เกริ่นนำโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก อ.ส.ท.
ในยามที่แสงอาทิตย์ส่องประกายเจิดจ้า เรามักจะเห็นภาพความงดงามของวิวทิวทัศน์ต่าง ๆ แต่เมื่อเวลาที่พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปแล้วนั้น ใช่ว่าความงดงามจะเลือนหายไปด้วย เพราะในยามค่ำคืนท้องฟ้ายังมีดวงดาราให้ได้ชื่นชมกัน ดังนั้น วันนี้กระปุกท่องเที่ยวเลยได้นำเอาสถานที่ดูดวงดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้าจากทั่วประเทศไทย ของอนุสาร อ.ส.ท. มาฝากกัน โดยเริ่มกันที่...
1. ท้องฟ้าจำลอง กรุงเทพมหานคร
เมื่อกล่าวถึงความฝันสมัยเด็ก เชื่อว่าหลังจากที่หลายคนได้ไปเที่ยวท้องฟ้าจำลอง อันเป็นสถานที่เรียนรู้เรื่องราวทางดาราศาสตร์ ซึ่งเปิดให้บริการกับนักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปมาเกือบ 50 ปี หลายคนคงอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ขึ้นมาบ้าง
ท้องฟ้าจำลองจัดแสดงนิทรรศการต่าง ๆ อย่างเพียบพร้อมและน่าสนใจยิ่งนัก เช่น ระบบสุริยะ ดาวเคราะห์ ความสัมพันธ์ระหว่างดวงดาว ฯลฯ ซึ่งผู้ที่รักดวงดาวก็จะได้เต็มอิ่มกับความรู้และเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมภายในอาคารนิทรรศการต่าง ๆ ถึง 6 อาคาร ในแต่ละอาคารจัดแสดงเรื่องราวแตกต่างกันออกไป เช่น อาคารแรกจัดแสดงเกี่ยวกับความรู้ด้านดาราศาสตร์ อวกาศ ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับดาว การค้นหาดวงดาว การพิสูจน์ ๆ และโดดเด่นด้วยเครื่องฉายดาว รวมถึงสื่อนิทรรศการดาราศาสตร์ "ชีวิตกับดวงดาว" ที่เราจะได้ไปสัมผัสกับดวงดาวอย่างใกล้ชิด
รวมถึงอาคารนิทรรศการต่าง ๆ อีกมากมายที่มีข้อมูลความรู้อย่างไม่รู้จบ เช่น อาคาร 2 จัดแสดงเรื่องราวของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีความเกี่ยวพันกับสิ่งมีชีวิต รวมถึงการทดลองต่าง ๆ ที่เราจะได้เข้าไปพิสูจน์และค้นหาคำตอบด้วยตัวเอง สำหรับผู้ที่รักและอยากศึกษาดวงดาวต่าง ๆ ท้องฟ้าจำลองเป็นสถานที่แรก ๆ ที่เราควรเข้าไปค้นคว้าและรู้จักดวงดาว เพื่อเพิ่มความสนุกสนานก่อนที่จะไปลองสัมผัสกับดาวจริงตามสถานที่ต่าง ๆ
การเดินทาง : สามารถเดินทางด้วยรถโดยสารรถประจำทางสาย 2, 25, 38, 40, 501, 513, 508 หรือโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส ปลายทางสถานีเอกมัย
สถานที่ติดต่อ : ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา (ท้องฟ้าจำลอง) 928 ถนนสุขุมวิท เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 โทรศัพท์ 0 2391 0544, 0 2392 0508, 0 2392 1773 หรือเว็บไซต์ www.sciplanet.org
2. มอหินขาว จังหวัดชัยภูมิ
มอหินขาว ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูแลนคา จังหวัดชัยภูมิ เป็นแหล่งท่องเที่ยวอันน่ามหัศจรรย์ที่เต็มไปด้วยกลุ่มหินทรายสีขาว ที่มีรูปร่างลักษณะแตกต่างกันไปกระจายกันอยู่เป็นกลุ่ม ๆ หลายต่อหลายกลุ่ม เช่น กลุ่มเสาหินห้าต้น ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลท์ ประกอบไปด้วย เสาหินทราย 5 ต้น สูงประมาณ 12 เมตร ตั้งตระหง่านเรียงรายเป็นแนวอย่างงดงาม กลุ่มหินโขลงช้าง อยู่ถัดจากกลุ่มเสาห้าต้น ประมาณ 650 เมตร เป็นกลุ่มหินที่มีลักษณะคล้ายเจดีย์กระจายอยู่ตามพื้นที่ และนอกจากนี้ยังมีอีกหลายกลุ่มหินที่น่าสนใจ เช่น กลุ่มหินต้นไทร สวนหินล้านปี เป็นต้น
