ชวนเที่ยว 50 เมืองน่าเที่ยวที่สุดในโลก โดดเด่นทั้งทางด้านวัฒนธรรม ธรรมชาติ และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ชีวิตนี้ต้องลองไปสัมผัสกันสักครั้ง
ในช่วงชีวิตของคนที่รักการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ อะไรจะมีความสุขไปกว่าการได้ไปเยือนสถานที่แปลกใหม่ที่มีความสวยงามและมีเสน่ห์ดึงดูด ได้สัมผัสกับวัฒนธรรมที่หลากหลาย รวมถึงรสชาติอาหารของแต่ละท้องถิ่น แค่คิดก็อดที่จะยิ้มตามไม่ได้ และวันนี้เราขอเอาใจคนที่รักการเดินทางด้วย 50 เมืองน่าเที่ยวทั่วโลกที่ควรไปเยือนสักครั้งมาแนะนำกัน รับรองว่าแต่ละที่นั้นงดงามจับใจ ว่าแต่จะมีที่ไหนบ้าง มาดูกันเลย
1. เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี (Venice, Italy)
เวนิสคือเมืองอันดับต้น ๆ ของคู่รักนักเดินทางที่ใฝ่ฝันอยากจะมาล่องเรือในคลองสีฟ้าใส พร้อมชมสถาปัตยกรรมและบ้านเรือนของผู้คนริมน้ำในเวนิส ถือเป็นสวรรค์บนดินของทุกคนจริง ๆ
2. เมืองเซบียา ประเทศสเปน (Seville, Spain)
ดื่มด่ำไปกับปราสาทที่ได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมแขกมัวร์ พร้อมชิมอาหารยอดฮิตอย่าง "ทาปาส" เดินเลาะเลียบเพลิน ๆ ไปกับถนนที่ทอดยาวแค่นี้ก็ฟินสุด ๆ แล้ว
3. นิวยอร์ก ซิตี้ ประเทศสหรัฐอเมริกา (New York City, USA)
ภาพจาก Songquan Deng / shutterstock.com
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมใคร ๆ
ก็อยากมาเยือนมหานครของโลกอย่างนิวยอร์ก
ที่ซึ่งคุณจะรู้สึกราวกับเวลาเดินผ่านไปเร็วเหลือเกิน
เพราะนิวยอร์กมีสถานที่ท่องเที่ยวอันน่าตื่นเต้นมากมาย ให้คุณได้โลดแล่นเที่ยวไปไม่รู้จบ4. เมืองลาซา ประเทศจีน (Lhasa, China)
เมืองลาซา เมืองหลวงของเขตปกครองตนเองทิเบตแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ถือเป็นศูนย์กลางด้านพระพุทธศาสนาของทิเบต ที่ซึ่งคุณจะได้สัมผัสกับมนตร์ขลังของสถาปัตยกรรมอันสวยงามบนยอดเขา ปลดปล่อยความคิดให้จิตใจได้พักสงบอย่างแท้จริง
5. เมืองริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล (Rio de Janeiro, Brazil)
ภาพจาก Mark Schwettmann / shutterstock.com
ริโอ เดอ จาเนโร โด่งดังเรื่องเทศกาลและคาร์นิวัล ซึ่งถือเป็นสีสันที่ทำให้บราซิลเป็นประเทศที่คึกคักอยู่เสมอ รวมทั้งนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่อยากไปสัมผัสกับวัฒนธรรมสไตล์แซมบ้าสักครั้ง
6. กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ (London, England)
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเมืองหลวงของอังกฤษอย่างกรุงลอนดอน เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวอยากจะมาเยือนสักครั้ง ได้ถ่ายรูปกับสถานที่สำคัญอย่างหอนาฬิกาบิ๊กเบน, Buckingham Palace หรือชมวิวจากลอนดอน อายส์ เรียกว่าเก๋ไม่น้อยเลยนะ
7. เมืองมาร์ราคิช ประเทศโมร็อกโก (Marrakech, Morocco)
เป็นประสบการณ์ที่คุณจะไม่มีวันลืมแน่นอน หากได้มาเยือนมาร์ราคิช คุณจะได้ท่องไปยังเมืองที่มีเส้นทางวกวนเฉกเช่นเขาวงกต พร้อมหลงใหลไปกับสถาปัตยกรรมข้างทาง และอย่าลืมที่จะลิ้มรสอาหารท้องถิ่นที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์
8. นครเปตรา ประเทศจอร์แดน (Petra, Jordan)
