บนทางคลื่นและแรงลม ท่าเลน เกาะห้อง แหลมจมูกควาย

กระบี่

กระบี่

กระบี่

บนทางคลื่นและแรงลม ท่าเลน เกาะห้อง แหลมจมูกควาย (อ.ส.ท.)

"Jungle Man"...เรื่อง
หัสชัย บุญเนือง, สุทธา สถาปิตานนท์ และยศวัฒน์ เกษมถิรกุล...ภาพ

          น้ำทะเลกำลังขึ้น เปลือกหอยเล็ก ๆ ที่ถูกคลื่นซัดเป็นแนวเมื่อน้ำขึ้นคราวก่อน กำลังจะจมหายไปอย่างช้า ๆ แสงแดดของยามบ่ายทอดตัวไปหลังทิวเขาเงาร่มครึ้มตกลงมาห่มหาดทราย ลมทะเลพัดแผ่วโชยฉิว เรือหางยาวที่จอดอยู่เต็มชายหาดเริ่มทยอยออกไปทีละลำ นักท่องเที่ยวค่อย ๆ ทยอยออกไปจนชายหาดสงบ เสียงนกร้องเบา ๆ ดังสลับกับเสียงคลื่นที่พลิ้วกระทบฝั่ง ไม่นานนักท้องฟ้าก็เริ่มคลี่ม่านของยามค่ำลงห่มคลุมท้องทะเล และพระจันทร์ก็ส่องแสงกระจ่างขึ้นที่ริมขอบฟ้า ความงดงามของทะเลในช่วงพระจันทร์เต็มดวงดูอ่อนหวานยิ่งนัก...

กระบี่

ทางของเกลียวคลื่น

          แสงของเช้าตรู่วันนั้นช่างน่าจดจำยิ่งนัก เรายืนมองแสงของวันเปลี่ยนแปลงไปอย่างช้า ๆ พร้อมกับเกลียวคลื่นที่ค่อย ๆ ม้วนตัวเข้าหาฝั่งมองไปไกล ๆ คล้ายทะเลโยกไกวอยู่ตลอด ดอกไม้แห่งท้องทะเลสีขาวเหนือยอดคลื่นปรับสีไปตามเวลาของพระอาทิตย์ที่สาดแสงแรงขึ้น จวบจนฟ้าสีชมพูปรับเป็นเหลืองอมส้ม จนกลายเป็นฟ้าสีน้ำเงินเข้ม ตัดกับผืนน้ำสีเขียวมรกต

          เรานั่งมองเกลียวคลื่นม้วนเข้าหาฝั่งลูกแล้วลูกเล่าพร้อม ๆ กับเสียงนกเล็ก ๆ บินเข้ามากินลูกไม้ที่สุกอยู่ริมชายหาด ฟ้าสอดประสานกันอย่างลงตัว เสมือนกับผืนป่าอุดมสมบูรณ์ที่มาบรรจบกับท้องทะเล มันให้ความรู้สึกลงตัวอย่างยิ่ง ในความรู้สึกงดงามเช่นนี้ จะมีอะไรจะดีไปกว่าให้หัวใจได้ซึมซับไว้อย่างอิ่มเอม


          ชายหาดขาวสะอาดมีเปลือกหอยเล็ก ๆ ที่โดนน้ำชัดขึ้นมาด้านบนมีหลากหลายแบบ หลายชนิด เราอาจไม่เคยเห็นตัวเป็น ๆ ของหอยเหล่านี้เลยด้วยซ้ำ ทว่าแค่เปลือกที่พวกเขาทิ้งไว้ให้ดูยามที่ได้ทิ้งชีวิตไปแล้วก็ยังมีความงดงามอย่างมาก หลายคนอยากจะเก็บไปร้อยเป็นโมบายไว้บนหน้าต่างให้ลมพัดได้ยินเสียงเบา ๆ หลายคนอยากจะเก็บตัวเล็ก ๆ สักตัวไปวางไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือ และมีบ้างที่จะเอาทราย ปะการัง เปลือกหอยใส่ขวดใส ๆ เอาไว้บนโต๊ะทำงาน เพื่อว่าพลังแห่งท้องทะเลจะช่วยให้ผ่านชีวิตเมืองไปได้ ทว่าส่วนใหญ่จะเก็บสิ่งดังกล่าวด้วยภาพถ่าย ความทรงจำมีทรงคุณค่ายิ่งกว่าจะเก็บความงามเหล่านี้จากหาดทราย

