
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ neju11 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก Nejuphoto
"กัมพูชา" ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอย่าง "นครวัด" จึงไม่แปลกที่นักเดินทางผู้ชื่นชอบอารยธรรมโบราณ รวมถึงมนต์เสน่ห์ของผู้คนที่หาได้ยากในเมืองที่ทันสมัย จะมาร์คให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่ต้องไปเยือนสักครั้ง อีกทั้งประเทศแห่งนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ให้เยี่ยมชมอีกมากมาย ซึ่งแต่ละที่ก็มีเอกลักษณ์ความงามแตกต่างกันไป จนทำให้กลายเป็นแรงดึงดูดมหาศาลในการเชิญชวนนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลก เหมือนกับบันทึกการของ คุณ neju11 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้ไปเที่ยวกัมพูชาด้วยพาหนะสองล้อชิล ๆ พร้อมเก็บภาพความงามมาฝากกันค่ะ










สวัสดีเพื่อน ๆ Pantip ทุกคน ^^
สถาปัตยกรรม เป็นศาสตร์และศิลป์ที่สะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ และภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ได้เป็นอย่างดี ถ้ากล่าวถึงดินแดนที่มีสถาปัตยกรรมที่งดงามและเป็นเอกลักษณ์ในโลกนี้ เชื่อได้ว่ากัมพูชาต้องเป็นหนึ่งในคำตอบของใครหลาย ๆ คนนึกถึง เพียงอาจจะถูกบดบังไปด้วยหมอกควันความขัดแย้งระดับภายใน-ภายนอกประเทศ หรือการเข้าถึงยากของนวัตกรรมที่บ่งถึงความเจริญของโลกพัฒนา
วันนี้ผมขออาสาพาเพื่อน ๆ ไปเยี่ยมชมกัมพูชากันครับ ถ้าพร้อมแล้วเก็บกระเป๋า แบกเป้+พาหนะสองล้อสักคัน ชมมนต์ขลังของศิลปะกัมพูชาหลังม่านหมอก ผ่านเลนส์ของผมกันครับ
"Cambodia Artis..."

ป.ล. สำหรับ เพื่อน ๆ ที่ต้องการติดตามหรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ http://www.facebook.com/Nejuphoto
ป.ล. 2 คงต้องอ้อนขอแรงเชียร์หน่อยครับ เดี๋ยวนี้กระทู้ตกไวจริง ๆ ทำรีวิวไปก็กล้า ๆ กลัว ๆ ไป กลัวไม่มีคนได้อ่านกัน
ยังไง ถูกใจ ชอบใจรีวิว ขอเป็นกำลังใจคนทำรีวิว ด้วยนะครับ โดยกด+ที่มุมซ้ายด้านล่างนะครับ
สำหรับการแบกเป้เที่ยวของผม กระแสที่ผ่านมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ต้องขอบคุณเพื่อน ๆ พี่ ๆ ทุกคนที่ชื่นชอบในรีวิวแบกเป้เที่ยวของผม ผมจึงได้รวบรวมมาฝาก กลัวใครตกหล่นอันไหนไปยังไม่ได้อ่าน หรือจะนำข้อมูลไปใช้ในการเดินทางก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ ^^
[Neju\'s Travel #4/2014] ++ แบกเป้เที่ยว ย่างกุ้ง พุกาม มัณฑะเลย์ "มนต์เสน่ห์พม่า ศรัทธาแห่งพุทธมิเสื่อมคลาย" ++ http://pantip.com/topic/31886778

[Neju’s Travel #3/2014] ++ "White Winter in Tokyo" สัมผัสโตเกียวในสายลมหนาว–ย้อนวัยเด็กอีกครั้งที่อังปังแมนมิวเซียม ++ http://pantip.com/topic/31802867

[Neju\'s Travel #2/2014] ++ "เฟิ่งหวง จางเจียเจี้ย หุบเขาอวตาร ยามหิมะขาวโพลน" อีกหนึ่งประสบการณ์แบกเป้ที่ได้สัมผัส ++ http://pantip.com/topic/31709657

หรือจะเข้าไปดูหน้ารวมในรีวิวของ pantip ทั้งหมดได้ที่ http://pantip.com/profile/629836
เพิ่งเปิดเที่ยวบินได้ไม่นาน พอผมรู้ข่าวก็รีบจับจองช่วงวันหยุดยาวเดือนเมษายนที่ผ่านมากันเลยครับ กับเส้นทาง กทม.-เสียมเรียบ บินตรงทุกวันจาก AirAsia