นอกจากความอัศจรรย์ของกลุ่มหินแล้ว มอหินขาวยังเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการดาวอีกด้วย เนื่องจากลักษณะของภูมิประเทศอยู่บนภูเขาไม่สูงนัก และเปิดโล่งสามารถมองเห็นดาวได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในคืนเดือนมืดนั้น ยิ่งมองเห็นดวงดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้า จุดที่เหมาะสำหรับการดูดาวอยู่ที่บริเวณมอหินขาว ตรงกลุ่มเสาหินห้าต้น เนื่องจากบริเวณนั้นใกล้กับจุดกางเต็นท์ ห้องน้ำ และที่สำคัญเป็นจุดที่ดาวเหนือตั้งอยู่เหนือกลุ่มเสาหินห้าต้นพอดิบพอดี สามารถหาตำแหน่งของดาวอื่น ๆ ได้ไม่ยากนัก นอกจากนี้ ยังเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับนักดูดาวที่ชอบการถ่ายภาพอีกด้วย
และนอกจากบริเวณนี้แล้ว ที่มอหินขาวยังมีจุดที่มองเห็นดาวได้อย่างงดงามอีกหลายจุด เช่น บริเวณกลุ่มหินโขลงช้าง เพราะที่บริเวณนี้ มีพื้นที่ลานโล่งกว้างพอสมควร และมีต้นไม้ใหญ่ไม่มากนัก จึงไม่บดบังทัศนียภาพของการชมดาว
การเดินทาง : จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) มุ่งหน้าจังหวัดสระบุรี จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2 (มิตรภาพ) ผ่านอำเภอมวกเหล็ก ปากช่อง จนถึงอำเภอสีคิ้ว เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 201 ผ่านอำเภอด่านขุนทด จัตุรัส จนถึงจังหวัดชัยภูมิ จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 2051 ก่อนถึงด่านอุทยานแห่งชาติตาดโตนเลี้ยวซ้ายไปตามทางตาดโตน-ท่าหินโงม แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนแจ้งเจริญ-โสกเชือก จนถึงบ้านวังคำแคน เลี้ยวซ้ายไปอีก 3.5 กิโลเมตร
สถานที่ติดต่อ : อุทยานแห่งชาติภูแลนคา ตำบลห้วยค้อน อำเภอเมืองฯ จังหวัดชัยภูมิ โทรศัพท์ 0 4481 0902 – 3 เว็บไซต์ www.dnp.go.th, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครราชสีมา 2102 – 2104 ถนนมิตรภาพ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองฯ จังหวัดนครราชสีมา 30000 โทรศัพท์ 0 4421 3030, 0 4421 3666 อีเมล tatsima@tat.or.th
3. อุทยานแห่งชาติผาแต้ม จังหวัดอุบลราชธานี
อุทยานแห่งชาติผาแต้ม เป็นบริเวณที่สามารถยืนมองแสงแรกได้อย่างเต็มอารมณ์ และเดินทางเข้าถึงง่าย มีจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครในประเทศนี้ที่ผาชะนะได ที่ต้องผ่านการเดินเท้าขึ้นไป ที่นี่จึงได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว ความงดงามของสายหมอก ผืนน้ำ แสงเช้า หวานกว่าเวลาใดในรอบปีเลยทีเดียว
นอกจากเป็นจุดชมทิวทัศน์พระอาทิตย์ขึ้นเหนือแม่น้ำโขง และเป็นดินแดนที่มีภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์แล้ว ความงดงามของทุ่งดอกไม้ น้ำตกต่าง ๆ ก็ทำให้ผาแต้มเป็นที่เลื่องลืออย่างยิ่งในด้านการท่องเที่ยว และยามค่ำคืน การสัมผัสแสงดาวก็ทำได้ดีมากเช่นกัน เนื่องจากว่ามีหลายจุดที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเสาเฉลียงคู่ ลานกางเต็นท์ หรือจุดชมวิว ซึ่งมีความปลอดภัยและสวยงามยิ่งนัก