กระบี่


          ผมยังคงนั่งนิ่งมองไปบนชายหาด น้ำทะเลและริ้วคลื่นซัดเอาสิ่งต่าง ๆ ขึ้นมา และนำพาสิ่งต่าง ๆ ไปจากชายหาดด้วยเหมือนกัน รอยเท้าของนักเดินทางเมื่อวานหายไปจากชายหาด เหลือเพียงทรายละเอียดที่คลุกเคล้าไว้กับส่วนผสมจากอื่น ๆ ให้ดู เพราะได้หายไปพร้อมกับช่วงเวลาที่น้ำทะเลขึ้นสูงสุด จนถึงช่วงเวลากลางวันแดดจัด น้ำใส รอยเท้าของเหล่านักเดินทางจะประทับลงบนผืนทรายอีกครั้ง...



          ไกลออกไปนอกอ่าว เรือหลายลำมุ่งหน้าเข้ามายังชายหาด ระลอกคลื่นลูกใหญ่ ๆ ถั่งโถมมาพร้อมแสงแดดและนักท่องเที่ยว ผมหยิบหน้ากากดำน้ำและฟิน เพื่อลงไปมองหาสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่เราจะเห็นได้จากการดำน้ำตื้น ซึ่งแน่นอนว่าความแปลกตาของโลกใต้ทะเลทำให้เราตื่นเต้นได้เสมอ ทว่าหลายคนกล่าวว่า "การเดินทาง บางครั้งไม่ได้จำเป็นว่าต้องเห็นอะไร หรือพบกับอะไร หรืองามเพียงใด แต่ทริปนั้นเราไปกับใครมากกว่า"

          ...คุณคิดแบบไหน มีโอกาสมาบอกกล่าวกันบ้างนะครับ...

กระบี่

เกาะห้องในโอบกอดของเกลียวคลื่น

          พวกเราขึ้นจากการดำน้ำตื้นเพื่อไปจัดการกับมื้อเช้าง่าย ๆ ซึ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับนักท่องเที่ยวที่ทยอยเข้ามาถึงเกาะห้อง นักท่องเที่ยวชาวรัสเซียดูจะเป็นกลุ่มคนที่เยอะสุดในช่วงนี้ ที่มาท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งเมื่อขึ้นมาถึงกฎกติกาต่าง ๆ ในการเข้ามาใช้พื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติ เพื่อให้ธรรมชาติถูกรบกวนน้อยที่สุด และเน้นย้ำให้เข้าใจในการอนุรักษ์ธรรมชาติ

          แดดเช้ายังไม่ร้อนมากนัก ในช่วงเวลาที่เราลากเรือคายักสีสดใสลงไปยังชายหาด อุปกรณ์ถ่ายภาพได้รับการตรวจเช็กและใส่ไว้ในถุงกันน้ำ เพื่อป้องกันความเสียหาย จากนั้นก็เริ่มต้นสัมผัสเรื่องราวของเกลียวคลื่นที่ยังคงซัดต่อเนื่อง แดดแผ่ออกไปเต็มหน้าอ่าว