นครเปตรา ถือเป็นเมืองแห่งโบราณสถานของโลกเลยก็ว่าได้ โดยคุณจะได้พบกับอาคารที่แกะสลักด้วยหิน ที่ตั้งตระหง่านอยู่ระหว่างทะเลสาบเดดซีกับทะเลอัคบา ใครที่ชอบการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ห้ามพลาดเลย
9. กรุงโรม ประเทศอิตาลี (Rome, Italy)
คุณจะไม่มีทางรู้สึกเบื่อเลยหากได้ไปเยือนกรุงโรม ประเทศอิตาลี ปล่อยใจให้เพลิดเพลินไปกับความงดงามของโบราณสถานที่แม้จะหลงเหลือให้เห็นเพียงแค่ซากปรักหักพัง แต่นี่แหละคือเสน่ห์ที่แท้จริงของกรุงโรมที่หาดูไม่ได้ในที่อื่น
10. เมืองพาราณสี ประเทศอินเดีย (Varanasi, India)
เมืองแห่งความศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวพุทธอยากมาเยือนสักครั้ง ปล่อยใจให้สงบนิ่งไปกับคำสอนของพระพุทธเจ้า และชื่นชมความงามเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นที่ริมแม่น้ำคงคา แค่นี้ก็อิ่มใจแล้ว
11. เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี (Florence, Italy)
ฟลอเรนซ์ คืออีกหนึ่งเมืองที่ควรไปเยือนสักครั้งหากมาเที่ยวอิตาลี แวะเวียนมาชมกับสถานที่ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งศิลปะของโลก พร้อมทั้งชมสิ่งปลูกสร้างที่มีสถาปัตยกรรมในยุคศิลปะฟื้นฟูของอิตาลี
12. เมืองฮาวานา ประเทศคิวบา (Havana, Cuba)
สำรวจถนนด้วยสองเท้าที่ค่อย ๆ ก้าวไปบนเส้นทางอันเก่าแก่ของเมืองฮาวานา เพ่งดูสถาปัตยกรรมในยุคก่อนการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของคิวบา พร้อมสูดกลิ่นอายของเครื่องปรุงชั้นดีที่จะติดตราตรึงใจคุณไปตราบนานเท่านาน
13. เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น (Kyoto, Japan)
เมืองที่ยังคงมีความงดงามทุกกาลเวลา ทั้งแหล่งธรรมชาติและปราสาทอันเก่าแก่ รวมทั้งวิถีการดื่มชาแบบญี่ปุ่นแท้ ๆ ที่ห้ามพลาด เรียกว่าหากมาญี่ปุ่นแต่ไม่ได้มาเยือนเกียวโตก็เหมือนมาไม่ถึง
14. กรุงเยรูซาเล็ม ประเทศอิสราเอล (Jerusalem, Israel)
กรุงเยรูซาเล็ม เป็นเมืองที่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์อันยาวนานและน่าสนใจ โดยเฉพาะชาวคริสต์ที่อยากมาสัมผัสกับประสบการณ์ในเมืองแห่งความเชื่อสักครั้ง พร้อมชมโบราณสถานอันเก่าแก่ที่น่าสนใจมากมาย
15. กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส (Paris, France)
เมืองแห่งความสว่างที่คอยส่องประกายความหวังใจให้แก่ผู้มาเยือนเสมอ อีกทั้งบรรยากาศสุดโรแมนติกที่บรรดาคู่รักต่างนิยมมากระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้น รวมทั้งชมความงามของหอไอเฟลที่เป็นเสมือนแลนด์มาร์กของฝรั่งเศส
16. กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน (Beijing, China)
ดินแดนแห่งประวัติศาสตร์ของจีนที่บอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ผ่านสถานที่สำคัญหลายแห่ง เช่น จัตุรัสเทียนอันเหมิน หรือจะเป็นพระราชวังต้องห้าม ที่ล้วนมีเรื่องราวและความเป็นมาอันน่าทึ่ง
17. เมืองลาลิเบลา ประเทศเอธิโอเปีย (Lalibela, Ethiopia)
ลาลิเบลา เป็นหนึ่งในเมืองศักดิ์สิทธิ์ของเอธิโอเปียที่มีชื่อเสียงในเรื่องโบราณวัตถุอันสำคัญและเก่าแก่ นอกจากนี้ยังมีโบสถ์ซึ่งมีรูปร่างคล้ายเสาหินที่เต็มไปด้วยมนตร์ขลังและหาดูไม่ได้ในที่อื่นแน่นอน
18. เมืองกรานาดา ประเทศสเปน (Granada, Spain)
บนถนนสายเล็ก ๆ ในเมืองกรานาดา ทำให้นักท่องเที่ยวเพลิดเพลินไปความงดงามของพระราชวังอาลัมบรา (Alhambra) และเรียนรู้วัฒนธรรมที่หลากหลายของผู้คนต่างศาสนา ที่แม้จะดำเนินวิถีชีวิตคนละอย่าง แต่ก็อยู่ร่วมกันอย่างสงบ
19. กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ (Athens, Greece)
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย วิหารพาร์เธนอน (Parthenon) ยังคงเป็นสถานที่ซึ่งน่าสนใจอยู่เสมอ ด้วยความเก่าแก่ของสถาปัตยกรรมบวกกับเรื่องราวความเป็นมาอันน่าสนใจ ทำให้เอเธนส์ยังคงเป็นหนึ่งในเมืองที่ควรไปเยือนสักครั้ง
20. เมืองพุกาม ประเทศเมียนมา (Bagan, Myanmar)
ดินแดนแห่งเจดีย์สี่พันองค์อย่างพุกาม ยังคงดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่หลงใหลในโบราณสถานอันศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไม่ขาดสาย เดินเพลิน ๆ จากเช้าถึงเย็น ชมทะเลเจดีย์มากมายได้แบบไม่มีเบื่อเลย
21. เมืองกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล (Kathmandu, Nepal)
กาฐมาณฑุ ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาของเทือกเขาหิมาลัย เป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีความเรียบง่ายน่าหลงใหล และมีสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง สถูปสวะยัมภูนาถ (Swayambhunath) ที่ผสมผสานระหว่างศาสนาพุทธและฮินดูเข้าด้วยกันอย่างลงตัว
22. นครรัฐวาติกัน (Vatican City)
นครรัฐวาติกัน ประเทศที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก โดยแยกตัวจากอิตาลีมาปกครองตนเองเมื่อปี ค.ศ. 1929 และแม้จะมีขนาดเล็ก แต่ทุกตารางนิ้วนั้นเต็มไปด้วยสถานที่สำคัญอย่างพิพิธภัณฑ์และมหาวิหาร ที่แสดงถึงความรุ่งเรืองทางด้านศิลปะและสถาปัตยกรรมของนครรัฐวาติกันนั่นเอง
23. เมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส (Lisbon, Portugal)
ดินแดนที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อย่างลิสบอน ทำให้ผู้มาเยือนหลงใหลได้ไม่ยาก ด้วยทัศนียภาพรอบตัว ทั้งฟ้าสวย น้ำทะเลใส และอย่าพลาดที่จะแวะเวียนไปสัมผัสกับถนนที่มีสีสันสวยงามในย่าน Chiado และย่าน Alfama
24. กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น (Tokyo, Japan)
ว่ากันว่า โตเกียว คือเมืองที่ส่งตรงจากอนาคต เพราะทั้งเทคโนโลยีต่าง ๆ นั้นล้ำสมัยและถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย ทั้งย่านช้อปปิ้ง ย่านของกิน รวมทั้งสถานที่สำคัญอย่างพระราชวังโตเกียวด้วย
25. เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี (Istanbul, Turkey)
ความพิเศษของอิสตันบูลคือเมืองที่เป็นเสมือนพรมแดนขั้นระหว่างทวีปยุโรปและทวีปเอเชีย ทำให้อิสตันบูลได้รับอิทธิพลหลาย ๆ ด้านของทั้งสองทวีป จึงนับเป็นอีกหนึ่งเมืองที่เหมาะแก่การเรียนรู้ความหลากหลายทางวัฒนธรรม
26. เมืองฮอยอัน ประเทศเวียดนาม (Hoi An, Vietnam)
ประเทศเพื่อนบ้านของไทยที่มีจุดน่าสนใจอยู่ที่เมืองฮอยอัน ดินแดนที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวของญี่ปุ่น เวียดนาม และยุโรป และความหลากหลายเช่นนี้เอง จึงเป็นเหตุผลที่คุณควรไปเห็นกับตาสักครั้ง รวมทั้งอย่าพลาดที่จะลิ้มรสอาหารเวียดนามด้วย
27. เมืองอัมเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ (Amsterdam, Netherlands)