การเดินทาง : จากกรุงเทพฯ สู่จังหวัดอุบลราชธานี ระยะทาง 629 กิโลเมตร จากนั้นต่อไปยังอำเภอโขงเจียม ระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร แล้วเดินทางไปตามเส้นทางยุทธศาสตร์สายโขงเจียม-เขมราฐ อีก 15 กิโลเมตร เลี้ยวขวาต่อไปอีก 5 กิโลเมตร จะถึงภูผาขาม ท้องที่บ้านหนองผือน้อย ตำบลห้วยไผ่ อำเภอโขงเจียม ซึ่งที่ทำการอุทยานแห่งชาติผาแต้มตั้งอยู่ ปัจจุบันเส้นทางนี้ไปสิ้นสุดบนลานภูผาขาม หรือลานจอดรถหน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นอีกด้วย
สถานที่ติดต่อ : อุทยานแห่งชาติผาแต้ม ตำบลห้วยไผ่ อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี 34220 โทรศัพท์ 0 4531 8026, เจ้าหน้าที่จองบ้านพัก โทรศัพท์ 08 1999 2747 อีเมล phataem_3@hotmail.com และ phataem_np@hotmail.com
4. อุทยานแห่งชาติแม่เมย จังหวัดตาก
อุทยานแห่งชาติแม่เมย เป็นอุทยานฯ ที่มีภูมิประเทศสลับซับซ้อน มีจุดสูงสุดกว่า 1,250 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ปกคลุมไปด้วยป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ด้วยภูมิประเทศที่อยู่บนพื้นที่สูง ทำให้เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่เหมาะแก่การดูดาวเป็นอย่างยิ่ง
เหนือสันเขาของอุทยานฯ นักท่องเที่ยวสามารถเลือกพักค้างแรม เพื่อชมความงามของดาวในค่ำคืน หรือชมสายหมอกยามเช้า เช่น ม่อนกิ่วลม เป็นอีกจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมพักค้างแรม เพราะเป็นจุดชมดวงอาทิตย์ขึ้นยามเช้าที่สวยงาม มองเห็นทะเลหมอกปกคลุมหุบเขาเบื้องล่าง โดยมียอดเขาสูงต่าง ๆ โผล่พ้นสายหมอก อีกทั้งยังสามารถชมดาวได้ ในคืนเดือนมืดจะเห็นดาวส่องประกายระยิบระยับทั่วทั้งผืนฟ้า และจากม่อนกิ่วลมเอง เป็นอีกจุดหนึ่งที่นักถ่ายภาพดาวนิยมกันมาก เนื่องจากสามารถมองเห็นดาวเหนือได้
นอกจากนี้ ยังมี ม่อนครูบาใส เป็นจุดชมวิวอีกจุดหนึ่งที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาพักแรม เพราะม่อนแห่งนี้เป็นจุดชมวิวที่ชมทิวทัศน์ได้รอบตัว ม่อนพูนสุดา ม่อนปุยหมอก และยังสามารถเที่ยวชมแหล่งธรรมชาติแม่เมย เช่น ถ้ำแม่อุสุ น้ำตกชาวดอย น้ำตกแม่ละเมิง ฯลฯ ได้อีกด้วย
การเดินทาง : จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 32 (สายเอเชีย) ผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท นครสวรรค์ จากนั้นต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ผ่านจังหวัดกำแพงเพชร ตาก ก่อนถึงตัวเมืองตากให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 105 (แม่สอด-แม่สะเรียง) เมื่อถึงอำเภอแม่สอดแล้วเลี้ยวขวามุ่งหน้าไปยังอุทยานแห่งชาติแม่เมย
สถานที่ติดต่อ : อุทยานแห่งชาติแม่เมย ตำบลแม่อุสุ อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก โทรศัพท์ 0 5557 7049, 0 5557 6452 – 3 อีเมล maemoei@hotmail.com
5. ดอยม่อนคลุย จังหวัดตาก
