แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ จากทั่วโลก ที่กำลังจะกลายเป็นจุดหมายปลายทางดาวรุ่งแห่งใหม่
เว็บ Tripadvisor ซึ่งเป็นเว็บไซต์รวบรวมข้อมูลการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้มีการแนะนำเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกที่น่าจะกลายมาเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวครั้งใหม่ ซึ่งมีรีวิวข้อมูลของเมืองท่องเที่ยวต่าง ๆ จากทั่วโลก ทั้งสถานที่สำคัญ โรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร รวมถึงกิจกรรมห้ามพลาด เอาไว้ให้นักเที่ยวทั้งหลายเก็บเป็นข้อมูลเอาไว้เมื่อพร้อมออกเดินทางกันในอนาคต จะมีที่ไหนบ้าง วันนี้เราขอกระตุ้นต่อมอยากเที่ยวด้วยการเอารูปสวย ๆ มาให้ดูกันก่อน ตามนี้เลย
1. มาร์ตินีก (Martinique), ฝรั่งเศส
เกาะทางตะวันออกของทะเลแคริบเบียน ในหมู่เกาะวินด์เวิร์ด เป็นแคว้นและจังหวัดโพ้นทะเลของประเทศฝรั่งเศส ด้วยสภาพอากาศแบบฝรั่งเศสที่โดดเด่นชวนหลงใหลผสมผสานกับความอบอุ่นของอินเดียตะวันตก เสริมด้วยวัฒนธรรมและอาหารท้องถิ่น ทำให้เกาะนี้ทั้งลมเย็นสบายและสว่างสดใสไปด้วยแสงแดด สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาที่นี่คือ การเดินเที่ยวชม La Pagerie บ้านเกิดของจักรพรรดินีโจเซฟีนแห่งนโปเลียน และชมวิวเกาะ Diamond Rock กลางทะเล
2. ปานามาซิตี้บีช (Panama City Beach), ฟลอริดา
เมืองตากอากาศริมชายฝั่งอ่าวเม็กซิโก ในเบย์เคาน์ตี้ รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา จุดเด่นของเมืองนี้คือ หาดทรายสีขาวบริสุทธิ์ที่ทอดตัวยาวสวยเป็นเอกลักษณ์ ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมและพักผ่อนทั้งอาบแดดหรือเล่นกิจกรรมทางน้ำต่าง ๆ เช่น ดำน้ำตื้น ดำสคูบา พายเรือคายัก
3. บูซิออส (Armacao dos Buzios), บราซิล
ถ้าในโลกนี้จะมีชายหาดแห่งธุรกิจ บูซิออสก็คงจะเป็นวอลสตรีทแน่ ๆ เพราะที่นี่มีชายหาดมากกว่า 20 แห่ง โดยเฉพาะชายหาด Geriba ที่เป็นสถานที่สุดฮิตสำหรับนักเล่นเซิร์ฟและนักดำน้ำตื้น และยังมีถนน Rua das Pedras ที่ทั้งสองข้างทางเต็มไปด้วยแกลลอรี่ระดับโลก คลับ และร้านเสื้อผ้าบูติก ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมีระดับให้มาเที่ยวที่นี่
4. เกาะโอลบอกซ์ (Holbox Island), เม็กซิโก
เกาะในเม็กซิโกที่ยังคงความเป็นธรรมชาติเอาไว้อย่างครบถ้วน ทั้งหาดทรายสีขาวล้อมรอบด้วยน้ำสีฟ้าครามของทะเลแคริบเบียน เกาะนี้ตั้งอยู่ใกล้กับคาบสมุทรยูทาน ซึ่งเป็นจุดชมฉลามวาฬยอดนิยม นักท่องเที่ยวมักมาที่เกาะนี้เพื่อว่ายน้ำดูฉลามวาฬและโลมา นอกจากนี้บนเกาะยังมีพื้นที่บางส่วนเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า เช่น นกฟลามิงโก้ นกกระยาง เต่าทะเล และจระเข้ที่ใกล้สูญพันธุ์ ถ้าใครชอบธรรมชาติและสภาพแวดล้อมที่ชิล ๆ ผ่อนคลาย ที่นี่น่าจะตอบโจทย์
5. เมืองเซนต์ ไอฟส์ (St Ives), สหราชอาณาจักร
สวรรค์สำหรับคนที่ชอบทะเลและกิจกรรมทางน้ำทั้งหลาย เพราะที่เมืองเซนต์ ไอฟส์ มีชายหาดสีทองอร่ามถึง 4 หาดด้วยกัน มีอ่าวเล็ก ๆ ที่ร่มรื่นและดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ชอบการว่ายน้ำ อาบแดด และผู้ที่ชอบกีฬาทางน้ำ เช่น เซิร์ฟบอร์ด วินด์เซิร์ฟ และสกีน้ำ รวมถึงมีทางเดินเลียบชายหาดสวย ๆ ให้เดินเล่นออกกำลังกายเบา ๆ ด้วย
