
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ wm_photograph สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ด้วยทัศนียภาพที่สวยสดงดงาม อีกทั้งวิถีชีวิตที่เงียบสงบ ผู้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส แถมอาคารบ้านเรือนยังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จึงทำให้นักเดินทางมากมายไปเยือนกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย และสำหรับคนที่อยากไปสัมผัสกับดินแดนในฝันแห่งนี้สักครั้ง แต่ด้วยงบประมาณที่มีไม่มากนัก ก็ลองตามบันทึกการเดินทางของ คุณ wm_photograph สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่มีโอกาสไปเที่ยว พร้อมนำ 15 Tips เที่ยวสแกนดิเนเวียให้สนุก มันส์ และคุ้มสุด ๆ มาแนะนำกันจ้า อ๊ะ ๆ แต่ก่อนอื่นลองไปทำความรู้จักกับกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวียกันก่อน
สแกนดิเนเวีย เป็นภูมิภาคทางภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ มีศูนย์กลางอยู่ที่คาบสมุทรสแกนดิเนเวียในยุโรปเหนือ โดยประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวีย ได้แก่ ราชอาณาจักรสวีเดน นอร์เวย์ และเดนมาร์ก ซึ่งอาจรวมถึงประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มนอร์ดิก เช่น ประเทศไอซ์แลนด์ และประเทศฟินแลนด์ จากความสัมพันธ์ใกล้ชิดทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม (ดูเพิ่มเติมได้ที่ สแกนดิเนเวีย) เอาล่ะ...รู้จักกันพอหอมปากหอมคอแล้วก็ไปชมทิปส์ท่องเที่ยวแจ่ม ๆ กันเลย










วันนี้ผมเลยมีคำแนะนำง่าย ๆ สำหรับคนที่ไม่ได้กระเป๋าหนักมาก แต่อยากตะลุยประเทศสแกนดิเนเวียให้ สนุก มันส์ และคุ้ม ในช่วงซัมเมอร์ที่อากาศดี ๆ แถมประเทศ Estonia ประเทศในยุโรปเล็ก ๆ ที่ติดกับรัสเซียให้ด้วยครับ มาเริ่มกันเลยดีกว่า

เพราะตลอดการเดินทางโดยเครื่องบินคุณแทบจะไม่ได้เห็นภูมิทัศน์อะไรเลย นอกจากตอนเครื่องขึ้นและลง การเดินทางที่แนะนำ คือ นั่งรถไฟครับ รถไฟบ้านเค้าทันสมัย สะดวกสบาย มีห้องอาหารในตัว จะเดินทางภายในประเทศหรือข้ามประเทศก็ได้ (ถึงแม้บางทีนั่งรถไฟจะแพงกว่านั่งเครื่องก็ตาม แต่คุ้มครับ)
นี่เป็นแผนที่การเดินทางของผมครับ สังเกตได้ว่าแทบไม่มีขึ้นเครื่องเลย


ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสายรถไฟที่สวยที่สุดในโลก ถ้านั่งจาก Oslo เจ้าของกระทู้แนะนำให้นั่งฝั่งซ้ายของขบวนนะครับ วิวดีกว่านิดนึง แต่ถ้านั่งไป-กลับยิ่งดีเลยครับ จะได้เห็นวิวทั้งสองฝั่ง สวยจริง ๆ ตลอดการเดินทาง 6 ชั่วโมง เจ้าของกระทู้หลับไม่ลงเลยทีเดียว และถึงแม้จะเป็นช่วงหน้าร้อนก็ยังมีหิมะให้ได้ชมระหว่างทางอยู่บ่อย ๆ
ภาพตัวอย่างที่ถ่ายมาจากรถไฟครับ ถ่ายยากใช้ได้เลยครับ เพราะรถไฟเร็วมาก



เนื่องจากราคาน้ำเปล่าที่นู้นราคาสูงลิบ การเติมน้ำก๊อกจากสถานที่ทั่วไป เช่น ห้องน้ำสาธารณะ ไว้ดื่มจึงเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่ง
ป.ล. แต่อย่าดื่มน้ำจนเพลินนะครับ เพราะค่าเข้าห้องน้ำสาธารณะโดยเฉพาะที่นอร์เวย์ ปาไปครั้งละ 10 โคลน หรือ 55 บาทไทย เจ้าของกระทู้โดนไปครั้งแรก ค่าฉี่ 55 บาท ช็อกไปเบา ๆ

เที่ยวในเมืองเดินเท้ากันเถอะครับ คนไทยเรามักติดนิสัยขี้เกียจเดิน นิด ๆ หน่อย ๆ ก็จะนั่งรถ เจ้าของกระทู้คอนเฟิร์มเลยว่าถ้าเราเดินเราจะเห็นสิ่งที่เราไม่เคยเห็นอีกมากมาย
ตัวอย่างภาพที่ผมเดินดุ่ม ๆ ไปถ่ายมาครับ




