เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ ชานมชงเอง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก chanomworld
กำแพงเพชร เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีชื่อเสียงในเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวเมืองโบราณ เมืองมรดกโลก แต่เชื่อไหมว่าที่นี่ไม่ได้มีแค่สิ่งเหล่านี้เท่านั้น แต่ยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมากมายให้ได้สัมผัส เช่น น้ำตก หรือการเดินป่า ดังนั้น กระปุกท่องเที่ยวเลยขอติดตามบันทึกการเดินทางที่มาพร้อมกับภาพถ่ายสวย ๆ ในมุมมองแจ่ม ๆ ของ คุณ ชานมชงเอง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้เดินทางไปสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ณ จังหวัดกำแพงเพชร มาให้ชมกัน เอ้า ! ถ้าพร้อมแล้วตามไปเที่ยวกันเลยจ้า
สวัสดีครับเพื่อนทุกคน !!!
ทุกครั้งที่ได้เดินทางผมมีความสุขและรู้สึกดีไปกับมันทุกครั้ง แต่สำหรับการเดินทางในครั้งนี้มันเป็นความรู้สึกอีกหนึ่งแบบที่แตกต่างออกไป จากจุดเริ่มต้นมาถึงตอนสุดท้ายมันเป็นความภาคภูมิใจมาก ๆ ในฐานะนักท่องเที่ยวคนหนึ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ ททท. หรือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มาบอกเล่าเรื่องราวความสวยงามของจังหวัดกำแพงเพชรในแบบฉบับตัวตนของผม "ชานมชงเอง" ผมเชื่อมั่นอย่างมาก ๆ ว่ารีวิวนี้จะทำให้ใครหลาย ๆ คนได้รักและภูมิใจไปกับความสวยงามของจังหวัดกำแพงเพชร และรู้สึกรักประเทศไทยของเรามากขึ้นอย่างแน่นอน
ถ้าพร้อมแล้วก็ตามกันมาเลยครับ !!!
ผมเริ่มต้นเดินทางในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทริปนี้ไปกัน 3 คน ผมเดินทางพร้อมกับโจทย์ที่เป็นคนตั้งขึ้นมาเอง คือ ทำอย่างไรให้คนอยากมาเที่ยวกำแพงเพชร ? โดยออกจากบ้านในช่วงเที่ยง ๆ และขอให้เพื่อนลากิจครึ่งวันเพื่อที่จะได้เดินทางกันไวขึ้น
ผมเข้าเขตจังหวัดกำแพงเพชรตอนประมาณบ่าย 3 โมงเย็น เป็นวันที่อากาศดีมาก แต่ผิดแผนนิดหน่อยตรงที่ว่าวันนี้ท่าทางฝนจะไม่ตก ? ทั้งที่เว็บพยากรณ์อากาศบอกมาว่ามีฝน 40-60% แต่นี่อะไรเมฆสักก้อนก็ไม่มี
ปล. ผมได้แนบแผนที่ของจังหวัดกำแพงเพชร ส่วนลูกศรสีเขียวนั้นคือเส้นทางการเดินทางของผมในช่วง 24 ชั่วโมง
ผมนึกถึงกำแพงเพชรช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ผมมาเที่ยวทีนี่หลายครั้งไม่ว่าจะเป็นปลายทางหลักหรือทางผ่าน !!! แต่สิ่งที่ทำให้ผมหลงรักกำแพงเพชรนั้น คือ ขุนเขาสีเขียวของ อุทยานแห่งชาติแม่วงก์
ตอนแรกไม่มีทีท่าว่าฝนจะตกแต่พอผมเข้าสู่เส้นทางที่จะมุ่งหน้าเข้า อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ทั้งเมฆและฝนได้กระหน่ำแบบรุนแรง และผมก็แอบยิ้มแบบผู้ชนะ เพราะรู้ว่าพรุ่งนี้ผมจะได้เห็นอะไรอีกเยอะเลย และคืนนี้เราจะนอนพักที่ อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ บนที่พักเรือนแถว ณ จุดชมวิวช่องเย็นกัน
