ที่เที่ยวปีใหม่ 2568 ปีใหม่แล้ว เที่ยวไหนดี ? แนะนำที่เที่ยวทั่วไทย ที่น่าไปสร้างความประทับใจในช่วงต้อนรับศักราชใหม่
ใกล้ถึงช่วงเทศกาลปีใหม่แล้ว หลายคนอาจกำลังมองหาที่เที่ยวปีใหม่ที่เหมาะกับการเฉลิมฉลองและพักผ่อนในช่วงเวลานี้ ซึ่งเป็นโอกาสดีที่จะเดินทางไปสัมผัสบรรยากาศใหม่ ๆ ท่ามกลางอากาศเย็นสบายในช่วงต้นปีและหน้าหนาว ปีใหม่ 2568 ประเทศไทยมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคน ไม่ว่าจะเป็นภูเขา ทะเล หรือเมืองเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยมนตร์เสน่ห์ หากคุณกำลังคิดไม่ออกว่าจะไปที่ไหนดี เรามีหลากหลายที่เที่ยวทั่วไทยที่ไม่ควรพลาดมาแนะนำ เพื่อการเริ่มต้นปีใหม่อย่างมีความสุขและเต็มไปด้วยความทรงจำที่ดี
1. สะพานซากุระขุนวาง จังหวัดเชียงใหม่
ช่วงปีใหม่ หลายคนคงมุ่งหน้าขึ้นเหนือเพื่อไปชมความงามของดอกนางพญาเสือโคร่ง หรือซากุระเมืองไทย ในโซนขุนวาง ที่มีจุดเช็กอินสวย ๆ มากมาย หนึ่งในนั้นคือ สะพานซากุระขุนวาง ตั้งอยู่ในเส้นทางเดียวกับจุดชมนางพญาเสือโคร่งที่สถานีวิจัยเกษตรหลวงขุนวาง แต่จะอยู่ถึงก่อนนั่นเอง เป็นสวนของชาวเขาในพื้นที่ที่ปรับเปลี่ยนพื้นที่การเกษตรให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว จุดเด่นคือการตกแต่งสวนที่ได้บรรยากาศของความเป็นญี่ปุ่น มีสะพานไม้ข้ามผ่านลำธารท่ามกลางต้นนางพญาเสือโคร่ง ที่ปลูกไว้หลายร้อยต้นจนเต็มพื้นที่ อีกทั้งยังมีการจัดมุมถ่ายรูปตามจุดต่าง ๆ ทั้งระเบียงชมวิว และสวนดอกไม้บนเนินเขาที่สามารถมองเห็นหินปูนสองลูกของผาสองฤดูตั้งตระหง่านเป็นฉากหลังได้ด้วย
2. ปอกุ๊เดย์ จังหวัดเชียงใหม่
จุดชมวิวน้องใหม่ที่บ้านแม่หอย ตำบลแม่นาจร อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ บรรยากาศเงียบสงบ เป็นส่วนตัว ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวมากนัก สามารถพักผ่อนชมวิวทะเลหมอกฉ่ำ ๆ กับทิวเขาสลับซับซ้อนเหมือนสันเขื่อนที่คอยเก็บหมอกไว้ให้ค่อย ๆ ทยอยไหลลงมาเหมือนน้ำตกทะเลหมอก หรือถ้าขึ้นมาตอนกลางคืนก็จะได้นอนเล่นชมดาวเต็มท้องฟ้าได้อย่างสบายใจ ด้านบนปอกุ๊เดย์ไม่เปิดให้เข้าพัก แต่สามารถจองที่พักแบบโฮมสเตย์ หรือลานกางเต็นท์ติดลำธารที่อยู่ใกล้ ๆ ได้ รวมถึงมีกิจกรรมล่องแพแม่ซาและเดินป่าชมถ้ำอีกด้วย
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก ปอกุ๊เดย์
3. บ่อน้ำร้อนห้วยหมากเลี่ยม จังหวัดเชียงราย
