
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณสหายสาริกา จากเว็บไซต์พันทิป
ลมหนาว ๆ พัดมาเช่นนี้ หลายครอบครัวก็คงจะมีแผนหอบลูกจูงหลานไปท่องเที่ยวตามป่าเขาลำเนาไพร เพื่อรับลมหนาวกันให้เต็มปอด และที่ "อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่" ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเดินทางขึ้นไปชมความงดงามของธรรมชาติกันทุก ๆ ปี
แต่ในปีนี้...ก่อนที่ใครจะขึ้นไปสัมผัสลมหนาวบนเขาใหญ่ หรือไปเที่ยวตามอุทยานแห่งชาติที่ไหน ๆ ก็ตาม กระปุกดอทคอม อยากให้ทุกท่านได้มาอ่านคำเตือนที่ คุณสหายสาริกา หรือ น้าหมู ประธานชมรมฅนรักสัตว์-ป่า ได้แนะนำไว้กันก่อน ทั้งวิธีการท่องเที่ยวป่าเขาที่ถูกต้อง รวมทั้งข้อแนะนำเรื่องการขับรถเที่ยวชมธรรมชาติ เพื่อที่การท่องเที่ยวของคุณจะได้ไม่ไปทำร้ายชีวิตของสัตว์ป่าตัวน้อย ๆ โดยที่คุณไม่ได้ตั้งใจ!!!



สำหรับในช่วงฤดูหนาวนี้ ถือเป็นช่วงที่ธรรมชาติค่อนข้างเปราะบางมาก และยังเป็นช่วงฤดูผสมพันธุ์ของสัตว์ป่า ซึ่งสัตว์ป่าต้องการความเป็นส่วนตัว และความสงบ แต่เมื่อมีนักท่องเที่ยวพากันขึ้นไปเที่ยวป่าเขาเป็นจำนวนมาก อาจทำให้สัตว์ป่าตื่นตระหนกจนเกิดอันตรายขึ้นกับตัวสัตว์ป่าเอง เช่น ไม่ยอมผสมพันธุ์ หรือตกลูกไปเลยก็มี ดังนั้น นักท่องเที่ยวทุกคนจึงควรระมัดระวังเรื่องนี้ พยายามอยู่ห่างจากสัตว์ในระยะที่เหมาะสม อย่าเข้าไปถ่ายรูป หรือสัมผัสใกล้ ๆ เพื่อความปลอดภัยของทั้งตัวเรา และตัวสัตว์ป่าเอง
นอกจากนั้นแล้ว ทุก ๆ ปี ตามอุทยานฯ ต่าง ๆ จะต้องสูญเสียสัตว์ป่าไปจำนวนไม่น้อย จากการที่สัตว์ป่าทั้งหลายถูกรถของนักท่องเที่ยวไปเฉี่ยวชนโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งทำให้สัตว์ป่าบาดเจ็บ พิการ และเสียชีวิต ด้วยความที่นักท่องเที่ยวไม่ระมัดระวังให้ดี
ดังนั้นแล้ว สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ในช่วงหน้าหนาวนี้ จึงควรตระหนักและใช้ความระมัดระวังให้มากเป็นพิเศษ ในเรื่องต่อไปนี้





ขณะนี้ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กำลังประสบปัญหาจากผู้ใจบุญที่ชอบให้อาหารลิงตามริมถนน เพราะในปัจจุบัน พบว่าลิงที่ลงมาคอยเก็บอาหารจากรถที่ผ่านไปมามีจำนวนมากขึ้น และมีพฤติกรรมชอบวิ่งเข้าหารถในขณะที่วิ่งผ่านหรือไม่ก็นอนขวางถนนเพื่อให้รถจอด หรือไม่ก็กัดคนที่หลอกยื่นอาหารให้ แต่แล้วไม่ยอมให้


ไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉินหรือไฟกะพริบไว้ อาจทำให้ช้างสนใจเข้ามาดู เพราะช้างเป็นสัตว์ที่ขี้สงสัย โดยเฉพาะลูกช้าง ไม่ควรบีบแตรไล่ช้าง เพราะช้างจะตกใจและทำให้ช้างวิ่งชาร์จได้ เมื่อขับรถผ่านไปแล้ว แต่ช้างยังอยู่บริเวณริมถนน ให้ขับผ่านไปเลย ไม่ควรจอดดูนานเกินไป เพราะอาจมีรถคันอื่นตามมา แล้วติดรถของคุณจนเป็นเหตุให้ถูกทำร้ายแทนที่จะเป็นรถของคุณ ไม่ควรจอด รถแล้วลงไปถ่ายรูปช้างในระยะใกล้ เพราะอาจทำให้คุณวิ่งหนีขึ้นรถไม่ทัน ควรระลึกอยู่เสมอว่าโดยทั่วไปช้างมักจะอยู่รวมกันเป็นครอบครัว หรือโขลง ขณะที่ท่านเจอช้างเพียงตัวเดียว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีช้างตัวอื่น ๆ อยู่ในบริเวณนั้น โขลงช้างอาจจะกระจายกันหากินอยู่ในบริเวณป่าข้าง ๆ นั้นก็เป็นได้