          จากหน้าหาดเราพายคายักออกไปทางด้านซ้ายมือของเกาะห้อง เพื่อลัดเลาะกำแพงหินเข้าไปยังลากูน หรือพื้นที่ภายในของเกาะซึ่งโอบล้อมเอาไว้เป็นห้องสวยงาม สองมือของเรายังคงจ้วงฝีพายไปเป็นจังหวะพร้อมเพรียงกันของคน 2 คน ที่นั่งบนเรือลำเดียวกัน เพราะหากว่าพายไม่พร้อมกัน เรือลำเล็กก็คงไม่พุ่งไปข้างหน้า แต่หัวเรือจะแกว่งซ้าย-ขวา และหากว่านั่งไม่มั่นคงหรือทรงตัวไม่ดี เรือก็อาจพลิกคว่ำได้อย่างง่ายดาย ยิ่งในช่วงที่คลื่นสูงเมื่อออกไปพ้นแนวหลบลม

กระบี่

          บนผืนผาหินสูงชันมีพรรณไม้ต่าง ๆ มากมายขึ้นอยู่ เช่น จันทน์ผากอใหญ่ ๆ สลัดได และกล้วยไม้ในสกุลกะเรกะร่อนกอใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่าด้วยความงดงามของสังคมป่าที่อยู่ในท้องทะเล ทำให้มีความน่าสนใจอย่างยิ่ง ทั้งในเรื่องของการปรับตัวเพื่อดำรงชีพ เนื่องจากมีความเค็มของน้ำทะเลปริมาณมากเป็นตัวแปร แน่นอนว่าพืชเหล่านี้ได้มีวิวัฒนาการร่วมกันกับแหล่งอาศัยมานานหลายล้านปี จนอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน

          สำหรับส่วนของลากูนของเกาะห้อง หากมาตรงกับช่วงน้ำลง จะมีโอกาสเห็นหาดทรายสีขาวที่จะโผล่ขึ้นมาเมื่อน้ำลดลง เป็นความสวยงาม แปลกตาที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้ความสนใจอยากมีประสบการณ์ในช่วงเวลาพิเศษแบบนั้น สำหรับกิจกรรมพายเรือคายัก นับได้ว่าได้รับความนิยมอย่างสูง เพราะใกล้ชิดธรรมชาติ สามารถทำเองได้อย่างเต็มที่ และไม่มีมลพิษทิ้งไว้เบื้องหลัง บริษัททัวร์ส่วนใหญ่จะนำเรือคายักใส่เรือใหญ่ และเอาลงให้นักท่องเที่ยวได้ใช้เมื่อใกล้ถึงบริเวณเกาะห้อง

          เราใช้เวลาอีกพักใหญ่ในการพายเรือรอบเกาะห้อง ซึ่งใช้พลังกายและแรงใจไม่น้อยเลย แต่เราก็ไม่ได้รีบร้อนไปไหน ค่อย ๆ พายไป ชมพรรณไม้ ถ่ายภาพ ดูตามริมหน้าผา ไปอย่างสบาย ๆ จนวนออกมายังหน้าหาดอีกครั้ง ความสุในชีวิตบางครั้งเราก็ต้องใช้ทั้งแรงกายและแรงใจแลกมา แต่มันก็คุ้มค่ามาก

          เราเก็บอุปกรณ์ต่าง ๆ เรียบร้อยก็เมื่อบ่ายแก่ ๆ และทางซีคายัคกระบี่ซึ่งช่วยดูแลและสนับสนุนเราในเรื่องของการทำงานจะมารับกลับไปยังฝั่ง เพื่อเตรียมตัวลุยจุดพายเรือยอดฮิตของกระบี่อีกแห่ง...

