เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณม่วงมหากาฬ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก ม่วงมหากาฬ LIFE FOR TRAVEL
เราเชื่อว่าขุนเขาที่นักเดินทางอยากสัมผัส หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อของ “วนอุทยานภูลังกา” จุดชมวิวทะเลหมอกแห่งเดียวของจังหวัดพะเยา ด้วยเอกลักษณ์และเสน่ห์มากมายมหาศาล ที่สามารถดึงดูดความสนใจจากผู้คนที่หลงใหลธรรมชาติอันงดงาม
เฉกเช่นเดียวกับ คุณม่วงมหากาฬ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ไปเยือนวนอุทยานภูลังกาด้วยเหตุผลที่ว่า “ภูเขารูปทรงประหลาดตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง และรายล้อมด้วยทิวเขา ช่างมีมนตร์เสน่ห์ตราตรึง และดึงดูดให้ผมบอกกับตัวเองว่าสักวันต้องมาเยือน” พร้อมกับแวะไปสัมผัสความงามของ “อุทยานแห่งชาติศรีน่าน” ในยามที่ไม่มีทะเลหมอกแต่ก็สวยงามไปอีกแบบหนึ่ง โดยถ่ายทอดเรื่องราวออกมาเป็นบันทึกการเดินทางและภาพถ่ายสวย ๆ ให้เราได้ชมกัน
นานมาแล้ว...ที่ภูเขารูปร่างประหลาดแห่งหนึ่งได้สร้างแรงบันดาลใจให้ผมอยากไปสัมผัส เรื่องราวการเดินทางสู่ดินแดนที่เต็มไปด้วยมนตร์เสน่ห์จึงเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง กับดินแดนที่ถูกเรียกขานนามว่า “ภูลังกา” อีกหนึ่งพื้นที่ของการเดินทางบนเส้นทางสายธรรมชาติในแบบฉบับของผม
ม่วงมหากาฬ LIFE FOR TRAVEL
จากรีวิวครั้งก่อน ตอนนี้ผมได้ลงมาจากภูชี้ฟ้า เพื่อมุ่งหน้าสู่อำเภอปง จ.พะเยา ดินแดนแห่งขุนเขาที่เรียกขานนามว่า “ภูลังกา” เส้นทางที่คดเคี้ยว ดูเปลี่ยว และมีความรู้สึกว่าไกลแสนไกล
หลายปีก่อนที่ภาพถ่ายใบนั้นบนโลกออนไลน์ที่ทำให้ผมหัวใจพองโต ภูเขารูปทรงประหลาดตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง และรายล้อมด้วยทิวเขา
มันเป็นภาพสถานที่เดียวกันกับภาพใบนี้ เป็นภาพถ่ายที่สวยจับใจ มีมนตร์เสน่ห์ตราตรึง และดึงดูดให้ผมบอกกับตัวเองว่าสักวันต้องมาเยือน
การมาเยือนภูลังกานอกจากการขึ้นยอดเขาภูลังกาที่ “วนอุทยานภูลังกา” แล้ว ตรงจุดนี้ คือ จุดที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
เป็นจุดชมวิวเล็ก ๆ เพียงจุดเดียวที่อยู่ด้านหน้าของภูลังการีสอร์ท จุดเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่ให้ใครต่อใครหลงใหล และเดินทางมาเยือนกันอย่างไม่ขาดสาย
ทะเลหมอกตรงจุดนี้ คือ ความยิ่งใหญ่ที่สวยงาม การมาเยือนภูลังกาในฤดูร้อน แม้จะไม่มีทะเลหมอกให้เชยชม แต่การได้เห็นภูเขาลูกนั้นก็ทำให้ผมสุขใจแล้ว
