เที่ยวญี่ปุ่น พาชมเมืองฮิโระชิมะ เมืองแห่งสันติภาพ


Hiroshima

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณกลมลายส์ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม


          เพราะนอกจากโตเกียว เกียวโต โอซาก้า และฮอกไกโดแล้ว ประเทศญี่ปุ่นยังมีเมืองที่มีมนตร์เสน่ห์น่าหลงใหลอีกหลายแห่ง โดยเฉพาะที่ "ฮิโระชิมะ" (Hiroshima) เมืองที่เคยโดนระเบิดปรมาณูในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ในวันนี้กลายเป็นเมืองเขียวชอุ่มน่าท่องเที่ยว น่าไปศึกษาประวัติศาสตร์มากมาย (ดูเพิ่มเติมที่นี่) ฉะนั้น วันนี้เราเลยหยิบเอาบันทึกการเดินทางของ คุณกลมลายส์ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้ไปเที่ยวเมืองฮิโระชิมะสัมผัสกลิ่นอายของวันวานแล้วนำมาแชร์ประสบการณ์ดี ๆ ให้เราได้ชมกัน

++++++++++++++++++++++++

          สวัสดีพี่ ๆ น้อง ๆ เพื่อน ๆ ชาวพันทิปทุกคน นี่ก็เป็นกระทู้แรกจะพาเที่ยวชม Hiroshima กัน ผมเป็นมือใหม่ทั้งการเขียนและการถ่ายรูป มีอะไรแนะนำเพิ่มเติมตรงไหนก็บอกกันได้เลย ท่านไหนมีอะไรสงสัยตรงไหนก็สามารถถามได้เลย (หยิบแผ่นพับเขามาเยอะ พวกตารางเดินรถ แผนที่เดินรถ หรือแผนที่สถานที่เที่ยว) ถ้าสามารถตอบได้จะช่วยตอบ เอาละ...เริ่มกันเลยดีกว่า โก ๆๆ

เกี่ยวกับ Hiroshima

          ฮิโระชิมะ เป็นเมืองหลักในภูมิภาคชูโกกุ (Chugoku) ของประเทศญี่ปุ่น คนทั่วโลกได้รู้จักกับชื่อเมืองนี้เมื่อตอนที่ฮิโระชิมะโดนทิ้งระเบิดปรมาณูนั่นเอง เมืองนี้ก็มีที่เที่ยวต่าง ๆ เช่น Hiroshima Castle, Shukkeien Garden, Peace Memorial Park, A-bomb Dome, Mazda Museum, ย่าน downtown อาหารที่ขึ้นชื่อ คือ Okonomiyaki หรือพิซซ่าญี่ปุ่นนั่นเอง (เสียดายที่ตอนไปไม่มีโอกาสแวะไปชิม TT)

          อ้างอิง : japan-guide.com

การเดินทางใน Hiroshima

          การเดินทางในเมืองแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ

          1. รถบัส แบ่งได้ 2 แบบย่อย ๆ

          1.1 รถบัสทั่วไป : ลักษณะคล้าย ๆ รถเมล์บ้านเรา คือ จอดตามป้ายต่าง ๆ ทั่วเมือง มีหลายสายหลายหมายเลขด้วยกัน วิธีการใช้ก็ขึ้นประตูกลาง ลงประตูหน้า จ่ายเงินด้วยเหรียญตรงเครื่องใกล้ ๆ คนขับก่อนลง ถ้าใครมีแบงก์ให้แลกเป็นเหรียญก่อน เพราะเครื่องไม่สามารถทอนเงินได้ ต้องใส่ให้พอดีนะ

          อันนี้ คือ หน้าตาป้ายรถบัสธรรมดาและรถบัส

Hiroshima

          1.2 Hiroshima Sightseeing Loop Bus : เป็นรถบัสของทาง JR เน้นรับ-ส่งนักท่องเที่ยว จะจอดตามจุดท่องเที่ยวต่าง ๆ ในเมือง ต่อไปขออนุญาตเรียกสั้น ๆ ว่า "รถแดง" นะครับ เพราะมีสีแดงแป๊ด ผมเลือกใช้รถแดงเพราะมีบัตร JR Pass มาด้วย และป้ายรถแดงก็เป็นสถานที่ที่ต้องการไปพอดี ข้อดีของรถแดง คือ ถ้าเราใช้บัตร JR Pass จะขึ้นได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง แต่ถ้าไม่ได้ซื้อ JR Pass มา One Ride : ผู้ใหญ่ (อายุเกิน12 ปี) 200 เยน, เด็ก 100 เยน

          - One-Day Ticket : ผู้ใหญ่ 400 เยน, เด็ก 200 เยน แนะนำป้ายแหล่งท่องเที่ยว ดังนี้

          - Hiroshima Station : สถานีฮิโระชิมะ แหล่งรวมการเดินทาง รถบัส รถไฟ ชินคันเซ็น รถราง

          - Hiroshima Prefectural Art Museum-Mae : มี 2 ที่เที่ยว ลงมาจะเจอพิพิธภัณฑ์ Hiroshima Prefectural Art ง่าย ๆ คือ พิพิธภัณฑ์ศิลปะ รวบรวมงานศิลป์ งานทำมือทั้งจากญี่ปุ่น และเอเชียแบบต่าง ๆ อีกที่เที่ยว คือ Shukkeien Garden ให้ลงป้ายนี้แล้วเดินเข้ามาหน่อย

          - Hiroshima Museum of Art-mae : ชื่อจะคล้าย ๆ กับป้ายบน มี 2 แหล่งท่องเที่ยว คือ Hiroshima Museum of Art ซึ่งต่างจากด้านบนตรงที่มีงานศิลปะของญี่ปุ่นและฝรั่งเศส เช่น โมเน่ต์, แวน โก๊ะ, ปิกัสโซ่ อีกแหล่งท่องเที่ยวคือ Hiroshima Castle ให้ลงที่ป้ายนี้นะครับ (เดี๋ยวจะเล่าละเอียดด้านล่างอีกรอบ)

          - Genbaku Dome-mae : ลงมาจะเจอ A-bome Dome เลยครับ สามารถเดินต่อไปยัง Peace Memorial Park และ Hiroshima Peace Memorial Museum ได้ เป็นระยะทางสั้น ๆ ไม่เกิน 10 นาที แถมได้ชมวิวระหว่างทางด้วย

Hiroshima

          - Peace Memorial Park-mae : อยู่ด้านหน้า Hiroshima Peace Memorial Museum สามารถเดินไปยัง A-bomb Dome ได้เช่นกัน

          - Hatchobori : ย่านใจกลางเมืองฮิโระชิมะนั่นเอง มีตลาดให้ช้อปปิ้ง ห้างสรรพสินค้า และร้านอาหาร

          - Kamiya-cho : คล้าย ๆ ย่าน Hatchobori แต่มีความหนาแน่นน้อยกว่า

          - Hiroshima City Museum of Contemporary Art-mae : ป้ายนี้จะอยู่ลึกเข้ามาหน่อย เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย

          อันนี้ คือ รถแดงครับ สังเกตในวงกลมสีน้ำเงิน รถแดงจะไม่ใช้ป้ายร่วมกับป้ายรถบัสทั่ว ๆ ไป สังเกตจะเป็นรูปใบไม้ 3 แฉก สีเลือดหมู ในวงกลมสีน้ำเงิน แอบมีรถแดงเป็นฉากหลัง (มาพอดี)