กระบี่

เลียบเลาะท่าเลน

          เช้าของวันใหม่บริเวณอ่าวท่าเลน จุดเริ่มต้นพายคายักยอดนิยมของจังหวัดกระบี่ ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่ยอมพลาดกิจกรรมนี้ และมีผู้ให้บริการอยู่หลายบริษัทในราคาใกล้เคียงกัน จะต่างกันก็เพียงเรื่องของการบริการ หรือลูกเล่นต่าง ๆ ที่นำมาเสนอเป็นออปชั่นเสริมเท่านั้นเอง

          คราวนี้ผมได้เดินทางไปกับซีคายัคกระบี่ ที่ดำเนินการด้านนี้มากกว่าสิบปี จึงมีความน่าเชื่อถือและมีลูกค้าเนืองแน่นทุกวัน เมื่อได้เวลาไกด์ก็พาเราพายออกไปจากท่าเรือ ตัดผ่านเนินทรายกลางปากอ่าวท่าเลน แล้วเลาะเข้าหาทิวเขาหินปูนที่ตระหง่านง้ำอยู่เบื้องหน้า แสงแดดของยามเช้ายังคงสบาย ๆ ส่วนที่ยังไม่เป็นเงาก็ทอดทาบลงแผ่นน้ำทะเลสีเข้ม เราพายเรือกันไปอย่างไม่เร่งรีบนัก และหยุดให้ช่างภาพนำหน้าไปยังบริเวณที่เล็งไว้ในการถ่ายภาพเป็นครั้งคราว

กระบี่

          การถ่ายภาพพายเรือคายักจากในลำเรือทำได้ค่อนข้างยาก เพราะเรือโคลงเคลง รวมทั้งการหยุดเรือให้นิ่งจริง ๆ ทำได้ยากมาก การเพิ่ม ISO และเปิดหน้ากล้องกว้าง ๆ ช่วยให้ความไว้ชัตเตอร์สูงขึ้น ซึ่งทำให้ภาพคมชัด ลดการสั่นไหวจากความไวชัตเตอร์ต่ำ

          เราเลี้ยวซ้ายเลียบเลาะแอ่งหินปูนขนาดใหญ่อย่างสบาย ๆ ลมพัดอ่อน ๆ ประสานกับคลื่นลูกเล็ก ๆ ทำให้พายไปได้อย่างไม่เหนื่อยมากนัก และเราก็มาจอดพักในบริเวณชายหาดเล็ก ๆ ที่ซุกตัวอยู่ด้านหลังภูเขาหินปูน จุดนี้จะมีนักท่องเที่ยวมาแวะเพื่อพักเหนื่อยและเก็บภาพกันเสมอ ซึ่งมองออกไปด้านนอกคล้ายกับเป็นกำแพงหินขนาดใหญ่บีบเราไว้ รู้สึกได้ถึงความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ

กระบี่

          พอคลายเมื่อยแขนและรู้สึกผ่อนคลายเราก็ขึ้นนั่งบนเรือคายักอีกครั้ง เพื่อพายผ่านแท่งหินสวย ๆ ที่มีช่องว่างระหว่างกัน ให้เราเห็นเป็นประติมากรรมทางธรรมชาติ และในบริเวณใกล้ ๆ กันนี้ ก็มีเขตน้ำดิ้นในป่าชายเลนซึ่งส่วนใหญ่เป็นต้นโกงกาง จากนั้นก็มุ่งหน้าสู่ประตูทางเข้าลากูนของอ่าวท่าเลน ที่มีสิ่งต่าง ๆ มากมายซ่อนตัวอยู่ภายในนั้น มีข้อสังเกตว่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินิยมเข้ามาเยือนสถานที่นี้มาก แต่คนไทยจะไม่ค่อยสนใจมากนัก ในอนาคตหวังว่าการท่องเที่ยวเชิงนิเวศแบบนี้จะได้ความนิยมเพิ่มขึ้น

กระบี่

ลากูนในโอบกอดของขุนเขา และป่าชายเลน

          ในที่สุดเราก็พายเรือตัดมายังปากทางเข้าลากูนของท่าเลน บริเวณนี้มีความน่าสนใจมากมาย ทั้งลักษณะทางธรณีวิทยาที่มีความแปลกตาอย่างยิ่ง รวมถึงพรรณไม้แต่ละชนิดก็มีลักษณะ Extrene คือ เจริญงอกงามในสภาพธรรมชาติสุดขั้ว แน่นอนว่าเราได้มีโอกาสเห็นรองเท้านารีเหลืองปราจีนกำลังผลิดอกสะพรั่งบนหน้าผาหินปูน อยู่ไกลเกินว่าจะบันทึกภาพมาให้ชมได้ แต่แค่ได้เห็น ทุกคนที่ไปด้วยกันก็ดีใจมากแล้ว เพราะธรรมชาติของกล้วยไม้ในกลุ่มนี้นับได้ว่าเป็นกล้วยไม้หายากทั้งสิ้น