ผมใช้เวลาขับจาก อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ณ ช่องเย็น มาถึง อุทยานแห่งชาติคลองลาน ประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ ข้าวเช้ายังไม่ได้กินเลย แต่ระหว่างทางซัดปลาเส้นทาโร่กันมาตลอดทาง กล้องพร้อม คนพร้อม ขาตั้งกล้องก็พร้อม เพราะอยากได้น้ำตกแบบเป็นเส้น ๆ สวยกลับบ้าน
น้ำตกคลองลาน ให้ความรู้สึกง่าย สบาย ๆ เพราะเราสามารถขับรถไปถึงหน้าน้ำตกเลย มันสบาย มันไม่ต้องเดินไกล ไม่ต้องกลัวหลงป่า นี่แหละครับน้ำตกที่เหมาะกับคนแบบผม
มันเป็นน้ำตกที่น่าทึ่งนะครับ มีขนาดใหญ่ดูอลังการ เคยอ่านเจอบอกว่าหน้าผาสูงถึง 95 เมตร กว้างตั้ง 40 เมตร ทุกครั้งที่ผมไปจะเห็นทั้งเด็กและผู้ใหญ่มาเล่นน้ำ มาพักผ่อน และถ่ายรูปเสมอ
แค่คิดจะมากำแพงเพชรฟังดูเหมือนไกลนะ แต่จริงมันห่างจากกรุงเทพฯ แค่ 400 กว่ากิโลเมตรเองครับ ขับรถสบาย 4-5 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว มีป้ายบอกทางตลอดนะครับว่า อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ หรือป้ายของอุทยานแห่งชาติคลองลาน
รับรองว่าการเดินทางไม่ยากอย่างที่คิด ผมไปมาสามรอบแค่หลับตาก็นึกเส้นทางออกแต่อย่างที่ผมบอก พอเลยนครสวรรค์มุ่งหน้าไปกำแพงเพชร ป้ายบอกทางชัดเจนมาก ไม่หลงแน่นอนครับ !!!! แต่เพื่อความรวดเร็วไม่ต้องกลับรถไปมาศึกษาแผนที่ไปก่อนด้วยนะครับ dnp.go.th
จบจากดูน้ำตกผมก็ไปนั่งทานข้าวเหนียวกับส้มตำไก่ย่าง ผัดซีอิ้ว ข้าวราดกะเพราไก่แห้ง และข้าวผัด เป็นร้านประจำอยู่ทางลงมาจากน้ำตกคลองลาน ไม่ได้กินเยอะครับแต่อยากกินหลายอย่าง จากนั้นผมมุ่งหน้าต่อเข้าเมืองกำแพงเพชร เพื่อย้อนอดีตไปสู่ประวัติศาสตร์ของประเทศไทยเรากัน
แล้วผมก็ขับรถเพื่อมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองกำแพงเพชร แต่ผมแวะไปที่หนึ่งก่อน ย้อนลงมาทางนครสวรรค์ห่างจากตัวเมืองกำแพงเพชรประมาณ สิบกว่ากิโลเมตร คิดว่าต้องโอเคแน่ ๆ เพราะไม่มีข้อมูลในอินเทอร์เน็ต แต่เห็นเขียนว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวขับรถเข้าไปในหมู่บ้านถามชาวบ้านแถวนั้นยังไม่รู้จักเลย 555 แต่ผมก็ไปจนถึงปรากฏว่าไม่ได้ลงจากรถเลย วนกลับมาเจอตลาดกล้วยไข่ อยู่ตรงหลักกิโลเมตรที่ 343 มีทั้งสองฝากถนนนะครับ เป็นของฝากสารพัดกล้วยไข่เลย!!
ผมบอกกับเพื่อนว่าถ้าลงไปถ่ายรูปแต่ไม่ซื้ออะไรเลยน่าเกลียดไหม สุดท้ายผมก็ส่องจากหน้ากระจกตอนที่แม่ค้าเผลอ แล้วก็ขับรถจากไป ไว้ซื้อขากลับดีกว่า !!
ผมบอกกับเพื่อนว่าถ้าลงไปถ่ายรูปแต่ไม่ซื้ออะไรเลยน่าเกลียดไหม สุดท้ายผมก็ส่องจากหน้ากระจกตอนที่แม่ค้าเผลอ แล้วก็ขับรถจากไป ไว้ซื้อขากลับดีกว่า !!