ด้วยความไม่รู้ตาสีตาสา เลยเลือกที่จะสั่งอาหารบนเครื่อง แต่...เครื่องบินใช้เวลาในการบินประมาณ 1 ชั่วโมง ทานข้าว ทานน้ำเสร็จ ยังไม่ทันลงกระเพาะ กัปตันได้ประกาศให้คาดเข็มขัดเพื่อเตรียมเครื่องลงแล้ว บร๊ะเจ้า !!! ไวอะไรอย่างนี้ ไวกว่าบินไปเชียงใหม่ ภูเก็ตอีกเนี่ยนะ ><

ถึงแล้วครับ สนามบินนานาชาติ เสียมเรียบ กัมพูชา บอกเลยว่าอากาศร้อนสุด ๆ



นี่หรือ Taxi ขอค้างเงียบกลางแดดร้อน ๆ อยู่ 10 วินาที เหอะ >< ใช่ครับ รถแบบนี้แหละที่กัมพูชาเรียกว่า Taxi เป็นพาหนะหลักในการท่องเที่ยวในที่ต่าง ๆ เลยนะครับ คือ มอเตอร์ไซค์พ่วงนั่นเอง
หลังจากเช็กอินที่พักโรงแรมเรียบร้อย วันนี้ก็ไม่ได้ปั่นจักรยานครับ ขอลองใช้บริการ Taxi สุดหรูดูอีกสักรอบ ต่อรองราคามาได้ที่ 15 US$ พาไปซื้อตั๋ว พนมกรอม-โตนเลสาบ-Pub Street ถือว่าเป็นราคาตลาดที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะได้ในราคานี้นะครับ บรรยากาศบ้านเมือง บอกได้เลยว่าทั้งแดดร้อน ทั้งฝุ่นเยอะ ฮ่า ๆๆ แต่กลัวซะที่ไหน เตรียมตัวเตรียมใจมาเปิดโลกทัศน์ซะที สู้ครับ ^^

ค่าตั๋วเข้าชม กลุ่มปราสาทบริเวณนครวัด-นครธม สนนราคาอยู่ที่...ต่อคน
1 day = 20 US$
3 day = 40 US$
7 day = 60 US$
ผมเลือกแบบ 3 day ครับ

ใช้เวลานั่งสิ่งที่เรียกว่า Taxi จากตัวเมืองเสียมเรียบมาถึงทางขึ้น "พนมกรอม" ประมาณ 30 นาที ดูพยากรณ์อากาศเค้าบอกว่าฝนจะตกครับ แต่ไหงฟ้าเปิดเพียงนี้ล่ะครับ ไร้วี่แววฝนเลย ดีครับ อากาศดี ๆ ฟ้าสวย ๆ จะได้ภาพสวย ๆ กลับไป ทนร้อน (มาก) หน่อย ^^

รถจอดได้แค่ด้านล่าง จากนั้นต้องเดินขึ้นมาตามทางอีกประมาณ 30 นาที ไม่มีที่ร่มให้หลบร้อน สภาพทางเดินเป็นลูกรัง กลางแดดเปรี้ยง แต่วิวด้านข้างบอกได้เลยว่าสวยงามมากครับ เขียวสบายตา

ระหว่างทางมีวัดเป็นจุดสังเกตครับ อีกนิดเดียวก็ถึงพนมกรอมแล้วครับ

พนมกรอม (Phnom Krom)
เป็น 1 ใน 3 ศาสนสถานที่ตั้งอยู่บนยอดเขา เป็นที่ตั้งของปราสาทพนมกรอม ถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้ายโศวรมันที่ 1 โดยลักษณะผังปราสาทเรียงกันสามหลัง มีทางเข้าเฉพาะทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ส่วนทางด้านทิศเหนือ และทิศใต้เป็นประตูหลอกที่ไม่สามารถเปิด-ปิดได้ เป็นการสร้างเพื่ออุทิศถวายให้แก่เทพเจ้าทั้ง 3 ในศาสนาพราหมณ์ ได้แก่ พระศิวะ พระวิษณุ และพระพรหม


จากบนยอดเขาอันเป็นที่ตั้งของปราสาทพนมกรอม นับเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สามารถมองเห็นโตนเลสาบได้จนสุดสายตา