          เราไปจอดเรือกันในบริเวณที่ตื้น เมื่อเริ่มต้นเข้าสู่ด้านในลากูนบริเวณนี้เราพักชมธรรมชาติรอบด้านอย่างตื่นตา เพราะมีตั้งแต่ป่าชายเลน ขึ้นไปด้านบนจะพบภูเขาหินปูน ทั้งพวกพืชล้มลุก พืชยืนต้น และพรรณไม้รูปทรงแปลก ๆ โดยเฉพาะพวกปรง ที่จะหยั่งโคนขนาดใหญ่ไว้ในซอกหินปู แล้วปล่อยให้ลำต้นห้อยลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลก ก่อนที่ปลายจะย้อนกลับขึ้นด้านบนอีกครั้ง สิ่งเหล่านี้อาจจะไม่ใช่ของหายาก หรือมหัศจรรย์อะไรมากมาย แต่หากเรามองให้ลึกลงไปในเนื้อแท้แห่งธรรมชาติ เราจะเห็นว่าธรรมชาติจะปรับตัวให้เข้ากันสภาพแวดล้อมอยู่เสมอ เพราะไม่เช่นนั้นการดำรงเผ่าพันธุ์คงต้องสิ้นสุดไปเมื่อโลกมีการเปลี่ยนแปลงไปในทุกด้าน...

กระบี่

          จากบริเวณนี้เราพายคายักเข้าไปยังด้านในของลากูน ที่จะมีคลองเล็ก ๆ เชื่อมต่อกับภายนอก โดยพายเป็นวงกลมรอบใหญ่ ซึ่งตลอดทางจะมีเรื่องราวของธรรมชาติให้เราได้เรียนรู้กันตลอด ทั้งระบบของโกงกาง ที่ดูคล้ายยืนเขย่ง เพื่อไม่ให้คลื่นชัดเจนต้นล้มในยามน้ำขึ้น-น้ำลง หรือตุ่มใต้ใบที่คอยคายเกลือที่มีปริมาณเกินพอดีที่ลำต้นรับเข้ามาเมื่อดูดน้ำเข้ามาใช้ นอกจากนี้ ยังมีนกในป่าชายเลนที่ยืนนิ่งคอยจับปลากินอีกหลายสิบนิด ซึ่งแต่ละตัวก็มีสีสันสวยงามยิ่งนัก เมื่อได้เห็นพฤติกรรมการโฉบลงจับปลาในน้ำด้วยความแม่นยำ ยิ่งทำให้เรารู้สึกว่านกนักล่าเหล่านี้ช่างเก่งกาจเหลือเกิน

          ผมจอดเรือเพื่อบันทึกภาพเรือคายักสีสวยท่ามกลางต้นโกงกางที่สอดประสานกันเป็นเครือข่าวดูแข็งแรง แสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลน ซึ่งได้รับการโอบอุ้มไว้ด้วยภูเขาหินปูนขนาดใหญ่ และแน่นอนว่านี่เป็นความน่าตื่นตาตื่นใจของนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศในเขตอบอุ่นเลยทีเดียว