อัมเตอร์ดัม คือเมืองที่ขึ้นชื่อว่ามีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดอันดับต้น ๆ ของโลก อีกทั้งความเป็นอยู่ สิ่งแวดล้อมและผู้คนที่เป็นมิตรก็เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้อัมเตอร์ดัมน่าอยู่ นอกจากนี้ยังมีย่านท่องเที่ยวสำคัญ ได้แก่ ย่าน Red Light และพิพิธภัณฑ์ Van Gogh Museum
28. เมืองลักซอร์ ประเทศอียิปต์ (Luxor, Egypt)
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่หลงใหลการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ เมืองลักซอร์ ในประเทศอียิปต์ จะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน เพราะคุณจะได้พบกับโบราณสถานที่สำคัญมากมาย พร้อมชมวิวสวย ๆ จากแม่น้ำไนล์ที่ไหลผ่านอย่างช้า ๆ
29. กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน (Berlin, Germany)
หลังจากกำแพงเบอร์ลินถูกทำลายลงไป ทำให้ชาวเยอรมันทั้งสองฟากฝั่งมีเสรีภาพที่จะสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ได้มากขึ้น รวมทั้งทำให้เบอร์ลินกลับกลายเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาอีกครั้ง นับว่าน่าสนใจหากคุณชื่นชอบสถานที่ซึ่งมีทิวทัศน์สวยงาม ร้านอาหารบรรยากาศดี ๆ และหลงรักแสงสียามราตรี เบอร์ลินจะไม่ทำให้คุณผิดหวังเลยค่ะ
30. เมืองชัยปุระ ประเทศอินเดีย (Jaipur, India)
ชัยปุระ ได้รับสมญานามว่าเป็น "นครสีชมพู" และถูกจัดว่าเป็นเมืองในยุคสมัยใหม่ของอินเดีย ทั้งการจัดระบบผังเมืองที่เป็นระเบียบ นับว่าต่างจากอินเดียที่คุณเคยเห็นแน่นอน นอกจากนี้ เมืองชัยปุระยังตั้งอยู่บนพื้นที่ซึ่งเรียกว่าเป็นสามเหลี่ยมทองคำของอินเดีย ร่วมกับเมืองอัคราและนิวเดลี
31. เมืองลียง ประเทศฝรั่งเศส (Lyon, France)
ลียง นับเป็นเมืองมรดกโลกย้อนไปตั้งแต่สมัยโรมัน ดินแดนแห่งนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องเทศกาลสุดยิ่งใหญ่ อย่าง The Festival of Lights หรือเทศกาลที่ทุกคนจะร่วมจุดเทียนทุกบ้านและทั่วท้องถนน เพื่อระลึกถึงพระแม่มารี ถือเป็นอีกเทศกาลดี ๆ ที่น่าสนใจไม่น้อยเลย
32. เมืองเอีย ประเทศกรีซ (Oia, Greece)
เอีย เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของประเทศกรีซ เพราะทิวทัศน์ที่สวยงามของบ้านสีขาวหลังคาสีฟ้าที่ตั้งลดหลั่นกันอยู่บนเชิงเขา ตัดกับน้ำทะเลสีคราม และความสวยงามเหล่านี้เองทำให้เอีย ถูกพิมพ์เป็นภาพโปสการ์ดไปทั่วโลก
33. เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา (Siem Reap, Cambodia)
เสียมราฐ อีกหนึ่งเมืองของที่น่าสนใจ โดยเป็นที่ตั้งของของนครวัด นครธม และปราสาทสมัยอาณาจักรขอมอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีอากาศดีเหมาะแก่การเที่ยวพักผ่อน ค่าครองชีพถูก แถมอาหารอร่อยด้วย
34. กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย (Vienna, Austria)
เวียนนา เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยพระราชวังอันงดงามหลายแห่ง รวมทั้งแหล่งธรรมชาติอื่น ๆ และยังมีร้านกาแฟบรรยากาศชิล ๆ มากมายให้นักท่องเที่ยวได้แวะพักดื่มกาแฟรสชาติละมุน พร้อมชมทิวทัศน์โดยรอบของเมืองด้วย
35. เมืองกุสโก ประเทศเปรู (Cusco, Peru)
กุสโก คือดินแดนที่ตั้งอยู่บนแนวเทือกเขาแอนดีส ส่งผลให้เมืองกุสโกเป็นเมืองที่มีวิวอันสวยงาม นอกจากนี้คุณยังจะตื่นตาตื่นใจไปกับ "มาชูปิกชู" แหล่งอารยธรรมของชาวอินคาที่ยังคงหลงเหลือไว้ นับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
