เมืองน่าเที่ยวที่ดีที่สุดในโลก 2025 จากเว็บไซต์ Lonely Planet โดยมีเชียงใหม่ติดอันดับท็อป 10 ในครั้งนี้ด้วย
กระเป๋าพร้อมไหม ? พาสปอร์ตพร้อมหรือยัง ? เพราะ Lonely Planet เพิ่งประกาศรายชื่อเมืองน่าเที่ยวที่ดีที่สุดในโลกปี 2025 ออกมา และหนึ่งในนั้นมีเชียงใหม่ ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในลิสต์นี้ เรามาดูกันว่านอกจากเชียงใหม่แล้ว ยังมีเมืองไหนในต่างประเทศ อีกบ้างที่น่าไปเยือน และแต่ละเมืองมีอะไรดีที่รอให้เราไปค้นพบบ้าง
เมืองน่าเที่ยวที่ดีที่สุดในโลก
Best in Travel 2025
1. Toulouse ประเทศฝรั่งเศส
เมืองตูลูส (Toulouse) เมืองที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส เป็นเมืองที่มีเสน่ห์ด้วยสถาปัตยกรรมอิฐสีชมพูที่เป็นเอกลักษณ์ จนได้รับฉายาว่า La Ville Rose ทั้งยังเป็นศูนย์กลางด้านการบินและอวกาศของยุโรป โดยเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ Airbus และศูนย์วิจัยอวกาศ CNES นอกจากนี้ในเมืองยังเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เช่น มหาวิหารแซงต์เซอร์แล็ง (Saint-Sernin Basilica) ที่เป็นมรดกโลกจากยูเนสโก และแม่น้ำการอน (Garonne River) บรรยากาศโรแมนติก ตลอดจนความมีชีวิตชีวาด้วยร้านอาหาร คาเฟ่ และบาร์ ที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมการใช้ชีวิตแบบฝรั่งเศส พร้อมทั้งเป็นแหล่งรวมของนักศึกษาและผู้คนจากหลากหลายเชื้อชาติ ทำให้ตูลูสเป็นเมืองที่น่าหลงใหลและน่าเยี่ยมชมอย่างยิ่ง
2. Pondicherry ประเทศอินเดีย
ปอนดิเชอรี (Pondicherry) เมืองที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของอินเดีย ริมชายฝั่งเบงกอล โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ของอิทธิพลฝรั่งเศสที่หลงเหลือจากยุคล่าอาณานิคม สะท้อนผ่านสถาปัตยกรรม ถนนที่เรียงรายด้วยอาคารสีพาสเทล และอาหารที่ผสมผสานระหว่างรสชาติฝรั่งเศสและอินเดีย เป็นเมืองที่เงียบสงบ เหมาะสำหรับการพักผ่อน ด้วยชายหาดที่สวยงาม เช่น หาด Promenade Beach และย่านเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยคาเฟ่ นอกจากนี้เมืองนี้ยังเป็นศูนย์กลางของการแสวงหาความสงบทางจิตวิญญาณ โดยมีอาศรมศรีโอโรบินโด (Sri Aurobindo Ashram) และเมืองออโรวิลล์ (Auroville) ที่ดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกมาค้นหาความสมดุลและแรงบันดาลใจในชีวิต
3. Bansko ประเทศบัลแกเรีย
บันสโก (Bansko) เมืองเล็กที่ตั้งอยู่ในเทือกเขาพิริน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของบัลแกเรีย จุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับผู้รักการผจญภัยกลางแจ้ง โดยเฉพาะในฤดูหนาวที่บันสโกกลายเป็นสกีรีสอร์ตระดับโลก มีลานสกีที่ทันสมัยและเหมาะสำหรับทั้งมือใหม่และมืออาชีพ นอกจากกิจกรรมบนหิมะ เมืองนี้ยังงดงามด้วยสถาปัตยกรรมโบราณแบบบัลแกเรีย ถนนหินแคบ ๆ ตลอดจนย่านเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยร้านอาหารแบบท้องถิ่น นอกจากนี้ บันสโก ยังเป็นประตูสู่การเดินป่าในฤดูร้อน โดยมีเส้นทางที่สวยงามผ่านทะเลสาบและยอดเขา กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจตลอดทั้งปี
4. เชียงใหม่ ประเทศไทย
