x close

การจองตั๋วเครื่องบิน เรื่องน่ารู้สำหรับมือใหม่หัดบิน-มือเก่าบินเยอะ

จองตั๋วเครื่องบิน


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก คุณ art_sarawut สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม 

          เพราะสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ทั่วโลกมีอยู่มากมาย และเพื่อเป็นการประหยัดเวลา นักท่องเที่ยวหลายคนจึงมักเลือกเดินทางด้วย "เครื่องบิน" เพราะเป็นการประหยัดเวลา รวมทั้งเป็นการเซฟร่างกายให้สามารถใช้เวลาในการท่องเที่ยวได้อย่างเต็มทีอีกด้วย แต่สิ่งสำคัญในการสำรองตั๋วเครื่องบินสำหรับเดินทางในแต่ละครั้งนั้น ยังมีเพื่อน ๆ หลายคนยังไม่เข้าใจ และยังไม่ทราบข้อมูลกันอยู่ในบางขั้นตอน ดังนั้น เราหยิบเอาข้อมูลดี ๆ ของ คุณ art_sarawut สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้บอกเล่าเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับขั้นตอนและวิธีการจองตั๋วเครื่องบินก่อนออกเดินทางแต่ละครั้งมาบอกกัน ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้น ตามเราไปดูกันเลยจ้า


         สวัสดีครับ ผมทำงาน Ticketing อยู่สายการบินหนึ่ง และคิดว่ามีบางอย่างที่คนมาใช้บริการไม่ทราบกันเยอะพอสมควร เลยคิดว่าน่าจะนำมาเผยแพร่ แต่ท่านไหนที่เดินทางบ่อย ๆ แล้วก็คงจะทราบดีล่ะครับ เรื่องเบสิกพื้นฐาน


1. ราคาบัตรโดยสาร (ตั๋วเครื่องบิน)


         ราคาบัตรโดยสารของเครื่องบิน ไม่ใช่ราคาเดียวทั้งลำครับ นอกจากจะแบ่งเป็น "ชั้นประหยัด" กับ "ชั้นธุรกิจ" อย่างที่คนส่วนใหญ่ทราบกันดีแล้ว ในชั้นนั้นยังแบ่งราคาออกยิบย่อยอีกมากมาย ผมจะจำแนกให้ดูนะครับ เช่น สมมุติเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ในชั้นประหยัด จะยังมีราคายิบย่อยลงมาอีก 11 ราคา ไล่จากถูก-แพง จากซ้ายไปขวาเลยครับ

          B G V Q / H T L / N K M Y

         ในกลุ่ม 4 ตัวอักษรแรก เป็น "ราคาโปรโมชั่น" ที่เห็นโปรโมทตามเว็บไซต์กับแผ่นพับนั่นล่ะครับ เช่น สมมุติ B อาจจะราคา 1,490 บาท และกลับกัน ราคา Y จะเรียกว่า "ราคาเต็ม" ราคาอาจจะราว 3,590 บาท เป็นต้น

         ราคาตั้งแต่ B ไปจนถึง Y ก็จะไล่ขึ้นไปเป็นขั้นบันได ดังนั้น เวลาผู้โดยสารจะสำรองที่นั่ง เจ้าหน้าที่จึงจะถามให้ละเอียดว่าจะเดินทางวันไหน เวลาไหน เพื่อจะได้แจ้งราคาได้ถูก เพราะแต่ละเที่ยวบินก็จะเหลือที่นั่งไม่เท่ากัน เส้นทางเดียวกันแท้ ๆ เวลาห่างกัน 2 ชั่วโมง คุณอาจได้ราคาถูกลงหรือแพงขึ้นเป็นหลักพันได้สบาย ๆ ครับ

         และราคาบัตรโดยสารโปรโมชั่น B G V Q เหล่านี้ ก็ไม่ได้มีทุกเส้นทาง หรือไม่ได้มีตลอดเวลานะครับ บางเส้นทางไม่มี บางเส้นทางอาจมีขายที่ราคาตั้งแต่ H ขึ้นมาจนถึง Y เช่นนี้เป็นต้น