          อันนี้ คือ ป้าย Hiroshima Station



          2. รถราง คล้าย ๆ รถรางบ้านเราสมัยก่อนเลย วิ่งรับ-ส่งตามป้ายต่าง ๆ ทั่วไปเช่นกัน สถานีรถรางจะอยู่กลางถนน เราก็สามารถข้ามทางม้าลายไปขึ้นรถรางได้เลย วิธีใช้จะคล้าย ๆ กับรถบัสทั่วไป จ่ายเงินตอนลง และจ่ายตามระยะทาง

          รถรางกลางเมือง

Hiroshima

          กระทู้นี้จะขอพาไปชม Hiroshima Castle, A-bomb Dome, Hiroshima Peace Memorial Museum และ Shukkeien Garden ช่วงเวลาสิงสถิตในฮิโระชิมะ 29-30 ตุลาคม 2556 (กว่าจะได้ฤกษ์ลองทำรีวิวเกือบครบปี แหะ ๆ) อากาศช่วงนี้กำลังดี ใส่เสื้อยืดเดินได้สบาย ๆ ไม่ต้องมีเสื้อกันหนาว แต่ก็เห็นคนส่วนใหญ่เขาใส่เสื้อคลุมกันนะ ตกลงเราหนังหนาเองหรือไงหว่า ?

          วันแรก : Hiroshima Castle, A-bomb Dome และ Hiroshima Peace Memorial Museum
          วันที่สอง : Shukkeien Garden (วันนี้ตื่นสายเที่ยวได้ที่เดียวก็ต้องจรลีจากเมืองฮิโระชิมะไป)

          ขอตั้งต้นที่ JR Hiroshima Station เพราะเป็นศูนย์กลางการเดินทาง และจุดรวมของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ ออกจากเกทรถไฟ/ชินคันเซ็น ลงบันไดเลื่อนภายในบริเวณ JR Hiroshima Station เลี้ยวซ้ายก็จะออกไปหน้าสถานีเลย

Hiroshima

          ป้าย JR Hiroshima Station

Hiroshima

          ป้ายรถแดง Hiroshima Station จะอยู่บริเวณด้านข้าง Hiroshima Grandvia Hotel หาไม่ยาก เพราะเป็นโรงแรมใหญ่และอยู่ติดกับสถานี JR Hiroshima เลย

Hiroshima

          ระหว่างเดินไปรอรถแดงเจอเด็กนักเรียนญี่ปุ่นกำลังเดินไปขึ้นรถบัส เหมือนจะไปทัศนศึกษาแฮะ

Hiroshima

          จุดมุ่งหมายแรก คือ Hiroshima Castle จึงขึ้นรถแดงจากป้าย Hiroshima Station ไปลงที่ป้าย Hiroshima Museum of Art-mae ก่อนลงยื่นบัตร JR Pass ให้เจ้าหน้าที่ตรวจก็ผ่านฉลุยจ้า (ถ้าใครไม่มีบัตรก็หยอดเงินตามปกติ)

Hiroshima

          พอลงมาปุ๊บฝั่งตรงข้ามที่เห็นจะเป็นสวนด้านหลังของ Hiroshima Museum of Art

Hiroshima

          มองไปทางขวาจะเห็นป้อม Hirayagura

Hiroshima

          เดินขึ้นไปจนสุดหัวมุมถนน ให้ลงอุโมงค์เพื่อข้ามไปฝั่งปราสาท เนื่องจากบริเวณนี้ไม่มีทางม้าลายให้ข้าม

Hiroshima

          ก่อนเข้าสู่ปราสาทฮิโระชิมะ เรามารู้จักกับประวัติและที่มาที่ไปของปราสาทสักหน่อยก่อนดีไหมครับ

          มารู้ ประวัติคร่าว ๆ ของ Hiroshima Castle กันหน่อยดีกว่า

          เดิมในยุคนาโบคุโช (Nambokucho) ครอบครัวโมริอาศัยอยู่กันอย่างแออัดที่ปราสาทโคริยามะ (Koriyama Castle) ในโยชิดะ ต่อมาในช่วงสงครามเซ็งโงะกุ (Sengoku War) ตอนต้น โมริ โมโตนาริ (Mori Motonari) ได้เป็นใหญ่เป็นโตในภูมิภาคชูโกกุ จึงทำให้ครอบครัวโมริมีอำนาจขึ้นมา จึงทำให้หลานชายผู้สืบทอดอำนาจต่อชื่อ โมริ เทรุโมโตะ ได้ก่อตั้งปราสาทโกคะมุระ (Gokamura Castle) ในปี ค.ศ. 1589 ซึ่งมีความหมายว่า หมู่บ้านทั้งห้า ขึ้นที่บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโอตากาวะ (Otagawa River) และได้ย้ายสำมะโนครัวเข้าไปอยู่ในปี ค.ศ. 1591 เพื่อจะปกครองดินแดนทั้งเก้า ได้แก่ ฮิโระชิมะ, ชิมาเนะ, ยามากุชิ, บางส่วนของโทตโทริ และโอกายามะ

          เนื่องจากสงครามเซ็งโงะกุที่กำลังเทรุโมโตะต้องถอยร่นออกไปฮางิ (Hagi) ฟุคุชิมะ มาซาโนริ (Fukushima Masanori) จึงได้เข้าครองปราสาทแทนตระกูลโมริ และทำการปรับเปลี่ยนบางส่วนทำให้โชกุนโทกุกาวะ(Tokugawa) โกรธและไล่มาซาโนริออกไป และส่งอาซาโนะ นางาอากิระ(Asano Nagaakira) มาปกครองแทน และอยู่ต่อ ๆ กันไป 12 รุ่น จนยุคฟื้นฟูเมจิ (Meiji restoration) ในปี 1871ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ปราสาทถูกใช้เพื่อการทหาร จนกระทั่งในวันที่ 6 ส.ค. 1945 ปราสาทฮิโระชิมะจึงถูกทำลายด้วยปรมาณู และถูกปรับปรุงในปี 1945 เพื่อจัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์มาจนทุกวันนี้

          ต้นกำเนิดชื่อ "Hiroshima"

          สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโอตากาวะ เดิมถูกเรียกว่า โกคะมุระ ปราสาทฮิโระชิมะจึงได้ตั้งชื่อตาม แต่เนื่องจากแผ่นดินไหวจึงทำให้มีการเปลี่ยนชื่อเพื่อเป็นสิริมงคลในวันที่ 15 เมษายน 1589 โดยเอา "ฮิโระ" จากชื่อของต้นตระกูลโมริ โอเอโนะ ฮิโระโมโตะ (Oeno Hiromoto) และ "ชิมะ" จาก ฟุคุชิมะ โมโตมางะ (Fukushima Motonaga) มารวมกัน

          ต้นกำเนิดของชื่อเล่น "Carp Castle"

          ปราสาทฮิโระชิมะ มีชื่อเล่นว่า ปราสาทปลาคาร์ป ภาษาญี่ปุ่นเรียกกันว่า RIJO โดยชื่อนี้ไม่ได้มาจากว่าบริเวณรอบปราสาทเลี้ยงปลาคาร์ปมากแต่อย่างใด แต่มาจากพื้นที่บริเวณนี้สมัยก่อนเรียกว่า Koi-no-ura ซึ่งในภาษาญี่ปุ่น Koi = ปลาคาร์ป นั่นเอง ปราสาทฮิโระชิมะ จึงมีฉายาว่า ปราสาทปลาคาร์ป

          credit : ข้อมูลทั้งหมดนี้ต้องขอขอบคุณโบรชัวร์จากหน้าปราสาทล้วน ๆ ครับ ตอนไปเที่ยวยังไม่เคยอ่าน ได้มาอ่านตอนจะทำรีวิวนี่แหละครับ