          "ประสบการณ์พายเรือคายักในทะเล มีลากูน มีพรรณไม้ชายเลน และภูเขาหินปูนแบบนี้นับได้ว่าเป็นเรื่องอะเมซิ่งมาก นอกจากที่กระบี่แล้ว ยังมีแผนไปพังงาและภูเก็ตด้วย เพราะอ่านข้อมูลมาว่ามีชายหาดที่ขาวสะอาดและน้ำทะเลใสมาก ที่สำคัญอากาศเมืองไทยช่างสุดยอดสำหรับพวกเรา เพราะตอนนี้ที่บ้านหิมะตก และหนาวมาก"

          ผมมีโอกาสได้คุยกับนักเดินทางหนุ่มสาวจากยุโรปคู่หนึ่ง ถึงการได้เข้ามาพายเรือในอ่าวท่าเลนและเกาะห้อง ซึ่งขอนำมาสรุปให้ฟังกันสักเล็กน้อย เพราะเมื่อได้ยินแล้วมันทำให้หัวใจพองโต ที่บ้านเรากลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวในดวงใจของใครหลายคน

กระบี่

แสงสุดท้ายที่อ่าวจมูกควาย

          ใช้เวลาจนใกล้เที่ยงเราก็กลับมาถึงจุดเริ่มต้นอีกครั้ง เมื่อกลับมาถึงจุดเริ่มต้นพักผ่อน ล้างหน้าล้างตาเรียบร้อย ก็จัดการกับอาหารไทยแบบที่ปรุงสำหรับชาวต่างชาติกินได้ ก็ทำให้ได้รู้จักรสชาติอาหารไปอีกแบบ ตบท้ายด้วยผลไม้ตามฤดูกาล เย็นชุ่มคอชื่นใจ ก่อนจะกลับไปพักผ่อนที่โรงแรม เพราะช่วงบ่ายแก่ ๆ เรามีนัดพายเรือไปดินเนอร์ท่ามกลางธรรมชาติที่แหลมจมูกควาย เรียกว่าเป็นโปรแกรมเก๋ ๆ ที่ซีคายัคกระบี่ได้ดีไซน์ขึ้นมาแบบจัดให้แนบชิดธรรมชาติ ก็ต้องไปลองให้รู้ว่าเป็นอย่างไร...

          บ่ายแก่ ๆ เราก็พาเรือคายักลำสวยโต้ไปบนยอดคลื่นอีกครั้ง โดยเลาะเลียบไปตามชายฝั่ง ใช้เวลาราว 40 นาที ก็ถึงจุดที่เรียกว่าอ่าวจมูกควาย ซึ่งมีทีมงานได้มาตั้งโต๊ะบาร์บีคิว ซีฟู้ด ไว้เรียบร้อยแล้ว หลังจากได้น้ำอัดลมเย็นชื่นใจ กับน้ำดื่ม ก็นั่งพักชิล ๆ เพื่อรอชมพระอาทิตย์ตกดิน ภาพของความงดงามที่อยู่ตรงหน้ากำลังเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา จากแสงสีของกลางวันเริ่มเข้าสู่ช่วงพระอาทิตย์ราแสง เป็นเวลาเดียวกันกับที่กลิ่นหอมของบาร์บีคิวลอยมาตามสายลม

          ทิวเขาสุดสายตาเป็นหยักลอนเล็ก ๆ ดูเป็นเอกลักษณ์ของภูเขาหินปูนกำลังได้รับการทาบทาด้วยแสงเย็นที่ดูอบอุ่น อ่อนหวาน ผมยืนถ่ายภาพคลื่นที่ซัดเข้าหาโขดหิน และนางแบบกับนายแบบยืนบนปลายแหลมของจมูกควาย เพื่อนำมาเป็นตัวแทนความงดงามที่เราทำได้เพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น