         สิ่งที่พบบ่อย คือ ผู้โดยสารชอบเข้าใจผิด คิดว่ามันเหมือนราคาแบบรถทัวร์หรือรถตู้อะไรทำนองนั้น คือจะถามลอย ๆ ว่า เส้นทางนี้ราคาเท่าไหร่ ? เจ้าหน้าที่ก็จะตอบไม่ได้ เพราะไม่มีวันและเวลาที่แน่นอน อย่างที่เรียนไปข้างต้นครับ เส้นทางเดียวกันแท้ ๆ แต่ราคาอาจต่างกันถึง 2 เท่า ได้สบาย ๆ ในคนละวันเวลากันครับ

        ตรงนี้ก็คงต้องอยู่ที่ผู้โดยสารนั่นล่ะครับ ว่ากำหนดเงื่อนไขของตัวเองไว้ที่ตรงไหน ระหว่าง "วันเวลาเดินทาง" หรือ "ราคา" ถ้าราคาสำคัญ ต้องการของถูก เราก็สามารถไล่หาให้ได้ว่าวันไหนที่มีที่นั่งราคาโปรโมชั่น กลับกัน ถ้าวันเวลาเดินทางสำคัญกว่า เราก็แจ้งให้ทราบได้ว่าราคาของวันนั้น ๆ เท่าไหร่ แต่อาจจะไม่ได้ราคาโปรโมชั่นนั่นเอง

2. ชั้นประหยัดเหมือนกันแท้ ๆ แล้วมันต่างกันยังไง ?

         สิ่งแรกและสิ่งสำคัญที่แตกต่าง ก็คือ "เงื่อนไขบัตรโดยสาร" ครับ เช่น ราคาโปรโมชั่น B คลาส ราคาต่ำสุด คุณอาจจะเปลี่ยนวัน/เวลาเดินทางไม่ได้เลย ถ้าไม่เดินทางก็ขอคืนเงินไม่ได้

         ทั้งนี้ ในส่วนของเงื่อนไขบัตรโดยสาร เราจะดูตามสิ่งที่เรียกว่า Fare Basis เช่น BFTH ตัวแรก ก็คือ คลาส B ตัวที่ 2 ตัว F จะบอกว่า Fix Flt/Date ก็คือ เปลี่ยนแปลงวันเวลาไม่ได้ และสุดท้าย TH ก็คือ การบอกว่า Fare นี้ขายในไทยนั่นล่ะครับ (ถ้าเป็นบัตรโดยสารของเด็ก ก็จะมี CH (Children) ต่อท้ายมาด้วย) หรือสมมุติ GXNTH ที่คุณจะเดินทางได้เฉพาะวันจันทร์-พฤหัสบดี เป็นต้น แต่เปลี่ยนแปลงวัน/เวลาเดินทางได้ โดยมีค่าธรรมเนียม+ส่วนต่าง ส่วนต่างนี้ ก็คือ สมมุติคุณเปลี่ยนแปลงวันเดินทาง แล้วไม่ได้ที่นั่งราคาเดิม คุณก็จะต้องชำระส่วนต่างของบัตรที่นั่งราคาใหม่นั่นเอง

         คำถามที่ว่า แล้วถ้าเปลี่ยนแล้วได้ที่นั่งถูกลงล่ะ อันนี้สายการบินไม่อนุญาตให้ downgrade นะครับ 555 ยกเว้นลดจาก Business มาเป็น Economy (ตัวเต็ม) ก็จะทำได้ และคืนส่วนต่าง

         ส่วนกรณีที่เป็นความผิดของสายการบินเอง เช่น เปลี่ยนเที่ยวบินเองเสียอย่างนั้น ตรงนี้เปลี่ยนฟรีครับ

