สักครั้งในชีวิตกับชาวเขาเผ่าลาหู่

เชียงใหม่

สักครั้งในชีวิตกับชาวเขาเผ่าลาหู่ ตอนที่ 1 (e-magazine)

          วันแม่ (12 สิงหาคม) ที่ผ่านมา อยากลองทำอะไรดี ๆ ที่มากกว่าดอกมะลิกับข้าวอีกหนึ่งมื้อ ซึ่งนั่งคิดนอนคิดอยู่นาน ในที่สุดก็ได้ไอเดียดี ๆ จากการเข้าอินเทอร์เน็ตของเว็บไซต์ครูบ้านนอก ที่ชวนทุกคนมาร่วมกันทำดีเพื่อแม่ด้วยการไปเป็นครูอาสา ณ ดอยไกล แสนไกลถึงจังหวัดเชียงใหม่กับอำเภอไชยปราการ ซึ่งเป็นถิ่นฐานของชาวเผ่า "ลาหู่" ที่อีแมกกาซีนจะขอพาคุณไปสัมผัสถึงตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา

          สำหรับผู้ที่อยากเป็นครูดอย แต่ยังไม่รู้ว่าควรเริ่มจากจุดไหนดี เราขอแนะนำให้ลองไปกับมูลนิธิกระจกเงา หรือโครงการครูบ้านนอก ที่จะจัดหาสถานที่และคอยดูแลบรรดาครูอาสาให้เข้าไปสานฝันแก่เด็กน้อยผู้อยู่ห่างไกล ซึ่งก๊วนทำดีเพื่อแม่รุ่น 137 ที่เราได้ไปแจมมาในครั้งนี้ ออกเดินทางจากเมืองหลวงในช่วงค่ำคืน พอลืมตาขึ้นอีกทีรถบัสคันโตก็เข้าสู่อำเภอไชยปราการ ที่ต้องบอกเลยว่าห่างไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่อยู่มากโข ซึ่งเมื่อล้อหยุดหมุนที่ศูนย์การศึกษานอกเวลาไชยปราการ กลุ่มครูเมืองกรุงก็เริ่มออกหาอาหารเช้ามาทานให้อยู่ท้อง ก่อนจะเข้ารับการปฐมนิเทศเป็นครูอาสา

บะหมี่ยูนาน

          เมนูมื้อเช้าที่ทำให้หัวใจอบอุ่นได้เป็นอย่างดีคือ "บะหมี่ยูนาน" ที่ทุกขั้นตอนการผลิตออกมาจากหลังบ้านล้วน ๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำซุปใส เส้นหมี่ หมูแฮม หรือแม้แต่ผักดอง ซึ่งความเค็มนิด ๆ หอมหน่อย ๆ และผักชีลาวโรยหน้า สามารถผสมผสานทุกอย่างให้เข้ากันได้อย่างลงตัว จนไม่มีมนุษย์หน้าไหนบนโต๊ะกว่าสิบชีวิตกินทิ้งกินขว้าง และเมื่อท้องอิ่มจนตื้อก็ถึงวินาทีที่จะโดดขึ้นกระบะ เพื่อไต่ขึ้นเขาไปยัง โรงเรียน ศศช. บ้านห้วยทราย เพื่อเริ่มภารกิจดี ๆ แด่แม่ผู้เป็นที่รัก

          ทันทีที่ล้อรถกำลังหมุนขึ้นตามไหล่เขา ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางก็ค่อย ๆ หายเป็นปลิดทิ้ง เพราะภาพที่อยู่เบื้องหน้าคือแนวเขาลูกน้อยใหญ่เรียงตัวสลับกันอย่างสวยงาม โดยมีเมฆหมอกบาง ๆ ปกคลุมอยู่ยอดดอย ท้องฟ้าสีครามสดช่วยเข้ามาเป็นฉากหลัง เพิ่มความเร้าใจให้กับคนไฟแรงอยากรู้ยิ่งนักว่า หากขึ้นไปถึงข้างบนแล้ว ธรรมชาติจะสรรสร้างความสวยงามไว้ได้วิจิตรเพียงใด

เผ่าลาหู่

          หมู่บ้านที่ก๊วนครูอาสาได้ไปในครั้งนี้ เป็นหมู่บ้านห้วยทราย แห่งตำบลแม่ทะลบ ซึ่งผู้อาศัยเป็นชาวเขา "เผ่าลาหู่" หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อของ "เผ่ามูเซอ" แต่ทว่าคุณอย่าได้เผลอสุ่มสี่สุ่มห้าไปเรียกเขาว่าคนเผ่ามูเซอเสียซะละ เพราะคำว่า "มูเซอ" นับเป็นคำเรียกที่ไม่สุภาพ ดังนั้น จำให้ดีต้อง "ลาหู่" เท่านั้น