เมืองเก่าอย่าง Gamla Stan ใน Stockholm เมืองหลวงของสวีเดน เค้าไม่อนุญาตให้ขับรถอยู่แล้ว เดินอย่างเดียว แต่เจ้าของกระทู้อยากแนะนำให้เดินไปที่เกาะ Kastellholmen เล็ก ๆ ข้าง ๆ เดินไกลนิดนึง แต่วิวระหว่างทางสวยมาก จะเห็น Gamla Stan โดยรวมสวยสุด ๆ เลย


เนื่องจาก Taste เรื่องอาหารของคนไทยและคนสแกนดิเนเวียต่างกันพอสมควร คุณอาจจะพบว่าบางมื้อ คุณกำลังเคี้ยวอาหารรสชาติประหลาดอยู่ก็เป็นได้ แต่ลองเถอะครับ เป็นประสบการณ์และสีสันของชีวิต (ผมลองมาตั้งแต่เนื้อวาฬที่โคตรเหม็นสาบ จนไปถึงแตงโมปิ้งที่รสชาติโคตรตลก)
ป.ล. บางเมนูก็อร่อยแบบหาที่ไทยไม่ได้ก็มีนะครับ เจ้าของกระทู้ฟินไปมากพอสมควร
ภาพอาหารถ่ายไว้เยอะมากจริง ๆ นี่แค่ตัวอย่างนะครับ เรื่องกินนี่เรื่องใหญ่ครับ 555

ส่วนตัวแล้วเจ้าของกระทู้ฟินกับแซลมอนและล็อบสเตอร์นอร์เวย์ที่สุดละครับ สด อร่อยมากกกก



เนื่องจากเรากินอาหาร Local ดี ๆ ไปแล้ว มื้อหนึ่งเฉลี่ยตกคนละ 1,000 บาท ถ้าจะให้กินสามมื้อสามพันต่อวัน (นี่แค่ค่ากินยังไม่รวมค่าเดินทาง) เจ้าของกระทู้กระเป๋าแฟบพอดี การเตรียมมาม่าไปจากไทยจึงเป็นทางออกที่ง่ายและดีที่สุดครับ ที่สำคัญคุณจะนึกถึงรสอาหารไทยแน่นอนเวลาอยู่ที่นู่น ฉะนั้น มาม่ารสต้มยำนี่ทำให้ฟินได้จริง ๆ
เรายังสามารถไปหาซื้อไข่และไส้กรอกราคาถูก ๆ ได้ใน Supermarket ทั่วไปมาใส่มาม่าก็ได้ครับ


แอพฯ นี้มันช่วยให้เดินทางง่ายขึ้นเยอะเลยครับ ยอมเสียเงินค่าแอพฯ แค่ไม่กี่บาท ดีกว่าไปซื้อแผนที่กระดาษ ข้อดีของแอพฯ นี้ คือ มันสามารถระบุโลเคชั่นปัจจุบันของคุณได้ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน โดยที่ไม่ต้องต่อ Wi-Fi หลักการทำงานของมัน คือ แค่คุณโหลด Map ของเมืองที่คุณจะไปเที่ยวล่วงหน้าก่อนไปเที่ยวในที่ที่มี Wi-Fi แอพฯ นี้ยังสามารถบอกทิศทาง จุดท่องเที่ยว และเรายังสามารถ Mark สถานที่ต่าง ๆ ที่เราสนใจได้อีกด้วย


Hostel ต่างจาก Hotel คือ เป็นห้องนอนรวม และถูกกว่ามาก ส่วนใหญ่แล้วจะนอนห้องละไม่เกิน 6 คน เป็นเตียงแบบ 2 ชั้น ห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวมแต่สะอาดครับ เราอาจจะเสียความเป็นส่วนตัวนิดนึง แต่สนุกครับ ได้เจอนักท่องเที่ยวหลากหลายเชื้อชาติจากทั่วโลก พูดคุยแชร์ประสบการณ์แบบที่ห้องส่วนตัวที่โรงแรมให้ไม่ได้ครับ

โดยเฉพาะคนที่อยากไปเที่ยวทางตะวันตกของนอร์เวย์ เช่น เมือง Bergen และ Stavanger ที่ว่ากันว่าในหนึ่งปี 360 วัน ฝนตกปาไป 260 กว่าวันแล้ว คุณอาจจะเผื่อเวลาการท่องเที่ยวเมืองเหล่านี้ให้นานเป็นพิเศษหน่อย เช่น อาจจะอยู่อย่างน้อยสัก 3 วัน เพราะถ้าวันใดวันหนึ่งฝนตก คุณยังมีอีกวันหรือสองวันที่หวังว่าฝนจะไม่ตก
และนี่ คือ สิ่งที่ผมเจอตอนไปเที่ยว Preikestolen ซึ่งเป็น fjords ชื่อดังในนอร์เวย์ สวยมาก เป็นหนึ่งในไฮไลท์ของทริปนี้เลย
สิ่งที่คาดหวัง vs ความเป็นจริง