บ่อน้ำร้อนริมแม่น้ำกกที่ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติลำน้ำกก อยู่ใกล้กับที่ทำการอุทยาน เป็นบ่อน้ำร้อนธรรมชาติ เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5 เมตร น้ำภายในบ่อมีอุณหภูมิอยู่ที่ 56 องศาเซลเซส มีความเป็นกรดด่าง (PH) 8.63 มีแร่ธาตุฟลูออไรด์ ไนเตรด ซัลเฟต ไอโอดีน ในระดับที่ไม่เป็นอันตราย โดยทางอุทยานจะมีบ่อซีเมนต์ที่สร้างขึ้นเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้แช่น้ำร้อนได้ น้ำจะค่อย ๆ ผุดขึ้นจากบ่อ และไหลเป็นห้วยเล็ก ๆ ไปยังบ่อซีเมนต์สำหรับแช่ นอกจากนี้ยังมีบริการห้องน้ำส่วนตัว บ้านพักติดริมแม่น้ำกก ลานกางเต็นท์ รวมถึงร้านอาหาร และร้านค้าต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ผู้คนนิยมมาเที่ยวพักผ่อน และเป็นจุดกางเต็นท์บรรยากาศดีอีกแห่งของเชียงราย
4. วัดมิ่งเมือง จังหวัดเชียงราย
วัดสวยที่มีความเก่าแก่คู่มากับการสร้างเมืองเชียงราย ตั้งอยู่บริเวณถนนไตรรัตน์ ภายในวัดเต็มไปด้วยความสวยของศิลปะแบบไทใหญ่ พม่า และล้านนาโบราณ มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ได้แก่ พระวิหารไม้ลายคำศิลปะผสมผสานระหว่างไทใหญ่และล้านนา กรุฝ้าเพดานแบบไตรภูมิและบาลีเป็นรูปหงส์ ถือเป็นวิหารไม้หลังเดียวในเชียงรายที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ส่วนภายในพระวิหารประดิษฐาน หลวงพ่อพระศรีมิ่งเมือง พระประธานของวัด ซึ่เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทองทั้งองค์ ขนาดหน้าตักกว้าง 80 นิ้ว อายุกว่า 400 ปี ด้านหน้าพระวิหารมีบ่อน้ำโบราณ ชื่อว่า บ่อน้ำช้างมูบก ส่วนด้านหลังมีเจดีย์ศิลปะล้านนา เรียกว่า พระธาตุมิ่งเมือง ซึ่งประดับไว้ด้วยฉัตรสีทอง ตามศิลปะแบบพม่า เพราะเจ้านางตะละแม่ศรีผู้ทรงสร้างมีเชื้อสายพม่านั่นเอง พระธาตุนี้เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ที่ได้รับประทานจากสมเด็จพระญาณสังวรณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก
5. ดอยปุยหลวง จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ดอยปุยหลวง ตั้งอยู่ในบ้านห้วยฮี้ ตำบลห้วยปูลิง อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน เป็นหมู่บ้านชุมชนชาวกะเหรี่ยงปกาเกอะญอ ที่แม้จะอยู่ในตัวเมือง แ่ต่ก็อยู่ห่างออกไปประมาณ 40 กิโลเมตร และการเดินทางขึ้นไปบนยอดดอยที่มีความสูงกว่า 1,722 เมตร ซึ่งถือเป็นดอยที่สูงที่สุดในอำเภอเมืองนั้น ต้องใช้วิธีเดินเท้าเพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ตาม การพิชิตดอยปุยหลวงนั้น มือใหม่ก็สามารถทำได้ เพราะเป็นดอยที่เดินง่าย ระหว่างทางเต็มไปด้วยวิวสวย ๆ ของธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์อยู่มาก และเมื่อขึ้นไปถึงยอดภูเขาทรงฝาชีคว่ำ จะเห็นวิวภูเขาสุดอลังการของแม่ฮ่องสอนได้แบบไม่มีอะไรมาบดบังสายตาเลย