เชียงใหม่ เมืองที่ตั้งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทย โดดเด่นด้วยเสน่ห์ของวัฒนธรรมล้านนา แหล่งรวมของวัดวาอารามสำคัญ เช่น วัดพระธาตุดอยสุเทพ และวัดเจดีย์หลวง ที่สะท้อนถึงศิลปะและประวัติศาสตร์อันยาวนาน เมืองนี้ยังมีตลาดนัดที่คึกคัก เช่น ถนนคนเดินวันอาทิตย์และไนท์บาซาร์ ซึ่งเต็มไปด้วยของพื้นเมืองและอาหารท้องถิ่น นอกจากนี้ เชียงใหม่ ยังเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับการพักผ่อนในธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการเยี่ยมชมหมู่บ้านชาวเขา เดินป่าท่ามกลางหุบเขา หรือผ่อนคลายในคาเฟ่ที่รายล้อมด้วยวิวภูเขา เมืองนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสทั้งวัฒนธรรมท้องถิ่นและธรรมชาติอันงดงามในคราวเดียว
5. Genoa ประเทศอิตาลี
เจนัว (Genoa) เมืองท่าสำคัญทางตอนเหนือของอิตาลี โดดเด่นด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานในฐานะศูนย์กลางการค้าทางทะเลที่สำคัญของยุโรปในยุคกลาง และยังเป็นเมืองบ้านเกิดของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส มีย่านเมืองเก่าอันเป็นเอกลักษณ์ซึ่งได้รับมรดกโลกของยูเนสโก เต็มไปด้วยตรอกซอกซอยเล็ก ๆ และอาคารเก่าแก่ที่งดงาม เช่น พระราชวังโรลลี (Palazzi dei Rolli) เมืองนี้ยังเป็นแหล่งอาหารทะเลชั้นเลิศ โดยเฉพาะ Pesto Genovese ที่มีชื่อเสียงระดับโลก อีกทั้งยังมีท่าเรือที่ทันสมัยและพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่ (Aquarium of Genoa) เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวทุกวัย เจนัวจึงเป็นเมืองที่ผสมผสานเสน่ห์ของประวัติศาสตร์และชีวิตสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว
6. Pittsburgh ประเทศสหรัฐอเมริกา
พิตต์สเบิร์ก (Pittsburgh) เมืองใหญ่ในรัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา ได้รับฉายาว่า “เมืองแห่งสะพาน” เพราะมีสะพานมากกว่า 440 แห่ง เชื่อมโยงพื้นที่ต่าง ๆ ล้อมรอบด้วยแม่น้ำทั้งสามสาย ได้แก่ แม่น้ำโอไฮโอ แม่น้ำอัลเลเกนี และแม่น้ำโมนองกาเฮลา เมืองนี้เคยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมเหล็กกล้าในอดีต แต่ปัจจุบันเปลี่ยนโฉมเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยี การวิจัย และการศึกษา ด้วยการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยชื่อดังอย่าง Carnegie Mellon และ University of Pittsburgh รวมถึงพิตต์สเบิร์กยังมีวัฒนธรรมและศิลปะที่หลากหลาย เช่น พิพิธภัณฑ์แอนดี้ วอร์ฮอล (Andy Warhol Museum) และสถานที่จัดแสดงดนตรีและกีฬาที่น่าตื่นเต้นให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัส
7. Osaka ประเทศญี่ปุ่น
โอซากา (Osaka) เมืองใหญ่อันดับ 3 ของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในภูมิภาคคันไซ โดดเด่นด้วยบรรยากาศที่ผสมผสานระหว่างความทันสมัยและวัฒนธรรมดั้งเดิม เป็นเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจและการค้าของประเทศ มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ เช่น ปราสาทโอซากา สัญลักษณ์แห่งประวัติศาสตร์ และย่านโดทงโบริ ที่คึกคักไปด้วยร้านอาหารและแสงไฟนีออนยามค่ำคืน โอซากายังขึ้นชื่อว่าเป็น “ครัวของญี่ปุ่น” เพราะมีอาหารอร่อยหลากหลาย เช่น ทาโกะยากิ โอโคโนมิยากิ และราเมน นอกจากนี้เมืองนี้ยังเป็นประตูสู่แหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง เช่น เกียวโตและนารา พร้อมทั้งผู้คนที่เป็นมิตรและวัฒนธรรมที่อบอุ่น ทำให้โอซากาเป็นหนึ่งในเมืองที่มีเสน่ห์และน่าหลงใหลสำหรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