36. เมืองคาร์ทาเกน่า ประเทศโคลัมเบีย (Cartagena, Colombia)
คาร์ทาเกน่า ตั้งอยู่บนแนวชายฝั่งทะเลแคริบเบียนของโคลัมเบีย จึงเป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีบรรยากาศสุดโรแมนติก อีกทั้งยังมีเรื่องราวประวัติศาสตร์มากมาย ทั้งเรื่องโจรสลัดหรือเรื่องเกี่ยวกับกษัตริย์ จึงเป็นที่ยอมรับจากยูเนสโกว่า คาร์ทาเกน่าเป็นเมืองเก่าที่มีเสน่ห์และควรค่าที่จะอนุรักษ์ไว้ซึ่งสถาปัตยกรรมสมัยยุคล่าอาณานิคม
37. เมืองแซนซิบาร์ ประเทศทานซาเนีย (Zanzibar, Tanzania)
เมืองโบราณในแซนซิบาร์เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำของทวีปแอฟริกา และมีชื่อเสียงในเรื่องหาดทรายสีขาวและน้ำทะเลใส และมีสถาปัตยกรรมและศิลปะชิ้นเอกที่ได้รับอิทธิพลมาจากแอฟริกัน อาหรับ และโปรตุเกส ซึ่งตั้งอยู่ในย่านสโตน ทาวน์ (Stone Town)
38. เม็กซิโก ซิตี้ ประเทศเม็กซิโก (Mexico City, Mexico)
เม็กซิโก ซิตี้ ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งแสงสี และโด่งดังเรื่องที่เที่ยวยามค่ำคืน ซึ่งหากคุณอยากจะสัมผัสสีสันยามราตรี เม็กซิโก ซิตี้ จะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน นอกจากนี้ ยังมีสิ่งปลูกสร้างรวมถึงโบราณสถานที่ได้รับอิทธิพลยุคล่าอาณานิคมให้ได้ชมกันด้วย
39. ประเทศสิงคโปร์ (Singapore)
ประเทศเล็ก ๆ ใกล้บ้านเรา ที่มีสถานท่องเที่ยวน่าสนใจแทบจะทุกตารางนิ้ว หากคุณมีโอกาสมาเยือนสิงคโปร์ก็ลองจัดเวลาดี ๆ เพราะสถานที่สำคัญแต่ละแห่งอยู่ไม่ไกลกัน เช่น ชิงช้าสวรรค์ Singapore Flyer และ มารีน่า เบย์ แซนด์ส และการเดินทางก็ค่อนข้างสะดวก เที่ยวทั้งทีก็เอาให้คุ้มไปเลย
40. เมืองลาสเวกัส รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา (Las Vegas, USA)
ลาสเวกัส ไม่ได้มีโด่งดังแค่บ่อนกาสิโนเท่านั้น แต่มันยังเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสีสันที่พร้อมจะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้ผู้มาเยือนได้เสมอ อีกทั้งยังมีที่พักชั้นดีและอาหารชั้นเยี่ยมให้คุณได้ลิ้มลองอีกด้วยค่ะ
41. เมืองซามาร์คันด์ ประเทศอุซเบกิสถาน (Samarkand, Uzbekistan)
ซามาร์คันด์ เมืองแห่งสถาปัตยกรรมอิสลาม ที่ซึ่งมีโบราณสถานมากมายบนถนน Silk Road ที่ทอดยาวออกไป และยังเป็นที่ตั้งของสุเหร่าหลายแห่งที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางใจเมือง ซึ่งถูกตกแต่งอย่างงดงามด้วยโมเสกและกระเบื้องชั้นดี รับรองว่าหาดูในที่อื่น ๆ ไม่ได้เลย
42. เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย (Sydney, Australia)
แน่นอนว่า ซิดนีย์ โอเปร่า เฮ้าส์ คือแลนด์มาร์กของเมืองซิดนีย์ที่หากว่าไม่ได้เห็นก็คงจะเหมือนมาไม่ถึง นอกจากนี้ซิดนีย์ยังเป็นเมืองที่มีอากาศและสิ่งแวดล้อมดีและผู้คนยังเป็นมิตรอีกด้วย จึงเป็นอีกเมืองน่าเที่ยวที่ควรไปเยือนสักครั้ง
43. เมืองซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา (San Francisco, USA)
ซานฟานซิสโก เป็นเมืองโด่งดังของรัฐแคลิฟอร์เนีย และมีสะพานโกลเดนเกต ทอดยาวเหนืออ่าวซานฟรานซิสโกเป็นสัญลักษณ์ประจำเมือง ที่หลายคนใฝ่ฝันอยากจะขับรถชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามของเมืองที่มีลักษณะภูมิประเทศเป็นเขา แถมยังมีชายฝั่งติดกับมหาสมุทรแปซิฟิกอีกด้วย เรียกว่าครบทั้งที่เที่ยวในเมืองและแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติเลย
44. เมืองมง แซ็ง มิแชล ประเทศฝรั่งเศส (Mont Saint Michel, France)
มง แซ็ง มิแชล เป็นเมืองที่มีทิวทัศน์สวยงามและมีวิหารตั้งอยู่บนเกาะทางชายฝั่งตะวันตก นับเป็นความลงตัวของสถาปัตยกรรมที่งดงามซึ่งถูกรายล้อมด้วยผืนน้ำและทุ่งหญ้าเขียวขจี ที่แห่งนี้จึงมีนักท่องเที่ยวมาเยือนกว่า 3 ล้านคนต่อปี ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของฝรั่งเศสรองจากหอไอเฟลและพระราชวังแวร์ซาย
45. เมืองดูบรอฟนิค ประเทศโครเอเชีย (Dubrovnik, Croatia)
ดูบรอฟนิค เป็นอีกเมืองเก่าที่น่าสนใจ และยังได้รับการย่องย่องว่าเป็นอัญมณีแห่งทะเลเอเดรียติกด้วย ซึ่งหากคุณได้มาเห็นบ้านเรือนที่สร้างจากอิฐและมีหลังคาสีส้มเป็นเอกลักษณ์ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา และมองเห็นวิวทะเลสุดสายตาละก็ นี่คือสิ่งที่การันตีได้ดีว่าดูบรอฟนิคคืออัญมณีแห่งทะเลเอเดรียติกอย่างแท้จริง
46. กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย (Bangkok, Thailand)
จำนวนนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามากว่า 16 ล้านคนต่อปี คือสิ่งที่การันตีได้ว่าเมืองหลวงของไทยอย่าง กรุงเทพมหานคร เป็นเมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายในทุกช่วงเวลา ทั้งวัดวาอาราม แหล่งช้อปปิ้ง และย่านของกินขึ้นชื่อ รวมทั้งศูนย์รวมความบันเทิงในยามราตรีด้วย
47. กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา (Buenos Aires, Argentina)
ถือเป็นสีสันของอเมริกาใต้เลยทีเดียว สำหรับ "กรุงบัวโนสไอเรส" ที่ถูกขนานนามว่า "ปารีสแห่งอเมริกาใต้" และก็เป็นจริงตามนั้น เพราะกรุงบัวโนสไอเรสเป็นที่ซึ่งไม่เคยหลับใหล ทั้งถนนหนทางและตึกรามบ้านช่องที่มีสีสัน รวมทั้งอาหาร และย่าน Barrio La Boca คือ อีกหนึ่งสถานที่น่าสนใจ
48. เมืองแอนติกัว ประเทศกัวเตมาลา (Antigua, Guatemala)
แอนติกา กัวเตมาลา คือเมืองที่เต็มไปด้วยโบราณสถานสำคัญมากมาย อีกทั้งโบสถ์อันเก่าแก่ที่ได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมยุคล่าอาณานิคม รวมทั้งยังมีคาเฟ่กลิ่นอายโบฮีเมียนอยู่หลายแห่ง ให้คุณจิบกาแฟเพลิน ๆ พร้อมชมความงามของภูเขาไฟที่ตั้งตระหง่านตัดกับเส้นขอบฟ้า
49. กรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก (Prague, Czech Republic)
50. เมืองบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี (Budapest, Hungary)
หากคุณหลงใหลในแสงสียามค่ำคืนละก็ บูดาเปสต์จะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน กับสถานบันเทิงที่ถือเป็นสีสันและทำให้บูดาเปสต์เป็นเมืองที่ไม่เคยหลับ อีกทั้งความสวยงามของแหล่งธรรมชาติ และสิ่งปลูกสร้างหลากหลายแบบจากการปกครองของกษัตริย์หลายสมัย ที่ทำให้บูดาเปสต์มีความหลากหลายทางสถาปัตยกรรมมากที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป
จะเห็นได้ว่าทั้ง 50 เมือง มีความสวยงามและมีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป แต่สิ่งที่เหมือนกันคือเสน่ห์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนอย่างไม่ขาดสายนั่นเอง งานนี้คนที่รักการเดินทางห้ามพลาดเชียว !
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก
huffingtonpost.com