ความเป็นจริง ก็คือ ฝนตกจนระยะการมองเห็นไม่เกิน 10 เมตร ภาพซ้าย คือ ขาขึ้นนะครับ ยังพอควักไอโฟนออกมาถ่ายรูปได้ แต่ขากลับลองนึกภาพทางเดินตรงนั้นเป็นน้ำตกนะครับ น้ำเยอะมาก เจ้าของกระทู้เศร้าใจ แต่ก็คิดว่ายังไงก็จะไปพิชิตเขาก้อนนี้ให้ได้อีกครั้งหนึ่ง


เขา Fløyen เป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อแหล่งหนึ่งในนอร์เวย์ที่มีนักท่องเที่ยวพลุกพล่านตลอดทั้งปี ขาขึ้นเขาสามารถนั่งรถ Tram ไปได้ ส่วนขาลงเจ้าของกระทู้แนะนำให้เดินลงนะครับ ทางเดินผ่านป่าสนและบ้านคน สวยไปอีกแบบ



นี่คือ ไอศกรีมที่เจ้าของกระทู้ฟินสุด ๆ ถึงแม้จะหนาว ตัวสั่นหงิก ๆ แต่ด้วยรสชาติไอศกรีมแบบ Soft Cream ที่ข้นนมสุด ๆ บวกกับวิวแล้วหนาวแค่ไหนก็ยอมครับ


หลายคนพอพูดถึงประเทศนอร์เวย์ สวีเดน หรือฟินแลนด์ จะนึกถึงหิมะและความหนาว เพราะประเทศอยู่ทางเหนือ แต่จริง ๆ แล้วหน้าร้อนนี่ 30 กว่าองศาได้เลยครับ แดดนี่คือแรงมาก กลับมาไทยตัวดำเลยครับ ไปบอกใครว่าไปเที่ยวยุโรปมาคงไม่เชื่อ เสื้อกันหนาวที่เอาไปแทบจะไม่ได้ใช้เลยครับ เอาไปเผื่อแค่ตัว 2 ตัวพอครับ ตอนเย็น ๆ มืด ๆ อากาศจะเย็น ๆ

Skagen เป็นเมืองตากอากาศชายทะเลที่เป็นที่นิยมทั้งของคนเดนมาร์กเอง คนนอร์เวย์ และสวีเดน ชายหาดนี้เป็นสถานที่ที่คนมารวมตัวกันเพื่อรอชมพระอาทิตย์ตกดิน พออาทิตย์ลับขอบฟ้าก็จะมีเสียงปรบมือดังตลอดชายหาด เป็นภาพที่น่าประทับใจที่ควรไปเยือนด้วยตัวเองสักครั้งหนึ่ง



อย่างที่กล่าวไป Skagen เป็นเมืองตากอากาศชายทะเลที่น่ารักมาก บ้านเรือนมีเอกลักษณ์ คือ ทำมาจากซีเมนต์ และทาสีบ้านเป็นสีเหลืองทั้งเมือง (บ้านนอร์เวย์ส่วนใหญ่ทำจากไม้) การได้ปั่นจักรยานชมเมืองก็เป็นความสุข สนุก ที่ทำได้ง่าย ๆ ที่ Skagen



เรือขนาดใหญ่ที่มีโรงแรม ห้างสรรพสินค้า ภัตตาคาร สระว่ายน้ำ รวมไปถึงกาสิโนอยู่ในเรือ สามารถบรรจุคนได้หลายพันคน เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาด เจ้าของกระทู้แนะนำให้นั่งจาก Stockholm (Sweden) ไป Helsinki (Finland) หรือจาก Stockholm (Sweden) ไป Tallin (Estonia) ก็ได้ โดยจะนอน 1 คืน แต่สิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุด คือ ธรรมชาติที่เงียบสงบระหว่างทางเดินเรือ ทะเลนิ่ง แทบจะไม่มีคลื่น เรียบเหมือนแผ่นกระจก เป็นช่วงเวลาความสงบที่หาในเมืองไม่ได้จริง ๆ




Tallin เป็นเมืองหลวงของประเทศ Estonia ซึ่งเป็นประเทศที่อยู่ติดรัสเซีย จึงมีความน่าสนใจที่มีการผสมผสานทางด้านวัฒนธรรม ซึ่งสังเกตง่ายสุดจากสถาปัตยกรรมของเมือง มองผ่าน ๆ Tallin ก็เป็นเหมือนเมืองหลวงทั่วไปที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ตึกรามบ้านช่องก็เป็นตึกสมัยใหม่ แต่ถ้าเพียงผ่านประตูเมือง Old Town เข้าไปปุ๊บ ก็เหมือนหลุดไปอยู่โลกโบราณ อาคารบ้านเรือนเป็นเหมือนปราสาท อาคารเก่า ๆ ยังถูกเก็บรักษาเป็นอย่างดี จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นับวันยิ่งมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามา เจ้าของกระทู้เชื่อว่ายังมีคนไทยน้อยคนนักที่จะได้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมชมความสวยงามของเมืองนี้



สามารถดูรูปภาพที่ผมถ่ายเพิ่มเติมได้ที่ Instagram : wm_photograph
ขอบคุณมากครับ