6. หมอกกลางดอยแคมป์ปิ้ง จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ชวนไปกางเต็นท์นอนเหนือทะเลหมอก ที่ หมอกกลางดอยแคมป์ปิ้ง บ้านบุญเลอ อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นลานกางเต็นท์ที่ขึ้นชื่อว่าทะเลหมอกแน่น วิวสวยอลังการ หรือมีอีกชื่อหนึ่งว่า ทะเลหมอก 2 แผ่นดิน ที่เป็นหมอกกั้นระหว่างประเทศเมียนมาและประเทศไทย และจุดเดียวกับทะเลหมอก กลอเซโล แต่อยู่คนละฝั่ง โดยหมอกกลางดอยแคมป์ปิ้งจะอยู่ฝั่งบ้านบุญเลอนั่นเอง
ลานกางเต็นท์หมอกกลางดอยแคมปิ้ง มีทั้งหมด 3 โซน สามารถเดินถึงกันได้ ส่วนการเดินทางขึ้นค่อนข้างลำบาก แนะนำให้ใช้รถขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือรถของชาวบ้านผู้ชำนาญเส้นทาง และควรขึ้นมาให้ถึงก่อนฟ้ามืด เนื่องจากเส้นทางค่อนข้างอันตราย สามารถเดินทางได้ 2 เส้นทาง คือถนนเส้นระยะทาง 18 กิโลเมตรผ่านทางแม่สามแลบ และถนนเส้นระยะทาง 22 กิโลเมตรผ่านทางแม่สามแลบและทางสบเมย
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก หมอกกลางดอยแคมป์ปิ้ง (ทะเลหมอกสาละวิน)
7. อุทยานแห่งชาติถ้ำสะเกิน จังหวัดน่านและพะเยา
อุทยานแห่งชาติที่ครอบคลุมพื้นที่เทือกเขาสูงตอนปลายแห่งทิวเขาหลวงพระบาง ประกอบด้วยผืนป่าสมบูรณ์ ถ้ำขนาดใหญ่ น้ำตก และจุดชมทะเลหมอกในท้องที่อำเภอสองแคว จังหวัดน่าน และอำเภอเชียงคำ, อำเภอปง จังหวัดพะเยา ลักษณะเป็นเทือกเขาสูงสลับซับซ้อนวางตัวในแนวเหนือใต้ มีระดับความสูงเฉลี่ยประมาณ 300 - 1,752 เมตร จากระดับน้ำทะเล โดยมียอดดอยจี๋ ความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,752 เมตร เป็นจุดสูงสุด และมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในอุทยานแห่งนี้ ได้แก่
-
ถ้ำหลวงสะเกิน เป็นถ้ำขนาดกลาง มีปากถ้ำกว้างประมาณ 20 เมตร ตัวถ้ำลึกเป็นอุโมงค์ยาวประมาณ 600 เมตร ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยสวยงาม และเป็นที่อาศัยของค้างคาวจำนวนมาก
-
น้ำตกห้วยหาด มีต้นกำเนิดมาจากลำห้วยหาดที่มีต้นกำเนิดจากดอยจี๋ เป็นน้ำตกขนาดกลาง ความสูงประมาณ 3 ชั้น ไหลผ่านผาหินสูงประมาณ 30 เมตร มีน้ำไหลตลอดปี เบื้องล่างมีแอ่งน้ำกว้าง สามารถเล่นน้ำได้ ในฤดูหนาวที่ดอกไม้ป่าผลิดอก จะมองเห็นสีแดง เหลือง ส้ม ตัดกับผืนป่าสีเขียวขจี
-
น้ำตกผาธาร หรือ น้ำตกหงส์เวียงจันทร์ มีลักษณะเป็นน้ำตกขนาดกลาง มีน้ำใสไหลตลอดทั้งปีจากห้วยน้ำงิม มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาดอยจี๋ มีความสูง 6 ชั้น สูงประมาณ 30 เมตร น้ำตกกว้างประมาณ 5 เมตร
-
สุสานฟอสซิลหอยโบราณล้านปี เป็นซากดึกดำบรรพ์อยู่ในหินทรายสีเทา เนื้อละเอียด (Fine-grian Sandstone) ของหินลอย (Float Rocks) ลักษณะเป็นทั้งกรวดท้องน้ำ และก้อนหินขนาดใหญ่ ไม่พบหินโผล่ (Outcrops) และไม่พบชั้นสะสมตัวของซากดึกดำบรรพ์ สันนิษฐานว่าซากดึกดำบรรพ์ที่พบน่าจะเป็นพวกแบคริโอพอด (Brachiopod) พวก Orthotetes sp.