โตนเลสาบ (Tonle Sap)
สถานที่ท่องเที่ยวอันยิ่งใหญ่ของเสียมเรียบ ไม่ได้มีแต่เพียงกลุ่มปราสาทต่าง ๆ เท่านั้น แต่ที่นี่ยังมี โตนเลสาบ ทะเลสาบน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย ที่ว่ากันว่าในแต่ละปีสามารถสร้างรายได้และหล่อเลี้ยงชีวิตชาวกัมพูชาได้ทั่วประเทศ ไม่แพ้ปราสาทต่าง ๆ เลยทีเดียว

จากตัวเมืองเสียมเรียบใช้ทางหลวงหมายเลข 63 ไปทางทิศใต้ จากนั้นใช้เส้นทางชนบทไปหมู่บ้านกำปงปล๊ก รวมระยะทางประมาณ 25 กิโลเมตร จนถึงท่าเรือ สำหรับค่าเรือบริการนำเที่ยวประมาณ 20 US$ ต่อคน และจะมีค่าผ่านทางอีกคนละ 1 US$

การล่องเรือครั้งนี้จะผ่านหมู่บ้านกำปงปล๊ก เป็นหมู่บ้านกลางน้ำที่มีชาวกัมพูชาอาศัยอยู่ประมาณ 4000 คน จุดเด่นของหมู่บ้านแห่งนี้อยู่ที่การเที่ยวชมบ้านกลางน้ำที่สร้างเรียงต่อกันหลายหลัง โดยบ้านทุกหลังจะสร้างด้วยไม้ และยกสูงกว่า 7 เมตร หลังจากชมหมู่บ้านกำปงปล๊กกันแล้ว เรือจะพาออกไปสู่ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย

ตามประวัติได้กล่าวไว้ว่า พื้นที่ส่วนนี้เป็นของชนเผ่าของเวียดนามที่พลัดถิ่น แต่ด้วยการที่ชาวกัมพูชาไม่ชอบคนเวียดนาม จึงขับไล่ให้ไปอยู่ในทะเลสาบ และกีดกันไม่ให้เข้ามาใช้ชีวิตบนแผ่นดินของกัมพูชา เลยกลายเป็นที่มาของทะเลสาบแห่งชีวิต ที่ผู้คนในนี้ไม่เคยเหยียบย่ำบนผืนแผ่นดินจริง ๆ สักที ถ้าเป็นเรื่องจริงอย่างที่กล่าวมา ต้องบอกเลยว่าช่างน่าสงสารและหดหู่มากครับ

โตนเลสาบเป็นทั้งแหล่งหาอาหาร แหล่งการเรียนรู้ แหล่งชุมชนย่อย ๆ มีสถานีตำรวจกลางน้ำ มีโรงเรียนกลางน้ำ มี minimart กลางน้ำ มีสถานอนามัยกลางน้ำ และใช้เรือเป็นพาหนะหลักในการเดินทางไปมาหาสู่ตามที่ต่าง ๆ

อีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่ คือ การชมวิวพระอาทิตย์ตกยามเย็น แสงสีทองสะท้อนน้ำ เหมือนเป็นการบ่งบอกถึงช่วงเวลาในแต่ละวันกำลังจะหมดไป วิถีชีวิตที่โตนเลนั้นช่างน่าสงสาร และมีเสน่ห์ไปในตัว ชวนให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาชมวิถีบนลุ่มน้ำแห่งนี้

ผมได้ให้ Taxi มาส่งบริเวณแหล่งสีสันตอนกลางคืน ย่าน Pub Street เพื่อเช่าจักรยาน ปั่นเที่ยวในวันพรุ่งนี้ ราคาจักรยานจะอยู่ที่ต่อคันต่อวัน 1–2 US$ คิดเป็นชั่งโมงชนชั่วโมง เช่าตอน 19.00 น. ก็ต้องมาคืนไม่เกินเวลานี้ในวันถัดไป เอกสารที่ใช้ในการเช่าจักรยาน คือ Passport ตัวจริง หรือจะเป็นเงินมัดจำ 30 US$ แล้วแต่เราเลือกครับ ส่วนราคาเช่าจักรยานลองต่อรองราคาดู ของผมเช่า 2 วัน ตกวันละ 1.5 US$ ต่อคัน แต่เป็นจักรยานแม่บ้านที่ขี่ออกไปจ่ายตลาดนะครับ ไม่มีเกียร์ใด ๆ ถ้าจักรยานมีเกียร์คงจะแพงกว่านี้ ^^