จากตัวเมืองวิ่งตามป้ายบอกทางเลยครับมีป้ายบอกว่า อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร แล้วผมก็ขับรถเข้ามาตัวเมืองกำแพงเพชร ปกติไม่เคยเข้ามาเลย ผ่านตลอดแต่วันนี้ลองดูสักตั้งจะมีอะไรให้ผมได้อันซีนอีก
มาถึงแล้วครับ ที่แรกเล่นเอางงไปพักใหญ่เพราะดันหลงทางวนไปวนมาในตัวเมือง วันนี้อากาศเป็นใจมาก ไม่มีก้อนเมฆสักก้อนเลย ร้อนรุ่มแดดเปรี้ยงมาก ผมจอดรถถ่ายป้ายแบบอึ้งไปนิด เพราะเพิ่งรู้ว่านี่คือมรดกโลก มันต้องมีคุณค่าแน่ ๆ ไม่งั้นคงไม่ได้รับการรับรองขนาดนี้
ปล. อ่านจากโบรชัวร์ที่ได้รับมา ที่นี่ได้รับการประกาศให้เป็น "มรดกโลก" ร่วมกับอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยและอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย จากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2534 ก็ประมาณ 22 ปีมาแล้ว ค่าธรรมเนียมเข้าชม คนละ 10 บาท และเสียค่านำรถเข้าชมคันละ 50 บาท
ปกติผมไม่ค่อยเข้าวัดนะครับ ทุกครั้งก็ไม่เคยแวะเลย ผ่านขึ้นดอยขึ้นเขาตลอดแต่วันนี้ยังไงก็ลุยครับ แม้จะรู้สึกร้อนตั้งแต่ออกจากนอกรถ เหงื่อออก แต่ผมคิดว่าต้องมีอะไรบางอย่างที่เปิดมุมมองเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่ทำให้ผมรู้สึกดีแน่นอน
วัดพระนอนมีมีกำแพงศิลาแลงปักล้อมรอบวัดไว้ทั้ง 4 ด้าน มีโบสถ์ขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ด้านหน้า ด้านหลังเป็นวิหารพระนอน ก่อสร้างด้วยเสาศิลาแลงขนาดใหญ่ จาก 4-500 ปี ในวันนั้นถึงวันนี้คงมีอะไรให้ได้ลองนึกตามเล่น ๆ
ไม่แน่นะผมอาจจะกำลังกลับไปยังช่วงเวลาที่ผมไม่เคยรู้จักและไม่เคยผ่านมาประวัติศาสตร์ ที่บอกว่าอดีตอยู่ที่ไหน ด้านหลังคือความจริงที่ผมเคยเดินผ่านมา และสิ่งที่อยู่ต่อหน้าอาจจะเป็นบางอย่างให้ผมตามหาอยู่ก็ได้
มันอาจจะเป็นความจริงของสิ่งที่ยังคงเหลือให้เราได้เห็น แม้บางสิ่งจะหายไปเมื่อ 4-500 ปีที่ผ่านมา อาจจะเป็นความรัก ความเชื่อ ความศรัทธา หรือความรุ่งเรื่องของประวัติศาสตร์ไทยที่ส่งต่อมาให้กับเรา และพร้อมที่จะส่งต่อไปให้กับใคร ๆ อีกหลายคน
ขับมาตามแผนที่ก็มาถึง วัดช้างรอบ จุดเด่นของวัดแห่งนี้ คือ เจดีย์ประธานทรงระฆังขนาดใหญ่ ซึ่งยอดหักพังหมดแล้ว ฐานสี่เหลี่ยมด้านล่างสูงใหญ่ มีบันไดอยู่ที่กลางด้านทั้งสี่เพื่อขึ้นไปถึงลานด้านบน ฐานล่างประดับช้างปูนปั้นครึ่งตัวจำนวน 68 เชือก
