
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ Blurry Eyes สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
หลาย ๆ คนคงเคยได้ยินชื่อของ Bromo ภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ อีกทั้งยังมีการปะทุอยู่เรื่อย ๆ ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะชวาตะวันออก ประเทศอินโดนีเซีย โดยชื่อ Bromo มาจากตัวสะกดในภาษาชวาของคำว่า "พรหม" เป็นพระนามของเทพเจ้าในศาสนาฮินดู ทำให้ในเดือนธันวาคมของทุกปีจะมีเทศกาล Yadnya Kasada ที่ชนชาวพื้นเมืองจะเดินเท้าขึ้นไปบนปากปล่องภูเขาไฟ และประกอบพิธีเซ่นไหว้เทพเจ้าโดยการโยนอาหาร ดอกไม้ และสัตว์บูชายัญลงในแอ่งภูเขาไฟ (ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่นี่)
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า Bromo จะไม่ได้เป็นยอดเขาที่สูงที่สุด แต่ด้วยมนต์เสน่ห์อันมหาศาลทำให้มันกลายเป็นแรงดึงดูดนักเดินทางผู้หลงใหลความงามของธรรมชาติ เฉกเช่นเดียวกับ คุณ Blurry Eyes สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่คิดว่าจะต้องไปเก็บภาพบรรยากาศความสวยตระการตาของ Bromo สักครั้ง และก็สามารถเดินทางไปสัมผัสกับ Bromo ได้จริง ๆ แถมยังถ่ายทอดออกมาเป็นบันทึกการเดินทางเจ๋ง ๆ ที่เรานำมาฝากกันวันนี้ด้วยค่ะ






การเดินทางครั้งนี้เนื่องจากผมมีเวลาไม่มาก เราจึงแพลนกันแค่ 3 วัน 2 คืน (จริง ๆ 4 วัน 3 คืน น่าจะลงตัวกว่า) เที่ยว Bromo ไป Kawah ijen แล้วกลับมาที่ Bromo อีกรอบ
Bromo ตั้งอยู่ที่เมือง Probolingo หมู่เกาะ East Java ประเทศ Indonesia เป็นภูเขาไฟที่ยังไม่สงบ มีการระเบิดอยู่เรื่อย ๆ ล่าสุดคือเมื่อปี 2011 วันแรกเราเดินทางจากดอนเมืองมาถึงเมือง Surabaya ราวตี 1 กว่า ๆ นัดเจอกับคนขับรถจาก Pinkhouse Car Rent เจ้าที่หลาย ๆ คนเคยใช้บริการ คนขับรถอัธยาศัยดีมากครับ ถึงแม้จะพูดอังกฤษได้ไม่คล่องเท่าไหร่ แต่พี่แกก็ยิ้มแย้มตลอด ดูใจดี ถามอะไรก็เยส ๆ และขับรถปลอดภัย วางใจได้
เราออกจากสนามบิน Surabaya ตอนตี 1 ครึ่ง เป้าหมาย คือ ไปถึง Bromo ในตอนเช้าให้ทันพระอาทิตย์ขึ้น ออกมาได้แป๊บเดียวฝนกระหน่ำเลยครับ ในใจคิดว่าซวยแล้ว ทริปนี้ท่าทางจะเฟล ขับไปสักพักฝนเริ่มซา แต่ในใจยังลุ้นตัวเกร็งอยู่ ระหว่างทางขึ้น Bromo ก็จะเป็นเนินเขาอารมณ์ประมาณถนนขึ้นเขาแถวภาคเหนือบ้านเรา แต่วันแรกที่มามันมืด เลยมองอะไรไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ก็มาถึงหมู่บ้าน Cemero Lawang ที่นี่เราจะเปลี่ยนพาหนะเป็นรถจี๊ป เพื่อขึ้นไปจุดชมวิว Penanjakan View Point
Bromo
ตัว Bromo เองตั้งอยู่ใน Bromo Tenger Semeru National Park ซึ่งต้องเสียค่าเข้าแต่ไม่แพงมาก เข้าไปเราจะนั่งรถผ่านที่ราบเชิงเขาขึ้นไป Mount Penanjakan ซึ่งเป็นจุดชมวิวหลักของ Bromo ซึ่งเพิ่งมารู้เอาตอนหลังว่าจุดชมวิวบน Penanjakan เนี่ยมันมีหลายจุด ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตรงไหนเวิร์คสุด
ที่นี่พระอาทิตย์ขึ้นประมาณตี 5 และนี่เป็นแสงแรกที่เราได้เห็น สวยอย่างที่เคยฝัน ฟ้าแจ่ม ไม่มีฝนสักหยด

โคลสอัพชัด ๆ ทางซ้ายที่กำลังพ่นควันอยู่ คือ Bromo หน้าสุด คือ Batok เป็นลูกที่สงบแล้ว ส่วนไกล ๆ นู่น ยอดที่สูงที่สุด Semeru