Pub Street
ย่านกินดื่ม สีสันยามราตรี ถนนบริเวณนี้มีร้านค้า ร้านอาหาร มากมายหลายร้าน มีชาวต่างชาตินั่งกินดื่มอยู่มากมาย ถนนบริเวณนี้ไม่ให้รถเข้าไป จักรยานหรือมอเตอร์ไซค์จะให้จอดด้านนอกครับ

มีการแสดงเครื่องดนตรีอยู่ตามทาง

บางร้านบริเวณนี้มีการตกแต่งได้สะดุดตามาก ๆ ครับ

เมื่อแวะชมเก็บบรรยากาศไปสักพัก ก็ต้องรีบกลับเข้าที่พัก เพราะฝนเริ่มลงเม็ดตามพยากรณ์ แต่เวลาไม่เป๊ะเท่าไหร่ ^^

สรุป : รวมเส้นทางการปั่นจักรยานของวันแรกแบบชิล ๆ ประมาณ 4 กิโลเมตร (Pub Street-Hotel) ครับ
Angkor Heritage Boutique Hotel
ในส่วนของที่พัก ผมได้จองผ่าน Agoda รอบนี้จังหวะดีตรงกับช่วงนาทีทองครับ ราคาแซบเว่อร์โดนใจมาก ตกคืนละ 1,xxx บาท นอน 2 คน รวมอาหารเช้า แถมเป็นระดับ 4 ดาวอีกด้วย โรงแรมค่อนข้างร่มรื่น มีสระว่ายน้ำส่วนกลาง มี 3 ชั้น ไม่มีลิฟต์ เป็นห้องเรียงกันตามตัวตึก

ขนาดของห้องกว้างขวาง มีทั้งโต๊ะเขียนหนังสือ TV ตู้เย็น และมีระเบียงให้ออกไปนั่งบริเวณด้านนอก


ห้องน้ำ แบ่งโซนเปียก โซนแห้ง และมีอ่างอาบน้ำด้วยครับ

โซนอาหารเช้า บริเวณห้องอาหารจะเป็นที่โล่ง โปร่ง ลมพัดเย็นสบาย อาหารจะมีหลากหลายทั้งอาหารจีน อาหารฝรั่ง เป็นต้น


เมื่อทานอาหารเช้าเติมพลังให้ร่างกายกันเรียบร้อย ไปหยิบจักรยานคันที่เช่ามาตั้งแต่เมื่อคืน แล้วออกไปปั่นเที่ยวเล่น นครวัด-นครธม กันเลยครับ ^^

ไม่เพียงแต่นักท่องเที่ยวเท่านั้น ชาวกัมพูชาเองก็นิยมใช้วิธีการปั่นจักรยานเหมือนกัน

ที่กัมพูชาเลนรถวิ่งไม่เหมือนประเทศไทย ขับขี่วิ่งเลนขวา เมื่อผ่านจุดตรวจบัตร จะผ่านนครวัดก่อน มาร์คจุดไว้ครับเราจะมาเที่ยวกันวันพรุ่งนี้ วันนี้...ยาวไป ๆ มุ่งหน้านครธม
ถึงแล้วครับ...ทางเข้า นครธม

นครธม
ถือเป็นอาณาจักรขอมที่มั่งคั่งและรุ่งโรจน์ถึงขีดสุดในช่วงรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ที่ยังคงทิ้งร่องรอยแห่งอารยธรรม ความเป็นมาในอดีตให้ได้ย้อนเวลาเข้าไปสัมผัสได้อย่างใกล้ชิด ปราสาทหลักประจำรัชสมัยของพระองค์ เป็นสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ต่างจากปราสาทอื่นทั่วไป

ปั่นเลยทางเข้ามาอีกประมาณ 1 กิโลเมตร จะพบกับปราสาทหลักของนครธม เส้นทางนี้จะเริ่มเป็นลูกรัง ไม่ได้ลาดยางเหมือนถนนช่วงแรก ๆ

บริเวณด้านหน้าของปราสาทบายน สามารถจอดจักรยานได้ฟรี โดยมีเจ้าหน้าที่คอยเฝ้าอยู่ด้วยครับ

ปราสาทบายน
เป็นศาสนสถานเพียงแห่งเดียวของเมืองนครหลวงที่ไม่มีคูน้ำและกำแพงเมืองล้อมรอบเหมือนปราสาทอื่น แต่คงใช้คูน้ำและกำแพงเมืองรวมกับเมืองนครหลวง ตั้งอยู่บริเวณใจกลางของเมืองนครหลวง อันมีความหมายถึงเขาพระสุเมรุที่ประทับของพระอินทร์



เมื่อได้ก้าวเข้ามาภายในปราสาทบายน ไม่ว่าจะมองทางไหนก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มจำนวนมากเหล่านี้ไปได้ บางคนก็ว่าเหมือนมีสายตาจับจ้องอยู่ทุกที่เลยครับ เรียกว่าต้องมนต์สะกดจะได้มั้ยนะ ?