ตอนที่ผมอยู่ในนั้นรู้สึกถึงพลังแปลกบางอย่าง หมายถึงพลังงานของผมเองนะรู้สึกตัวเองคล้ายนักโบราณคดีนิด ๆ สำรวจหน่อย แม้แดดจะร้อนแต่ต้องไปต่อที่อื่นแล้ว แล้วก็มาถึง วัดสิงห์ เป็นวัดสุดท้ายที่ผมได้ขับรถผ่าน แล้วผมก็สงสัยว่าวัดที่มีพระพุทธรูปงาม ๆ อยู่ที่ไหน ? พอดูแผนที่ก็รู้ว่ามันเป็นที่ที่เราเคยขับรถผ่านลืมบอกไปว่าตรงนี้เป็นเขตอุทยานเขตอรัญญิก เนื้อที่ 1,611 ไร่ เดี๋ยวเราจะไปอีกเขตต่อ ซึ่งอยู่ในเขตเมือง
นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่การเดินทางของผมแปลกออกไป ได้มาเห็นอะไรที่ไม่คุ้นเคย แต่วันนั้นผมดีใจที่ผมมีโอกาสถ่ายทอดเรื่องราวและมุมมองในแบบของผม กับอีกหนึ่งอุทยานประวัติศาสตร์ที่ได้รับให้เป็นมรดกโลกในจังหวัดกำแพงเพชร และบางทีรอยต่อของอดีตกับปัจจุบันของคุณหรือของใครอาจจะอยู่ที่นี่ก็ได้นะครับ
หลังจากนั้นผมมุ่งหน้าไปทางอำเภอพรานกระต่าย ซึ่งห่างจากตัวเมืองกำแพงเพชรประมาณ 30 กิโลเมตร ตอนนี้ระดับพลังงานและความสดชื่นของผมลดลงอย่างมาก รู้สึกล้า คงเพราะร้อนจัดแต่ก็ได้น้ำอัดลมไปแก้วใหญ่ วันนี้น้ำอัดลมเย็น ๆ ช่วยได้เยอะ ยอมรับว่าวันนี้ร้อนจริง ๆ เป้าหมายของผมในอำเภอนี้ คือ เขื่อนสองที่ที่อยู่กันคนละตำบล ไม่น่าเชื่อว่าผมขับรถในอำเภอนี้ถึง 80 กิโลเมตร ไม่รวมที่ต้องขับไปกลับกำแพงเพชรอีก เกือบ 60 กิโลเมตร (โดยที่ไม่หลงทาง) และทางที่พาผมไปเขื่อนทั้งสองที่ก็เปลี่ยวเหลือหลาย ไปกันคนน้อย ๆ ไม่ค่อยอยากแนะนำนะครับ
ที่แรกที่ผมไปมาคือ อ่างเก็บน้ำห้วยบง เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง ๆ ตั้งอยู่ที่ บ้านบางลาด ม.4 ตำบลหนองหัววัว อำเภอพรานกระต่าย ตอนผมไปเห็นมีเด็กๆ มาเล่นน้ำ 4-5 คน แต่ทางเข้าค่อนข้างเปลี่ยว เป็นทางดินแดงขับทีฝุ่นกระจาย
ปล. เส้นทางไปอ่างเก็บน้ำห้วยบง :จากตัวเมืองกำแพงเพชรไป อ.พรานกระต่าย พอถึงโรงเรียนพรานกระต่ายวิทยาคมจะเจอสี่แยกให้เลี้ยงซ้ายไป อ.บ้านด่านลานหอย จ.สุโขทัย ตรงตรงไปประมาณ 16 กิโลเมตร จะเห็นป้ายบอกทางซ้ายมืออ่างเก็บน้ำห้วยบง ทางจะเป็นดินแดง เข้าไปอีก 1,600 เมตร ก็ถึง
แล้วผมก็ขับรถออกมาจากอ่างเก็บน้ำห้วยบงกลับมาที่ตัวเมืองพรานกระต่ายอีกครั้ง ผ่านวัดแห่งหนึ่งผมบอกเพื่อนว่าจอดถ่ายวัดก่อน วัดสวยดีแล้วก็ได้ยินเสียง "ชานมเปลี่ยนไปแล้ววววววววววว" อ้าว...ก็สวยดี
ผมมาถึงประมาณ 4 โมงเย็นจะได้ อากาศกำลังเย็นสบาย แต่วันที่เข้าไปเหมือนไม่มีคนอยู่สักคนตอนแรกกะไปนั่งเคเบิลลอยน้ำข้ามไปยังเกาะเสือ เสียดายนิด ๆ แต่ไม่เป็นไรแค่วิวก็กินขาดแล้วครับ บรรยากาศที่ฝนกำลังก่อตัว กับสายน้ำ และวิวภูเขาไกลได้อยู่ในบรรยากาศแบบนี้ ถือว่าได้พักเหนื่อย จากการวิ่งรอบทั่วจังหวัดกำแพงเพชรละกัน
ผมรู้เลยว่าอีกไม่นานที่นี่ฝนจะตกอย่างแน่นอน เรายังเหลือเป้าหมายอีกหนึ่งที่ที่ต้องไป เพื่อนที่ไปด้วยถึงกับถอดใจ สู้ ๆ หน่อย !!!! วันนี้ให้สุด ๆ ไปเลย
แรงบันดาลใจที่กำลังบอกให้ผมได้รอคอยมัน ผมบอกกับเพื่อนว่าเดี๋ยวเราจะเข้าไปหลบฝนกันที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสนามเพรียงกัน ขับรถเข้าไปอีก 8 กิโลเมตรเท่านั้นเอง แค่ 8 กิโลเมตรสำหรับผมจะสักเท่าไหร่กันเชียว นี่ก็ขับมาเกือบ 600 กิโลเมตร แล้วผมคิดนะว่าหลังฝนตกต้องเป็นอะไรที่สวยแน่ ๆ ถ้ามองจากจุดชมวิวที่อยู่สูงสุดของเขาลูกนั้นยังไงก็ไม่เคยผิดแผนแน่นอน !!!!
งานนี้ผมเลยรีบถอยรถกลับมายังตัวสำนักงานอีกครั้ง ได้ขับรถสวนกับเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง แกกำลังกวดรถมอเตอร์ไซด์มาหาผมพอดี ผมบอกว่าคิดว่าขับรถไปถึง แกบอกว่าแกจะไปห้ามว่าขึ้นไม่ได้ เพราะต้องมีคนนำทางและฝนกำลังตก ผมเลยไม่ขึ้น ไม่ไหวอย่างแรง รู้สึกตอนนี้เหนื่อยมาก ๆๆๆๆๆๆ แล้วผมก็รีบขับรถกลับมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองกำแพงเพชรอีกครั้ง
จาก 5 โมงเย็นของเมื่อวาน มาถึงบ่าย 5 โมงเย็นที่ผมได้อยู่ในบรรยากาศของจังหวัดกำแพงเพชร รวมเป็นทั้งหมด 24 ชั่วโมงพอดิบพอดี 14 ชั่วโมงที่ผมรู้สึกดีกับบรรยากาศของขุนเขาและสายหมอกกับอีก 10 ชั่วโมง ที่ผมได้มีโอกาสได้เติมเต็มบางสิ่งบางอย่างที่ผมไม่คุ้นเคย มันสนุก มันเหนื่อย มันล้า มันท้าทายแต่มันก็สมบูรณ์แบบในแบบฉบับที่เป็นตัวผม ถึงเวลาต้องเดินทางออกจากตัวเมืองกำแพงเพชร ไปยังอีกจังหวัดหนึ่งที่อยู่คนละฝากกับกำแพงเพชร ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยภูเขา วิวที่ผมคุ้นเคยกับบรรยากาศเดิม ๆ ที่ผมเคยรู้สึกแต่ทำไมผมยังรู้สึกมีไรบางอย่างที่บอกผมว่า มันยังขาดบางสิ่งบางอย่างไปบางสิ่งบางอย่างที่บอกว่านี่สิคือตัวตนของผม
ผมเดินทางออกจากบ้านในตอนเกือบเที่ยงของวันนั้น เว็บพยากรณ์อากาศบอกมาว่ามีฝน 40-60% แน่นอนผมคาดหวังที่จะได้เจอฝนตกหนัก แล้วผมก็เจอฝนจริง ๆ ตามที่คาดไว้ ช่วงเข้าอำเภอคลองลานมุ่งหน้าขึ้น อช. แม่วงก์
ระหว่างทางที่ขับรถผมได้เจอหมอกริมถนนลอยริมเขา สวยอย่าบอกใคร แต่ผมคิดว่าถ้าขึ้นไปด้านบนคงสวยกว่าที่เห็นตอนนี้อยู่ไม่น้อย แล้วผมก็มาถึงที่ทำการอุทยานตอน 4 โมงครึ่ง ที่นี่มีบ้านพักอยู่หลายหลังที่สามารถมองเห็นวิวน้ำตก ท่ามกลางธรรมชาติที่สดชื่นมากของฤดูฝน ผมยังจำบ้านหลังสีแดงได้ดี เป็นหลังที่ผมเคยมานอนพักในการมาแม่วงก์เมื่อสามปีที่แล้ว
