
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณม่วงมหากาฬ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก ม่วงมหากาฬ LIFE FOR TRAVEL
บางครั้งจุดหมายปลายทางของการเดินทางท่องเที่ยวอาจจะไม่ใช่คำตอบของทุกสิ่ง เพราะบางทีเรื่องราวระหว่างการเดินทางก็สามารถหยิบยื่นคำตอบอีกทางเลือกหนึ่งให้คุณเสมอ ถ้าไม่เชื่อก็ตามลองตามบันทึกการเดินทางของ คุณม่วงมหากาฬ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่มาพร้อมภาพถ่ายที่บอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ระหว่างการเดินทาง เมื่อครั้งพาตัวเองออกไปท่องโลกกว้าง สัมผัสความงดงามของธรรมชาติ ณ ดอยบ่อ และ อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก กันค่ะ







เริ่มต้นการเดินทางจากตัวเมืองจังหวัดเชียงราย ผมมุ่งหน้าสู่ตำบลแม่ยาว จุดหมาย คือ ยอดดอยบ่อ ระยะทางราว 35 กิโลเมตร

เสน่ห์ของการเดินทาง จุดหมายเป็นสิ่งสำคัญก็จริง แต่รายละเอียดระหว่างทางก็งดงามไม่แพ้กัน เส้นทางสีเขียวที่รายล้อมไปด้วยทิวเขา ดอกหญ้า สายน้ำ ก่อนขึ้นดอยบ่อ ช่วยเติมเต็มให้เส้นทางสายนี้มีค่ามากกว่าคำว่า "การเดินทาง"

ดอกหญ้าปลิวไสว กลิ่นไอดิน ผสมสายลมหนาว ทำให้รู้สึกสดชื่นมาก ๆ ชาวบ้านแถบนี้ส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพทำไร่ ปลูกพืชสวนชนิดต่าง ๆ รอบ ๆ ดอย หรือบางทีก็ปลูกกันบนดอยเลยทีเดียว

อากาศด้านบนค่อนข้างเย็น รายล้อมด้วยทิวเขาน้อยใหญ่ ดอยที่ผมเพิ่งได้ยินชื่อ เพิ่งรู้จักไม่นานนัก มีดีกว่าที่คิดไว้จริง ๆ

ลานหญ้ากว้างสำหรับแค้มปิ้ง บางวันที่ฟ้าเปิด หากโชคดีอาจพบเจอทะเลหมอก นักท่องเที่ยวไม่มากนัก เหมาะสำหรับคนที่รักความเงียบสงบ

สายลมที่ผัดผ่านฤดูเหมันต์ อาจทำให้หนาวเหน็บ แต่สายลมแห่งความสวยงามทำให้ผมรู้สึกอบอุ่น และมีความสุข

จากดอยบ่อ เมื่อลงมาจากยอดดอยไม่ไกลออกไปนักเป็นที่ตั้งของ น้ำตกห้วยแม่ซ้าย

เคยตั้งคำถามในใจหลายครั้งว่าทำไมภาคเหนือ น้ำตกถึงมีน้ำตลอดปี และภูเขาเขียวขจีแม้ในยามหน้าแล้งก็ตาม และที่แห่งนี้คงจะเป็นการทบทวนคำถาม ที่ยังหาคำตอบไม่ได้ตามเคย

ดอกไม้ริมทางชักชวนให้เข้าไปหาคำตอบ เชื้อเชิญให้ย่างก้าวเข้าไปเชยชมน้ำตกห้วยแม่ซ้าย

ทางเดินไปยังน้ำตกที่ไม่ลำบากมากนัก ระยะทางไม่กี่ร้อยเมตร รายล้อมไปด้วยต้นไม้เขียวขจี

น้ำตกห้วยแม่ซ้าย น้ำตกที่สูงราว ๆ สิบกว่าเมตร สายน้ำที่ไหลลงมากระทบก้อนหินดูสวยงามทีเดียว

สายน้ำที่กระเซ็นเป็นละออง ผสมกับสายลมหนาว ทำให้ทั่วบริเวณเย็นยะเยือก ชุ่มชื้น สดชื่นเอามาก ๆ

จากลาน้ำตกห้วยแม่ซ้ายไปด้วยภาพแห่งสายน้ำที่สวยงาม เพื่อมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านกระเหรี่ยงรวมมิตร หมู่บ้านที่ขึ้นชื่อเรื่องช้างและวิถีชีวิตที่สวยงาม