จุดเด่นอีกอย่างของการเที่ยวชมปราสาทบายน คือ การชมภาพสลักนูนต่ำบนผนังระเบียงรอบปราสาท ที่มีการสลักเล่าเรื่องราวที่หลากหลายและแตกต่างจากปราสาทอื่น ๆ


บริเวณแถวนี้ค่อนข้างร่มรื่นมาก ขี่จักรยานไป สายลมเบา ๆ พัดผ่านไป ^_^

ปราสาทพระขรรค์ (Preah Khan)
สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เดิมปราสาทแห่งนี้ถูกเรียกว่า ปราสาทชัยศรี แต่ต่อมาได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น ปราสาทพระขรรค์ หมายถึง พระแสงดาบที่ทำให้พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มีชัยชนะอริราชศัตรู

ระเบียงคตชั้นในภายในปราสาทพระขรรค์ บางช่วงมีสภาพทรุดโทรมพังทลายลงมา เนื่องจากมีต้นไม้ขนาดใหญ่ขึ้นปกคลุมบนชั้นหลังคาจึงทำให้เกิดความเสียหาย


เจดีย์เก่ากลางปราสาท เชื่อว่าเป็นที่บรรจุพระอัฐิพระราชบิดาของพระชัยวรมันที่ 7

ปราสาทนาคพัน (Neak Pean)
เป็นหนึ่งในกลุ่มปราสาททางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองพระนคร ที่สร้างขึ้นโดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7และยังเป็นปราสาทที่มีรูปแบบการสร้างแปลกที่สุด เพราะตัวของปราสาทตั้งอยู่กลางสระน้ำ ซึ่งเปรียบเสมือนสระอโนดาต สระน้ำอันศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาหิมาลัย ที่เชื่อว่าไหลหล่อเลี้ยงมนุษย์โลก ปราสาทนาคพันตั้งอยู่ไม่ไกลจากปราสาทพระขรรค์ สามารถมาเที่ยวชมได้แบบต่อเนื่อง และยังใช้เวลาเที่ยวชมไม่นานเพราะเป็นปราสาทขนาดเล็ก


ทั้ง 2 ปราสาทแห่งนี้ล้วนมีความสำคัญทางด้านศาสนาพุทธนิกายมหายาน แม้ปราสาทแห่งนี้ไม่ได้มีขนาดที่ใหญ่โตมากนัก แต่กลับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางด้านโบราณคดีที่น่าค้นหาอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ควรพลาดครับ
ปราสาทตาสม
เป็นปราสาทขนาดเล็ก ปราสาทแห่งนี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่
1. โคปุระด้านนอกและกำแพงล้อมรอบ
2. โคปุระด้านใน
3. ปรางค์ประธานพร้อมกับระเบียงคตทั้งสี่ด้าน มีบรรณาลัยอยู่ในระเบียงคต
ถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 และขยายต่อเติมในรัชสมัยของพระเจ้าอินทรวรมันที่ 2


ปราสาทแม่บุญตะวันออก (Eastern Mebon)
ปราสาทแม่บุญตะวันออก สร้างในสมัยพระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 2 ฐานปราสาทยกสูง เด่นตระหง่าน ไร้สิ่งบดบัง

ชัดเจนว่าสร้างกันคนละสมัยกับนครวัด นครธม สังเกตได้จากหินที่นำมาสร้างต่างกันโดยสิ้นเชิง ด้านบนเป็นระเบียงทางเดินกว้างยาวรอบปราสาท เชิงบันไดมีรูปสลักหินคชสีห์ตั้งอยู่ทั้งซ้ายขวา

เหนื่อยกันหรือยังครับ สำหรับการปั่นจักรยานในวันนี้ ปราสาทต่อไปที่กำลังจะไปนี้ ถือเป็นไฮไลท์ทีเด็ดเลยก็ว่าได้ ตามกันต่อนะครับอย่าเพิ่งเหนื่อยกัน ^^