หลังจากที่เรากรอกข้อมูลทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นชื่อ ที่อยู่ เบอร์ติดต่อ ทะเบียนรถ และจ่ายค่าที่พักแบบเรือนไม้ในราคา 1,500 บาท ซึ่งนอนได้ 8-10 คน แม้จะเป็นเส้นทางเดิม เส้นทางที่หลับตาแล้วนึกภาพออก แต่มันก็รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้เห็น
แม้การมาครั้งนี้จะมีสปอนเซอร์ในการเดินทางเป็นครั้งแรกก็ตาม แต่ผมจะทำในแบบที่ผมอยากทำและนำเสนอในแบบที่ผมรู้สึกดี ขับรถขึ้นเขามาเรื่อย ๆ อีก 8 กิโลเมตร ผมก็มาถึงจุดชมวิวที่ 2 จุดชมวิวขุนน้ำเย็น บรรยากาศที่เต็มไปด้วยสายหมอกกับละอองน้ำฝนที่เย็น ๆ สมชื่อ ขุนน้ำเย็น จริง ๆ จากนั้นเราขับรถขึ้นไปอีก 4 กิโลเมตร มุ่งหน้าสู่บ้านพักที่จุดชมวิว ช่องเย็น
I can’t win, I can’t reign , I will never win this game
Without you, without you
I am lost, I am vain, I will never be the same
Without you, without you
บรรยากาศที่ทำให้นึกถึงเพลงนี้ทุกครั้งมันคือเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เราได้พบกัน
ตอนนี้หกโมงเย็นแล้วอากาศที่นี่เย็นสบายสมกับชื่อช่องเย็นจริง ๆ มากี่ครั้งก็ไม่เคยได้ความรู้สึกว่าร้อนเลย ปีที่แล้วเดือนเดียวกันเราก็มานอนพักที่นี่อาจจะดูน่ากลัวแต่ไม่มีอะไร แต่ผมก็สวดมนต์ก่อนนอน 3 จบนะครับ แถมบอกไม่อายเลยว่าไม่ได้อาบน้ำ เพราะน้ำเย็นมาก เย็นยะเยือก !!!!
ได้เวลานอนแล้วครับ ปล. มีไฟใช้ช่วง 17.00-21.00 น. หลังจากนั้นไม่มีไฟใช้นะครับ
ผมยังคงรักษาแชมป์การตื่นนอนก่อนใครเพื่อน และยังคงรักษาสถิติการเจอทะเลหมอกไว้ได้อีกครั้ง มันเป็นทะเลหมอกทีดูฟุ้งกระจายในหน้าฝน แต่ผมเชื่อว่าอีกไม่นานมันจะสวยชนิดที่แบบอึ้งไปเลย แล้วผมก็นึกถึงทะเลหมอกปีที่แล้ว มันเป็นทะเลหมอกหน้าฝนที่สวยมาก และปีนี้ผมคิดว่ามันจะต้องไม่แพ้ปีที่แล้วอย่างแน่นอน ผมให้สัญญาได้เลย
แล้วผมก็ชวนเพื่อนขึ้นไปจุดชมวิวที่อยู่ติดกับบ้านพักเลย มันชื่อ จุดชมวิวภูสวรรค์ ที่จะต้องเดินไต่ความสูงแบบชันมากระยะประมาณ 300 เมตร เจ้าหน้าที่เตือนไว้ว่าให้ระวังทากดูดเลือด ผมจำได้ปีที่แล้วพอลงมาแล้วแบบตกใจ !!! ที่ขาเลือดโชกเลย เอาน้ำล้างแล้วก็ไม่มีแผล แต่จุดเล็ก ๆ รอยกัดหนึ่งแต่เลือดไหลออกไม่หยุด ต้องเอาพลาสเตอร์ยาที่เตรียมไว้มาปิด