หมู่บ้านกระเหรี่ยงรวมมิตร เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำกก เป็นที่อาศัยของชาวกระเหรี่ยงและชาวเขาเผ่าต่าง ๆ

คุณยายชาวเขานั่งเก็บเมล็ดกาแฟในมูลช้าง เป็นอาชีพที่แปลกและน่าสนใจทีเดียว จนผมอดที่จะพูดคุย สอบถามไม่ได้

คุณยายเล่าให้ฟังด้วยภาษาพื้นบ้านพอจับใจความได้ว่า เมล็ดกาแฟเหล่านี้จะถูกนำมาให้ช้างกิน เมื่อช้างถ่ายมูลออกมาก็จะมาเก็บเมล็ดกาแฟเหล่านี้ แล้วนำมาแกะเปลือกออกเพื่อนำไปตากแห้ง ก่อนจะบดเป็นผงกาแฟเพื่อรับประทานต่อไป

ด้วยความสงสัยผมยังถามคุณยายต่ออีกว่า ทำไมต้องผ่านกระบวนการในท้องช้างรสชาติจะดีขึ้นอย่างนั้นหรือ คุณยายตอบแบบซื่อ ๆ ว่า เห็นเกาหลีทำแบบนี้ก็เลยทำมั่ง คุณยายเล่นตอบแบบนี้ ทำเอาชาวต่างถิ่นอย่างผมถึงกับไปไม่เป็น

ที่หมู่บ้านแห่งนี้นอกจากมีการจำหน่ายของพื้นบ้านให้นักท่องเที่ยวแล้ว ยังมีการให้นักท่องเที่ยวได้นั่งหลังช้างท่องเที่ยว ชมวิถีชีวิต ชมธรรมชาติที่สวยงาม ผมนั่งมองสายตาของช้างที่ดูอ้อนวอน ไม่รู้ว่าจะคิดเหมือนที่ผมกำลังคิดหรือไม่

ช้างกับคนไทยเป็นของคู่กัน และพื้นฐานของคนไทย คือ ความสงสาร บางทีการรวมกลุ่มกันของคนเลี้ยงช้างเพื่อทำอาชีพแบบหมู่บ้านแห่งนี้ น่าจะดีกว่าการพาช้างมาเร่ร่อนในเมืองกรุง

สายน้ำกกที่ไหลเชี่ยวขนานไปกับหมู่บ้านกระเหรี่ยงรวมมิตร คงไม่ต่างจากวิถีชีวิตของชาวเขาและช้าง ที่ดำเนินชีวิตหาเลี้ยงปาก เลี้ยงท้องเพื่อความอยู่รอดต่อไป

บันทึกการเดินทางชุดนี้ผ่านมาครึ่งทาง สายลมที่พัดพาให้ผมได้มาสัมผัสทั้งธรรมชาติ วิถีชีวิต และความสุข ทำให้ผมได้แง่คิดอะไรมากมายจริง ๆ

ดอกทิปลิปดอกไม้ทรงคุณค่าในงานเชียงรายดอกไม้งามที่ผมแวะเข้าไปสัมผัสบรรยากาศตอนกลับเข้ามาในเมือง หลังจากเดินทางท่องเที่ยวกันทั้งวัน ดูมีเสน่ห์ สวยงาม อลังการทีเดียว

หากมาเชียงรายไม่แวะมาชมงานดอกไม้งาม คงเหมือนมาไม่ถึงเชียงรายดีนัก เพราะในงานจัดได้สวยงามมาก ๆ

ตะวันกำลังจะลาลับไปพร้อมกับการหยุดพักการเดินทาง แสงสีทองส่องประกายอวดพลัง วันนี้ดวงตะวันดูดวงใหญ่กว่าทุกวันที่ผมเคยเห็น สายลมยังคงวนเวียนเพิ่มความหนาวเย็นสวนทางกับดวงตะวันที่กำลังดับแสง

จากเชียงรายผมใช้เส้นทางไปยัง อ.แม่สรวย มุ่งหน้าสู่ อ.ฝาง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อไปยังอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก

ยอดดอยผ้าห่มปก คือ จุดหมายหลักในการเดินทางครั้งนี้ ส่วนจุดหมายรอง คือ การมาชมน้ำพุร้อน ซึ่งตั้งอยู่ในที่ทำการอุทยานดอยผ้าห่มปก หรืออีกชื่อหนึ่งว่าน้ำพุร้อนฝาง

ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นกับตา รู้สึกตื่นเต้นดีเหมือนกัน

นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในอุทยานฯ ค่อนข้างเยอะทีเดียว รวมไปถึงนักเรียนที่มาทัศนศึกษาทำให้ดูคึกคักสนุกสนาน สวนทางกับชาวเขาที่ดูเงียบเหงาในการเร่ขายของพื้นบ้านที่ประดิษฐ์เอง

สิ่งของประดับที่ทำจากไม้ไผ่ดูสวยงามแลกกับเงินพียง 10 บาท ที่อาจดูน้อยนิดของใคร ๆ แต่อาจใหญ่สำหรับพวกเขา

จากอุทยานฯ ผมมายังจุดเริ่มต้นเพื่อขึ้นสู่ยอดดอยผ้าห่มปก ยามเช้าแบบนี้สายหมอกยังปกคลุมไปทั่ว และสายลมกำลังพัดพาให้ผมไปยังจุดหมาย "ยอดดอยผ้าห่มปก" ดอยที่สูงเป็นอันดับสองของประเทศ

ระหว่างทางที่ลัดเลาะไปตามไหล่เขา ยังพบเจอหมู่บ้านชาวเขาที่ดูจะรักษาเอกลักษณ์แบบดั้งเดิมไว้ได้เป็นอย่างดี แววตาของเด็กชาวเขาที่วิ่งมาทักทายเมื่อรถหยุดจอด ดูใสซื่อดีจริง ๆ

คงมีนักท่องเที่ยวจอดรถแวะให้ของกับเด็ก ๆ ชาวเขาเป็นประจำแน่ ๆ เพราะเมื่อผมจอดรถเพื่อถ่ายภาพหมู่บ้าน ก็จะมีเด็ก ๆ เหล่านี้กรูกันเข้ามาหาไม่ต่ำกว่า 20 คน เลยทีเดียว

ผมกำลังอ่านใจคุณตาชาวเขาอยู่ ว่ากำลังนั่งคิดอะไรเมื่อเห็นผม คุณตาคงแปลกใจที่มีคนมาถ่ายภาพ มาให้ความสนใจในตัวเองกันทำไม หรือว่าคุณตาเคยชินแล้ว

ลานกางเต็นท์กิ่วลม บนดอยผ้าห่มปกในวันนี้ดูคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาสัมผัสธรรมชาติ ผมใช้เวลาเดินทางจากที่ทำการอุทยานฯ ถึงลานกางเต็นท์นี้ราว ๆ เกือบชั่วโมง ด้วยระยะทางเพียง 23 กิโลเมตร ทางยังไม่ดีนัก เป็นถนนลูกรังและชันพอสมควร

ระดับความสูงเกือบ 2 พันเมตร ทำให้มองเห็นทัศนียภาพได้สุดลูกหูลูกตา อากาศเย็นมาก ๆ ลมพัดค่อนข้างแรงตลอดเวลา

จุดชมวิวบริเวณลานกางเต็นท์ด้านทิศตะวันตก ก่อนตะวันจะตกดินดูอลังการด้วยทิวเขาสลับซับซ้อน สวยงามจริง ๆ

ขอบคุณสายลมแห่งความรักที่พัดพาให้ผมมาไกลจากดอยบ่อจนถึงดอยผ้าห่มปก หากสายลมมองเห็นหัวใจของผมที่กำลังมีความสุข ขอจงอย่าพัดพามันไป เพราะผมอยากอยู่กับมันให้นาน ๆ

ดวงตะวันกำลังจะลาลับไปอีกวัน อุณหภูมิลดต่ำลงมาก ๆ อากาศหนาวเย็นสุด ๆ เจ้าหน้าที่อุทยานฯ บอกกับผมว่าวันก่อนอุณหภูมิอยู่ที่ 6 องศา

เช้าวันใหม่ดวงตะวันดวงเดิมกำลังกลับมาอีกครั้ง เวลาที่ดูรวดเร็วสวนทางกับความสุขที่อยากให้อยู่นาน ๆ

จุดเด่นอีกอย่างของที่นี่ คือ การเดินเท้าขึ้นไปสัมผัสบนยอดดอย ซึ่งต้องใช้การเดินทางร่วม ๆ 3.5 กิโลเมตรเพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้น

ดวงตะวันทำหน้าที่ในการเดินทางอย่างสมบูรณ์อีกครั้ง ความอบอุ่นเริ่มมาเยือน การเดินทางของผมก็กำลังจะเริ่มอีกครั้งเช่นกัน

ผมเดินทางมายังหน่วยต้นน้ำเพื่อชมดอกนางพญาเสือโคร่ง ซึ่งไม่ห่างจากลานกางเต็นท์กิ่วลมมากนัก ถนนที่เข้ามายังหน่วยต้นน้ำค่อนข้างจะไม่ดีนัก ลาดชัน แต่ก็ร่มรื่นสวยงาม