ปราสาทตาพรหม (Ta Prohm)
ในอดีตจัดเป็นวิหารหลวงในพุทธศาสนานิกายมหายานของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แม้ปราสาทตาพรหมจะไม่ใช่ปราสาทใหญ่โต และมีความสำคัญเทียบเท่าปราสาทบายน นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยนิยมมาชมรากอันใหญ่โตของต้นสะปงที่เกาะกุมเหนือปราสาทตาพรหม เสมือนจะทวงพื้นที่ปราสาทคืน อย่างไงอย่างงั้น…

ก่อนสร้างปราสาทตาพรหม บริเวณนี้เคยเป็นป่าใหญ่ แต่หลังจากถูกทิ้งจนร้างอย่างยาวนาน เหล่าต้นไม้ต่าง ๆ จึงได้ผุดขึ้นมา

รากขนาดใหญ่ของต้นสะปงเกาะกุมอยู่เหนือปราสาท แม้ปราสาทจะสร้างด้วยหินอันมั่นคงแข็งแรง แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถต้านทานพลังอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติได้


ปราสาทตาพรหมถูกทิ้งไว้นานหลายร้อยปี บางช่วงจึงถูกต้นไม้กลืนกินแทบจะไม่เห็นตัวปราสาท ทำให้ผมอดดื่มด่ำไปกับความผสมผสานนี้เสียไม่ได้ นับเป็นจุดเด่นของการเที่ยวชมปราสาทแห่งนี้

เหมือนฟ้าฝนจะเป็นใจครับ ให้ผมได้ชื่นชมและบันทึกความสวยงามผ่านกล้องคู่กายเรียบร้อยเสียก่อน ก่อนที่ฝนจะโหมกระหน่ำตกแบบไม่ลืมหูลืมตา จักรยานแม่บ้านทั้ง 2 คัน แทบปลิวตามแรงลมที่พัด บรรยากาศช่วงนั้นถนนไม่มีไฟสักดวง จะมีแต่จักรยานแม่บ้าน 2 คัน ปั่นยิก ๆ โดยมีเป้าหมาย คือ ที่พัก ระยะเวลาปั่นจักรยานฝ่าลมฝน ประมาณ 1 ชั่วโมง ช่างเป็นช่วงที่ทรมานสุด ๆ

สรุป : รวมเส้นทางการปั่นจักรยานของวันที่สองแบบสุดโหด ตกใจยิ่งขึ้นเมื่อนำแผนที่เที่ยววันนี้มาตีระยะทาง โอ้วพระเจ้า ! วันนี้ปั่นไปประมาณ 45 กิโลเมตร เลยหรอเนี่ย เฮ้อ...อ สลบ !!!
ร่างกายอันเหนื่อยล้าจากเมื่อวาน ทั้งแดด ทั้งพายุฝน แต่วันนี้สถานที่ที่พวกผมจะไปดูให้เห็นกับตา นั่นก็คือ นครวัด ถึงร่างกายจะล้าแค่ไหน แต่ใจบอกว่าให้สู้โว้ยยย !!! ทุกครั้งที่จะผ่านเข้าไปในเขตนครวัด จะต้องผ่านตรงด่านตรวจตรงนี้เสมอ

นครวัด (Angkor Wat)
ในบรรดาปราสาทของกัมพูชา นครวัด ถือเป็นสุดยอดของปราสาทขอม ที่มีความอัศจรรย์มากที่สุด เพราะเป็นปราสาทที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ใช้หิน คน เวลาในการก่อสร้างนานที่สุด และภายในปราสาทยังมีศิลปะและสิ่งที่น่าสนใจให้ชมมากที่สุด จึงไม่แปลกที่มหาปราสาทแห่งนี้จะได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในรอบพันปี

ทางเดินเชื่อมต่อระหว่างกำแพงชั้นนอกและระเบียงคตชั้นในไว้ด้วยกัน ระหว่างทางมีทางลงไปสู่บรรณาลัย (ห้องสมุด) และสระน้ำทั้ง 2 ด้าน

ค่อย ๆ เดิน ค่อย ๆ เก็บความสวยงามของศิลปะ สถานที่แห่งนี้ติด 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก มีดีอย่างไร ตามมาเลยครับ

จุดเด่นของระเบียงคตชั้นใน นอกจากจะทำหน้าที่กั้นพื้นที่ชั้นในและนอกแล้ว ด้านในของระเบียงยังมีภาพสลักยาวกว่า 600 เมตร ให้ชมทั้ง 4 ด้านด้วย ระเบียงคตแห่งนี้จึงเป็นจุดสำคัญอีกแห่งหนึ่งของปราสาทนครวัด ที่ไม่ควรพลาดชม