          เอาละ...พอขึ้นอุโมงค์มาปุ๊บก็เจอเลยป้อม Hirayagura และสะพานเข้าสู่ประตูหลัก (Gate bridge)

Hiroshima

          มาถึงหน้าทางเข้า Hiroshima Castle แล้ว โดยประตูนี้เรียกว่า Main gate

Hiroshima

          เข้ามาจะเจอลานในบริเวณรอบนอกปราสาท (Ninomaru) วันที่ไปมีการประกวดบอนไซพอดีครับ รอบ ๆ มีสวนบอนไซของหลายคนเลยทีเดียว

Hiroshima

          คลองรอบปราสาท

Hiroshima

          จากบริเวณรอบนอกปราสาท เดินอีกนิดจะถึงบริเวณรอบในปราสาท หรือ Honmaru (main compound เดินมาอีกหน่อยจะเจอแผนที่ของบริเวณรอบปราสาทฮิโระชิมะทั้งหมดจ้า

Hiroshima

          ด้านซ้ายมือมีศาลเจ้า Hiroshima Gokoku Jinja

Hiroshima

          มีศาลเจ้าก็ต้องมีโทริอิคู่กัน

Hiroshima

          เดินต่อไปก่อนถึงบันไดที่จะขึ้นไปสวนของปราสาทก็พบร้านไอศกรีม เห็นแล้วต้องหยุดแวะทุกครั้งไป

Hiroshima

          ขึ้นบันไดหินมาจะเห็นยอดปราสาทโผล่พ้นแมกไม้มาแล้วครับ ใครจะเข้าห้องน้ำแวะตรงนี้ก่อนเลยนะ (ห้องน้ำจะอยู่ด้านซ้ายมือของภาพนี้)

Hiroshima

          ในที่สุดก็มาถึงตัวปราสาทจนได้ครับ ขอเอารูปก่อนขึ้นไปถึงหน้าปราสาทมานะครับ เพราะรูปที่ถ่ายตัวปราสาทมาไปย่อแล้วจะดูอ้วนแปลก ๆ 55555 หรือผมย่อไม่เป็นเองหว่า ไม่ก็ถ่ายไม่ดี...ขออภัยครับ

Hiroshima

          Hiroshima Castle (ค่าเข้าเก็บก่อนเข้าตัวปราสาทเท่านั้น บริเวณรอบ ๆไม่เสียเงินนะครับ)

          ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 360 เยน ถ้ามาเป็นกลุ่มเกิน 30 คน คนละ 280 เยน ผู้สูงอายุและเด็ก (เด็ก : ตั้งแต่เล็กยันก่อนวันที่ 31 มีนาคม หลังวันเกิดครบรอบ 18 ปี) 180 เยน ถ้ามาเป็นกลุ่มเกิน 30 คนละ 100 เยน
เวลาทำการ : วันทำงาน ช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ 09.00-17.00 น. (เข้าช้าสุดไม่เกิน 16.30 น.) วันอื่น ๆ นอกเหนือจากด้านบน 09.00-18.00 (เข้าช้าสุดไม่เกิน 17.30 น.)
ปิดทำการ : 29-31 ธันวาคมของทุกปี

          ด้านในตัวปราสาทไม่ให้ถ่ายรูปซะ 90% ส่วนอีก 10% มีรูปผู้ไม่ประสงค์ออกสื่อจึงไม่ได้ลง อิอิ จะขอบอกรายละเอียดแต่ละชั้นคร่าว ๆ แทน

          ชั้น 1 : การก่อตั้งปราสาทและบทบาทของปราสาทฮิโระชิมะ (มีวิดีโอให้ดูด้วย)

          ชั้น 2 : วัฒนธรรมและการดำเนินชีวิตในปราสาทและเมือง

          ชั้น 3 : อาวุธและชุดเกราะ ที่ไปดูมาดาบบางอันยาวมาก ๆ เงาวับ คมกริบเลย แสดงว่าได้รับการดูแลอย่างดี

          ชั้น 4 : นิทรรศการเฉพาะเกี่ยวกับประวัติและวัฒนธรรมฮิโระชิมะ วันที่ผมไปชั้น 4 ปิดอยู่ แสดงว่าคงมีแค่บางวันหรือบางช่วงเท่านั้นครับ

          ชั้น 5 : ชั้นบนสุดมองเห็นรอบ ๆ ตัวเมือง (ชั้นนี้ถ่ายรูปได้)

          ขอกระโดดมาชั้น 5 เลยแล้วกัน บนชั้น 5 จะมีที่นั่งพักและเครื่องขายน้ำอัตโนมัติอยู่หลายตู้ สามารถเดินชมวิว 4 ทิศรอบปราสาทได้เลย ขอไม่บอกว่าทิศไหนเป็นทิศไหน เพราะผมจำไม่ได้ 5555

Hiroshima

Hiroshima

Hiroshima

Hiroshima

          ทัวร์ปราสาทเสร็จออกมา แล้วจึงวางแผนกันว่าจะไป A-bomb Dome กันต่อ แต่อีกสักพักกว่ารถแดงจะมา เลยลองแวะดูตามเต็นท์ที่ส่วนใหญ่เป็นคุณลุงมาตั้งกันสักหน่อยดีกว่าว่าเขามีอะไรบ้าง...พบว่าส่วนใหญ่เป็นดอกไม้นานาชนิด (ไม่แน่ใจว่าโชว์ ขาย หรือเป็นงานประกวดอะไร) แต่ไม่เห็นราคาติดไว้ แถมทุกเต็นท์ยังเป็นพันธุ์เดียวกัน ไม่ก็คล้าย ๆ กันอีก

          ออกมาแล้วครับ (ตอนเข้ามาทางด้านซ้าย แต่เดินตรงไปดูเต็นท์อีกทางแทน)

Hiroshima

          แต่ละเต็นท์ก็จะประมาณนี้ครับ

Hiroshima

          มีหลายเต็นท์มาก ๆ เลย (อันนี้ถ่ายย้อนกลับไปทางตัวปราสาท)

Hiroshima

          อ้าว...ข้างหน้ามีรูปปั้นและสวนเล็ก ๆ นี่นา (อันนี้คนละทางกับป้ายรถแดงที่เราผ่านอุโมงค์มานะครับ)

Hiroshima

          ดอกไม้สีเหลือง ๆ ม่วง ๆ ก็สวยไปอีกแบบ

Hiroshima

          ภาพสุดท้ายกับปราสาทฮิโระชิมะ ก่อนเดินกลับไปที่ป้ายรถแดง Hiroshima Museum of Art-mae ป้ายเดิม

Hiroshima

          ก่อนกลับไปนั่งรอรถแดงก็ถ่ายรูปด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ไว้สักหน่อย แต่ไม่ได้เข้าไปนะ 5555