ดอกนางพญาเสือโคร่งที่หน่วยต้นน้ำแห่งนี้มีหลายต้นทีเดียว ดูจากสายตาน่าจะเกิน 50 ต้น แต่น่าเสียดายที่ยังไม่ออกดอกมาให้เชยชมมากนัก

มีเพียงบางต้นที่ออกดอกออกมานิดหน่อย แต่ถ้าหากบานพร้อมกันทุกต้น ต้องเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่สวยงามมาก ๆ แน่ ๆ

ดอกไม้ที่ใคร ๆ ต่างหลงใหล มีให้อวดโฉมไม่น้อยหน้าสถานที่โด่งดังอื่น ๆ เช่นกัน

ถัดจากหน่วยต้นน้ำไม่ไกลนัก เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของการมาเยือนดอยผ้าห่มปก นั่นคือ จุดชมวิวทิวสน

จุดชมวิวทิวสน เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองทัศนียภาพได้กว้างไกล มองเห็นทิวเขาสลับซับซ้อนที่สวยงาม สามารถมองเห็นดอยต่าง ๆ ได้หลายดอย รวมถึงดอยอ่างขางด้วย

ด้านซ้ายมือเมื่อมองออกไปไกล ๆ ยังสามารถมองเห็นทะเลหมอกที่สวยงามอีกด้วย ธรรมชาติบรรจงสร้างสรรค์ได้อย่างงดงามจริง ๆ

จะมีสักกี่ครั้งในชีวิตที่ได้มายืนดูอะไรแบบนี้ ลองทำตัวเบา ๆ ทิ้งภาระทุกอย่างลง แล้วสายลมก็จะหอบคุณให้มายืนแบบผมเอง

ความรัก...เปรียบดั่งสายลมที่โอบล้อมรอบตัวเรา
บางครั้ง...สายลมนี้นำพามาซึ่งความร่มรื่นชื่นหัวใจ
บางครั้ง...สายลมก็ทำให้เราหนาวยืนสั่นไหว

สายลมแห่งรักพัดมา...ขอจงอย่าพารักไป
อย่าพัดให้เธอห่างไกลให้เราห่างกัน

หากลมได้ยินหัวใจ...ขอจงเมตตาบ้างสักครั้ง
ให้รักได้อยู่คู่กัน...ให้เธอได้อยู่คู่ฉันตลอดไป

ตลอดการเดินทางร่วม 2 พันกิโลเมตร การได้เดินทาง ได้สัมผัสสิ่งที่ผมรัก มันมีค่า และมีความสุขมากสำหรับผม

สิ่งที่ผมรัก คือ ความสวยงามที่อยู่ตรงหน้า ผมจะไม่มีวันลืมความสวยงามเหล่านี้

ทะเลหมอกสีขาวดั่งปุยนุ่น เทือกเขาที่ลดหลั่นจะอยู่ในใจผมตลอดไป

เวลาที่เรามีความสุข สายลมที่พัดหมุนเวียนรอบตัวเราจะดูอบอุ่น ละมุนละไม แม้จริง ๆ แล้วจะหนาวเหน็บเพียงไหนก็ตาม

ยืนมองทิวเขาที่รายล้อมเหมือนการโอบกอดหัวใจให้ผมได้ตราตรึงในความงาม เวลาดี ๆ แบบนี้ อีกไม่นานคงเหลือแต่ความทรงจำที่สวยงาม

เวลาหมุนเวียน การเดินทางจากลาก็จำต้องเริ่มต้น ภาพความทรงจำดี ๆ เหล่านี้ ได้ถูกบันทึกลงในเมมโมรี่ความจำของกล้อง และความทรงจำของจิตใจ

จากลาดินแดนที่ทำให้ผมมีความสุข ความสวยงามของธรรมชาติจะอยู่คู่สายลมหนาวตลอดไป รอเวลาสายลมพัดพาให้ผู้คนได้เดินทางมาเยือนต่อ ๆ ไป หากวันนี้สายลมแห่งความรักได้รายล้อม อบอวล หมุนเวียนอยู่รอบ ๆ ตัวผม วันพรุ่งนี้และวันต่อ ๆ ไป สายลมแห่งความรักจะยังคงไม่จากผมไม่ไปไหน จะอยู่ในใจผมไปตลอดกาล

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชมครับ แล้วพบกันใหม่ในทริปต่อไป สวัสดีครับ