         อีกตัวอย่างของเงื่อนไขโปรโมชั่น คือ เช่น บินไฟลท์เช้าสุด หรือดึกที่สุด ตรงนี้ก็อาจจะมีราคาโปรโมชั่นเหมือนกัน แต่อย่างที่เรียนไป คือ โปรโมชั่นต่าง ๆ ไม่ได้มีทุกเส้นทางและตลอดเวลานะครับ ต้องดูให้ดี ๆ ว่าเส้นทางไหนเวลาอะไร

         สรุปกว้าง ๆ จะแบ่งเป็น (เปลี่ยนแปลงไม่ได้/ขอคืนเงินไม่ได้), (เปลี่ยนแปลงได้มีค่าธรรมเนียม+ส่วนต่าง/ขอคืนเงินไม่ได้), (เปลี่ยนฟรี/ขอคืนเงินได้มีค่าธรรมเนียม) ตรงนี้ยังไงระหว่างการสำรองที่นั่ง เจ้าหน้าที่เขาจะแจกแจงให้ฟังเองครับ ถ้าทราบแล้วก็บอกเขาก็ได้นะ จะไม่ถือว่าเขาทำผิด แต่ถ้าเจ้าหน้าที่ลืมแจ้งเอง อันนี้จะถือว่ามีความผิดทันที

         อีกความแตกต่าง ก็คือ "การเลือกที่นั่ง" ทุกราคาจะได้สิทธิ์พื้นฐานเหมือนกัน คือ เลือกที่นั่งเองได้ผ่านเว็บไซต์ หรือ Web Check-In นั่นเอง แต่ เช่น ราคาต่ำ ๆ ก็จะถูกล็อกให้นั่งเฉพาะส่วนหลังของเครื่อง เป็นต้น ส่วนพวกราคาสูง ๆ จะนั่งตรงไหนก็ได้ตามใจชอบ และถ้าหากโทรไปสำรองที่นั่งกับเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จะเลือกที่นั่งให้ได้เฉพาะบัตรโดยสารที่ราคาสูงขึ้นไปหน่อย เช่น อาจจะตั้งแต่ H คลาสขึ้นไป ส่วนถ้าต่ำกว่านั้น เจ้าหน้าที่จะเลือกให้ไม่ได้ และจะบอกให้ผู้โดยสารไปเลือกเองผ่านเว็บไซต์ เป็นต้น


         ** ในส่วนของเงื่อนไขบัตรโดยสารของท่านนะครับ ผมแนะนำให้จำให้ดี ๆ เพราะเคยมีกรณีแบบผู้โดยสารจะเปลี่ยนแปลงเที่ยวบิน แล้วไม่พอใจที่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม ซึ่งในระบบโชว์ไว้ชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่แจ้งเงื่อนไขบัตรโดยสารไปแต่แรกแล้ว แต่ผู้โดยสารไม่ค่อยฟังกัน **

         (* อนึ่ง ต่าง ๆ เหล่านี้อาจจะไม่เหมือนกันในแต่ละสายการบินนะครับ)

 การจองตั๋วเครื่องบิน เรื่องน่ารู้สำหรับมือใหม่หัดบิน-มือเก่าบินเยอะ

3. เผื่อเวลานิด เวลาสำรองที่นั่ง

         เจอบ่อย ๆ ผู้โดยสารที่จะบินวันนี้ก็โทรมาจองวันนี้ แล้วก็ไม่พอใจเวลาไม่ได้ราคาโปรโมชั่นถูกสุด ๆ ตามโฆษณา ซึ่งก็อย่างที่เรียนไปแล้วครับว่าพวกราคาโปรโมชั่นมันก็หมดไว จึงควรสำรองที่นั่งแต่เนิ่น ๆ นะครับ ที่เคยเจอโหดสุด ๆ นี่ก็มี แบบจะบินในอีก 2 ชั่วโมง โทรมาสำรองที่นั่ง พระเจ้า ! ตรงนั้นเราก็ทำให้ไม่ได้แล้ว ต้องไปติดต่อหน้าเคาน์เตอร์สนามบินเองเลย ซึ่งจะทันหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะขั้นต่ำมันต้องอย่างน้อย 2 ชั่วโมง คือจริง ๆ แล้ว ขนาดคนที่มีบัตรโดยสารแล้ว แค่การไปเช็กอินที่สนามบิน เขาก็ต้องไปล่วงหน้า 1 ชั่วโมง 30 นาที สำหรับในประเทศ และ 2 ชั่วโมง สำหรับต่างประเทศอยู่แล้วนะ กระชั้นชิดขนาดนั้นก็ไม่ไหวนะฮะ ยิ่งช่วงนี้มีม็อบ เราก็ได้รับการแนะนำให้แจ้งผู้โดยสารให้เผื่อเวลาเพิ่มอีก 1 ชั่วโมง อีกต่างหาก