"ดอยม่อนคลุย" เป็นภาษาปกากะญอ หมายถึงเนินที่มีต้นหญ้าเล็ก ซึ่งชื่อนั้นถูกตั้งขึ้นตามสภาพพื้นที่ที่เป็นเนินภูเขาสลับกับมีต้นไม้เล็ก ขึ้นอยู่กระจายอยู่ทั่วไป ตั้งอยู่ที่อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่ความสวยงามของม่อนคลุย หากได้ไปสัมผัสก็ยากที่จะเลือนไปจากความทรงจำอย่างแน่นอน
ม่อนคลุย อยู่ห่างจากองค์การบริหารส่วนตำบลท่าสองยางไปประมาณ 20 กิโลเมตร และมีเส้นทางลูกรังต่อไปยังจุดพักแรมอีกประมาณ 7 กิโลเมตร ถ้าจะให้เหมาะก็ควรเดินทางด้วยรถขับเคลื่อนสี่ล้อ สำหรับจุดพักแรมนั้นมีศาลาและห้องน้ำรองรับอย่างเพียบพร้อม แต่นักท่องเที่ยวก็ควรเตรียมอุปกรณ์ แคมป์ อาหาร น้ำ และแจ้งให้เจ้าหน้าที่ อบต. ท่าสองยางรับทราบ เพื่ออำนวยความสะดวกต่าง ๆ ตามสมควร
ความโดดเด่นของม่อนคลุยมีหลายสิ่งด้วยกัน ทั้งภูเขาสีทองยามต้องแสงอาทิตย์ตกยามเย็น เป็นไฮไลท์ของม่อนคลุย ซึ่งความงามเช่นนี้สามารถชมจากบริเวณจุดพักแรมได้เลยทีเดียว เรียกได้ว่าขับรถขึ้นมาถึงก็ชมความงามกันแบบใกล้ชิดจริง ๆ
ส่วนในเวลายามค่ำคืน ม่อนคลุยก็ยังคงงดงามเช่นเคย ต้อนรับเราด้วยดวงดาวพร่างพรายสะพรั่งอวดแสงระยิบระยับอยู่เต็มฟ้า โดยเฉพาะเวลาที่พระอาทิตย์ตกไปไม่นาน ท้องฟ้าค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน และเริ่มมีแสงดาวกระจายอยู่ทั่วฟ้า เป็นภาพจำอันงดงามและประทับใจยากที่จะลืม ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นก็งดงามไม่แพ้กัน สามารถขับรถขึ้นไปจอดที่เชิงเขา แล้วเดินเท้าอีกไม่ไกลก็สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้น ทะเลหมอก และทิวทัศน์ของแม่น้ำแม่เงาได้อย่างชัดเจน
การเดินทาง : จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) จากนั้นต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 32 (สายเอเชีย) ผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท นครสวรรค์ จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1 ผ่านจังหวัดกำแพงเพชร ตาก ก่อนถึงตัวเมืองตาก ให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 105 (แม่สอด-แม่สะเรียง) ผ่านอำเภอแม่สอด แม่ระมาด จนถึงอำเภอท่าสองยาง ขับตรงต่อไปอีกประมาณ 60 กิโลเมตร เพื่อไปยัง อบต. ท่าสองยาง
สถานที่ติดต่อ : องค์การบริหารส่วนตำบลท่าสองยาง 127 หมู่ 1 ถนนนิรันดรเกียรติ ตำบลท่าสองยาง อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก 63150 โทรศัพท์ 08 9268 1116, 08 4566 4859
6. ภูชี้ฟ้า จังหวัดเชียงราย
ภูชี้ฟ้า สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม เพราะความงดงามของภูผาตระหง่านท่ามกลางทะเลหมอก และแสงหวานยามเช้ากับอากาศหนาวเหน็บ ทั้งหมดเป็นภาพจำของใครหลายคนที่เคยได้เข้ามาสัมผัสกับสุดยอดความประทับใจครั้งหนึ่งในชีวิต ซึ่งภูชี้ฟ้านั้นเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในเทือกเขาดอยผาหม่น ติดเขตชายแดนไทยกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นจุดที่ว่ากันว่าชมทะเลหมอกยามเช้าได้งดงามมาก