กับวิวของบ้านพักภูลังการีสอร์ทในราคาเพียง 500 บาท นอกฤดูกาล นี่อาจเป็นบ้านพักที่ราคาถูกที่สุดในโลก
ดอกไม้งามคู่กับวิวสวย เป็นสิ่งที่เพิ่มคุณค่าของการเดินทางให้สมบูรณ์มากขึ้น
วันนี้เป็นวันที่ 5 ของการเดินทางทริปล่องเหนือของผมแล้ว ผมไล่เที่ยวมาตั้งแต่วัดผาซ่อนแก้ว ลำน้ำเข็ก ไร่บุญรอด ภูชี้ฟ้า และผมคงค้างคืนที่ภูลังกาแห่งนี้สัก 2 คืน เพราะรู้สึกสบายใจและรู้สึกดีกับที่นี่
ได้พูดคุยกับพี่คนดูแลภูลังการีสอร์ทแบบเป็นกันเอง ทำให้รู้สึกดีเพิ่มยิ่งขึ้น กับการเดินทางไปยังต่างถิ่น มิตรภาพไม่ใช่เรื่องที่หาได้ยากสำหรับคนต่างจังหวัด ใบเบิกทาง คือ รอยยิ้ม และการยกมือไหว้
พี่คนดูแลรีสอร์ทเล่าให้ฟังว่า จุดชมวิวตรงนี้ถ้าเป็นปลายฝนต้นหนาวจะมีทะเลหมอกสวยงาม และอลังการมาก ๆ ช่วงวันหยุดยาว ๆ จะมีนักท่องเที่ยวมากางเต็นท์กันจนเต็มไปหมด
พี่คนดูแลรีสอร์ทยังเล่าต่ออีกว่า ในฤดูร้อนแบบนี้บางวันถ้าโชคดีมีฝนตกลงมาบ้างก็อาจมีสายหมอกบาง ๆ ที่ไหลลงมาจากภูเขา ทำให้สวยไปอีกแบบ แต่วันนี้คงเป็นวันที่โชคไม่ดีนักสำหรับผม
ผมถามเส้นทางกับพี่คนดูแลรีสอร์ทว่าควรกลับทางเดิมหรือไม่ พี่แนะนำว่าควรไปอีกเส้นทางที่มุ่งตรงไปยัง อ.ท่าวังผา แล้วจะมีทางออกไป จ.แพร่ ได้ หรือจะเข้า จ.น่าน แล้วแวะเที่ยวเมืองน่านก่อนก็ได้ แกยังกำชับอย่างจริงจังว่าถ้าไม่รีบมากนักควรไปเส้นทางนี้ เพราะจะเป็นเส้นทางที่สวยงาม และมีที่ให้แวะเที่ยวตลอดทาง
คำเชิญชวนของพี่ที่ดูแลรีสอร์ท กระตุ้นความรู้สึกให้อยากเดินทางอีกครั้ง แม้จะเที่ยวมาหลายวันแล้วก็ตาม เส้นทางใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยได้สัมผัส มีเสน่ห์ และความท้าทายซ่อนอยู่เสมอ
คงเหมือนทิวเขาที่สลับซับซ้อน ความรู้สึกเหมือนมีบางอย่างซ่อนอยู่ ไอหมอกบาง ๆ ตรงนั้น พืชสวนที่ปลูกเป็นแถว ๆ ตรงนั้น ซอกเขาตรงนั้นมีใครมองเราเหมือนที่เรามองไปหรือไม่ สิ่งต่าง ๆ ที่รวมตัวกันเป็นมนตร์เสน่ห์แห่งขุนเขาเช่นกัน
2 คืน กับการได้อยู่ที่ภูลังกา เหมือนได้อยู่ดินแดนในฝัน ตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่มีคลื่นโทรศัพท์ วิถีชีวิตแบบเรียบง่าย ชาวเขาผ่านไป-มา หอบหิ้วอุปกรณ์ทำไร่ทำสวน ดูแล้วก็มีความสุขกับชีวิตที่ไม่ต้องการความหรูหรา
