
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ neju11 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก Nejuphoto
พังงา จังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายทั้งบนบกและใต้น้ำ โดยเฉพาะกลุ่มเกาะสวยงามที่วางตัวเรียงรายอยู่ในทะเลอันดามัน จนพังงาได้รับสมญานามว่าเป็นดินแดนแห่งป่าเกาะ รวมทั้งยังมีผืนป่าชายเลนหนาแน่นและอุดมสมบูรณ์อีกแห่งหนึ่งประเทศไทย นอกจากนี้ ยังเต็มไปด้วยวิถีชีวิตที่น่าสนใจ โดยเฉพาะเรื่องราวของผู้คนหลากเชื้อชาติ ที่อาศัยอยู่ในชุมชนเก่าแก่ที่น่าสนใจ (ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่นี่) ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นเสน่ห์ให้ผู้คนจากทั่วโลกเดินทางมาเที่ยวพังงาอย่างไม่ขาดสาย อีกทั้งพังงายังสามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี อ๊ะ ๆ ถ้าไม่เชื่อก็ตามบันทึกการเดินทางของ คุณ neju11 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้ไปเยือนดินแดนแห่งป่าเกาะ สัมผัสวิถีชีวิตที่เดินอย่างช้า ๆ บนเกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่ พร้อมถ่ายทอดออกมาให้เราชื่นชมภาพตัวอักษรและภาพถ่ายสวย ๆ กันดีกว่าค่ะ
.gif)
สวัสดีเพื่อน ๆ ท่องเที่ยวทุกท่าน ถ้าเอ่ยถึงจังหวัดพังงา หลาย ๆ คนจะนึกถึงเกาะตาชัยหรือเกาะสิมิลัน ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวอันโด่งดังและสร้างชื่อให้กับจังหวัดนี้อยู่มาก หรือจะเป็นเขาหลักที่เคยเกิดเหตุการณ์อันน่าเศร้าเมื่อหลายปีก่อน ปัจจุบันนี้การท่องเที่ยวของพังงาเริ่มคึกคักมากขึ้น แต่คึกคักบางช่วงฤดูกาลสำหรับเกาะแก่งและอุทยานฯ ทางทะเลต่าง ๆ พอถึงช่วงหน้ามรสุมก็จะเงียบไปอีกรอบ วันนี้ผมจะพาเพื่อน ๆ ไปเปิดมุมมองสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดพังงากัน ในแบบฉบับที่ไม่ใช่เกาะตาชัย เกาะสิมิลัน ในแบบที่สามารถเที่ยวได้ในช่วงมรสุม และให้เพื่อน ๆ ได้เห็นว่าแท้จริงแล้ว พังงา...สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี "Let’s go South Let’s go Phangnga"

ป.ล. สำหรับเพื่อน ๆ ที่ต้องการติดตามหรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/Nejuphoto
ป.ล. 2 คงต้องอ้อนขอแรงเชียร์หน่อยครับ เดี๋ยวนี้กระทู้ตกไวจริง ๆ ทำรีวิวไปก็กล้า ๆ กลัว ๆ ไป กลัวไม่มีคนได้อ่านกัน ยังไงถูกใจ ชอบใจรีวิว ขอเป็นกำลังใจคนทำรีวิวด้วยนะครับ โดยกด + ที่มุมซ้ายด้านล่างนะครับ
สำหรับการแบกเป้เที่ยวของผม กระแสที่ผ่านมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ต้องขอบคุณเพื่อน ๆ พี่ ๆ ทุกคนที่ชื่นชอบในรีวิวแบกเป้เที่ยวของผม ผมจึงได้รวบรวม กลัวใครตกหล่นอันไหนไปยังไม่ได้อ่าน หรือจะนำข้อมูลไปใช้ในการเดินทางก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ ^^