Hiroshima

          เอาละ...ในที่สุดก็มาลงที่ป้าย Genbaku Dome-mae ลงปุ๊บเจอ A-bomb Dome อยู่ตรงหน้าเลย แต่ปรากฏว่าท้องร้องซะก่อนเลยตัดสินใจเดินย้อนไปทางป้าย Kamiya-cho กลับไปหาอะไรทานดีกว่า เพราะบริเวณ A-bomb Dome ไม่เห็นร้านอาหารเลย เดินย้อนไปประมาณ 200 เมตร เลยเลี้ยวเข้าซอยไปเจอร้านอาหารจนได้ ถ้าใครหิวแนะนำให้ลองหาร้านอาหารแถว Hatchobori จะมีตัวเลือกเยอะมาก ๆ เพราะเป็นย่านใจกลางเมือง ร้านอาหารที่ไปฝากท้องช่วงบ่าย ราคาไม่แพงอยู่ประมาณ 200-400 บาท

Hiroshima

          เมนูหน้าร้าน อดีตเคย resize รูปซะบวมอืดเลย แต่ปัจจุบันแก้แล้วจ้า 555



          หันไปสังเกตโต๊ะ-เก้าอี้ข้าง ๆ ญี่ปุ่นช่างคิดแฮะ มีที่เก็บของใต้โต๊ะ ใต้เก้าอี้ ไม่เกะกะทางเดินเลย

Hiroshima

          มื้อนี้ขอเลือกข้าวดีกว่า มีข้าวหน้าต่าง ๆ มีทั้งเนื้อ หมู ไก่ ร้านนี้อาหารพวกเส้นก็มีนะ ลูกค้าพอประมาณเลยทีเดียว

Hiroshima

Hiroshima

Hiroshima

          เมื่อทานกันอิ่มหนำสำราญแล้วในที่สุดก็ได้เวลาไป A-bomb Dome และเที่ยวต่อเสียที

          ประมาณบ่ายสามโมงเย็น ในที่สุดก็มาถึงหน้า A-bomb Dome

          มารู้จักกับ A-bomb Dome สักนิดดีกว่า

          A-bomb Dome ในตอนแรกถูกสร้างขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตของฮิโระชิมะ ออกแบบโดย  Czech architect Jan Letzel เนื่องจากในสมัยก่อนบ้านเรือนมักจะเป็นไม้และมีแค่ 2 ชั้น ทำให้อาคารเรียบ ๆ สไตล์ยุโรปแห่งนี้โดดเด่นขึ้นมาทันที ชื่อแรกสุดเลย คือ Hiroshima Prefectural Commercial Exhibition Hall หรือศูนย์การประชุมพาณิชยกรรมแห่งฮิโระชิมะ  นอกจากมีการนำผลิตภัณฑ์มาวางโชว์แล้วก็มีการโปรโมททางวัฒนธรรมอีกด้วย ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น Hiroshima Prefectural Product Exhibition Hall และปีต่อมาก็เปลี่ยน (อีกรอบ) Hiroshima Prefectural Industrial Promotion Hall ในสงครามช่วงหลังก็ยกเลิกการจัดแสดงสินค้า และเปลี่ยนมาใช้เป็นศูนย์ควบคุม/บัญชาการแทน จนกระทั่งโดนปรมาณูเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 1945 ปัจจุบันขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกกับ UNESCO เรียบร้อยแล้ว

          โฉมหน้า A-bomb Dome พร้อมแผ่นหินภาษาญี่ปุ่นที่อ่านไม่ออก

Hiroshima

          เดินต่อไปด้านข้างจะพบแม่น้ำโมโตยาสุ (Motoyasu River) ไหลเอื่อย ๆ ผ่านไปด้านข้าง บรรยากาศดีมาก ๆ เลย ชวนให้รู้สึกสงบ

Hiroshima

          อืม...มองแล้วรู้สึกสงบจริง ๆ ลมพัดเย็นสบาย ไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป (แต่คนอื่นใส่เสื้อคลุมกันนะ555)

Hiroshima

          เอาล่ะ ต้องเดินต่อแล้วเดี๋ยวจะเข้าพิพิธภัณฑ์ไม่ทัน ก่อนข้ามสะพานโมโตยาสุ (Motoyasu Bridge) ไปอีกฝั่งเจอเด็กนักเรียนมาทัศนศึกษา ดูตั้งใจทำงานส่งคุณครูมากเลยต่างกับผมตอนสมัยเด็ก ๆ ไปทัศนศึกษาทีหนึ่งก็เล่นกับเพื่อนซะส่วนใหญ่ (เด็ก ๆ ไม่ควรเอาเป็นแบบอย่างนะ) วันที่ไปมีเด็ก ๆ มาหลายโรงเรียนมาก แต่ละโรงเรียนก็จะให้เด็กสวมหมวกแต่ละสี เดาเอาว่าคงให้ครูสังเกตได้ง่าย นอกจากหมวกแล้วเสื้อสเวตเตอร์ก็มีหลายสีเหมือนกัน เอาง่าย ๆ ว่ามองแล้วรู้ว่าคนละโรงเรียน

Hiroshima

          บนสะพานโมโตยาสุ...มรดกโลกกับเมืองอันทันสมัยก็อยู่ด้วยกันได้

Hiroshima

          เดินข้ามสะพานมา ด้านซ้ายจะเป็น Rest House มี Information Center ร้านขายของที่ระลึกและที่นั่งพัก



          ส่วนด้านขวาเป็น Children\'s Peace Monument มีไว้ให้รำลึกถึงผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ ส่วนด้านบนสุด คือ รูปปั้นเด็กหญิงซะซะกิ ซาดาโกะ (Sasaki Sadako) ยืนถือนกกระเรียนไว้ เนื่องจากนกกระเรียนเป็นสัญลักษณ์แห่งความสุขของชาวญี่ปุ่น (เรื่องซาดาโกะจะเล่าให้ฟังแบบคร่าว ๆ ตอนพิพิธภัณฑ์ด้านล่างนะ)...เด็กนักเรียนมาร้องเพลงรำลึกถึงผู้เสียชีวิต

Hiroshima

          ชะแวบ...ขอแอบถ่ายด้านหน้าหน่อย

Hiroshima

          ศิลปะพวกนี้ทำจากนกกระเรียนตัวเล็ก ๆ มาเรียงต่อกันเป็นภาพ สื่อให้เห็นถึงความสงบสุขและสันติภาพ

Hiroshima



          ต่อไปก็เข้าสู่ช่วงสุดท้ายของวันนี้...พิพิธภัณฑ์ฮิโระชิมะ อันได้ชื่อว่าใครเข้าไปแล้วมีน้ำตาซึม !!