เส้นทางเล็ก ๆ ข้างล่างที่ดูน่าตื่นเต้น และเป็นเส้นทางที่ผมกำลังจะไปสู่จังหวัดน่านตามคำชักชวนของพี่ที่ดูแลรีสอร์ท อีกหลายสิบกิโลข้างหน้าผมไม่รู้หรอกว่าหนทางจะเป็นยังไง และไม่ได้ตั้งเป้าหมายว่าจะไปที่ไหนต่อเมื่อถึงน่าน รู้แค่ว่าเป็นจังหวัดที่ผมต้องชอบแน่
จากด้านบนลงมาสู่ด้านล่าง ถนนสองเลนที่ทอดยาวสู่จังหวัดน่าน ยามเช้าแบบนี้สายหมอกรวยรินทักทายคนต่างถิ่นอย่างไม่ขาดสาย
จุดชมวิวเขตอุทยานฯ ถ้ำสะเถิน ตั้งอยู่ชิดติดริมถนนเมื่อผ่านภูลังกามาได้ไม่กี่กิโลเมตรนัก เชิญชวนให้ลงไปสัมผัสสิ่งพิเศษบางอย่าง เพิงนั่งพักหลังเก่ากับวิวทิวทัศน์แบบใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ถ้าเป็นฤดูหนาวต้องมีทะเลหมอกให้ได้เชยชมเป็นแน่
เส้นทางที่โค้งไต่ระดับความสูงขึ้นลงเขาดูสวยงาม ไม่ต่างจากวิวทิวทัศน์สองข้างทางที่โอบล้อมไปด้วยทิวเขา
นานครั้งจะมีรถสวนมาสักคัน ในความสวยงามอาจจะดูเปลี่ยวไปบ้าง แต่ก็เป็นอีกความทรงจำที่ดีที่สุด
ความทรงจำสำหรับเส้นทางที่สวยงาม ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางจากแม่สอดไปแม่เมย หรือเชียงรายไปอำเภอฝาง เชียงใหม่ ถ้าเทียบกับเส้นทางสายนี้แล้ว ผมว่าความสวยงามยังเป็นรองที่นี่
ถึงแม้จะเป็นฤดูร้อน ภูเขาก็ยังคงความเขียวตลอดเส้นทาง ทำให้สบายตาสบายใจจริง ๆ
แต่ก็มีบางส่วนที่ถูกแผ้วถางเพื่อทำการเกษตรกรรม แม้จะไม่เห็นด้วยนัก แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป
บางช่วงภูเขาโล้นเกลี้ยงเตียนเหลือไว้แต่พืชไร่ที่ปลูกกันเป็นแถว ๆ ดู ๆ ไปก็แปลกตาดีเหมือนกัน
กับการเดินทางทริปล่องเหนือผมเจอภูเขาลักษณะนี้เยอะเอามาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นเขาค้อเพชรบูรณ์ หรือเชียงรายก่อนขึ้นภูชี้ฟ้า ไล่จนมาถึงภูลังกา จนจะเข้าสู่จังหวัดน่าน
ระยะทางเกือบร้อยกิโลเมตรจากภูลังกามายังสองแคว ก่อนเข้าสู่ท่าวังผาจังหวัดน่าน ผมคิดว่าเป็นเส้นทางที่ทำให้การเดินทางมีแต่ความสุข
ความสุขที่ได้เห็นทิวทัศน์สองข้างทาง ได้เห็นธรรมชาติที่สวยงาม เห็นวิถีชีวิตชนบทที่แตกต่าง
ขุนเขาที่ผ่านมาลูกแล้วลูกเล่า บ่งบอกว่าเมืองไทยยังมีที่ให้ท่องเที่ยว ที่ให้ค้นหาอีกมากมาย ถ้าไม่เดินทางก็คงไม่มีวันรู้ได้เลย ระยะทางร้อยกว่ากิโลเมตรจากภูลังกามายังจังหวัดน่าน เป็นเส้นทางที่สวยงามจริง ๆ
จากน่านผมมายังอำเภอนาน้อย จุดหมาย คือ อุทยานแห่งชาติศรีน่าน ก่อนที่จะขึ้นไปยังอุทยานฯ ต้องผ่านดินแดนแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่า เสาดินนาน้อย แค่ชื่อก็ทำให้อยากเข้าไปสัมผัสซะแล้ว