เนื่องจากภูชี้ฟ้ามีสภาพภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสูง และมียอดสูงสุดตั้งตระหง่านเป็นสัญลักษณ์ของสถานที่แห่งนี้ จึงเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับการชมทิวทัศน์ยามเช้าทะเลหมอก รวมถึงนักท่องเที่ยวที่รักการนอนเต็นท์ก็สามารถทำได้อย่างสะดวกสบาย เพราะทางวนอุทยานภูชี้ฟ้าได้จัดเตรียมพื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานไว้บริการ
ไม่เพียงแต่ยามเช้าเท่านั้นที่เป็นจุดขายของภูชี้ฟ้า ในเวลากลางคืนก็งดงามไม่แพ้กัน เพราะสามารถนอนชมดาวได้อย่างชัดเจนราวกับว่าดวงดาวทั้งหลายอยู่เพียงเอื้อมมือ และยิ่งในฤดูหนาวที่เป็นคืนเดือนมืด ดวงดาวเหมือนจะยิ่งส่องสว่างมากเป็นพิเศษ
การเดินทาง : จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) จากนั้นเปลี่ยนไปใช้ทางหลวงหมายเลข 32 (สายเอเชีย) ผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท นครสวรรค์ ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 117 ถึงจังหวัดพิษณุโลก แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 11 ผ่านจังหวัดอุตรดิตถ์ แพร่ จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 103 ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 1 ผ่านจังหวัดพะเยาไปถึงเชียงราย จากเชียงรายมุ่งหน้าสู่อำเภอเทิง ผ่านสามแยกโรงเรียนภูซางวิทยาคม บ้านสบบง สามแยกบ้านม่วงชุม จนถึงภูชี้ฟ้า
สถานที่ติดต่อ : วนอุทยานภูชี้ฟ้า ตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย 57310 โทรศัพท์ 0 5371 7173 อีเมล reserve@dnp.go.th, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงราย 448/16 ถนนสิงหไคล อำเภอเมืองฯ จังหวัดเชียงราย 57000 โทรศัพท์ 0 5371 7433, 0 5370 0051 อีเมล tatchrai@tat.or.th
7. ดอยเสมอดาว จังหวัดน่าน
ดอยเสมอดาว อยู่ในอุทยานแห่งชาติศรีน่าน จังหวัดน่าน มีลักษณะเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนลดหลั่นในระดับใกล้เคียงกัน และมีอาณาเขตติดต่อกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นจุดที่มีนักท่องเที่ยวเข้าไปเยือนอย่างมาก เพราะมีพื้นที่โล่งกว้าง เหมาะสำหรับการกางเต็นท์ชมความงามของธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจุดชมวิวในยามเช้า จะพบกับทะเลหมอกสีขาวนวล และในช่วงเวลาที่อาทิตย์กำลังพ้นขอบฟ้า แสงสีทองยามต้องเมฆหมอกกลับกลายให้เป็นสีทองทั่วทั้งผืน ช่างเป็นภาพที่งดงามหาเปรียบยาก
หากในช่วงยามอาทิตย์อัสดงก็งดงามโรแมนติกไม่แพ้กัน จะมองเห็นแสงไฟของเมืองระยิบระยับประดับแสงสุดท้ายของฟ้า ก่อนที่ดวงดาวจะส่องประกายอยู่เต็มเกลื่อนฟ้าราวกับจะเอื้อมมือไปคว้าดาวลงมาได้ นั่นคงจะเป็นสาเหตุและที่มาของชื่อ "ดอยเสมอดาว"
นอกจากนี้ อุทยานแห่งชาติศรีน่านยังมีความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยวอีกมาก เช่น ผาชู้ ผาหินขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางขุนเขาเขียวขจีนับแสนไร่ และตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับความรักระหว่างเจ้าเอื้องผึ้งและเจ้าจันทน์ผา ที่ไม่สมหวัง นับเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนอุทยานแห่งชาติศรีน่าน
