
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
หน้าร้อนเที่ยวไหนดี ใกล้ ๆ กรุงเทพฯ วันนี้เรามีคำตอบที่จะช่วยให้คุณสนุกสนานกับการชมบรรยากาศสถานที่ท่องเที่ยวช่วงหน้าร้อนใกล้ ๆ กรุงเทพฯ ที่จะช่วยเติมพลังในช่วงวันหยุดของคุณให้สนุกสนานกันอย่างเต็มที่
หน้าร้อนเที่ยวไหนดีนะ...หลายคนที่เริ่มวางแผนท่องเที่ยวตั้งแต่ต้นปี คงเริ่มมีคำถามในใจแล้วว่าในช่วงหน้าร้อนนี้จะไปเที่ยวที่ไหนดี จึงจะช่วยบรรเทาความร้อนและผ่อนคลายบรรยากาศที่ตึงเครียดได้บ้าง แต่ถ้าจะไปเที่ยวไกล ๆ ในช่วงที่มีวันหยุดน้อยก็คงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้น วันนี้กระปุกท่องเที่ยวมีคำแนะนำดี ๆ มาฝาก เพื่อผู้ที่กำลังนึก ๆ อยู่ว่า หน้าร้อนเที่ยวไหนดี โดยวันนี้เราขอแนะนำ 10 สถานที่เที่ยวหน้าร้อนใกล้กรุงเทพฯ ไว้เป็นตัวเลือกแล้วกันนะคะ และเพี่อไม่เป็นการเสียเวลาไปดูพร้อมกันเลยจ้า



ภาพจาก suphan.biz
ใครที่ชอบไหว้พระทำบุญและอยากชมความงามของธรรมชาติไปพร้อม ๆ กัน แต่มีเวลาจำกัด เราขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ซึ่งตั้งอยู่ใน จ.สุพรรณบุรี ได้แก่ ถ้ำเวฬุวัน ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณวัดวังคัน จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเปิดทำการเวลา 06.00 - 17.00 น. ตั้งอยู่ห่างจาก อ.ด่านช้าง ประมาณ 14 กิโลเมตร ซึ่งเป็นเส้นทางหลวงหมายเลข 333 กิโลเมตร ที่ 77 ห่างจากทางเข้าอุทยานแห่งชาติพุเตยประมาณ 1 กิโลเมตร เมื่อไปถึงวัดวังคันนักท่องเที่ยวจะพบกับบันไดคอนกรีต จำนวน 61 ขั้น ที่ทอดยาวเป็นระยะทางประมาณ 100 เมตร ไปจนถึงปากถ้ำที่มีขนาดใหญ่ปานกลาง ส่วนภายในถ้ำนั้นมีไฟฟ้าส่องสว่างพอให้นักท่องเที่ยวเห็นสภาพภายในถ้ำที่มีหินงอกและหินย้อยสวยงามตามธรรมชาติ นอกจากนี้ ภายในถ้ำยังมีพระพุทธรูปจำลองปางป่าเลไลยก์เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สักการบูชา ส่วนในบริเวณวัดทาง อ.ด่านช้าง ได้จัดทำเป็นสวนไผ่เทิดพระเกียรติ ประกอบด้วยพันธุ์ไผ่ต่าง ๆ ที่ปลูกไว้กว่า 10 ชนิด เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษากันอีกด้วย