8. ทุ่งทะเลหลวง (แผ่นดินรูปหัวใจ) จังหวัดสุโขทัย
แลนด์มาร์กที่เป็น Unseen และเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักหรือเกาะรูปหัวใจของสุโขทัย ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านกล้วย อำเภอเมืองสุโขทัย ซึ่งบริเวณนี้ตั้งซ้อนอยู่ในทุ่งทะเลหลวง หรือพื้นที่ที่ใช้เก็บน้ำที่เกิดขึ้นมาจากแนวคิดของโครงการแก้มลิง โดยออกแบบให้เป็นดินแดนรูปหัวใจ ถ้ามองจากมุมสูงด้านบนจะเห็นว่ามีเกาะกลางทุ่งทะเลหลวง ที่ถูกสร้างเป็นรูปหัวใจขนาดใหญ่ เรียกกันว่า แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์รูปหัวใจ นั่นเอง บริเวณกลางเกาะจะมีมณฑปที่ใช้ประดิษฐานองค์พระพุทธรัตนสิริสุโขทัย ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสัมริด ปางมารวิชัย ลักษณะงดงาม อายุเก่าแก่กว่า 700 ปี อีกทั้งรอบด้านของที่นี่ยังมีสวนสาธารณะและสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอีกหลายแห่งเลย นอกจากนี้บริเวณยังถูกใช้เป็นพื้นที่ในการจัดงานสำคัญต่าง ๆ เช่น วันวิสาขบูชา วันมาฆบูชา ด้วย
9. ยอดเขาโมโกจู จังหวัดกำแพงเพชร
โมโกจู เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ฝั่งจังหวัดกำแพงเพชร (พื้นที่อุทยานครอบคลุม 2 จังหวัด คือ นครสวรรค์และกำแพงเพชร) เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของผืนป่าตะวันตกที่นักเดินป่าทั้งหลายใฝ่ฝันอยากจะไปพิชิตให้ได้สักครั้ง ซึ่งการเดินป่าเพื่อพิชิตยอดเขาแห่งนี้เป็นการเดินป่าระยะไกล ด้วยระยะทางรวมไปกลับกว่า 62 กิโลเมตร ทำให้ต้องแบ่งการเดินทางออกเป็น 5 วัน 4 คืน และต้องตั้งแคมป์นอนกลางป่า ทั้งนี้ คำว่า โมโกจู เป็นภาษากะเหรี่ยงแปลว่า คล้ายว่าฝนจะตก ซึ่งอาจจะได้ชื่อมาจากบรรยากาศบริเวณยอดเขาที่มีไอหมอกปกคลุมครึ้มอยู่ตลอดเวลาเหมือนว่าฝนจะตกนั่นเอง แม้เส้นทางในการเดินป่าค่อนข้างโหดหิน แต่ในวันที่อากาศเป็นใจ ทิวทัศน์ทะเลหมอกบนยอดโมโกจูก็สวยงาม เบื้องล่างใต้เท้าจะถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกหนาเป็นปุย มองเห็นทะเลหมอกสีขาวสุดลูกหูลูกตาไปจนจรดขอบฟ้ากว้างไกล ส่วนเบื้องบนดวงอาทิตย์ยังคงสาดแสงส่องผ่านท้องฟ้าสีน้ำเงินเป็นภาพประทับใจยิ่งนัก
10. คลองญวนชวนรักษ์ จังหวัดนครสวรรค์
เกาะญวน หรือ คลองญวนชวนรักษ์ คลองกลางเมืองที่เดิมเป็นลำน้ำที่รับน้ำจากระบบบำบัดน้ำเสียของเทศบาลนครนครสวรรค์ก่อนปล่อยสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ ที่ได้รับการปรับปรุงภูมิทัศน์โฉมใหม่ ให้กลายเป็นพื้นที่สาธารณะกว่า 300 ไร่ และแหล่งท่องเที่ยวสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ เดินเล่น ออกกำลังกาย มีไฮไลต์คือ การเลี้ยงปลาคาร์ฟในน้ำที่ใสสะอาด ให้อาหารปลาได้ บรรยากาศคล้ายคลองชองเกชอน ของประเทศเกาหลีใต้ และยังมีทางเดินริมคลอง ความยาวกว่า 1 กิโลเมตร ถือว่าเป็นจุดขายใหม่ของนครสวรรค์เลยก็ว่าได้
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก คลองญวนชวนรักษ์นครสวรรค์
11. ทุ่งทานตะวันไร่คุณรำยอง จังหวัดลพบุรี
ปีใหม่ที่มาพร้อมกับลมเย็น ๆ ของหน้าหนาว ก็ต้องไปเยือนทุ่งทานตะวันเพิ่มความสดใสให้ชีวิตกันหน่อย ที่ไร่คุณรำยอง ทุ่งทานตะวันบนพื้นที่โล่งกว้างถึง 75 ไร่ ที่ตำบลมะนาวหวาน อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ภายในไร่เต็มไปด้วยดอกทานตะวันสุดลูกหูลูกตา จะเดินเล่นชิล ๆ หรือขี่รถ ATV เพื่อเข้าไปถ่ายรูปกับดอกทานตะวันอย่างใกล้ชิดก็ได้ อีกทั้งยังมีมุมไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปเช็กอินลงโซเชียลอีกเพียบ