สิ่งมหัศจรรย์ของปราสาทนครวัดไม่ได้มีเพียงความยิ่งใหญ่และการก่อสร้างอันอัศจรรย์เท่านั้น ภายในปราสาทยังมีประติมากรรมอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาด คือ นางอัปสร ซึ่งภาพสลักของนางอัปสรในปราสาทนครวัดว่ากันว่ามีมากถึง 1,635 องค์ ตั้งแต่บริเวณกำแพงชั้นนอกจนถึงปรางค์ประธาน จะได้พบกับนางอัปสรกันทุกหนแห่ง


ปรางค์ประธาน หรือเขาพระสุเมรุ ปราสาทชั้นในสุดของนครวัดแห่งนี้ เบื้องหน้าจะพบกับปรางค์ทั้ง 5 ตั้งอยู่บนฐานยกสูงขนาดใหญ่ มีบันไดทางขึ้นสูงชันทั้ง 4 ด้าน แต่ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ได้เปิดให้ชมเพียงด้านเดียวเท่านั้น คือ ด้านทิศใต้ ปรางค์ประธานที่ตั้งอยู่ตรงกลางจึงเป็นการจำลองเขาพระสุเมรุมายังโลกมนุษย์เพื่อเป็นที่สถิตของเทพเจ้า ส่วนปรางค์บริวารที่รายล้อมปรางค์ประธานจะเปรียบถึงทวีปทั้ง 4 ที่รายล้อมเขาพระสุเมรุ

พนมบาแค็ง (Phnom Bakheng)
เป็นภูเขาที่พระเจ้ายโศวรมันที่ 1 ทรงเลือกให้เป็นศูนย์กลางของราชธานีแห่งใหม่ หลังจากที่พระองค์ทรงตระหนักถี่ถ้วนถึงปัญหาต่าง ๆ จึงได้สร้างปราสาทพนมบาแค็งขึ้นบนยอดเขา เพื่อเป็นศูนย์กลางของเมืองพระนคร โดยมีปราสาททั้ง 5 หลังตั้งอยู่ตรงกลาง

ตัวปราสาทตั้งอยู่บนเขาขนาดย่อม ๆ จักรยานจอดไว้ด้านล่าง หลังจากนั้นเดินขึ้นเขามาอีกประมาณ 30 นาที แต่ทางเดินระหว่างทางค่อนข้างร่มรื่น เมื่อมาถึงทางขึ้นไปยังปราสาท จะมีบันไดเพื่อให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมวิวมุมสูง รวมถึงที่นี่เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามที่สุดอีกด้วยครับ

วิวด้านบนสามารถมองเห็นปราสาทนครวัดในมุมมองที่แปลกตา

รวมถึงเขาพนมกรอม ที่เราได้ขึ้นไปเมื่อวันแรกที่มาถึงอีกด้วยครับ

ต้องมาก่อน 17.00 น. เพราะที่นี่จะปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นมาชมตอน 17.00 น. แต่ถ้าใครอยู่ด้านบนแล้วสามารถอยู่รอจนแสงอาทิตย์ลับขอบฟ้าในวันนั้นได้เลย





เต็มอิ่มกับการชมปราสาทนครวัดมาทั้งวัน เย็นนี้ไม่ต้องฝ่าพายุฝนขี่จักรยานมาเรื่อย ๆ เพื่อมาคืนจักรยานที่ร้านที่เช่าไปและไปเดินเล่น Night Market ตลาดขายของยามค่ำคืน
Night Market
แหล่งช้อปปิ้งของฝากในตัวเมืองเสียมเรียบ มีสินค้าพื้นเมืองหลากหลายประเภท ทั้งผ้ากรอม้าหรือผ้าขาวม้าที่ขึ้นชื่อ ภาพเขียนศิลปะ งานหัตถกรรมต่าง ๆ มีให้เลือกอยู่มากมายหลายร้าน

คนไม่เยอะมาก เดินสบาย ๆ ครับ


หลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน และได้ช้อปปิ้งของฝากกันเรียบร้อย ก็กลับสู่ที่พักแต่ตอนนี้ผมกับเพื่อนไม่มีจักรยานปั่นกลับ จะเดินก็ค่อนข้างไกล จึงอาศัยต่อรองราคา Taxi เพื่อกลับที่พัก