ใครที่อยากชมความงามของศิลปะจีนและร่วมสักการะเทพเจ้าแห่งโชคลาภ ไฉ่ซิ้งเอี้ย ปางเศรษฐีชัมภล (ปางมหาราช) หรือเจ้าแห่งยักษ์ ซึ่งชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนให้ความเคารพนับถือ โดยพุทธสถานจีเต็กลิ้ม ตั้งอยู่ที่บ้านบางหอย ต.ศรีจุฬา อ.เมือง จ.นครนายก เปิดทำการ เวลา 08.00-16.00 น.
สำหรับเทพเจ้า ไฉ่ซิ้งเอี้ย ถือเป็นเทพเจ้าที่ให้คุณด้านโชคลาภ ทรัพย์สมบัติและการค้าขาย โดยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2547 ในการจัดงานตรุษจีนฉลอง 222 ปี ที่เยาวราช ได้มีการอัญเชิญรูปหล่อเทพเจ้าแห่งโชคลาภไฉ่ซิ้งเอี้ยมาให้ประชาชนสักการบูชาจนทำให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายยิ่งขึ้น และปัจจุบันพุทธสถานจีเต็กลิ้มได้แกะสลักเทพเจ้าแห่งโชคลาภ ไฉ่ซิ้งเอี้ยจากหยกเขียวน้ำหนัก 1,000 กิโลกรัม หล่อด้วยโลหะขนาดฐานกว้าง 2 เมตร ซึ่งถือเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภที่แกะสลักจากหยกเขียวใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ ยังมีรูปหล่อพระโพธิสัตว์กวนอิม พระศรีอริยเมตตรัย พระอวโลกิเตศวรพันกร เทพเจ้ากวนอู และเทพเจ้าตามคติความเชื่อของชาวจีนอีกด้วย

ภาพจาก pfm4.com
สำหรับใครที่ชอบเที่ยวตลาดน้ำ เพราะนอกจากได้เดินเล่นชิล ๆ ท่ามกลางสายน้ำสองข้างทางที่เย็นชุ่มฉ่ำแล้ว ถ้าอยากชมบรรยากาศวิถีชาวบ้านของชาวไทย 4 ภาค ต้องไม่พลาด ตลาดน้ำ 4 ภาค พัทยา ซึ่งตั้งอยู่ติดถนนสุขุมวิท อยู่ห่างจากพัทยาใต้ไปทางสัตหีบ ประมาณ 2.5 กิโลเมตร (ฝั่งซ้ายมือ) ตรงข้ามกับจูราสสิก การ์เด้น ก่อนถึงป้ายสุดเขตเมืองพัทยา ซึ่งเปิดทำการเวลา 09.00-19.00 น.
ตลาดน้ำ 4 ภาค พัทยา ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทางศิลปวัฒนธรรมไทยกลางใจเมืองพัทยา ซึ่งจำลองวิถีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไทยที่เรียบง่าย ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคใต้ นอกจากจะเดินเที่ยวชมสถานที่แล้วนักท่องเที่ยวยังสามารถนั่งเรือพายชมทัศนียภาพของ 2 ฝั่งน้ำ เพื่อสัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวบ้านอีกด้วย สำหรับใครที่ชอบถ่ายรูป ที่นี่มีเรือนไทยไม้สักงาม ๆ จากภาคต่าง ๆ ไว้ให้เก็บภาพความประทับใจกัน และชาวบ้านยังนำอาหาร และผลิตภัณฑ์ชุมชนมาจำหน่ายในราคามิตรภาพในร่วมชิมร่วมช้อปกันอย่างจุใจ สำหรับสินค้าทั้ง 4 ภาคนี้ จะแตกต่างกันไปตามวิถีชีวิตของแต่ละภาค โดยภาคเหนือจะเป็นสินค้าไม้แกะสลัก เครื่องเงิน ผ้าพื้นเมือง ผ้าไหม และร่มกระดาษ ส่วนสินค้าภาคกลาง จะเป็นเฟอร์นิเจอร์หวาย เครื่องประดับ และกระเป๋าสาน ภาคอีสานมีสินค้าเด่น คือ ผ้าไหมหมัดหมี่ ผ้าไหมแพรวา เทียนหอม หมอนอิง ปิดท้ายด้วยสินค้าภาคใต้ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว ผ้าบาติก เรือไม้จำลอง เป็นต้น