        อีกเรื่องที่ดีสำหรับการสำรองที่นั่งล่วงหน้า ก็คือ ยิ่งทำล่วงหน้านาน ยิ่งมี "Time Limit" ในการชำระเงินมากเท่านั้น คือ ปกติเราสำรองที่นั่งไว้เก๋ ๆ แต่ไม่จ่ายเงินก็ได้นะครับ มันจะมีเส้นตายให้จ่ายเงิน ถ้าไม่จ่าย booking ก็ตัดไปเอง จบ อย่างที่หลายท่านสำรองที่นั่งกระชั้นชิดมาก ระบบก็ตั้ง Time Limit นี้กระชั้นชิดตามไปด้วย เช่น อาจจะภายใน 2 ชั่วโมง (หลังจากสำรองที่นั่งเสร็จ) บางคนก็เลยจะบ่นว่าเร็วจัง กลับกัน เช่น สมมุติว่าสำรองที่นั่งล่วงหน้า 1 อาทิตย์ ก็อาจได้เวลาในการชำระเงินเป็น 3 วัน หรือถ้าสำรองล่วงหน้าชนิด 3 เดือน ก็อาจได้เวลาในการชำระเงินยาว ๆ เป็นภายใน 21 วัน อะไรแบบนั้นเป็นต้น

4. รายละเอียดของโปรโมชั่น

        ถ้าหากคุณบังเอิญเห็นโปรโมชั่นอะไรสักอย่างแล้วสนใจมาก แนะนำให้จำ "ชื่อโปรโมชั่น" แล้วติดต่อเจ้าหน้าที่ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม มันจะมีสิ่งที่ต้องสนใจ ก็คือ

        1.) กรอบเวลาในการสำรองนั่ง เช่น โปรฯ นี้ต้องสำรองที่นั่งระหว่าง 15 พ.ค.-20 ก.ค. เป็นต้น นอกเหนือจากนี้ก็จะไม่ได้โปรฯ นี้

        2.) กรอบเวลาในการเดินทาง เช่น โปรฯ นี้ ต้องบินระหว่าง 20 พ.ค.-30 ก.ค. เป็นต้น ถึงสำรองที่นั่งในวันข้างบน แต่ไม่บินในกรอบวันเวลานี้ก็ไม่ได้อีก

        ตรงนี้บางทีเป็นปัญหา เพราะหลาย ๆ คนก็จำแต่ราคากับเส้นทาง ติดต่อมาก็บอกเลย โอ้ย ! เส้นทางนี้เห็นโปรฯ ราคาแค่ 1,990 บาท ไหงนี่มันตั้ง 3 พัน โดยไม่ทราบว่าโปรฯ หมดไปแล้วบ้าง หรือไม่ได้บินในกรอบเวลาของโปรฯ บ้าง ยังไงตรงนี้ผมแนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลให้ละเอียดก่อนเดินทาง และรีบสำรองที่นั่งแต่เนิ่น ๆ เพื่อป้องกันที่เต็ม อย่าลืมนะครับ ถึงจะทำตามเงื่อนไขของโปรฯ ทุกอย่าง ก็อาจยังไม่ได้บัตรโดยสารในราคาโปรฯ เพราะเหตุผลง่าย ๆ ว่า "ที่เต็ม" เศร้ากันไปเลยนะ