6. เมืองมาซาตลัน (Mazatlan), เม็กซิโก
แหล่งท่องเที่ยวมากเสน่ห์อีกแห่งหนึ่งของเม็กซิโก เป็นทั้งเมืองหลวงเก่าที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และรีสอร์ตติดทะเล มีทั้งบริเวณที่มีแสงแดด ทะเล และผืนทรายกว้างขวางที่สวยงาม บวกกับอากาศที่อุ่นสบาย จึงได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับครอบครัว คู่รัก และนักท่องเที่ยว ที่ต้องการมาสำรวจชายหาด เกาะต่าง ๆ และตื่นตาตื่นใจไปกับยามราตรีที่คึกคัก
ภาพจาก eskystudio /Shutterstock.com
7. โคโลราโดสปริงส์ (Colorado Springs), โคโลราโด
เมืองที่เสมือนเป็นพื้นที่ที่จะเชื่อมโยงนักประวัติศาสตร์ นักกีฬา สถาปนิก ศิลปิน และนักชิม เข้าไว้ด้วยกัน เพราะโคโลราโดสปริงส์ เป็นเมืองแห่งเสน่ห์แบบตะวันตกที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว นับเป็นพื้นที่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับการออกไปปิกนิกที่สวนสาธารณะ ตีกอล์ฟ หรือแม้กระทั่งเล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีม เช่น ปีนเขา ซิปไลน์ หรือนั่งกระเช้าบอลลูน เป็นต้น
ภาพจาก Kit Leong / Shutterstock.com
8. โชลเฮเวน (Shoalhaven), ออสเตรเลีย
เมื่อพูดถึงออสเตรเลีย หลายคนอาจจะนึกถึงเมลเบิร์น ซิดนีย์ หรือแคนเบอร์รา ทำให้เมืองโชลเฮเวนกลายเป็นเมืองนอกสายตาไปโดยปริยาย แต่ถ้าต้องการสนุกกับทะเลสีฟ้าคราม ดื่มด่ำไปกับความเขียวชอุ่มของเส้นทางเลียบช่องเขา และสำรวจถ้ำหน้าผาทะเลผ่านอุโมงค์ รวมถึงเพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพที่สวยงามน่าทึ่ง ไม่ควรพลาดที่นี่เลยจริง ๆ
ภาพจาก Daria Nipot / Shutterstock.com
9. วรอตสวัฟ (Wroclaw), โปแลนด์
เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศโปแลนด์ และเคยเป็นเมืองหลวงเก่าด้วย โดดเด่นด้วยสะพานที่สวยงามและสถาปัตยกรรมที่น่าทึ่ง นอกจากนี้ยังมีจัตุรัสกลางเมือง The Rynek ที่เรียงรายไปด้วยอาคารหลากสี ที่กลายเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก กิจกรรมหนึ่งที่ไม่ควรพลาด คือ การนั่งรถรางชมเมืองเก่า เดินชิลดูรูปปั้นหรืออนุสาวรีย์ต่าง ๆ ที่มีอยู่ทั่วเมือง และไปโบสถ์ Ostrow Tumski เป็นต้น
10. มัดจี (Mudgee), ออสเตรเลีย
คนรักประวัติศาสตร์ต้องปลื้ม เพราะมัดจี เมืองนิวเซาท์เวลส์ กำลังจะกลายเป็นสถานที่พักผ่อนสุดโปรดในช่วงนี้ มาร่วมสำรวจมรดกทางวัฒนธรรมของเมืองผ่านอาคารยุคตื่นทอง ที่ได้รับการบูรณะอย่างเชี่ยวชาญ รวมถึงโบราณวัตถุมากมายที่พิพิธภัณฑ์ Gulgong Pioneers และสำหรับผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติก็จะต้องหลงรัก Ferntree Gully ซึ่งเป็นหินขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยมอสส์และเฟิน และไร่องุ่นที่อุดมสมบูรณ์
ภาพจาก Annalucia / Shutterstock.com
11. อานซี (Annecy), ฝรั่งเศส