8. Curitiba ประเทศบราซิล
กูรีตีบา (Curitiba) เมืองหลวงของรัฐปารานาในบราซิล เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในด้านการวางผังเมืองที่ทันสมัย โดยได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่มีระบบขนส่งมวลชนที่ดีที่สุดในโลก กูรีตีบายังขึ้นชื่อเรื่องสวนสาธารณะที่สวยงาม เช่น สวนบ็อคาโดเดอปากู (Botanical Garden) ที่มีเรือนกระจกทรงหกเหลี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์ และสวนยุโรป (Passeio Público) ที่มีความเงียบสงบเหมาะสำหรับการพักผ่อน นอกจากนี้เมืองนี้ยังมีสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างยุคสมัยใหม่และความเก่าแก่ การแสดงศิลปะต่าง ๆ ที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย เหล่านี้ทำให้กูรีตีบาเป็นเมืองที่น่าสนใจทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม และการพัฒนาที่ยั่งยืน
9. Palma de Mallorca ประเทศสเปน
ปัลมา เดอ มายอร์กา (Palma de Mallorca) เป็นเมืองหลวงของเกาะมาจอร์กาในหมู่เกาะแบลีแอริก ประเทศสเปน ที่มีเสน่ห์ด้วยการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมสเปนและประวัติศาสตร์อันยาวนาน เมืองนี้โดดเด่นด้วยมหาวิหารเลอซู (La Seu Cathedral) ที่มีสถาปัตยกรรมโกธิกที่งดงามและวิวทะเลที่น่าประทับใจ ย่านเมืองเก่ายังเต็มไปด้วยถนนแคบ ๆ ที่ปูด้วยหิน และร้านค้าร้านอาหารท้องถิ่น นอกจากนี้เมืองนี้ยังมีชายหาดที่สวยงาม เช่น ชายหาด Cala Major และท่าเรือที่ทันสมัย พร้อมกิจกรรมทางน้ำต่าง ๆ ปัลมา เดอ มายอร์กา จึงเป็นจุดหมายที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนในบรรยากาศของเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และธรรมชาติที่สวยงาม
10. Edmonton ประเทศแคนาดา
เอดมันตัน (Edmonton) เมืองหลวงของรัฐแอลเบอร์ตา ประเทศแคนาดา เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมและกิจกรรมกลางแจ้งที่หลากหลาย ตั้งอยู่ริมแม่น้ำซัสแคตเชวัน (North Saskatchewan River) เป็นที่รู้จักในฐานะ “เมืองแห่งเทศกาล” เนื่องจากมีงานเทศกาลและกิจกรรมทางศิลปะตลอดทั้งปี เช่น เทศกาลดนตรีและการแสดงต่าง ๆ เอดมันตันยังเป็นที่ตั้งของ West Edmonton Mall ซึ่งเคยเป็นห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่งดงาม เช่น เทือกเขาบานฟ์ และการเดินป่าในช่วงฤดูร้อน เหล่านี้ทำให้เอดมันตันเป็นเมืองที่มีความหลากหลายทั้งในด้านวัฒนธรรม กีฬา และธรรมชาติที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
ปี 2025 เป็นปีที่น่าตื่นเต้นสำหรับนักเดินทาง เพราะมีหลายประเทศที่น่าสนใจรอให้เราไปเยือน อย่ารอช้า รีบแพ็กกระเป๋า เตรียมตัวออกไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ และสร้างความทรงจำดี ๆ ให้กับชีวิตกัน ^ ^
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง
บทความ ที่เที่ยวต่างประเทศ เมืองน่าเที่ยว อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : lonelyplanet.com