        คำถามที่ก็เจอค่อนข้างบ่อยและตอบยาก คือ "เส้นทางนี้มีโปรฯ ไหม ?" มันตอบยาก เพราะไม่ระบุวันมาด้วย อย่างเช่น ถ้าเราตอบ โดยนึกเอาเองว่าเป็นวันนี้ ตอบไปว่าไม่มีโปรฯ ครับ ปรากฏว่าผู้โดยสารจะเดินทางในอีก 15 วัน ซึ่งอยู่ในช่วงโปรฯ เราก็จะซวยไปอีก ดังนั้น การสอบถามเรื่องโปรโมชั่นก็เหมือนการสำรองที่นั่งครับ คือ ควรแจ้งทั้งเส้นทางและวันที่ต้องการเดินทางไปด้วยเลย หรือถ้ามีชื่อโปรโมชั่นมา เจ้าหน้าที่ก็จะบอกเงื่อนไขโปรฯ ให้เอง

5. เราต้อง Verify ข้อมูล

         อะไรคือการ Verify ข้อมูล ? ก็คือ กรณีที่มีคนโทรเข้ามาสอบถามเรื่อง Booking ต้องการทำการอะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะสอบถามข้อมูล, เปลี่ยนแปลง, ยกเลิก อะไรก็ตาม มันมีผลต่อผู้โดยสาร ถูกต้องไหมครับ ? ตรงนี้ เราจะรู้ได้อย่างไรว่า "คนที่โทรเข้ามาจะเป็นผู้โดยสารตัวจริง" กันล่ะ...........?

        "แล้วคนบ้าที่ไหนจะโทรไปจัดการเรื่องการสำรองที่นั่งของคนอื่น ?" บางท่านอาจจะกำลังคิดเช่นนี้ใช่ไหมครับ

         สมมุติว่าสามีจะนั่งเครื่องบินไปเที่ยวกับภรรยาน้อย...เท่านี้คงพอเห็นภาพนะครับ ภรรยาหลวงโทรมา สอบถามวัน-เวลาเดินทาง แล้วไปดักตบที่สนามบิน...อันนี้เรื่องจริงเสียด้วยนะครับ 55555 ดังนั้น ทุกครั้งที่คนโทรเข้ามา เราก็เลยต้องถามรายละเอียดของการสำรองที่นั่งนั้น ๆ เพราะอย่างบางคนอาจจะไปแอบรู้มาแค่บางอย่าง เช่น จะไปไหน แต่ไม่รู้วัน/เวลา (ไปดักตบ) รู้แค่ชื่อ (สามี) อะไรแบบนี้

        มีหลายท่านมากกกกกกกกกกก ที่ไม่เข้าใจ บางทีกระฟัดกระเฟียดใส่เจ้าหน้าที่ แบบทำไมเนี่ยสำรองที่นั่งไปแล้ว ไม่เจออีกเหรอเนี่ย ฯลฯ คือจริง ๆ เราเจอแล้ว แต่ต้องถามน่ะครับเพื่อความปลอดภัย สิ่งที่ต้องถามก็เช่น ชื่อ/สกุลผู้โดยสาร, เส้นทาง, วัน-เวลา แค่นี้ก็ถือว่าผ่านแล้ว

        ในทางตรงกันข้าม ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่ถามข้อมูลแล้วทำอะไรลงไป ซึ่งบางทีมันมากกว่าแค่การให้ข้อมูล เช่น อาจจะยกเลิกเที่ยวบิน, เปลี่ยนแปลงเวลาบิน คิดดูนะครับอันนี้เรื่องใหญ่เลย ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงต้อง "Verify" ข้อมูลก่อนทุกครั้งนั่นเอง เสียเวลาไม่กี่วินาที หวังว่าคงเข้าใจนะครับ

6. นอกเรื่อง

        เจ้าหน้าที่ Ticketing ไม่ได้ Commission นะครับ 555 ไม่มี incentive ด้วย และไม่มี "เป้า" หรือ "ยอด" อีกด้วย ดังนั้น ถ้าเราแนะนำว่าให้สำรองที่นั่งอะไรแบบนี้ ก็ขอให้เชื่อได้เลยว่าแนะนำเพราะหวังดีจริง ๆ เราไม่มีส่วนได้ส่วนเสียนะครับ 5555