ข้อแนะนำในการขับรถเที่ยวอุทยานแห่งชาติ
เกี่ยวกับเรื่องการขับรถเที่ยวชมอุทยานแห่งชาตินั้น หลาย ๆ คนมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไปจากแง่คิด ที่มีทั้งเรื่องผลดีหรือผลเสียต่อธรรมชาติ รวมทั้งยังไม่สามารถประเมินได้ว่ามีผลกระทบมากน้อยเพียงใด แต่เมื่อมีการออกกฎระเบียบเพื่อให้นำไปปฏิบัติไว้แล้ว เพื่อน ๆ ทุก ๆ คนก็ต้องช่วยกันรักษาหรือปฏิบัติตามในเรื่องดังกล่าวร่วมกันด้วย

และนี่คือข้อควรระวังและแนะนำจาก 5 หลักปฏิบัติแบบ TREAD ที่นำมาตอกย้ำให้ทราบกันอีกครั้ง ซึ่งเล็งเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ทั้งนักท่องเที่ยวและสัตว์ป่า ดังรายละเอียดตามนี้ครับ

ใช้เส้นทางที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการเดินป่า การขับรถ เพราะการเปิดเส้นทางใหม่หรือห้ามเข้าไปในเขตที่ไม่ได้รับอนุญาตนั้น ๆ จะทำให้มีผลกระทบต่อชีวิตพืชพันธุ์และสัตว์ต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่


การเคารพสิทธิของผู้อื่น การเข้าไปในแหล่งธรรมชาตินั้นควรให้ความเคารพสิทธิของผู้อื่นที่เข้ามาพักแรม มาเที่ยวชมธรรมชาติ ไม่ส่งเสียงรบกวน นอกจากจะเคารพสิทธิผู้อื่นแล้วยังควรเคารพสถานที่ เคารพสิทธิของทุกชีวิตใน
ธรรมชาติอีกด้วย


ควรศึกษาสภาพเส้นทาง ภูมิประเทศ กฎระเบียบของสถานที่ที่จะเข้าไปเสียก่อน และเมื่อเข้าไปแล้วก็ควรพยายามที่จะเก็บความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติในสถานที่นั้น ๆ


ควรหลีกเลี่ยงเส้นทางป่าทึบ หรือใช้การลัดเลาะตามลำธาร หรือผ่านทุ่งหญ้า เพราะริมลำธารและทุ่งหญ้าเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์เล็ก ๆ และพืชพันธุ์นานาชนิด


ขับรถอย่างมีจิตสำนึกและความรับผิดชอบ เพื่อให้เกิดผลกระทบต่อธรรมชาติน้อยที่สุด และเพื่อคงความงดงามอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติไว้สัมผัสร่วมกันให้ยาวนานที่สุด
จากเรื่องราวที่ได้กล่าวมาข้างต้นนั้น ก็เป็นเพียงบางแง่มุมที่เราอาจจะทำให้เกิดผลกระทบกับสัตว์ป่าและธรรมชาติขึ้นได้ในระยะสั้น ๆ หากเพื่อน ๆ เข้ามาท่องเที่ยวบนเขาใหญ่แล้วไม่ช่วยกันดูแลในเรื่องดังกล่าว





และในวันที่ 31 ธันวาคม 2554 - 2 มกราคม 2555 กลุ่ม "ต้นกล้านครนายก" จะขออาสาช่วยลิง เก้ง กวาง ที่เขาใหญ่ โดยจัดโครงการรณรงค์ "4 ม. ...ขอไม่มาก ฝากนักท่องเที่ยว" โดยปฏิบัติการ 4 ม. ประกอบด้วย




สำหรับงานรณรงค์ดังกล่าวนั้น จะมีการแจกจ่ายเอกสารแนะนำเรื่องต่าง ๆ พร้อมกับจัดกิจกรรมแสดงละครบริเวณลานแคมปิ้งผากล้วยไม้ เพื่อให้ผู้คนที่ผ่านไปมาได้เห็นภาพที่ชัดเจนและเป็นการกระตุ้นในเรื่องต่าง ๆ ให้ทราบโดยทั่วกัน เนื่องจากการที่ระบบนิเวศในธรรมชาติเปลี่ยนไปนั้น ส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมของมนุษย์ ดังนั้นแล้ว ภาครัฐเพียงอย่างเดียวคงไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ แต่ปัญหาเหล่านี้จะได้รับการแก้ไข หากทุกภาคส่วนร่วมมือร่วมใจกัน โดยเฉพาะความรับผิดชอบของตัวท่องเที่ยวที่ตระหนักถึงคุณค่าของผืนป่านั่นเอง
อย่าให้การท่องเที่ยวของคุณไปทำร้ายชีวิตเพื่อนร่วมโลกเลยนะคะ มาช่วยกันดูแลพวกเขา และฟื้นฟูบ้านของพวกเขาให้ได้อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขดีกว่าค่ะ