ด้วยความกรุณาจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จังหวัดพังงา ได้ให้โอกาสทางผมเข้าร่วมกิจกรรม "ชวนกันเที่ยวใต้ หรือ Let’s go South" โดยจังหวัดที่ไปในครั้งนี้ คือ จังหวัดพังงา และเป็นการท่องเที่ยวที่เน้นแนวศึกษาธรรมชาติและวิถีชาวบ้าน หรือที่เรียกว่า "Eco Tourism" นั่นเอง เพียงแค่ 1.15 ชั่วโมง จากกรุงเทพฯ ถึงสนามบินภูเก็ต และจุดเริ่มต้นของทริปนี้ได้เริ่มขึ้น ณ ท่าเรือบางโรง ท่าเรือที่ใช้โดยสารเพื่อไปยังเกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่ จังหวัดพังงา

ถ้าเป็น speed boat จะใช้เวลาประมาณ 30 นาที ถึงท่าเรือมาเนาะ เกาะยาวน้อย ราคา 200 บาท ต่อคน และถ้าเป็นเรือหางยาวจะใช้เวลาประมาณ 60 นาที ถึงท่าเรือมาเนาะ เกาะยาวน้อย ราคา 120 บาท ต่อคน
พาหนะที่ใช้เดินทางบนเกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่นั้นจะเป็นรถ 2 แถว หรือเป็นกระบะ Taxi ที่คิดราคาตามระยะทาง หรือจะเป็นการเช่ามอเตอร์ไซค์ขี่เที่ยวบนเกาะเองก็ได้เช่นกัน

เกาะยาวน้อย
มีแนวขอบเขตของจังหวัดภูเก็ต พังงา และกระบี่ โอบอยู่เป็นรูปคล้ายตัว U คว่ำ ทำให้การเดินทางไปเกาะยาวน้อยสามารถเริ่มต้นได้จากทั้ง 3 จังหวัด แต่การเดินทางจากท่าเรือบางโรงดูจะสะดวกที่สุด

วิถีประมงพื้นบ้าน ผู้คนที่อาศัยละแวกนี้ อาชีพหลัก คือ ประมง การมีกระชังปลาสาธิตถือว่าเป็นโชคดีของผู้ที่มาเยือน ที่ได้มาเห็นสัตว์ใต้น้ำที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งกุ้งมังกร ปลาดาว ปลาปักเป้า ที่นำขึ้นจากกระชังมาให้ดูแบบเป็น ๆ แต่เอาขึ้นมาได้แป๊บเดียวนะครับ ไม่อย่างนั้นสัตว์เหล่านี้จะไม่มีชีวิตรอดต่อไป

ผมว่าการท่องเที่ยวเชิงวิถีชีวิตชาวบ้านนี้เป็นเสน่ห์แบบหนึ่งของเมืองไทย ชาวต่างชาติหรือแม้กระทั่งคนไทยเรามาเที่ยวเองยังหลงรักวิถีความเป็นอยู่แบบเดิม ๆ แบบนี้เลยครับ “Still Slowly Life” ชีวิตที่เดินช้า วิถีชีวิตแบบง่าย ๆ มีความเป็นอยู่แบบง่าย ๆ ทุกวันนี้ชีวิตในเมืองที่อยู่วุ่นวายหนีมาหลบพักกายใจที่นี่จะมีความสุข ลืมทุกข์ได้ไปอีกนาน

เรือแล่นออกจากท่าแค่ 10 นาที พื้นดินก็เปลี่ยนเป็นแหล่งทำมาหาเงินของผู้คนที่นี่ กลางทะเลนี่แหละที่เปรียบเหมือนตึกสูง ๆ ในกรุงเทพฯ แหล่งรวมออฟฟิศที่หนุ่มออฟฟิศอย่างผมนั่งทำงานอยู่ทุกวี่ทุกวัน เพียงแต่ที่นี่ คือ สถานที่ทำงานที่ไม่ใช่ตึกสูงระฟ้า แค่มีพื้นที่น้อยนิดหยิบมือก็สร้างผลกำไรให้กับผู้คนแถวนี้มากพอตัว