        ถ้าผู้โดยสารเป็นสมาชิกอะไรสักอย่างของสายการบิน บอกเลขสมาชิกเลยก็ง่ายดีนะครับ บางทีอย่างผมเองไม่ได้ถาม ก็ทำไปจนเสร็จ ผู้โดยสารเพิ่งนึกได้บอกเลขสมาชิกมา อ้าว ! ดันสะกดชื่อไม่ตรงกันกับที่เขาบอกมาตะกี้ มึนเลยทีนี้

        พูดถึงเรื่องชื่อ ถ้าจะสำรองที่นั่ง แนะนำให้ถือบัตรประชาชนไว้เลยครับ เราต้องการชื่อสะกดเป็นภาษาอังกฤษที่ตรงกับบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต แล้วเจ้าหน้าที่เค้าจะทวนให้เอง เป็น alphabet แบบ "ชื่อคุณธวัชชัยนะคะ สะกดเป็น ที ไทยแลนด์, เอช ฮ่องกง, เอ อเมริกา..." ประมาณนี้ ตรงนี้ตอนเจ้าหน้าที่ทวน แนะนำให้ตั้งใจฟังนะครับ ระวังชื่อผิดนะ

        อีกเรื่องที่เคยโดนถามพอสมควร คือ สามารถเปลี่ยนชื่อผู้โดยสารได้หรือไม่ คำตอบ คือ ไม่ได้ นะครับ ชื่อใครอยู่บนบัตรโดยสาร คนนั้นต้องบินเองเท่านั้น ไม่มียกสิทธิ์ให้คนอื่นนะ

        ถ้าคุณมีกระเป๋าราคาแพง หรือกีตาร์สุดหวง คุณสามารถ "ซื้อที่นั่ง" ให้สิ่งของเหล่านั้นได้นะครับ (รวยเสียอย่างทำอะไรไม่น่าเกลียดนะครับ 5555)

        ไม่อนุญาตให้สัตว์อื่นนอกจาก "สุนัข" กับ "แมว" ขึ้นเครื่องนะครับ (อาจจะแล้วแต่สายการบินด้วยนะ)

        ถ้าการสำรองที่นั่งของคุณ "จัดเต็ม" มาก เช่น อาจจะ 8 คน 3 บุ๊คกิ้ง ไปด้วยกัน แยกกันกลับ คนละเส้นทาง คนละวัน/เวลา มีครบทั้งผู้ใหญ่, เด็ก, ทารก ขออาหาร, ขอวีลแชร์, ขอเลือกที่นั่ง ฯลฯ รายละเอียดเยอะหน่อย ก็อาจจะใช้เวลานิดนึงในการสำรองที่นั่งนะครับ ใจเย็น ๆ นิดนึง คือจะบอกว่าการสำรองที่นั่ง ทุก ๆ รายละเอียดนี่เราต้องใส่หมดเลย เป็นเด็กก็อย่างหนึ่ง ทารกก็อย่างหนึ่ง ไปด้วยกันก็ต้องใส่ข้อมูล ขออาหารก็ต้องใส่ ขอวีลแชร์ อะไรต่าง ๆ เหล่านี้มันจะค่อนข้างละเอียดและผิดพลาดไม่ได้ เจ้าหน้าที่เลยอาจจะต้องใช้เวลาบ้างนะครับ ปกติถ้าอย่างง่าย ๆ เลยแค่ไม่ถึง 5 นาที ก็เสร็จครับ


        ตอนนี้นึกออกแค่นี้...สวัสดีครับ



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
การจองตั๋วเครื่องบิน เรื่องน่ารู้สำหรับมือใหม่หัดบิน-มือเก่าบินเยอะ อัปเดตล่าสุด 15 พฤษภาคม 2557 เวลา 17:28:46 262,704 อ่าน
TOP