สำหรับใครที่ชอบเที่ยวชมธรรมชาติรับไอเย็นของผืนป่าต้องลองไปชมความสวยงามของป่าชุมชนเขาพระพุทธบาทน้อย จ.สระบุรี บริเวณรอบ ๆ วัดพระพุทธบาทน้อย ต.สองคอน จ.สระบุรี นอกจากป่าที่ร่มรื่นแล้ว ป่าชุมชนเขาพระพุทธบาทน้อยยังคงความอุดมสมบูรณ์และเต็มไปด้วยสัตว์ป่าน้อยใหญ่ อาทิ เลียงผา หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ม้าพระอินทร์ ซึ่งมักอาศัยอยู่ในถ้ำสามเขาที่มีเนื้อที่เกือบ 1 ไร่ ภายในมีรอยพระพุทธบาทจำลอง ประทับลึกลงไปในดินกว้าง 1 ศอกเศษ ยาว 3 ศอก
นอกจากนี้ ภายในบริเวณดังกล่าวยังเป็นที่ตั้งของเขาพระพุทธบาทน้อย ซึ่งเป็นภูเขาหินปูนสูงชันสลับซับซ้อนเรียงรายด้วยยอดเขาแหลม เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ชอบผจญภัยแบบแอดเวนเจอร์ด้วยกิจกรรมปีนเขาท้าทายความสามารถ โดยป่าชุมชนเขาพระพุทธบาทน้อยนั้นอยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 20 กิโลเมตร โดยเดินทางไปตามถนนมิตรภาพ เส้นทางหลวงหมายเลข 2 จากนั้นมุ่งหน้าไปยังถนนสองคอน-พระบาทน้อย-พุแค ระยะทางประมาณ 7.5 กิโลเมตร ก็จะพบกับวัดพระพุทธบาทน้อยแล้ว


พระรามราชนิเวศน์ ตั้งอยู่ที่ ต.บ้านหม้อ อ.เมือง จ.เพชรบุรี สืบเนื่องจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชประสงค์ให้สร้างอาคารดังกล่าวด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อเป็นพระราชนิเวศน์สำหรับประทับแรมในฤดูฝน ทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดซื้อที่จากราษฎร และให้จอมพลเรือสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต กับสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพเป็นแม่กองจัดการก่อสร้าง
สำหรับพระรามราชนิเวศน์สร้างขึ้นตามแบบสถาปัตยกรรมยุโรป ออกแบบโดย มิสเตอร์คาล เดอริง ชาวเยอรมัน เริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2452 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2459 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามว่า พระที่นั่งศรเพ็ชรปราสาท และทรงเปลี่ยนเป็นพระรามราชนิเวศน์เมื่อปี พ.ศ. 2461 ใช้เป็นที่รับรองแขกเมือง ในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ใช้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนผู้กำกับลูกเสือ โรงเรียนฝึกหัดครูเกษตรกรรม และโรงเรียนประชาบาลประจำตำบล ซึ่งปัจจุบันพระรามราชนิเวศน์ได้เปิดประชาชนทั่วไปเข้าชมความงดงามได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น.


ภาพจาก เฟซบุ๊ก RarukHuaHin
สำหรับใครที่เดินทางผ่านหัวหินแต่เบื่อการเที่ยวทะเล วันนี้เราขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งที่น่าสนใจ นั่นก็คือ รฤก หัวหิน สถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่กลางมุมเมือง ซึ่งเต็มไปมุมถ่ายภาพเก๋ ๆ ร้านอร่อยหลายสิบร้าน และร้านขายของที่ระลึกแฮนด์เมด โดย รฤก หัวหิน ตั้งอยู่บนถนนแนบเคหาสน์ ปากซอยหัวหิน 51 อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดทำการเวลา 10.00-21.00 น.
รฤก หัวหิน เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีบ้านไม้เก่าที่สร้างตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ตั้งอยู่กลางพื้นที่ ด้วยความที่เจ้าของบ้านซึ่งเป็นคนหัวหิน อยากอนุรักษ์บ้านไม้เก่าไว้จึงทำการปรับปรุงซ่อมแซมและต่อเติมบ้านไม้หลังนี้ใหม่ ก่อนทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวโดยมีการจัดแสดงภาพของหัวหินสมัยเก่าที่หาดูได้ยากให้นักท่องเที่ยงได้ชมวิถีชีวิตของคนหัวหินในสมัยก่อน นอกจากนี้ รฤก หัวหิน ยังเป็นแหล่งรวมร้านค้า ร้านอาหาร เครื่องดื่มที่ทั้งอร่อย สะอาด ราคาย่อมเยา มีการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยร่วมสมัย รวมถึงการแสดงดนตรีสดอีกด้วย