          เมื่อมาถึงดอยห้วยทราย สิ่งแรกที่ครูอาสาจะได้คือรอยยิ้มบาง ๆ กับความเขินอายของคนเผ่า ซึ่งเด็ก ๆ จะเป็นผู้ชี้ชะตาว่า พวกเขาจะเลือกให้ครูคนใดไปพังพิงอยู่ที่บ้านของตนเอง แล้วหลังจากนั้นก็เป็นอันว่าแบ่งสมบัติ โดยคุณครูจ๊ะจ๋าจะได้รับ ไก่หนึ่งตัว ไข่หนึ่งแผง ผักกาดสี่หัว กับพริกสด พริกแห้ง กระเทียม และหัวหอมแดกอีกกองละเริ่มเทิ่ม เพื่อนำไปประกอบอาหารในการประทังชีวิตเป็นเวลา 4 วัน

เผ่าลาหู่

          มื้อแรกกับบ้านเมืองอันไม่ต่างกับอยู่เมืองนอกเมืองนา เป็นอาหารง่าย ๆ ที่ครูอาสาจะต้องทำให้เจ้าบ้านรับประทาน แต่จนแล้วจนรอด อุปกรณ์เครื่องครัวในแบบที่ยากเกินกว่าจะใช้สอยอย่าง มีดด้ามยาว หม้อเอียง ๆ และตะหลิวมหาภัยก็ทำให้เมนูเด็ดของคนเมืองมีเพียง ไข่เจียวหัวหอมแดง ซึ่งงานนี้ก็ต้องเป็นภาระให้กับ นำเจาะ คุณแม่วัยกระเตาะผู้ไม่ประสีประสาภาษาไทย ลงมือเข้าครัวทำรายการอาหารอย่าง ไก่ผัดตะไคร้ ที่มีส่วนผสมง่าย ๆ เพียงไก่สับ ตะไคร้ หอมแดง กระเทียม และผงปรุงรส ก็เป็นอันว่าอร่อยแบบคาดไม่ถึง

          หลังจากอิ่มท้อง ก็ถึงคราวต้องหาห้องน้ำห้องท่า เพื่ออาบเนื้อล้างตัว ซึ่งเดินวนอยู่สามตลบก็ไม่มีวี่แววว่าจะเห็นห้องน้ำ เอาละสิ แล้วจะทำยังไงละนั่น??? คำตอบของการอาบน้ำในวันแรกคือ โรงเรียน สายตาของคุณไม่ได้เพี้ยนแต่อย่างใดกับคำว่า โรงเรียน เนื่องจากดอยห้วยทรายค่อนข้างอยู่ไกลจึงทำให้น้ำไฟเข้าไม่ถึง

เผ่าลาหู่

          จนในที่สุดเมื่อน้ำหาได้ยากหมู่บ้านแห่งนี้จึงมีห้องน้ำเพียงไม่กี่ห้อง และเท่าที่เห็นจากตาเปล่าก็นับได้แค่ 3 โดยทั้งหมดรวมตัวอยู่ในโรงเรียน ดังนั้น คุณครูบางส่วนจึงต้องผลัดกันรองในใส่ถังเพื่อนำมาอาบ แต่ถ้าอยากให้ธรรมชาติโอบกอดแบบเต็มวงแขน ให้ลองเดินลงเขาไปประมาณ 2 กิโลเมตร ก็จะเจอกับห้วยเล็ก ๆ ที่สามารถลงไปนอนอาบน้ำได้อย่างเย็นกาย แต่อีตอนเดินกลับก็เล่นเอาเหงื่อตกใช่ย่อย


          สำหรับค่ำคืนแรกอันอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ก่อนจะเข้าที่พักอันเป็นบ้านไม้ไผ่ไร้หน้าต่าง อันมีลมพัดผ่านตลอดเวลา บรรดาคุณครูต้องไปพบปะกับผู้นำหมู่บ้าน ซึ่งต้มชาร้อน ๆ ด้วยกาน้ำใบเล็กไว้รอต้อนรับ โดยการพูดคุยในคืนนี้เป็นการบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ นานา

เผ่าลาหู่

          และความเป็นไปของคนลาหู่ ซึ่งเต็มไปด้วยรายละเอียดที่น่าสนใจและแน่นอนว่า เราจะนำมาบอกต่อกันอย่างละเอียดในตอนต่อไป แต่สำหรับราตรีนี้คงถึงเวลาแยกย้ายกลับบ้าน แล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแสงเทียนไขลาง ๆ คอยส่องนำทางไปยังจุดหมายที่พร้อมล้มตัวลงนอน







ลิขสิทธิ์บทความของ e-magazine.info
ติดตามบทความ ท่องเที่ยว หรืออ่าน แมกกาซีน


เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สักครั้งในชีวิตกับชาวเขาเผ่าลาหู่ อัปเดตล่าสุด 26 กันยายน 2554 เวลา 10:41:35 1,716 อ่าน
TOP
x close