          เสร็จจาก Children\'s Peace Monument หันหลังกลับ (ฝั่งเดียวกับ Rest House) ปุ๊บจะเห็น Hiroshima Peace Memorial Museum ในระยะห่าง 150 เมตร เริ่มบ่ายคล้อยแล้วเราก็รีบจ้ำไปกันต่อเลยดีกว่า

          ใกล้ถึงพิพิธภัณฑ์แล้ว แชะซะหน่อย เจอบ่อน้ำแห่งความสงบ (Hiroshima Pond of Peace)

Hiroshima

          ก่อนถึงพิพิธภัณฑ์เราจะเจอ Cenotaph for  the A-bome Victims ถ้ามองทะลุผ่านไปจะเจอ Flame of Peace และ A-bome Dome พอ 3 จุดนี้มาอยู่เรียงกัน เราก็จะลากเส้นตรงได้นั่นเอง 5555



          ในที่สุดก็มาถึงหน้าพิพิธภัณฑ์ ส่วนที่เห็นจะเป็น Main Building (ทางเข้า (East Building) อยู่ด้านซ้ายมือ จะเป็นตึกเชื่อมต่อกัน)

Hiroshima

          เกร็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับ Cenotaph for the A-bome Victims และ Flame of Peace

          Cenotaph for the A-bome Victims : อนุสรณ์สลักชื่อผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุระเบิดทั้งหมด มีลักษณะเหมือนอานม้า เพื่อสื่อถึงการเป็นเกราะป้องกันดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิต และเป็นหนึ่งในอนุสรณ์แรก ๆ ที่ถูกสร้างหลังเกิดเหตุ นอกจากนี้ ยังมีคำจารึก 安らかに眠って下さい 過ちは 繰返しませぬから แปลว่า ขอให้ไปสู่สุขคติ เราจะไม่ทำผิดพลาดอีก (please rest in peace, we shall not repeat the error)

          Flame of Peace : เป็นอีกอนุสรณ์ที่ระลึกถึงผู้เสียชีวิต โดยคบเพลิงที่ถูกจุดตั้งแต่ปี 1964 และจะไม่ดับจนกระทั่งโลกจะปราศจากภัยคุกคามจากนิวเคลียร์

          อ้างอิง : wikipedia.org

          ** ยังมีอีกหลายอนุสรณ์ เช่น Peace Bells, Atomic Bomb Memorial Mound, Gates of Peace อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน แต่ผมเวลาไม่พอเลยอดเดินดูเลยครับ ใครไปก็เอารูปมาฝากกันบ้างเน้อ **

          Hiroshima Peace Memorial Museum

          ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 50 เยน, กลุ่มเกิน 30 คน คนละ 40 เยน นักเรียน (ถึงมัธยมปลาย) และผู้สูงอายุ คนละ 30 เยน, กลุ่มเกิน 20 คน ฟรีจ้า
          เวลาทำการ : มีนาคม-กรกฎาคม เวลา 08.30-18.00 น., สิงหาคม เวลา 08.30-19.00 น. เปิดถึง เวลา 20.00 น. สำหรับวันที่ 5 และ 6, กันยายน-พฤศจิกายน เวลา 08.30-18.00 น., ธันวาคม-มกราคม เวลา 08.30-17.00 น. (ปิดไม่ให้เข้า 30 นาที ก่อนเวลาปิดทุกวัน)
          ปิดทำการ   : 29 ธันวาคม-1 มกราคม

          นอกจากนั้นยังมีการฉายวิดีโอ, เครื่องอัดเสียงบรรยาย (300 เยน/คน), Lounge

          ข้อมูลต่อไปทั้งหมดนี้ล้วนมาจาก : แผ่นพับที่แจกตรงซื้อตั๋ว และคำบรรยายในพิพิธภัณฑ์ทั้งสิ้น ขอขอบคุณจากใจ

          เกร็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อการชมพิพิธภัณฑ์ยิ้ม

          วันและเวลาเกิดเหตุ คือ 08.15 น. วันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1945 ฮิโระชิมะเป็นเมืองแรกของโลกที่โดนระเบิดปรมาณู มีผู้เสียชีวิตประมาณ 140,000 คน ไม่นับผู้เสียชีวิตจากความทรมานจากโรคต่าง ๆ ส่วนผู้รอดชีวิตก็ต้องเจ็บปวดทรมานทั้งร่างกายและจิตใจจนทุกวันนี้ ระเบิดปรมาณูที่สร้างความเสียหายเป็นเพียงเด็กชายตัวเล็ก ๆ หรือมีชื่อว่า "Little Boy" (แต่ผลลัพธ์ไม่น้อยตามชื่อ) เพราะยาวเพียง 3 เมตร แต่หนักถึง 4 ตัน และมียูเรเนียม (สารกัมมันตรังสี) ถึง 50 kg ฤทธิ์ทำลายมีทั้งจากการแผ่รังสี ความร้อน และแรงอัดอากาศ พิพิธภัณฑ์นำเสนอโดยเกริ่นประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเมืองนิดหน่อย แต่จุดเด่น คือ การนำสิ่งของที่เหลือรอด (แต่เจ้าของไม่รอด) จากเหตุการณ์ระเบิดมาแสดง ซึ่งสิ่งของเหล่านี้จะแฝงความรู้สึกหลากหลายเอาไว้ทั้งเศร้าโศก โกรธ เจ็บปวด และแสดงให้เห็นความน่ากลัวของเหตุการณ์ เพื่อย้ำเตือนทุกคนถึงการสูญเสียและป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำสอง

          ทำไมต้องทิ้งบอมบ์ใส่ญี่ปุ่น ?

          เนื่องจากญี่ปุ่นกำลังอ่อนแอ และอเมริกาต้องการยุติสงครามซึ่งมีทางเลือกต่าง ๆ ดังนี้ ใช้กองกำลังทหารบุกรุกเต็มพื้นที่ทั้งทางเรือ ทางบก และอากาศ แต่ต้องเสียสูญเสียทั้งทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์, ขอความร่วมมือจากสหภาพโซเวียตในการบุกญี่ปุ่น, ยอมคงสถานะจักรพรรดิญี่ปุ่นไว้ใน และไม่ลงโทษจักรพรรดิ (ญี่ปุ่นอาจยอมแพ้สงคราม) หรือทิ้งระเบิดปรมาณู สุดท้ายอเมริกาจึงเลือกจะทิ้งบอมบ์ เพราะจะทำให้ญี่ปุ่นยอมแพ้ราบคาบ และอำนาจและบทบาทของสหภาพโซเวียตจะน้อยลง

          ทำไมต้องเป็นฮิโระชิมะ ?

          เนื่องจากอเมริกาต้องการเห็นผลที่ชัดเจน จึงเลือกเมืองที่มีชุมชนเมืองอยู่ห่างออกไปอย่างน้อย 3 ไมล์ และมีการป้องกันทางอากาศน้อย ซึ่งเมืองที่เข้าข่ายมีฮิโระชิมะ (Hiroshima), โคคุระ(Kokura), นีงาตะ(Niigata) และนางาซากิ(Nagasaki) แต่ในที่สุดฮิโระชิมะก็เป็นตัวเลือกแรกเพราะไม่มีค่ายกักกันเชลยศึกของฝ่ายพันธมิตรตั้งอยู่

          ผมเริ่มเข้าทางตึก East Building ซึ่งมาทั้งหมด 2 ชั้นด้วยกัน เริ่มจากชั้น 1 ก่อนเข้ามาปุ๊บก็ซื้อบัตร รับแผ่นพับแล้วก็เริ่มเดินเลย ไม่ได้เช่าเครื่องบรรยายมาด้วย ชั้นนี้จะเล่าถึงตั้งแต่กว่าจะมาเป็นฮิโระชิมะ, จำลองเมืองก่อน-หลังโดนระเบิด, สภาพซากปรักหักพังของเมือง และยังมีโดมจำลอง (A-bomb Dome) อยู่กลางห้องเลย

          โซนเล่าประวัติความเป็นมาของฮิโระชิมะ



          จำลองเมืองฮิโระชิมะก่อนโดนระเบิด

Hiroshima

          จำลองเมืองฮิโระชิมะหลังโดนระเบิด

Hiroshima

          กระป๋องโลหะหมด...ก็ต้องใช้เครื่องปั้นดินเผาเป็นภาชนะแทน บริจาคโดย ชูอิชิ ยามาชิตะ (Shuichi Yamashita)