ภาพจาก เฟซบุ๊ก Korat FosFest
หากใครสนใจทางด้านโบราณคดีต้องไม่พลาดการเที่ยวชม พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน ช้างดึกดำบรรพ์และไดโนเสาร์ หมู่ที่ 7 บ้านโกรกเดือน 5 ถนนมิตรภาพ-หนองปลิง ต.สุรนารี จ.นครราชสีมา เดินทางโดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 304 (นครราชสีมา-ปักธงชัย) ก่อนมุ่งหน้าไปยังถนนสายเลี่ยงเมืองสายมิตรภาพ-หนองปลิง
พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน ช้างดึกดำบรรพ์ และไดโนเสาร์แห่งนี้ ถือเป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมโบราณวัตถุแห่งแรกของประเทศไทย และเป็นหนึ่งใน 7 แห่งของโลก ภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงพรรณไม้ดึกดำบรรพ์ขนาดใหญ่ อายุประมาณ 800,000-320,000,000 ปี นอกจากนี้ ยังมีสวนไม้กลายเป็นหินที่จำลองภูมิประเทศของภาคอีสานบริเวณลุ่มน้ำมูล-ลุ่มแม่น้ำชี รวมถึงโซนจัดแสดงช้างดึกดำบรรพ์ 8 สกุล จาก 42 สกุลที่พบทั่วโลก ทั้งช้างสี่งา ช้างงาจอบ ช้างงาเสียม และฟอสซิลสัตว์นานาชนิด เช่น เต่ายักษ์ ตะโขง และเอป ลิงไม่มีหางที่มีสายวิวัฒนาการใกล้เคียงกับมนุษย์ที่ถูกจัดให้เป็นชนิดใหม่ของโลก โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดให้เข้าชมทุกวันอังคาร-วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น.


ภาพจาก เฟซบุ๊ก Art in paradise
ผู้ที่ชื่นชอบศิลปะหรืออยากมีมุมถ่ายภาพเจ๋ง ๆ ต้องลองไปเยือน Art in Paradise พิพิธภัณฑ์ภาพวาด 3 มิติ กันสักครั้ง เพราะ Art in Paradise แห่งนี้ เป็นพิพิธภัณฑ์ภาพวาด 3 มิติ Interrative art และ illusion Art ที่ใหญ่ที่สุดแห่งแรกและแห่งเดียวในเมืองไทย ซึ่งตั้งอยู่ถนนพัทยาสายเหนือสายสอง ซอย 1 ต.หนองปรื อ.เมืองบางละมุง จ.ชลบุรี เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-21.00 น.
Art in Paradise เป็นพิพิธภัณฑ์ภาพวาด 3 มิติ ที่นำเสนองานศิลปะในรูปแบบเหมือนจริงด้วยเทคนิคการเขียนแบบลวงตา (illusion Art) และนำเสนองานศิลปะในรูปแบบ Interactive Art ที่เชิญชวนให้ทุกคนมาร่วมกันโพสต์ท่าถ่ายรูปกับงานศิลปะ เพื่อความสนุกสนาน โดยผู้ชมจะดูเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของภาพที่ถูกวาดไว้ตามมุมต่าง ๆ ของพิพิธภัณฑ์ ซึ่งงานนี้ไม่ว่าจะเที่ยวกันเป็นคู่หรือเที่ยวกันเป็นแก๊งก็เฮฮาได้ไม่แพ้กันเลยจ้า