จริง ๆ ถ้าจะให้ดีควรขึ้นมาตั้งแต่ตี 3 ครับ เพราะนักท่องเที่ยวจะเยอะ ถ้ามาช้าที่ยืนด้านหน้า ๆ คนจะเต็มหมด แต่วันนี้ด้วยเรื่องข้อจำกัดของเที่ยวบินเลยทำให้มาเร็วสุดได้แค่นี้ แต่เท่านี้ได้เห็นแสงสาดบนยอดภูเขาไฟที่กำลังพ่นควันก็ปลื้มแล้วครับ
อีกสักรูป วันแรกมาถึงช้า มุมถ่ายรูปโดนจองเกือบหมดแล้ว เลยประจำอยู่จุดเดิม ดูฟ้าเปลี่ยนสีไปเรื่อย ๆ

หลังจากนั้นประมาณ 7 โมง เราก็ลงจาก Penanjakan เพื่อไปขึ้นปากปล่อง Bromo ลืมบอกไปที่นี่อากาศเย็นพอควรนะครับ แต่เสื้อกันหนาวหนา ๆ สักตัวน่าจะพอ
ระหว่างทางขึ้นปากปล่อง หันหลังกลับไปมีมุมให้ถ่ายรูปเยอะเลย


ทางขึ้นที่ Bromo นี่สั้น ๆ ครับ แถมมีบันไดเป็นเรื่องเป็นราว แต่ก็ชันพอควร เดินแป๊บเดียวก็ถึง แต่สายหน่อยจะเริ่มร้อน คนถอดเสื้อกันหนาวกันเป็นแถว
ปากปล่อง Bromo ที่กำลังพ่นควัน ชาวบ้านท้องถิ่นเรียกว่า ลมหายใจของเทพเจ้า

เดินเล่นอยู่สักพัก ลงจากปล่องประมาณ 9 โมง เราก็ไปขึ้นรถกันต่อครับ เป้าหมาย คือ ไปดู Blue flame และทะเลสาบสีเขียวที่ Kawah ijen ห่างไปแค่สองร้อยกว่ากิโลเมตร แต่คนขับบอกขับรถ 7 ชั่วโมง เพราะทางไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เอาเข้าจริง 6 ชั่วโมง ก็ถึงครับ
Kawah Ijen
ที่พักที่นี่ที่หาข้อมูลมามีอยู่ 2 ที่ คือ Catimor Homestay กับ Arabica Homestay ซึ่งรีวิวมา คือ ห่วยพอกันเลย ผมเลือกพักที่แรก สภาพภายนอกโอเคเลย สวยดี แต่ข้างในห้องเก่าแล้วก็ดูไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่ อาหารพอกินได้ แต่ไม่ซีเรียส เพราะคืนนี้ต้องตื่นตั้งแต่เที่ยงคืนเพื่อไปเดินขึ้นเขาตั้งแต่ตี 1
เรามาถึงทางขึ้น Kawah ijen ตี 1 พอดีครับ มองขึ้นไปฟ้าใสมาก ดาวเต็มไปหมด มองเห็นทางช้างเผือกได้ด้วยตาเปล่าเลย

ก่อนเริ่มเดินอากาศหนาวมาก พอเดินไปสักพักด้วยความเหนื่อยจะเริ่มร้อน ระยะทางทั้งหมด 3 กิโลเมตร ถ้าเป็นคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำน่าจะไม่ลำบากเท่าไหร่ แต่ผมที่แบกอุปกรณ์กล้อง รวมขาตั้ง ฯลฯ ไปเต็มหลังนี่เล่นเอาหอบเหมือนกันครับ ระหว่างทางก็จะเห็นคนหยุดพักเป็นระยะ ๆ
Blue flame นี่ถ่ายยากครับ แถมไม่ได้ทำการบ้านมาอีกว่าต้องถ่ายยังไงให้สวย รูปเลยออกมาเน่า ๆ ประมาณนี้ ต้องไปดูด้วยตาตัวเองครับ มันสวยมาก เปลวไฟสีน้ำเงิน พลิ้วไหวไป-มา

หลังจากอยู่ด้านล่างมาพักใหญ่ จนไกด์ตามแล้วตามอีก เริ่มสว่างก็ขึ้นมาดูวิวทะเลสาบสีเขียวที่ด้านบน เห็น Blue flame อยู่ลิบ ๆ ก่อนจะหายไปกับแสงเช้า