Hiroshima

          ไม้แผ่นบาง ๆ มัดรวมกัน บริเวณปลายเป็นซัลเฟอร์ใช้แทนไม้ขีด บริจาคโดย โชโกะ ฟุคุโมริ (Shogo Fukumori)

Hiroshima

          นาฬิกาหยุดเดินที่เวลาเกิดเหตุ 08.15 น. เห็นแล้วชวนให้รู้สึกหดหู่ บริจาคโดย อากิโตะ คาวาโกเอะ (Akito Kawagoe)

Hiroshima

          ภาพซากปรักหักพังของฮิโระชิมะหลังโดนระเบิด

Hiroshima

          หมดชั้น 1 แล้ว เดินขึ้นบันไดไปชั้น 2 กันต่อดีกว่า ^^

          ต่อกันที่ชั้น 2 เลยจ้า...ตึกสมัยเก่า ๆ ก่อนที่จะโดนทิ้งระเบิด โอเคครับ ขอสารภาพเหมือนเดิมไม่รู้ว่าตึกพวกนี้เป็นตึกอะไรบ้าง ดันถ่ายไม่ติดชื่อตึกมาซะนี่

Hiroshima

Hiroshima

          อันนี้สภาพปรับปรุงหลังจากโดนระเบิด ซึ่งก็คือ...พิพิธภัณฑ์แห่งนี้และสวนโดยรอบนี้เอง

Hiroshima

          โดมจำลองที่เอามาตั้งภายในพิพิธภัณฑ์

Hiroshima

          จริง ๆ ชั้นนี้มีโซนดูวิดีโอและภาพและคำบรรยายอีกนิดหน่อย เฮ้อ...แต่ดันลืมถ่ายรูปมา งั้นเราไปเดินชมต่อกันชั้น 3 ดีกว่าเนอะ ขึ้นมาก็จะเจอเรื่องเล่าเกี่ยวกับยุคนิวเคลียร์และทางสู่สันติภาพ

          สาระเล็ก ๆ กับยุคนิวเคลียร์ (The Nuclear Age)

          เมื่อฮิโระชิมะโดนทิ้งบอมบ์ โลกก็เข้าสู่ยุคนิวเคลียร์ทันที ประมาณว่าประเทศชั้นมีนิวเคลียร์ (เอาไว้ขู่) นะ แกอย่ามาโจมตีชั้นเด็ดขาด ระวังโดนบึ้มไม่รู้ตัว ทั้งโซเวียตและสหรัฐฯ ก็เร่งพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ทำให้ชาวโลกตื่นตระหนกกันไปทั่ว ถึงแม้ทุกวันนี้ได้พัฒนากฎหมายเพื่อลดการใช้อาวุธนิวเคลียร์ แต่หัวจรวดนิวเคลียร์ที่เหลืออยู่และยังไม่โดนกำจัด ก็มีมากพอจะคร่าทุกชีวิตบนโลกใบนี้

          สาระน้อย ๆ กับทางสู่สันติภาพ (The Path to Peace)

          หลังจากที่ญี่ปุ่นโดนบึ้มมา 2 รอบ (ฮิโระชิมะและนางาซากิ) ทำให้รู้ว่ามนุษย์ไม่สามารถอยู่ร่วมกับอาวุธนิวเคลียร์บนโลกได้ และจะต้องไม่มีการใช้นิวเคลียร์อีกต่อไป เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้อีกเป็นครั้งที่ 3 โดยจิตสำนึกนี้ได้ฝังรากลึกลงในจิตใจของชาวฮิโระชิมะ และตระหนักว่าไม่ควรที่จะมีการต่อสู้อีกต่อไป ก้าวเล็ก ๆ ก็เป็นก้าวที่สำคัญ...สำหรับทางสู่สันติภาพอย่างแท้จริง

          จำลองโลกโดยแท่งสี ๆ คือ หัวจรวดนิวเคลียร์ที่อยู่ตามประเทศต่าง ๆ โดยสีแดง ~ 1,000 ลูก สีส้ม ~ 100 ลูก และสีเหลือง ~ 10 ลูก

Hiroshima

          คำอธิบายและตารางแสดงจำนวนอาวุธที่มีอยู่ในแต่ละประเทศ อันดับ 1 รัสเซียและเกาหลีเหนือ..ไม่รู้จำนวน (?) ที่สำคัญ คือ ของปี 2012 นะจ๊ะ (เฮือก..คงไม่มีสงครามอีกนะ)

Hiroshima

          หนังสือประวัติศาสตร์ของแต่ละประเทศ มีของไทยด้วย @_@

Hiroshima

          ของเล่นสังกะสี กล้องสมัยก่อน และอื่น ๆ อีกมากมาย

Hiroshima

          ดวงตราไปรษณีย์ และอื่น ๆ (บอกตรง ๆ เลยละกัน ตัวหนังสือไม่ชัดเลยแปลให้ไม่ได้ว่าคืออะไร 5555)

Hiroshima

          โซนต่อไปจะเป็นร้านขายของที่ระลึก และเริ่มมีการนำสิ่งของที่เหลือจากเหตุการณ์มาโชว์พร้อมคำบรรยายที่ชวนหดหู่ เศร้าใจ ส่วนตัวรู้สึกว่าที่นี่เขาทำให้รู้ถึงความรู้สึกของคนและบรรยากาศตอนนั้นได้ดีทีเดียวครับ ชื่อภาพภาษาไทยเห่ยหน่อยอย่าว่ากันเน้อ ไม่รู้แปลลิเกไปหรือเปล่า 555

          ร้านขายของที่ระลึกครับ

Hiroshima

          ความทรงจำซึ่งไร้เจ้าของ : หลังจากเหตุระเบิดผู้บาดเจ็บหลายรายถูกย้ายไปที่เกาะนิโนะชิมะ (Ninoshima Island) ในอ่าวฮิโระชิมะ คนจำนวนมากไปที่เกาะร้องเรียกหาชื่อของครอบครัวที่สูญหายไปท่ามกลางผู้คนบาดเจ็บมากมาย ต่อมาในปี 1971 ได้มีการขุดพื้นที่ในเกาะพบศพผู้เสียชีวิต 600 ศพ และสิ่งของอีก 60 ชิ้น

Hiroshima

          เครื่องแบบนักเรียน : บริจาคโดย โยชิโอะ ชิคาชิเงะ (Yoshio Chikashige) ฮิโระอากิ อุเนะ อายุ 12 ปี โดนระเบิดระหว่างเดินทางไปเรียนที่โรงเรียนมัธยมต้นฮิโระชิมะ ครอบครัว คือ คุณแม่ฮานะ และพี่สาวโยชิโอะ ออกเดินทางจากบ้านในคาโมะ (Kamo) เพื่อมาตามหาฮิโระอากิ คาดว่าน่าจะไม่พบศพฮิโระอากิ จึงได้เก็บเครื่องแบบนักเรียนเอาไว้เป็นความทรงจำแทน (รูปภาพบังไปส่วนหนึ่งทำให้เล่าได้ไม่หมดครับ)

Hiroshima

          อ่านกันเพลิน ๆ (หรือเปล่า) ก็หมดในส่วนของ East Building แล้ว เราก็จะเดินทางเชื่อมระหว่างตึกเพื่อไปชมกันต่อที่ Main Building เลย