ใครที่ตั้งใจจะแวะไปเที่ยว จ.จันทบุรี และอยากลองเปิดหูเปิดตากับสินค้านานาชนิดจากประเทศไทยและประเทศกัมพูชา ต้องลองไปเยือนตลาดชายแดนไทย-กัมพูชา ช่องผักกาด จ.จันทบุรี ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านคลองใหญ่ หมู่ 4 ตำบลคลองใหญ่ อยู่ห่างจากที่ว่าการ อ.โป่งน้ำร้อน 30 กิโลเมตร โดยในตลาดแห่งนี้จำหน่ายทั้งสินค้าอุปโภค-บริโภค และพืชผลทางการเกษตร เช่น อาหาร เสื้อผ้า หมวก อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์เครื่องใช้ทหาร เป็นต้น
ส่วนการเดินทางข้ามแดนเข้าไปเที่ยวตลาดในประเทศกัมพูชาจะต้องใช้พาสปอร์ตด้วย โดยสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้ ตั้งแต่เวลา 07.00-20.00 น. โดยตลาดจะคึกคักมากในช่วงเช้า ก่อนคนเริ่มซาในช่วงเย็น ตลาดชายแดนไทย-กัมพูชา ช่องผักกาด จะอยู่ห่างจากกรุงไพลิน 20 กิโลเมตร และห่างจากเมืองพระตะบอง 68 กิโลเมตร การเดินทางใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 317 ไปทางจังหวัดสระแก้ว แล้วเลี้ยวขวาบริเวณสี่แยกทับไทร (หน้าโรงพยาบาลโป่งน้ำร้อน) เข้าเส้นทางหมายเลข 3193 ไปประมาณ 13 กิโลเมตร


ภาพจาก ททท.
คนที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวด้วยรถไฟ น่าจะชื่นชอบการไปเยือนทางรถไฟสายมรณะ จ.กาญจนบุรี ซึ่งมีระยะทางเริ่มต้นจากสถานีหนองปลาดุก อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ผ่าน จ.กาญจนบุรี ข้ามแม่น้ำแควใหญ่ไปทางทิศตะวันตกจนถึงด่านเจดีย์สามองค์ เพื่อให้ถึงปลายทางที่เมืองตันบูซายัด ประเทศพม่า รวมระยะทางในเขตประเทศไทย 300 กิโลเมตร ซึ่งเส้นทางนี้ใช้เวลาในการสร้างก่อสร้างเพียง 1 ปี ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2485 ถึงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2486 เพื่อใช้เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ผ่านประเทศพม่า หลังสงครามทางรถไฟบางส่วนถูกรื้อทิ้ง บางส่วนจมอยู่ใต้ทะเลสาบเขื่อนเขาแหลม
โดยทางรถไฟสายนี้ถือเป็นอนุสรณ์ให้รำลึกถึงเหตุการณ์สงครามในครั้งนั้น จากน้ำพักน้ำแรงของการบุกเบิกก่อสร้างของทหารเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตรที่กองทัพญี่ปุ่นเกณฑ์มา ซึ่งทิวทัศน์ตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยความสวยงามของธรรมชาติ โดยเฉพาะบริเวณถ้ำกระแซ ซึ่งเส้นทางรถไฟจะลัดเลาะไปตามเชิงผาเลียบไปกับลำน้ำแควน้อยและสิ้นสุดปลายทางที่บ้านท่าเสาหรือสถานีน้ำตก ระยะทางจากสถานีกาญจนบุรีถึงสถานีน้ำตก 77 กิโลเมตร สำหรับผู้ที่สนใจเที่ยวชมบรรยากาศทางรถไฟสายมรณะแห่งนี้ ทางรถไฟแห่งประเทศไทยเปิดบริการเดินรถบนเส้นดังกล่าววัน และมีการจัดรถไฟขบวนพิเศษสายกรุงเทพมหานคร-น้ำตก ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการอีกด้วย
สถานที่ท่องเที่ยวในช่วงหน้าร้อนใกล้กับกรุงเทพฯ ที่เรานำมาฝากกันในครั้งนี้ มีหลากหลายแนวทางให้เลือก ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ สถานที่เที่ยวชมความงามตามธรรมชาติ และสถานที่ท่องเที่ยวสมัยใหม่ เพื่อให้ทุกคนเก็บภาพประทับใจกันได้อย่างเต็มที่ ซึ่งน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีให้กับผู้ที่ตั้งคำถามว่า หน้าร้อนนี้เที่ยวไหนดี และหากท่านใดต้องการทราบข้อมูลของสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ เพิ่มเติม คลิกดูรายละเอียดเพิ่มได้ใน เว็บไซต์การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หวังว่าสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้จะถูกอกถูกใจนักท่องเที่ยวทุกคนนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