          อาหารพร้อมเมื่อแสงกำลังสวย เราเดินไปตักอาหารมานั่งกินริมชายหาด พร้อมกับพระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า เป็นดินเนอร์ที่แสนเก๋จริง ๆ เชียวครับ บรรยากาศแบบนี้ใครได้ลองสัมผัส รับรองได้ว่าติดใจแน่นอน เพราะความสดชองบาร์บีคิว กุ้งสดหวานกรอบปิ้งกำลังเหมาะ ปลาตัวใหญ่ ๆ ข้าวผัดปู สลัดผัก สปาเกตตี และที่ต้องยกนิ้วให้สุด ๆ ก็คือ น้ำจิ้มซีฟู้ด ซึ่งรสชาติแบบไทยสไตล์ ซี้ดถึงใจ ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือชาวต่างชาติ ก็จัดรสนี้เพื่อความเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น และตบท้ายด้วยผลไม้แช่เย็นหวานฉ่ำที่นำมาโดยแตงโมและสับปะรด

          วันนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมพระอาทิตย์ตกดิน เพราะทั้งบรรยากาศดี อาหารอร่อย ผมไม่ทราบจะบรรยายอย่างไรให้ได้ทุกอย่างรวมอยู่ในตัวหนังสือ อยากให้ท่านผู้อ่านหาเวลาไปลองสัมผัสครับ กิจกรรมสนุกราคาไม่แพง แถมอิ่มทั้งกายและใจ การหากิจกรรมดี ๆ มาเสริมให้การท่องเที่ยวมีทางเลือกหลากหลายรูปแบบนับเป็นความน่าชื่นชมยิ่ง เพราะสามารถเก็บเกี่ยวเงินตราจากภายนอกประเทศไว้ให้ได้มากที่สุด

          เรื่องราวของการเดินทางไปสัมผัสท้องทะเลกระบี่ในอีกรูปแบบหนึ่ง ทำให้เราได้พบกับหลายอย่างในชีวิต ทั้งความแข็งแรงในการท่องเที่ยวด้วยเรือคายัก ที่จะมุ่งไปข้างหน้าหรือถอยหลังก็ด้วยแรงกายแรงใจของเราเอง ทุกความสนุกไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อม ไม่ทำให้ธรรมชาติเสื่อมโทรมลง การท่องเที่ยวเชิงนิเวศกำลังเป็นที่นิยมกันอย่างสูงในทุกประเทศทั่วโลก เพราะนั่นจะช่วยให้เรามีต้นทุนของธรรมชาติที่จะยังคงอยู่กับเราไปอีกนานแสนนาน...

          ...วันหยุดนี้ลองหาเวลาไปสัมผัสกับความมหัศจรรย์ของกระบี่กัน รับรองว่ามีอะไรอีกมากมายเลยทีเดียวที่คอยอยู่ แล้วเจอกันเหนือยอดคลื่นเหนือทะเลใสครับ...

กระบี่

การเดินทาง

          จากเมืองกระบี่ ใช้ถนนเพชรเกษม เส้นทางกระบี่-พังงา จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 4033 (ห่างจากตัวเองกระบี่ประมาณ 12 กิโลเมตร) ตรงไปจนสุดทาง มีท่าเรือไปเกาะยาวน้อย และเป็นจุดเริ่มต้นพายเรือของซีคายัคกระบี่

การติดต่อ

          อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี เลขที่ 2/2 หมู่ที่ 2 ถนนอ่าวลึก-แหลมสัก ตำบลอ่าวลึกใต้ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ 81110 โทรศัพท์ 0 7568 1071, 0 7568 2058 โทรสาร 0 7568 2058 อีเมล reserve@dnp.go.th

          ซีคายัคกระบี่ เลขที่ 40 ซอย 2 ถนนมหาราช ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองฯ จังหวัดกระบี่ 81000 โทรศัพท์ 0 7563 0270, 08 9724 8579 เว็บไซต์ www.seakayak-krabi.com และ www.seakayak-th.krabimiracle.net





ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

ปีที่ 54 ฉบับที่ 9 เมษายน 2557


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
บนทางคลื่นและแรงลม ท่าเลน เกาะห้อง แหลมจมูกควาย อัปเดตล่าสุด 15 พฤษภาคม 2557 เวลา 16:16:34 3,714 อ่าน
TOP
x close