ธรรมชาติเปรียบเหมือนจิตกรชั้นเอกที่บรรจงแต่งแต้มได้อย่างสวยงาม แท่งดินนับพันนับหมื่นดูอลังการแปลกตา แม้จะไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเชยชมมากนักก็ตาม
อุทยานแห่งชาติศรีน่านในวันนี้ดูเงียบเหงา ไม่มีนักท่องเที่ยวสักคน แม้จะเป็นวันหยุดก็ตาม
เป็นครั้งแรกที่ผมมาเยือนดอยเสมอดาว อุทยานแห่งชาติศรีน่าน จังหวัดน่าน กับการเดินทางและเส้นทางที่ไม่ยากลำบากมากนักกว่าที่คิดไว้ในตอนแรก
ด้านบนของจุดชมวิวดอยเสมอดาว ในยามที่ไม่มีทะเลหมอก เมื่อมองลงไปด้านล่างก็สวยงามไปอีกแบบ
ลานกว้างเขียวขจีที่ไม่มีใครมาเที่ยวเลย ลานนี้กำลังเป็นของผม และโลกใบนี้ก็กำลังเป็นของผมเช่นกัน
บรรยากาศในฤดูร้อนที่ไม่ร้อนมากนัก ลมพัดไปมาเย็นสบาย สีเขียวของต้นไม้ทำให้สบายตาสบายใจ
เรื่องราวบางอย่างในชีวิต กับบางช่วงเวลาที่เราต้องการอยู่เงียบ ๆ คนเดียว ช่วงเวลาแบบนี้ทำให้เราคิดทบทวนอะไรได้มากมาย
ตลอด 7 วัน ที่ผ่านมา กับการเดินทางบนเส้นทางธรรมชาติที่แตกต่างกันออกไป ทั้งสายหมอก ภูเขา สายน้ำ และต้นไม้ หล่อหลอมให้การเดินทางทุกย่างก้าวมีแต่ความสุข
ดอยเสมอดาวกับความสูงที่ไม่ต่างจากชื่อดอย รายล้อมไปด้วยไร่นา แปลงข้าวโพด พืชไร่ เลี้ยงวัว เมื่อมองลงไปข้างล่าง ดินแดนที่ชาวบ้านทำเกษตรกรรมกันเป็นหลัก อาศัยพึ่งพิงอิงแอบธรรมชาติ
ผาหัวสิงห์เอกลักษณ์หนึ่งของดอยเสมอดาว ยังคงตั้งตระหง่านอย่างโดดเด่น ท้าแดดลม
จากลาดินแดนแห่งความสวยงาม และจากลาการเดินทางทริปล่องเหนือ ถ้ามีโอกาสผมคงต้องกลับมาเยือนอีกครั้งอย่างแน่นอน
เส้นทางกลับผมใช้เส้นทางลงจากดอยเสมอดาวเข้าสู่อุตรดิตถ์ เพื่อไปยังกรุงเทพฯ เป็นเส้นทางที่เลาะชายแดนประเทศลาว ทางจะค่อนข้างเปลี่ยว และมีความสวยงามเอามาก ๆ รายล้อมด้วยทิวเขาน้อยใหญ่ เคยสงสัยว่าอุตรดิตถ์ทำไมได้ชื่อว่าเป็นเมืองลับแล เส้นทางนี้อาจจะเป็นคำตอบหรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่เป็นเส้นทางที่ลึกลับ กว่าจะออกจากขุนเขามาได้ต้องใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมงทีเดียว
ทุ่งนาสีเขียวขจียามฤดูร้อน ระหว่างทางอำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน สร้างความสุข ความสบายใจ ได้ดีทีเดียว
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชมเรื่องราวการเดินทางของผม ยังมีอีกหลายเรื่องราวในพื้นที่สีเขียว ไอหมอก และทิวเขา ตามแบบฉบับของผม
ม่วงมหากาฬ LIFE FOR TRAVEL
แล้วพบกันใหม่ในโอกาสต่อไปครับ สวัสดีครับ