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก ไร่คุณรำยอง ทุ่งทานตะวันบานบนเนื้อที่ 75 ไร่
12. เลอกวาเดาะ จังหวัดตาก
เลอกวาเดาะ ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติแม่เมย ตำบลแม่วะหลวง อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก มาจากภาษาปกาเกอะญอ แปลว่า เขาดูวิว เทือกเขาสูงที่เป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ มีการสร้างองค์พระพุทธรูปและเจดีย์บรมพุทโธเลอกวาเดาะ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้บนยอดเขา ชาวบ้านในบริเวณนี้มักจะเดินขึ้นเขาเพื่อไปสักการะกราบไหว้เจดีย์ที่ด้านบน จนทำให้ได้ฉายา เลอกวาเดาะ ขุนเขาแห่งศรัทธา และนอกจากจะเป็นสถานที่แห่งศรัทธาแล้ว บนยอดเขาแห่งนี้ยังสามารถชมวิวภูเขาและวิวทะเลหมอกในตอนเช้าได้แบบ 360 องศาอีกด้วย
สำหรับคนที่ต้องการจะพิชิตยอดเลอกวาเดาะ ต้องไปลงทะเบียนขึ้นเขาที่อุทยานแห่งชาติแม่เมยก่อน โดยการเดินขึ้นยอดเขาเลอกวาเดาะ จะเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ต้องไต่ระดับสันเขา เป็นทางเดินค่อนข้างชัน บนยอดสูงสุดมีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ ประมาณ 1,060 เมตร ใช้เวลาเดินทางไปประมาณ 3-4 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับสภาพบุคคล เหมาะสำหรับนักเดินทางที่มีประสบการณ์มาบ้างแล้ว
13. ภูค้อ จังหวัดเลย
ภูค้อ หรือ ภูเป้ง ยอดเขาที่มีความสูงประมาณ 855 เมตรจากระดับน้ำทะเล เป็นส่วนหนึ่งของป่าชุมชนบ้านบุ่ง ตำบลนาแห้ว อำเภอนาแห้ว ปัจจุบันชาวบ้านได้จัดสรรพื้นที่ส่วนหนึ่งพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว มีการทำระเบียงชมวิวให้นักท่องเที่ยวเฝ้ารอชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอก ที่จะค่อย ๆ ก่อตัวลอยไหลตามร่องเขาที่เรียงรายสลับซับซ้อน มารวมกันเป็นทะเลหมอกอันหนาตาเหนือผืนป่าเขียวและพืชไร่ของชาวบ้าน ยิ่งช่วงที่แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องกระทบลงบนสายหมอกและผืนป่าเขียวบนยอดเขา เป็นภาพที่อบอุ่นและงดงาม
นอกจากนี้ยังมีพื้นที่บางส่วนได้รับการปรับปรุงให้เป็นลานกางเต็นท์ที่สามารถนอนพักค้างแรม และตั้งแคมป์กันได้อีกด้วย สำหรับการขึ้นสู่ยอดภูค้อนั้นต้องใช้บริการรถอีแต๊กของชุมชน นั่งขึ้นเขาผ่านท้องนาท้องไร่ประมาณ 30 นาที - 1 ชั่วโมง (ตามระยะทางใกล้-ไกลของจุดพักแรมบนยอดภู)
ภาพจาก : CGN089 / Shutterstock.com
14. ผาเดียวดาย จังหวัดนครราชสีมา
ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เป็นจุดชมวิวบนหน้าผาสูงลิบที่สวยที่สุดบนเขาใหญ่ มองทอดไปจะเห็นแนวภูเขาสุดลูกหูลูกตาถึงฟากจังหวัดปราจีนบุรีเลยทีเดียว สำหรับคนที่อยากมาชมวิวที่ผาเดียวดาย สามารถขับรถมาจอดตรงจุดจอดรถที่อุทยานกำหนดไว้ จากนั้นเดินเข้าไปยังเส้นทางศึกษาธรรมชาติผาเดียวดาย รวมระยะทาง 446 เมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 10-15 นาที ซึ่งตลอดเส้นทางจะมีแผ่นป้ายบอกประวัติความเป็นมา และเกร็ดความรู้เรื่องระบบนิเวศของป่า โดยผาเดียวดายจะเปิดให้นักท่องเที่ยวแวะมาเช็กอินทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-17.00 น.