“เดี๋ยวผมจะจับกุ้งมังกรมาให้ดูนะครับ” เสียงจากพี่ที่เป็นผู้ดูแลกระชังสาธิตแห่งนี้ ได้อธิบายถึงความเป็นมาของกระชัง เปรียบเสมือนเป็นครูสอนเด็กหนุ่มเมืองกรุงอย่างผม ให้ได้ซึมซับถึงความรู้ของสัตว์น้ำชนิดต่าง ๆ ความรู้ที่มีในตำราไม่อาจเทียบเท่าได้กับการมาสัมผัสด้วยตาตัวเอง



ถึงช่วงเวลาอาหารเย็น ณ โฮมสเตย์ บริเวณแหลมไทร หัวละ 300 บาทต่อคน บุฟเฟ่ต์อาหารทะเลเติมได้ไม่อั้น แม้กระทั่งปูม้านึ่งที่เฉลี่ยทานไปคนละ 6 ตัว พอดีงาม ^^






สัมผัสแรกเมื่อมาถึง คือ สงบ เงียบ และเป็นส่วนตัว ผมขอไม่ลงรายละเอียดในส่วนของที่พักแห่งนี้ไว้มาก เนื่องจากเดี๋ยวจะมีรีวิวของผมเองที่เจาะลึกโรงแรมแห่งนี้ในโครงการ Thailand Boutique Awards 2014-2015 ครับ



อาหารเช้าของที่นี่เป็น Buffet Breakfast ไม่มาก ไม่น้อยเกินไป


เติมพลังยามเช้า


โซนที่นั่งมีทั้งแบบ indoor และ outdoor รอรับสายลมจากธรรมชาติที่พัดผ่านมาเบา ๆ ในบรรยากาศยามเช้า

ยืดเส้นยิดสายเบา ๆ หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จด้วยการมานั่งมองทะเล ฟ้าสีคราม น้ำสีฟ้า อากาศดี ๆ แค่นี้ที่เรียกว่า “ความสุข”


กิจกรรมต่อไป คือ การ trekking เดินป่าด้านหลังที่พักไปถึงอ่าวเคียน

บรรยากาศที่นี่ร่มรื่น มีต้นไม้หลากหลายพันธุ์ อีกทั้งยังมีนกเงือกคอยให้นักท่องเที่ยวจับสายตาสอดส่องดูกันอย่างเพลิดเพลินอีกด้วย



ถึงคลื่นลมจะแรง แต่ทะเลทางฝั่งนี้จะได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อย เนื่องจากหุบเขาและเกาะแก่งต่าง ๆ โอบล้อมป้องกันลมจากด้านนอก ทำให้ช่วงมรสุมที่นี่ก็ยังสามารถมาเที่ยวได้เหมือนกัน

เรือได้เทียบเข้าหาด เกาะกูดู แห่งนี้มีนักท่องเที่ยวมาพายเรือคายัก พายชมธรรมชาติ เกาะนี้ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะยาวน้อย



เสร็จจากกิจกรรมเที่ยวเกาะยาวน้อย ต่อไปผมจะพาไปเที่ยวเกาะยาวใหญ่กันต่อเลยครับ ขึ้นเรือที่ท่าเรือมาเนาะ เกาะยาวน้อย เพื่อที่จะเดินทางไปท่าเรือคลองเหีย เกาะยาวใหญ่ ใช้เวลาประมาณ 15 นาที