ปีที่แล้วยังเจอตัวคุ่นกัดเกือบ 30 ตุ่ม คันไปทั้งตัว ปีนี้กลับมาใหม่เตรียมตัวดีมากเลยไม่เจอสักตุ่ม บอกตรง ๆ เหนื่อยและปวดข้า ล้ามาก ขนาดซัดทาโร่ปลาเส้นไปเป็นกำ ๆๆ ก่อนขึ้นมา แล้วผมก็วิ่งขึ้นเลย เพราะเริ่มเห็นหมอกเริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างแล้วววววววววววว แต่นั้นก็ทำให้ขาสั่นใหญ่เลย พูดไปหอบไป
นี่คงเป็นของขวัญสำหรับคนที่รักอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ของขวัญที่ผมเคยได้รับมาตลอด แต่ก็ยังไม่เคยรู้สึกพอ มันคงเป็นเหตุผลว่าทำไมคนหนึ่งคนถึงได้รักภูเขา และรักสายหมอกได้ขนาดนี้ ผมมั่นใจเสมอทุกครั้งที่ไปเที่ยวภูเขาว่ายังไงผมจะได้เจอสิ่งที่ผมรักแต่ผมก็ไม่ลืมที่จะสวดมนต์และอธิฐานเพื่อความมั่นใจทุกครั้งก่อนนอนเสมอ
มันคือความรักของสีเขียว สีของหัวใจและความผูกพัน แล้วผมก็นึกถึงอะไรบ่างอย่างที่ผ่านเข้ามาตั้งแต่ต้นจนจนถึงตอนนี้
จากจุดสุดท้ายย้อนกลับมาที่จุดเริ่มต้น ผมรู้สึกภูมิใจในฐานนะนักท่องเที่ยวคนหนึ่งภูมิใจที่ได้เห็นความสวยงามของประเทศไทย กับอีกครั้งของจังหวัดกำแพงเพชร ดินแดนของความหลากหลาย ทั้งอุทยานประวัติศาสตร์ที่เป็นหนึ่งในมรดกโลก ภูเขาสีเขียว ทะเลหมอกสีขาว น้ำตกน่าเล่น สายน้ำปิง จุดชมวิวมากมาย รวมทั้งเรื่องราวความทรงจำของผม ที่ที่ได้มีโอกาสเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดนี้ ได้เก็บความรู้สึกดี ๆ และสะสมความภูมิใจกลับบ้านไปทุกครั้ง
อย่ารอให้เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ นะครับ อีกหนึ่งจังหวัดที่มีครบทุกอย่างแบบนี้ อันซีนในมุมมองที่หลากหลาย ไปจังหวัดเดียวเที่ยวได้ทุกอย่างจริง ๆ
แล้วพบกันใหม่ครับ :::: สวัสดีครับ
เฟซบุ๊ก chanomworld
จากจุดเริ่มต้นมาถึงตอนสุดท้าย มันเป็นความภาคภูมิใจมาก ๆ ในฐานะนักท่องเที่ยวคนหนึ่ง มาบอกเล่าเรื่องราวความสวยงามของจังหวัดกำแพงเพชรในแบบฉบับตัวตนของผม และตอนนี้ผมก็รู้สึกใคร ๆ ก็รักและภูมิใจไปพร้อมกับผม รวมทั้งเรื่องราวความทรงจำของผม ที่ได้มีโอกาสเข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดนี้ ได้เก็บความรู้สึกดี ๆ และสะสมความภูมิใจกลับบ้านไปทุกครั้ง อย่ารอให้เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ นะครับ อีกหนึ่งจังหวัดที่มีครบทุกอย่างแบบนี้ อันซีนในมุมมองที่หลากหลาย ไปจังหวัดเดียวเที่ยวได้ทุกอย่างจริง ๆ
ปล. ขอบคุณเพื่อนที่แวะมาชมรีวิวและทักทายกัน ชาวกำแพงเพชรยินดีต้อนรับนะครับ ^^