15. ผามออีแดง จังหวัดศรีสะเกษ
ส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ตั้งอยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวไปประมาณ 200 เมตร ลักษณะเป็นหน้าผาหินสีแดงที่มีแนวผาหักชันลงสู่เบื้องล่าง กั้นเขตแดนประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา ตลอดแนวผามออีแดงมีระยะทางประมาณ 300 เมตร พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเนินราบที่ลาดชันไม่มากนัก และยังเป็นจุดชมทิวทัศน์อันกว้างไกลสุดสายตา สามารถมองเห็นปราสาทเขาพระวิหารที่ห่างออกไปประมาณ 1 กม. ได้ ไฮไลต์สำคัญของที่นี่คือ ภาพแกะสลักนูนต่ำของเทพที่คล้ายนางอัปสรา 3 องค์ บนผนังหินทรายอยู่ใต้หน้าผา หันหน้าไปทางทิศตะวันออก เชื่อกันว่าเป็นทิศแห่งความก้าวหน้า ในช่วงที่ตะวันขึ้นและตะวันตก แสงของพระอาทิตย์จะส่องสะท้อนที่ภาพให้ความสวยงามอย่างมาก
นอกจากนี้ยังเชื่อว่า ภาพแกะสลักนี้เป็นที่ซ้อมมือของช่างในการแกะสลักก่อนเริ่มการแกะสลักจริงที่ปราสาทเขาพระวิหาร หรืออาจจะเป็นพิธีกรรมการเซ่นไหว้ของช่าง อีกทั้งยังมีภาพสลักลายเส้นเป็นรูปของพระนารายณ์อวตารปางวราหาวตาร สันนิษฐานว่าภาพแกะสลักนี้จะอายุราวพุทธศตวรรษที่ 15 (ประมาณ 1,500 ปี)
16. เนินทรายเหมืองแกะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ตั้งอยู่ในหมู่บ้านเหมืองแกะ ตำบลนาสาร อำเภอบ้านนาสาร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติแบบ Unseen เพราะความสวยงามของที่นี่คือ ความงดงามของเนินทรายที่ทับถมมาเป็นเวลานาน สูงต่ำสลับกันไปมา มองแล้วเหมือนกับงานศิลปะที่ใครสร้างเอาไว้อย่างนั้น แต่จริง ๆ แล้วศิลปะนี้มาจากธรรมชาติที่อยู่กลางป่า ล้อมรอบด้วยต้นไม้สีเขียว อากาศเย็บสบาย และเงียบสงบ ในอดีตพื้นที่บริเวณนี้เป็นสัมปทานเหมืองแร่ดีบุก และได้นำดินทรายที่ดูดแยกร่อนแร่ออกมากอง ๆ กันไว้ เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี จนกลายเป็นกองทรายที่มีความสูงต่ำสลับกันไปมา ซึ่งเม็ดทรายเหล่านี้จะมีความเนียนนุ่มละเอียด มีสีออกน้ำตาลอ่อน ๆ เมื่อขึ้นไปถึงด้านบน จะเป็นลานกว้างขนาดใหญ่ซึ่งเป็น จุดชมวิวภูเขาทราย นาสาร หรือเนินทรายเหมืองแกะแห่งนี้นี่เอง อย่างไรก็ตาม ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากในการเดินขึ้น เพราะอาจจะเกิดการลื่นไถลได้ ตอนพื้นทรายทรุดตัว
17. เขาไข่นุ้ย จังหวัดพังงา
ตั้งอยู่ที่บ้านฝายท่า ตำบลทุ่งมะพร้าว อำเภอท้ายเหมือง เดิมเป็นพื้นที่ทำสวนยางของชาวบ้าน ซึ่งชาวสวนยางก็เห็นทะเลหมอกจนชินตา และไม่คิดว่าแปลกใหม่จนสามารถเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้ จนกระทั้งมีการประชาสัมพันธ์ในหมู่นักท่องเที่ยวที่รักในธรรมชาติ ชื่นชอบในสายหมอก จนได้กลายมาเป็นจุดชมวิวที่มี 5 มหัศจรรย์ คือ เป็นทั้งจุดชมที่สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก ทะเลหมอก ทะเลอันดามัน และทิวเขาได้ในจุดเดียวเลย โดยบริเวณที่เห็นทะเลหมอกบนเขายายนุ้ยนั้นเป็นช่องเขาขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยภูเขาลูกใหญ่หลายลูก จึงถือเป็นจุดรวมของหมอกชั้นดี และทะเลหมอกบนเขาไข่นุ้ยจะเปลี่ยนรูปทรงอยู่เรื่อย ๆ ไปตามกระแสลม นอกจากนี้ยังสามารถชมทะเลหมอกได้ช่วงเช้าของทุกฤดูอีกด้วย
18. เกาะมุก จังหวัดตรัง
เกาะที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของทะเลเมืองตรัง เป็นเกาะที่ยังคงเงียบสงบ เป็นธรรมชาติ และวิถีชีวิตของชาวเกาะอยู่มาก เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ไม่ชอบความวุ่นวาย บนเกาะจะมีชายหาดสวย ๆ 2 หาด คือ หาดฝรั่ง เป็นหาดที่มีที่พักเรียงกันอยู่หลายหลัง อยู่บนหาดทรายสีขาวกว้าง และจะมีบริการทางการท่องเที่ยวต่าง ๆ ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมไปเที่ยวที่หาดนี้ ส่วนหาดที่สองคือ หาดสบาย เป็นหาดทรายสีนวลเช่นกัน แต่จะมีความเงียบสงบมากกว่า จึงมีกลุ่มนักท่องเที่ยวมาจอดเรือแวะพักเล่นน้ำ อาบแดดกันสบาย ๆ เน้นความชิล ๆ นอกจากชายหาดแล้ว จุดไฮไลต์ที่ทำให้เกาะมุกเป็นที่รู้จักขึ้นมาในหมู่นักท่องเที่ยวคือ ถ้ำมรกต ลักษณะเป็นทะเลใน มีเวิ้งถ้ำ น้ำทะเลสีมรกต และหาดทรายสีขาวอยู่ภายในถ้ำ ซึ่งจะต้องว่ายน้ำเข้าไป และต้องไปในช่วงเวลาน้ำลงเท่านั้น ถึงจะพบกับความงดงามของหาดแห่งนี้
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเที่ยวจังหวัดตรัง อยู่ระหว่างเดือนธันวาคมและพฤษภาคม เนื่องจากเป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่โซนชายฝั่งเช่นเดียวกับภูเก็ตและกระบี่ ซึ่งอยู่ภายใต้อิทธิพลของลมมรสุมที่พัดประจำเป็นฤดูกาลหรือลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ อุณหภูมิโดยทั่วไปอบอุ่นตลอดปีเฉลี่ยอยู่ที่ 20-36 องศาเซลเซียส แต่ในช่วงเดือนเมษายน อุณหภูมิในช่วงตอนกลางวันจะสูงสุดและร้อนมากที่สุดของปี และพฤษภาคม-กันยายน จะมีฝนตกชุก และช่วงเดือนกันยายน-พฤศจิกายน จะมีลมมรสุมเข้า สำหรับใครที่อยากไปเที่ยวเกาะมุก หรือทะเลเมืองตรัง สามารถติดต่อบริษัทนำเที่ยวหรือที่พักที่สนใจได้เลย
19. ย่านเมืองเก่าสงขลา จังหวัดสงขลา
ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมือง มีถนนสายสำคัญน่าเดินเที่ยว 3 สาย คือ ถนนนครนอก ถนนนครใน และ ถนนนางงาม ย่านนี้ถือเป็นย่านการค้าที่สำคัญอย่างมากในอดีต และปัจจุบันได้กลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดสงขลา เป็นถนนที่ประกอบไปด้วยอาคารและสถาปัตยกรรมที่งดงามที่ยังคงเอกลักษณ์ดั้งเดิมเอาไว้ ตั้งเรียงรายต่อเนื่องกันไปตามถนน แทรกตัวไปพร้อมกับธุรกิจสมัยใหม่ ทั้งร้านอาหารดั้งเดิม ผสมกับร้านอาหารฟิวชั่น แถมมีการเพิ่มสีสันด้วยภาพวาดสตรีตอาร์ตสุดน่ารักตามผนังอาคารบ้านเรือนต่าง ๆ ที่สะท้อนเรื่องราววิถีชีวิตและวัฒนธรรมของคนสงขลา อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลา (Songkhla City Pillar) ที่ใครมาเที่ยวก็ต้องแวะไปไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคลกันด้วย
20. เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล
เกาะชื่อดัง สวรรค์ของคนรักทะเลที่ชื่นชอบการดำน้ำ ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติตะรุเตา มีพื้นที่เพียงแค่ราว ๆ 3 กิโลเมตร แต่มีความสวยงามอันดับต้น ๆ ของท้องทะเลอันดามัน ด้วยความงดงามของน้ำทะเลสีครามเขียวสดใส หาดทรายขาวละเอียดนุ่มลื่น และโลกใต้ท้องทะเลขที่ยังคงความสวยงาม ทั้งเหล่าสัตว์น้ำ ปะการัง และดอกไม้ทะเลนานาชนิด บนเกาะมี 4 หาด ได้แก่ หาดพัทยา หาดซันไรซ์ หาดคาร์มา และหาดซันเซ็ต แต่ละหาดมีบรรยากาศและความสวยงามที่แตกต่างกันไป อีกทั้งยังครบครันทั้งที่พัก ร้านค้า และร้านอาหาร ทั้งนี้ ช่วงที่เหมาะสมที่สุดในการเที่ยวคือเดือนพฤศจิกายน-เมษายน เพราะเป็นช่วงที่อากาศแจ่มใส ฟ้าและน้ำทะเลปลอดโปร่ง มีคลื่นลมเหมาะแก่การทำกิจกรรมทางน้ำต่าง ๆ ️นั่นเอง
นี่เป็นเพียงบางส่วนของที่เที่ยวปีใหม่ 2568 ที่เราหยิบมาแนะนำกัน เพราะในช่วงเวลาแห่งการต้อนรับศักราชใหม่ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวไทยมากมาย รวมถึงงานเทศกาลเฉลิมฉลองต่าง ๆ อีกเพียบ ใครที่กำลังวางแพลนเที่ยวช่วงวันปีใหม่ ลองปักหมุดสักที่ แล้วออกเดินทางไปสัมผัสกับธรรมชาติสวย ๆ กัน
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง
บทความ วันขึ้นปีใหม่ และเทศกาลวันปีใหม่ 2568 อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก :
เฟซบุ๊ก ปอกุ๊เดย์, เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติลำน้ำกก Lam nam kok National Park, เฟซบุ๊ก หมอกกลางดอยแคมป์ปิ้ง (ทะเลหมอกสาละวิน), เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติถ้ำสะเกิน - Tham Sakoen National Park, เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ Mae Wong National Park, เฟซบุ๊ก คลองญวนชวนรักษ์นครสวรรค์, เฟซบุ๊ก ไร่คุณรำยอง ทุ่งทานตะวันบานบนเนื้อที่ 75 ไร่, เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติแม่เมย - Mae Moei National Park, เฟซบุ๊ก เลอกวาเดาะ ขุนเขาแห่งศรัทธา ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ การผจญภัยในป่าใหญ่, เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ - Khao Yai National Park, เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร- Khao Phra Wihan National Park, เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติตะรุเตา จังหวัดสตูล Tarutao National Park, เทศบาลเมืองนาสาร