กำมะถันที่คนงานที่นี่ขนไปขาย แบกกันคนละ 60-80 กิโลฯ

ประมาณ 7 โมงเช้า เราก็ลงมาจาก Kawah Ijen แล้วเดินทางกลับไป Bromo อีกรอบเพื่อเก็บบรรยากาศเต็ม ๆ
บ่าย ๆ ก็มาถึงครับ เข้าพักที่โรงแรม Lava view lodge ช่วงบ่ายฝนกระหน่ำให้ได้ลุ้นอีกแล้ว
Cemoro Lawang
โรงแรมที่นี่ที่วิวสวยสุดน่าจะมีอยู่ 3 ที่ ที่ด้านหน้ามองเห็นวิว Bromo เลย คือ Lava view lodge กับ Bromo permai I ซึ่งจะอยู่ใกล้ ๆ กัน ส่วนตัวผมว่า Bromo permai I วิวด้านหน้าสวยกว่า แต่ Lava view lodge นี่มีวิวด้านหลังเป็นทุ่งหญ้า ภูเขา ทะเลหมอก ก็สวยดีเหมือนกันครับ ทั้ง 2 โรงแรมเดินถึงกันได้ ใกล้นิดเดียว ส่วนอีกที่หนึ่งที่ไม่ได้ไป คือ โรงแรม Cemara indah
พอฝนหยุดก็ออกมาเดินเล่นกัน วิวด้านหลัง เซอร์ไพรส์ ! ไม่คิดว่าจะงาม


บรรยากาศภายในหมู่บ้าน Cemoro Lawang อากาศดี เดินเล่นเย็นสบาย


อันนี้หน้า Bromo Permai I

กินข้าวเย็นเสร็จก็เข้านอนครับ คืนนี้ต้องตื่นตี 2 เพื่อไปขึ้น Penanjakan ก่อนตี 3 เดี๋ยวคนเต็มอีก
Bromo
ตีสองครึ่งเราออกเดินทางด้วยรถจี๊ปคันเดิม วันนี้มองแทบไม่เห็นทางเพราะหมอกเยอะมาก ตี 3 ก็มาถึง Penanjakan view point แต่เป็นคนละจุดกับวันแรก จริง ๆ ผมอยากไปซ้ำที่เดิมนะ มุมให้ถ่ายน่าจะเยอะกว่าจุดที่มาในวันนี้ แต่คนขับรถจี๊ปพูดภาษาอังกฤษแทบไม่ได้เลย ก็เลยเลยตามเลย วันนี้ว่ามาเร็วแล้วแต่มีคนมายืนตั้งกล้องอยู่ก่อนพอสมควร
Bromo ก่อนเช้า หมอก ควัน ดาว และทางช้างเผือก นี่คือ ภาพที่อยากได้มานาน

เริ่มสว่าง หันหน้าไปทางหมู่บ้าน Cemoro Lawang ที่พวกเราพักอยู่ เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่บนริมปากปล่องภูเขาไฟที่ยกตัว แสงอาทิตย์ยามเช้าค่อย ๆ ไล่ทะหมอกมาทีละนิด ๆ

พอเริ่มเช้าก็ได้เวลาย้ายที่แล้วครับ ที่สุดท้ายที่จะไปปิดทริปกันที่ Savana เป็นทุ่งหญ้าอยู่หลัง Bromo
ระหว่างทางลงเขา

Bromo Sunrise Jeep

ด้านหลัง Bromo เป็นทุ่งหญ้า สีเขียวขจี ล้อมรอบด้วยภูเขา ก็สวยดีไปอีกแบบครับ
Savana


เดินเล่น อากาศหนาว ๆ รับแสงอาทิตย์ยามเช้า

อยู่ได้ไม่นานเราก็กลับกัน ไปเช็กเอาท์ที่โรงแรม กลับกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ เป็นทริปสั้น ๆ ธรรมชาติสวยงาม ขอลาด้วยรูปนี้นะครับ Behind The Scenes

สำหรับรายละเอียดการเดินทาง ค่าใช้จ่าย ฯลฯ ใครสนใจหลังไมค์มาถามได้ครับ
มาอัพกระทู้เพิ่มเติมนิด พอดีเพิ่งเห็นรูปตกหล่น ไป Bromo ลืมม้าได้ไง ระหว่างทางขึ้น Bromo จะมีม้าให้ขี่ด้วยครับ แต่ผมไม่ได้ขี่ ^^ เพราะเห็นว่าใกล้ ๆ เดินสบาย ๆ แล้วก็ราคาค่อนข้างแพง ใครสนใจก็ลองต่อราคาเรื่อย ๆ ได้ครับ เพราะตอนแรกบวกไว้เยอะมาก
ได้แต่ถ่ายรูปมาครับ ม้าพ่นควัน

"Bromo Startrails"
ถ่าย ๆ อยู่สายลั่นชัตเตอร์เจ๊ง ตอนแรกนึกว่ารูปนี้จะใช้ไม่ได้ซะแหละ เมื่อวานว่าง ๆ ลองต่อดู ก็พอไปวัดไปวาครับ