          ทางเข้าต้อนรับสู่ Main Building



          สภาพผู้คนและเมืองหลังโดนระเบิด ตกใจเลย อารมณ์เหมือนหนังซอมบี้

Hiroshima

          นาฬิกาเรือนนี้..ก็หยุดที่เวลาเดิมเช่นกัน

Hiroshima

          ลูกกลม ๆ สีแดง คือ ระเบิด จำลองให้ดูว่าระเบิดทิ้งตรงจุดไหน

Hiroshima

          เครื่องแบบนักเรียนหญิง บริจาคโดย มิตซุโอะ โชดะ (Mitsuo Shoda) เด็กหญิงนาบุโกะ โชดะ อายุ 14 ปี โดนระเบิดระหว่างงานรื้อถอนอาคาร มีบาดแผลเผาไหม้อย่างรุนแรงบริเวณแขน ขา และใบหน้า เธอถูกหามไปยังกาชาดฮิโระชิมะ แต่ได้รับการรักษาเพียงน้อยนิดเท่านั้น เธอจึงถูกหามกลับไปยังบ้านซึ่งถูกทำลายไปเยอะ ต่อมาจึงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 1945

Hiroshima

          ชุดฤดูร้อนนักเรียนหญิงซึ่งเย็บเอง บริจาคโดย ซาดาโอะ โอชิตะ (Sadao Oshita) นาบุโกะ โอชิตะ (Nabuko Oshita) อายุ 13 ปี โดนระเบิดระหว่างงานรื้อถอนอาคาร หน่วยบรรเทาทุกข์พบเธอและนำไปส่งที่บ้านที่โอตาเกะ (Otake) และเธอก็เสียชีวิตในคืนนั้นเอง

Hiroshima

          ปอยผม บริจาคโดย มาซาเอะ ฮิมุโระ (Masae Himuro) เทรุโกะ อะโอะทานิ (Teruko Aotani) อายุ 13 ปี โดนระเบิดระหว่างงานรื้อถอนอาคาร มีบาดแผลเผาไหม้ฉกรรจ์ทั้งตัว แต่ยังอุตส่าห์กลับบ้านจนได้ แม่ของเทรุโกะพยายามดูแลอย่างดี แต่เธอก็เสียชีวิตในเช้าวันรุ่งขึ้น แม่ของเธอจึงตัดผมส่วนหนึ่งเก็บไว้เป็นอนุสรณ์แด่ลูกสาวผู้ล่วงลับ



          กล่องข้าวกลางวัน บริจาคโดย ชิเงโกะ โอริเม็ง (Shigeko Orimen) ชิเงรุ โอริเม็ง (Shigeru Orimen) เด็กมัธยมต้น โดนระเบิดระหว่างงานรื้อถอนอาคาร ในที่สุดเช้าวันที่ 9 สิงหาคม แม่ของเขาจึงตามพบร่างลูกชายซึ่งมีกล่องข้าวอยู่ข้างใต้ กล่องข้าวที่ชิเงรุไม่มีวันได้กิน



          เล็บและผิวหนัง บริจาคโดย ซากาเอะ เทชิมะ (Sakae Teshima) เอื้อเฟื้อจาก A-bomb Material Preservation Society โนริอะกิ เทชิมะ (Noriaki Teshima) เด็กมัธยมต้น โดนระเบิดระหว่างงานรื้อถอนอาคาร มีบาดแผลไฟไหม้ไปทั่วทั้งตัว ผิวหนังลอกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แต่เพื่อนก็ช่วยพาโนริอะกิกลับบ้าน มีคนเล่าว่าโนริอะกิกระหายน้ำมากจนกระทั่งพยายามจะกินหนองที่นิ้วมือซึ่งไม่มีเล็บเข้าไป ในที่สุดโนริอะกิก็เสียชีวิตด้วยความทรมานในวันถัดมา แม่ของเขาตัดเล็บและผิวหนังบางส่วนออกเพื่อเก็บไว้ให้พ่อของโนริอะกิดู...พ่อซึ่งไม่ได้กลับมาจากสงคราม



          ซากสิ่งของที่เหลือจากการระเบิด

Hiroshima



          เงาฝังหิน !! บริจาคโดย ธนาคารซูมิโตโมะ สาขาฮิโระชิมะ (Sumitomo Bank, Hiroshima branch) หน้าธนาคาร...ขั้นบันไดทั้งหมดเปลี่ยนเป็นสีขาวเพราะรังสีความร้อน ยกเว้นบริเวณตรงกลางที่เคยมีคนนั่งมาก่อน จึงเกิดเป็นคล้าย ๆ เงาดำขึ้น, ห่าง 260 m จากจุดทิ้งระเบิด

Hiroshima

          วิทยุ บริจาคโดย โยชิโนบุ ซึชิยะ (Yoshinobu Tsuchiya) วิทยุวางอยู่บนชั้น 2 แต่ด้วยรังสีความร้อนและแรงอัดอากาศสูงจึงถูกทำลายเป็นสภาพนี้

Hiroshima

          อะไร...บางอย่าง 5555

Hiroshima

          ซากที่หลงเหลือจากส่วนต่าง ๆ โซนนี้สามารถจับได้นะครับ เอามือไปกด ๆ จิ้ม ๆ

Hiroshima

          ยาและเครื่องรักษาพยาบาลต่าง ๆ (ไม่สามารถอ่านชื่อผู้บริจาคได้ ซูมเข้าไปแล้วมันเบลอ)



          สุดท้ายนี้จะเป็นเรื่องเหล่าของเด็กหญิงซะซะกิ ซาดาโกะ ซึ่งอายุเพียง 2 ขวบ เมื่อสหรัฐฯ ทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ แต่ซาดาโกะก็เติบโตมาอย่างแข็งแรงเป็นปกติ ต่อมาซาดาโกะยังเป็นนักกรีฑาของโรงเรียนอีกด้วย แถมยังได้เป็นตัวเต็งของโรงเรียน เมื่ออายุ 11 ปี จู่ ๆ ระหว่างซ้อมวิ่งซาดาโกะก็หน้ามืดล้มลงไป เมื่อตรวจจึงพบว่าเธอเป็นโรคลูคีเมีย แต่ซาดาโกะก็ไม่ย่อท้อ ยังเฝ้าหวังว่าจะหายจากโรค เธอจึงเริ่มพับนกกระเรียนโดยเชื่อว่าถ้าพับครบ 1,000 ตัว และอธิษฐานเธอจะหายจากโรคนี้ได้ แต่ไม่ทันครบ 1,000 ตัว ซาดาโกะก็เสียชีวิตลง เพื่อน ๆ ของเธอจึงช่วยกันพับให้ครบ 1,000 ตัว และฝังมันไปพร้อมกับร่างของซาดาโกะ

          อ้างอิง : jvkk.go.th

Hiroshima

          มาถึงตรงนี้ก็หมดในส่วนของพิพิธภัณฑ์แล้วนะครับ ส่วนตัวแล้วว่าถ้ามาที่นี่ ก็อยากแนะนำให้มาพิพิธภัณฑ์นี้ให้ได้เลย ผมว่าทำดีมากครับคุ้มยิ่งกว่าคุ้มค่าเข้า เอาล่ะ...โปรโมทไปเรียบร้อยมาต่อกันดีกว่า พอเดินออกมานอกห้องจัดแสดงก็จะเป็นระเบียงให้มองยาวไปถึง A-bomb Dome ได้ ตรงนี้จะมีสมุดให้เขียนข้อความ (Messages of Peace) อารมณ์คล้าย ๆ สมุดอวยพรงานแต่ง แต่ไม่ใช่นะ ! เปิดดูก็มีหลายภาษาทีเดียว ผมก็บรรจงเขียนภาษาไทยไปให้สวยสุดชีวิตเหมือนกัน อิอิ แอบถ่ายรูปนักเรียนญี่ปุ่น 5555