เกาะยาวใหญ่


ถ้าเทียบถึงพื้นที่และจำนวนประชากรที่อาศัยอยู่บนเกาะแล้ว เกาะยาวใหญ่มีจำนวนที่มากกว่าเกาะยาวน้อยอยู่หลายเท่าตัว แต่ความเพียบพร้อม รวมถึงหน่วยงานราชการต่าง ๆ จะตั้งอยู่บนเกาะยาวน้อยเป็นส่วนใหญ่ รวมถึงบนเกาะยาวน้อยจะมี 7-11 อีกด้วย ผู้คนที่อาศัยบนเกาะยาวใหญ่นี้แทบจะ 100% เป็นชาวมุสลิมทั้งสิ้น แต่ไม่ต้องกลัวเลยครับ ทุกคนเป็นมิตรและจิตใจงามกันทุกคน
อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์พื้นบ้านที่ถือว่าเป็นของฝากชิ้นเด็ดสำหรับคนที่มาเกาะยาวใหญ่นี้ คือ ขนมบ้าบิ่น ที่นี่มีมะพร้าวอยู่จำนวนมาก ไม่แปลกเลยที่ขนมบ้าบิ่นของที่เกาะยาวใหญ่จะขึ้นชื่อและอร่อยมาก ๆ ด้วยครับ


กิจกรรมต่อไป คือ การพายเรือคายัก ดื่มด่ำธรรมชาติที่สมบูรณ์ของป่าโกงกาง

ปล่อยตัวเอง ปล่อยใจให้เป็นอิสระ วางภาระวุ่นวายไว้ชั่วคราว...ให้สายน้ำ สายลมพัดผ่านกายไป


ถือว่าเป็นการออกกำลังกาย แถมผ่อนคลายใจไปในเวลาเดียวกัน

อีกหนึ่งไฮไลท์ของการมาเที่ยวเกาะยาวใหญ่ คือ การชมพระอาทิตย์ตกดินที่ หาดโล๊ะปาเหรด

ยามเย็นชาวบ้านจูงพาลูกหลานออกมารับลมทะเล บรรยากาศยามเย็นแบบนี้แหละครับที่ป่าเมืองกรุงแทบไม่มีให้เห็นแล้ว

บอกเลยว่าบรรยากาศดี สงบ และสวยงามมากครับ


มื้อเย็นวันนี้พวกผมมาทานที่ร้านริมเลซีฟู้ด เป็นร้านท่ามกลางบรรยากาศดี ๆ ริมทะเล ส่วนเมนูจัดเต็มแต่ไม่บุฟเฟ่ต์เหมือนเมื่อวานเท่านั้นครับ


ได้เห็นดวงอาทิตย์กลม ๆ โต ๆ กำลังลาลับขอบฟ้าไปอีกหนึ่งวัน

ถือว่าการมาเที่ยวครั้งนี้ของผมโชคดี ที่มีโอกาสได้เห็นสิ่งสวยงามทางธรรมชาติอันหลากหลาย


ที่พักบนเกาะยาวใหญ่คืนนี้ผมพักที่ Koh Yao Yai Village

ในห้องพักเป็นพื้นปูน ให้ความเย็นสบาย ห้องน้ำเป็นแบบกึ่ง outdoor ต้องบอกเลยว่าห้องน้ำกว้างขวางมากกกกก




สระน้ำที่นี่เป็นสระเกลือขนาดใหญ่ครับ


รุ่งเช้าออกมาสูดอากาศอันสดชื่นของมวลธรรมชาติได้บริเวณริมหาด ที่พักแห่งนี้จะสามารถมองชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นได้สวยงามครับ

ในส่วนของห้องอาหารเช้า เปิดโล่ง มีลมพัดผ่านเย็นสบาย

ไลน์อาหารเช้าเป็นแบบ Buffet มีให้เลือกหลากหลาย ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป


เซตเติมพลังยามเช้าของผม


บ้านสองแพรก พังงา
แค่ชื่อสำหรับผมก็ไม่คุ้นหูแล้วครับ กับที่นี่ บ้านสองแพรก กิจกรรมที่พวกผมจะมาเที่ยวกันในวันนี้ คือ ล่องแก่งที่บ้านสองแพรก ต้องบอกก่อนเลยว่าตอนไปยังคิดอยู่เลยว่านี่ไม่ใช่หน้าฝนจะมีน้ำให้ล่องด้วยเหรอ ?

นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเยอะมาก แต่นักท่องเที่ยวไทยแทบไม่มีให้เห็นเลย ก่อนเรือจะออกได้มีเจ้าหน้าที่พูดถึงความปลอดภัยรวมถึงวิธีการ Safety ต่าง ๆ แต่จนขณะนี้ผมก็ยังไม่เห็นปริมาณน้ำที่จะพาเรือประมาณ 30 ลำ ออกไปล่องแก่งได้เลย (ทุกคนพร้อมบนเรือหมดแล้วนะครับ) ???

พูดไม่ทันขาดคำเสียงสัญญาณปล่อยน้ำได้ดังขึ้น ที่นี่มีการเก็บน้ำไว้ในเขื่อน และจะมีการปล่อยน้ำเพื่อใช้ในการล่องแก่งวันละ 2-3 รอบ ตามเวลา 11.00 น., 13.00 น. และ 15.00 น.

แค่ไม่ถึง 15 นาที หลังปล่อยน้ำเรือลำแรกก็ได้ออกจากท่ามุ่งสู่แก่งหินตามธรรมชาติต่าง ๆ

เป็นการท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้สามารถมาเที่ยวได้ทุกฤดูกาล ใครจะไปรู้ว่าหน้าร้อนแล้งแบบนี้ ที่นี่สามารถล่องแก่งได้ครับ


นักท่องเที่ยวสนุก คนถ่ายภาพอย่างผมก็สนุกตามไปด้วย ^^

ใช้เวลาในการล่องแก่งประมาณ 1 ชั่วโมง ความอันตรายของแก่งจะอยู่ที่ระดับ 3 แต่มีการป้องกัน Safety ไว้อย่างดีทุกจุดที่ล่องผ่าน




รสชาติอร่อยถูกปากคนเมืองกรุงอย่างผมมากครับ น้ำพริกกุ้งเสียบ แกงเหลือง ปลาทอดสมุนไพร และผัดเห็ด ฟิน !!!

เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วจริง ๆ กับการมาเที่ยวพังงาหนนี้ ได้เวลากลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง ช่วงเวลาหยุดพักผ่อนมักผ่านไปไวเสมอ จริงมั้ยครับ ?

แต่รีวิวนี้มีภาคต่อ เพราะอย่างที่บอกพังงาไม่ได้มีที่เที่ยวแค่เกาะสิมิลัน เกาะตาชัย ที่ใครหลายคนรู้จัก และพังงาก็ไม่ได้มีที่เที่ยวเพียงแค่นี้ ในตอนหน้าผมจะพาไปเที่ยวพังงา ในแบบ Adventure มากขึ้น แต่ Safety ยังมีเหมือนเดิม...
ต้องขอขอบคุณการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จังหวัดพังงา ที่ได้เชิญผมไปเที่ยวในครั้งนี้ ขอบคุณผู้ร่วมเดินทาง และ blogger ท่านอื่น ๆ อีกหลาย ๆ ท่าน ขอบคุณชาวมุสลิมทั้งบนเกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่ ที่ทุกคนดูเป็นมิตร จิตใจดีงาม ขอบคุณจังหวัดเล็ก ๆ แต่สถานที่ท่องเที่ยวไม่เล็ก “พังงา” แห่งนี้ ที่ทำให้ผมได้มาเห็นความสวยงามทางธรรมชาติ รวมถึงชีวิตที่เรียบง่าย Still Slowly Life ของชาวพังงา ต้องบอกเลยว่าหลงเสน่ห์ของที่นี่ไปเลยครับ

ใครมีคำถามสอบถามได้นะครับจะทาง Message Pantip หรือในเพจของผมก็ได้ www.facebook.com/Nejuphoto แล้วพบกันในรีวิวหน้า ผมจะพาไปเที่ยวแบกเป้ที่ไหนนั้นดูจากรูปปิดกระทู้นี้ แล้วลองเดาดูนะครับ ^^
ขอบคุณที่ตามอ่านกระทู้รีวิวเที่ยวพังงาจนจบ
“Let’s go South Let’s go Phangnga”