สรุป : รวมเส้นทางการปั่นจักรยานของวันที่สามแบบกึ่งชิล วันนี้ปั่นไปประมาณ 19 กิโลเมตร ครับบ !!!
และแล้วมาถึงวันสุดท้ายของทริปแล้วล่ะครับ เช้านี้ตั้งใจจะไปถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้นที่นครวัด แต่เนื่องจากสภาพร่างกายที่อ่อนล้า ทำให้ตื่นสายและอดไปชมบรรยากาศพระอาทิตย์ขึ้น จึงจัดแจงเก็บกระเป๋าและใช้บริการ Taxi รับส่งสนามบินของทางโรงแรม เพื่อไปยังสนามบินครับ

บริเวณสนามบินของเสียมเรียบค่อนข้างเล็ก ซึ่งกำลังก่อสร้างส่วนต่อขยาย คาดว่าในอนาคตเที่ยวบินที่มาลงที่นี่จะต้องมีมากกว่าเดิมอีกแน่ครับ
Bye Bye เสียมเรียบ นครวัด นครธม กัมพูชา ไว้โอกาสหน้าจะมาปั่นจักรยานเที่ยวที่นี่ต่อนะ ^^

ปิดท้ายกระทู้กัมพูชาด้วยรูปนี้ครับ การผจญภัยในครั้งนี้มีจักรยานเป็นพาหนะคู่ใจ ใครจะไปรู้ว่าจะเป็นจักรยานแม่บ้าน ตลอด 4 วัน 3 คืน รวมระยะทางในการปั่นจักรยานประมาณ 70 กิโลเมตร ถ้าเป็นจักรยานมีเกียร์คงไม่ลำบากขนาดนี้ แต่ก็ดีครับถือเป็นการออกกำลังกายและผจญภัยอีกครั้งหนึ่ง แต่ที่แน่ ๆ เข็ดกับการปั่นจักรยานท่ามกลางพายุมาก ๆ ครับ 555+
กัมพูชาไม่ได้เป็นเมืองที่น่ากลัวเลย ยิ่งนครวัด นครธม เสียมเรียบ เป็นเมืองที่คึกคักมาก นักท่องเที่ยวมีหลากหลายชาติ จนทำให้ผมรู้สึกว่าเหมือนเดินเที่ยวเล่นอยู่ถนนข้าวสาร เพราะแม่ค้าที่นั่นส่วนมากพูดภาษาไทยได้คล่องครับ ^^
ผมต้องขอบคุณเพื่อนร่วมทริปของผม เราตะลุยปั่นกันบ้าคลั่ง กลับมาถึงโรงแรมก็สลบเหมือดทันที จนบางทีผมยังแอบคิดในใจเลยว่า "ผมบ้าเกินไปหรือเปล่า..."
ขอบคุณทุก ๆ คนที่ให้คำปรึกษาช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นตลอดทริปจนผ่านพ้นไปด้วยดี
ขอบคุณ ying_tidtee ที่ช่วยเรียบเรียงเนื้อหาในรีวิวนี้ ถึงแม้ไม่ได้เดินทางไปด้วยก็ตาม
ขอบคุณจักรยานแม่บ้านที่ร่วมชะตากรรมมาตลอดระยะทางกว่า 70 กิโลเมตร (คุณแน่มากจักรยานแม่บ้าน โฮะ ๆๆ)
ขอบคุณชาวกัมพูชาที่น่ารัก ที่ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวครั้งนี้ของพวกผมพบแต่รอยยิ้มตลอดทาง

ใครมีคำถามสอบถามได้นะครับจะทาง Message Pantip หรือในเพจของผมก็ได้ http://www.facebook.com/Nejuphoto
ไว้พบกันในรีวิวต่อ ๆ ไป เชื่อได้เลยว่าจะได้เห็นผมมารีวิวใน Pantip บ่อยแน่ครับ ^^ ขอบคุณที่ตามอ่านกระทู้รีวิวกัมพูชานี้จนจบ "Cambodia Artis"
สรุปค่าใช้จ่ายทริปนี้ ต่อคนไม่รวมค่าที่พัก (ที่จ่ายไปก่อนแล้ว) ไม่รวมค่าเครื่องบิน (ที่ชำระไปตอนจอง) ตกคนละประมาณ 3,000 บาท ส่วนอุปกรณ์ในการถ่ายภาพของผม คือ...
Nikon D600
Nikkor 24-70 f/2.8 , Nikkor 14-24 f/2.8 , Tamron 70-300
Samsung Note3
No Tripod