การเดินทาง : จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 32 (สายเอเชีย) ผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท นครสวรรค์ จากนั้นเปลี่ยนไปใช้ทางหลวงหมายเลข 117 มุ่งหน้าจังหวัดพิษณุโลก แล้วต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 11 ผ่านจังหวัดอุตรดิตถ์ จนถึงอำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ เลี้ยวขวาไปใช้ทางหลวงหมายเลข 101 ผ่านจังหวัดแพร่จนถึงอำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 1026 ไปอำเภอนาน้อย จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1083 ไปยังอุทยานแห่งชาติศรีน่าน
สถานที่ติดต่อ : อุทยานแห่งชาติศรีน่าน ตู้ ปณ. 14 อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน 55150 โทรศัพท์ 0 5470 1106, กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช 61 ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 โทรศัพท์ 0 2561 0777, 0 2577 6666 เว็บไซต์ www.dnp.go.th
8. ดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่
ดอยอ่างขาง แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่มีผู้ให้ความสนใจไปเยือนเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะเป็นแหล่งปลูกผัก ผลไม้เมืองหนาวที่สำคัญของประเทศไทยแล้ว ยังมีความงดงามของธรรมชาติ ที่ปัจจุบันได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในเส้นทางสายดอกไม้ที่งามที่สุดในประเทศ โดยเฉพาะในช่วงที่ดอกนางพญาเสือโคร่งบาน แทบทุกสถานที่จะสะพรั่งไปด้วยสีชมพูของดอกไม้งาม
นอกจากเรื่องราวของเกษตรเมืองหนาวและดอกไม้แล้ว ดอยอ่างขางยังเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะทำกิจกรรมดูดาว เพราะหลาย ๆ จุดมีความปลอดภัยและมีแสงไฟไม่เยอะมาก ทำให้มองเห็นดาวได้สะพรั่งท้องฟ้า จุดที่เหมาะสมในการดูดาวได้แก่บริเวณจุดชมวิวต่าง ๆ ไร่สตรอว์เบอร์รี ที่จะเห็นดาวได้อย่างสวยงาม
การเดินทาง : จากตัวเมืองเชียงใหม่ เดินทางไปสู่สถานีเกษตรหลวงอ่างขางมี 2 เส้นทาง ได้แก่…
เส้นทางที่ 1 ใช้ทางหลวงหมายเลข 107 (เชียงใหม่-ฝาง) เลี้ยวซ้ายตรงทางแยกตำบลเมืองงาย เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1178 ผ่านบ้านอรุโณทัยไปยังสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง (เส้นทางนี้ขับง่าย ไม่ชันมากนัก)
เส้นทางที่ 2 ใช้ทางหลวงหมายเลข 107 (เชียงใหม่-ฝาง) ถึงหลักกิโลเมตรที่ 137 แยกบ้านปางควาย เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1249 ตรงไปประมาณ 25 กิโลเมตร ถึงสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง (เส้นทางค่อนข้างชันเหมาะสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ในการขับรถขึ้นเขาสูง)
สถานที่ติดต่อ : สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง หมู่ 5 ตำบลแม่งอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ โทรศัพท์ 0 5345 0107 – 9, ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง โทรศัพท์ 0 5345 0077
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ปีที่ 53 ฉบับที่ 6 มกราคม 2556 (ฉบับคู่มือ)