง อยากจะเรียกว่าไอศกรีม


          หน้าตาทุเรียนแช่แข็งเค้า


          ชุบแป้งทอดในน้ำมันร้อน ๆ ทำเร็วมาก ๆ ไม่ถึง 10 วินาที ก็ตักขึ้นเสิร์ฟได้เลย


          น่ากินมากกกกกกก เมนูนี้เจ้าของกระทู้เทใจให้เลย


          ตัด ๆๆ ข้างในยังเย็น ๆ อยู่เลย แป้งกรอบมากกกกกก อร่อย ๆๆ ชอบ ๆๆๆ จานละ 5.9 RM มี 2 ชิ้น เจ้าของกระทู้เบิ้ลเลยค่ะ ชอบ ๆ แต่กินเยอะจะเกิดอาการเลี่ยนนิดนึงนะ


          มากิน Cream Puff กันต่อ มีขายหลายร้านค่ะ เจ้าของกระทู้ซื้อร้านนี้



          ดูใกล้ ๆ หน่อย ลูกไม่ใหญ่มากนะคะ เข้าปากคำเดียวได้ อิอิ


          ไส้ทุเรียนเยิ้ม ๆๆ


          3 ชิ้น 5 RM ไส้ทุเรียนรสเข้มข้นมากขอบอก ถ้าคนชอบทุเรียนคงประทับใจสุด ๆ

          ส่งท้ายมะละกาด้วยเมนูที่อยากกิน แต่อดเพราะหมดแล้ว (พื้นที่ในท้อง) Nyonya zong บ๊ะจ่างแบบ nyonya หน้าตาสีสันหน้ากินสุด ๆ แปะ ๆ ไว้ก่อน มีโอกาสจะกลับไปตะลุยกินอีกแน่นอน


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ตะลอนกินของอร่อยในมาเลเซีย ถ้าไม่ชิมก็คงไม่รู้ อัปเดตล่าสุด 2 เมษายน 2567 เวลา 14:39:01 58,641 อ่าน
TOP
x close