Hiroshima

          เสร็จจากส่วนพิพิธภัณฑ์ก็เย็นแล้ว ได้เวลาไปหาอะไรยัดท้อง ดูเหมือนการหาของกินจะเป็นกิจกรรมที่มีความสุขที่สุดของผมเลย 55555

          เดินออกมาทางป้าย Peace Memorial Park-mae เพื่อขึ้นรถแดงกลับไป Hiroshima Station นั่งชมเมืองไปในตัวด้วย แต่ไม่ค่อยเห็นอะไรมาก เพราะเริ่ม ๆ จะมืดแล้ว ออกมาทางนี้ก็จะเจอรูปปั้น แม่แบกลูก (Statue of Mother and Child in the storm) สังเกตดี ๆ ทุกอย่างจะเป็นเส้นตรงไปหมดตั้งแต่ A-bomb Dome, Flame of Peace, Cenotaph for the A-bomb Victims, Main Building, Fountain of Prayer, Statue of Mother and Child in the Storm ที่ไม่แปลภาษาไทยเพราะถ้าแปลไม่เป๊ะ จะทำให้หาข้อมูลต่อยาก ผมลองเอาคำว่า รูปปั้นแม่แบกลูก ไปหาจะหาข้อมูลยากมาก ส่วนภาษาอังกฤษนี่เอามาจากแผ่นพับเขาเป๊ะ ๆ เลยครับ

          เย็นแล้วจ้า ภาพสุดท้ายกับ Hiroshima Peace Memorial Museum และ Statue of Mother and Child in the storm ซึ่งมีความหมายว่า ความรักของแม่จะเยียวยาลูก และช่วยให้ผ่านพ้นความเศร้าโศกมาได้

          อ้างอิง : pcf.city.hiroshima.jp

Hiroshima

          ป้าย Peace Memorial Park-mae ดีนะ มาทันรถแดงรอบสุดท้ายพอดี



          เหลือที่เที่ยวสุดท้ายในเมืองนี้ Sukkeien Garden เดี๋ยวมาลุยต่อครับ ตามกันมาได้เลย

          ขอแถมอาหารเย็นสักหน่อย ร้านอาหารมื้อเย็นนี่ออกกึ่ง ๆ ร้านนั่งดื่มนิด ๆ อาหารจะค่อนข้างแพงนิดหน่อย และได้น้อยเมื่อเทียบกับร้านอาหารทั่วไป แต่รสชาติดีเลยทีเดียว

Hiroshima

          ขนมหวานมาแล้ว อร่อยอีกเหมือนกัน

Hiroshima

Hiroshima

Hiroshima

          อันนี้เก๋ดี เป็นล็อกเกอร์ไม้ไว้ใส่รองเท้าก่อนเข้าร้าน ด้านหลังหมายเลขจะเป็นร่องไปกดล็อกตอนเราเสียบเข้าไป

Hiroshima

          วันนี้มาแบบเน้นรูปภาพชมสวนเพลิน ๆ คำบรรยายน้อย ๆ เริ่มจากขึ้นรถแดงที่ป้ายหน้า JR Hiroshima (จริง ๆ ป้ายไหนก็ได้นะ) นั่งมาลงป้าย Hiroshima Prefectural Art Museum-mae ลงมาปุ๊บจะเจอ Hiroshima Prefectural Art Museum แต่สวนเป้าหมายของเราต้องเดินเข้าซอยข้างพิพิธภัณฑ์ไปประมาณ 300 เมตร ป้าย Hiroshima Prefectural Art Museum-mae

Hiroshima

          เหมือนซ่อมอะไรบางอย่าง ดูปลอดภัยดีครับ



          จากป้ายรถเดินมา 10 ก้าวจะเจอ Hiroshima Prefectural Art Museum (ตั้งอยู่หัวมุมถนน)

Hiroshima

          จ้ำ ๆ เดินเข้าซอยต่อไป

Hiroshima

          ในที่สุดก็มาถึงหน้า Shukkeien Garden มีอีกแล้ว !! ข้างในมีจัดโชว์ดอกไม้คล้าย ๆ ที่ปราสาทฮิโระชิมะ หน้าตาดอกไม้เหมือนกันเลย

Hiroshima

          Shukkeien Garden

          เปิดทำการ : 09.00-18.00 น. เดือนตุลาคม-มีนาคม 09.00-17.00 น.
          ปิดทำการ  : 29-31 ธันวาคม
          ค่าเข้า : 260 เยน/คน
          อ้างอิง : japan-guide.com

          สวนนี้สร้างเสร็จหลังจากการสร้างปราสาทฮิโระชิมะ เก่าแก่มาก ๆ เป็นสวนสไตล์ญี่ปุ่น เข้ามาก็เจอผึ้งน้อย

Hiroshima

          เริ่มเดินเข้าไปกันเลย

Hiroshima

          หันไปเจออีกแล้ว ดอกไม้หน้าตาเหมือน ๆ กับที่ปราสาทฮิโระชิมะ เอ...มีงานเทศกาลอะไรหรือเปล่านะ ?

Hiroshima

          ต่อไปนี้ขอเชิญชมบรรยากาศสวนเพลิน ๆ
Hiroshima



Hiroshima





Hiroshima

Hiroshima

Hiroshima

Hiroshima



          ปลายสะพานจะมีอาหารปลาวางอยู่ ถุงละ 100 เยน ใส่เงินในกระป๋อง หยิบอาหารปลาในกล่องขาว ๆ และถุงพลาสติกใส่ในกระบอกไม้ไผ่ครับ

Hiroshima

          ดูหน้าปลาแต่ละตัว น่ารักน่าชังดีครับ 5555 ชอบปากกว้าง ๆ เหมือนธงรูปปลาของญี่ปุ่นปากกว้าง ๆ ไม่รู้เรียกว่าอะไร



Hiroshima

          บรรยากาศอีกด้านหนึ่ง

Hiroshima

          โชคดีอีกแล้วครับท่าน นอกจากเต็นท์ดอกไม้ยังเจอคู่แต่งงาน 2 คู่ มาถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง (?) ในสวนอีก แอบถ่ายเขามา แหะ ๆ ตากล้องที่ถ่ายและคนอื่น ๆ ก็มองนะว่าไอ้นี่มันถ่ายรูปภาพตรูทำไมฟระ

Hiroshima

Hiroshima




          เอาล่ะ...หมดแล้วสำหรับทริปพาชมเมืองฮิโระชิมะ ขอบคุณทุกท่านที่ตามมาอ่านจนถึงบรรทัดนี้นะครับ กระทู้แรกก็ขาด ๆ เกิน ๆ ไปบ้าง 5555 บทจะจบมันก็จบกันดื้อ ๆ แบบนี้ล่ะเน้อ ใครไปเที่ยวก็เอารูปมาร่วมได้นะครับ ถ้ามีโอกาสไปที่ใหม่ ๆ อีกจะเอามารีวิวให้อ่านกันเพลิน ๆ อีกนะ ขอบคุณครับ



เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เที่ยวญี่ปุ่น พาชมเมืองฮิโระชิมะ เมืองแห่งสันติภาพ อัปเดตล่าสุด 27 ตุลาคม 2564 เวลา 16:48:09 4,216 อ่าน
TOP
x close