เมืองในภูมิภาค Rhone-Alpes ทางตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส ที่เต็มไปด้วยปราสาทวิหารและสถาปัตยกรรมอันวิจิตรงดงาม เหมาะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับคู่รักที่ต้องการหาสถานที่ใช้เวลาฮันนีมูนอยู่ด้วยกัน เช่น สะพานคู่รัก Pont des Amours, มหาวิหาร Saint Pierre, น้ำพุ Saint Jean และถนน Rue Royale ที่เป็นแหล่งช้อปปิ้งและร้านอาหารต่าง ๆ
12. เกาะเชจู (Jeju Island), เกาหลีใต้
เกาะขนาดใหญ่ที่สุดแต่เป็นจังหวัดที่เล็กที่สุดของประเทศเกาหลีใต้ ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบเกาหลี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นิยมของคู่รักและแฟน ๆ ซีรีส์เกาหลี เป็นที่ตั้งของมรดกโลกคือ เกาะภูเขาไฟเชจู และอุโมงค์ลาวา มีไฮไลต์ที่สำคัญคือ สวนส้มรสหวานอร่อย อาหารทะเลสด ๆ และหมูดำย่างที่เป็นอาหารขึ้นชื่อของเกาะ
13. ทรอมโซ (Tromso), นอร์เวย์
มนตร์ขลังของฟยอร์ดและเทือกเขาทรอมโซนั้นช่างน่าอัศจรรย์ นักท่องเที่ยวที่ได้มาเยือนต้องหลงเสน่ห์กับแสงเหนือที่ทอแสงเป็นประกายทั่วท้องฟ้ายามค่ำคืน แต่ก็ไม่มืดมิดเพราะแสงสว่างจากพระอาทิตย์เที่ยงคืน และยังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ เช่น หมู่บ้านชาวประมง สวนพฤกษศาสตร์ น้ำตก นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังนิยมมาเที่ยวที่นี่เพื่อฟังดนตรีโดยเฉพาะแนวเทคโนและแนวอิเล็กทรอนิกส์
14. อูบาตูบา (Ubatuba), บราซิล
สถานที่ท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งทางเหนือของรัฐเซาเปาลู เป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบชายหาดและรักในการเล่นเซิร์ฟบอร์ด และยังได้รับเกียรติให้เป็นสถานที่แข่งขันโต้คลื่นที่สำคัญมากกว่าสิบรายการทุกปี นอกจากนี้เมืองนี้ยังเป็นศูนย์กลางการเดินเรือที่สำคัญของประเทศด้วย
ภาพจาก LMspencer / Shutterstock.com
15. เดรสเดิน (Dresden), เยอรมนี
เมืองริมฝั่งแม่น้ำ Elbe ที่สวยงามเขียวชอุ่มทั้งจากป่าไม้ สวน และสวนสาธารณะ เมืองนี้เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ทางวัฒนธรรมและศิลปะ นักประพันธ์เพลงโอเปร่าผู้ยิ่งใหญ่อย่าง Wilhelm Wagner ได้เปิดตัวผลงานจำนวนมากที่นี่ สำหรับนักท่องเที่ยวที่คลั่งไคล้วัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมที่น่าทึ่งจะต้องหลงรักพิพิธภัณฑ์ Gemäldegalerie Alte Meister และ Grünes Gewölbe ในเมืองนี้
16. เกาะเอลบา (Elba Island), แคว้นตอสคานา อิตาลี
เกาะที่รู้จักกันดีในชื่อของสถานที่เนรเทศของนโปเลียน เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของแคว้นตอสคานา และใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศอิตาลี มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายทั้งทางวัฒนธรรม เช่น เมืองบนยอดเขาและปราสาท และการพักผ่อนหย่อนใจ เช่น การเดินป่า ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ ดำน้ำ และชายหาด
17. มาสทริชต์ (Maastricht), เนเธอร์แลนด์
เมืองตรงกลางระหว่างเบลเยียมและเยอรมนี ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสร์และวัฒนธรรม มีจัตุรัสกลางเมืองที่สวยงาม 2 แห่ง คือ Vrijthof ที่มีโบสถ์ Sint-Servaas และวิหาร Sint-Jan ส่วนอีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่สำคัญ ก็คือ Vestigingswerken ของเมือง หรือป้อมปราการเมืองเก่าที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก
18. ลา โครแชลล์ (La Rochelle), ฝรั่งเศส
ตั้งอยู่บนอ่าวบิสเคย์ ประเทศฝรั่งเศส โดยประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ของที่นี่จะเกี่ยวข้องกับทะเล เพราะเป็นเมืองท่าเรือเก่าที่ยังคงความสวยงามมาถึงปัจจุบัน ซึ่งเมืองนี้ยังคงรักษามรดกทางสถาปัตยกรรมอันยาวนาน มีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย อาทิ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ตามธรรมชาติ และสวนสวยเขียวร่มรื่น และหนึ่งในไฮไลต์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากให้มาที่นี่ทุกปีก็คือ เทศกาลดนตรีฝรั่งเศสที่ยิ่งใหญ่ Francofolies
ภาพจาก Vlasyuk Inna / Shutterstock.com
19. ลูกาโน (Lugano), สวิตเซอร์แลนด์
พื้นที่ที่ตั้งอยู่บนทะเลสาบที่มีเทือกเขาแอลป์อยู่ด้านหลัง ทำให้มีทัศนียภาพอันงดงาม นักท่องเที่ยวสามารถนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นภูเขา Monte San Salvatore หรือ Monte Bre เพื่อชมความสวยงามของทะเลสาบ แม่น้ำ ภูเขา โบสถ์วิหาร และ Piazza della Riforma ที่สวยงามและเป็นสีสันของเมือง
20 เกาะมาเล (Male), มัลดีฟส์
เกาะที่เป็นเมืองหลวงของมัลดีฟส์ เต็มไปด้วยเนินเขาและถนนแคบ ๆ ล้อมรอบด้วยทะเล นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการช้อปปิ้งต้องตื่นตาตื่นใจกับตลาดท้องถิ่นที่เต็มไปด้วยผลิตภัณฑ์สดใหม่ รวมถึงของที่ระลึกต่าง ๆ เช่น เรือไม้แกะสลักลำเล็ก นอกจากนี้ทรัพยากรใต้ท้องทะเลของเกาะนี้ก็ยังอุดมสมบูรณ์ ดึงดูดผู้ที่ชื่นชอบการดำน้ำลึกจากทั่วโลกด้วย
ภาพจาก Jarung H / Shutterstock.com
21. เกาะมิยาโกะจิมะ (Miyakojima), ญี่ปุ่น
เกาะสวยที่มีชายหาดสวยงาม เหมาะสำหรับการอาบแดด ว่ายน้ำ และดำน้ำตื้น นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบธรรมชาติต้องตื่นตาตื่นใจไปกับสวนพืชเมืองร้อนของเมืองนี้ เพราะเป็นที่ที่รวบรวมพรรณไม้เมืองร้อนกว่า 1,500 สายพันธุ์เอาไว้ในที่เดียว
22. โตเบอร์โมรี (Tobermory), แคนาดา
เมืองริมทะเลสาบที่ขึ้นชื่อในเรื่องน้ำทะเลสีฟ้าครามที่ใสสะอาด จนได้รับการยกย่องว่าเป็น "เมืองหลวงแห่งการดำน้ำลึกของประเทศแคนาดา" นักท่องเที่ยวที่รักในการดำน้ำนิยมมาที่นี่เพื่อมาสำรวจซากเรืออับปาง และสำหรับใครที่ชอบการผจญภัย ที่นี่ก็มีลานตั้งแคมป์และเส้นทางชมวิวอนุรักษ์ธรรมชาติที่เต็มไปด้วยพืชและสัตว์หลากหลายชนิด
ภาพจาก Coatesy / Shutterstock.com
23. อเล็กซานเดรีย (Alexandria), อียิปต์
ไข่มุกแห่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นที่ตั้งของประภาคาร Pharos ซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ทุกวันนี้ อเล็กซานเดรียเป็นเมืองที่นำเสนอความภาคภูมิใจของกรีกในสมัยโบราณ รวมถึงมัสยิดที่น่าสนใจ สวนสวย ๆ และโรงแรมทั้งแบบสมัยใหม่และแบบดั้งเดิม
24. มาร์เดลพลาตา (Mar del Plata), อาร์เจนตินา
หนึ่งในเมืองท่าเรือจับปลาที่สำคัญและเป็นเมืองตากอากาศริมชายหาดชั้นนำของประเทศอาร์เจนตินา มีชายหาดทอดยาวไปกว่า 10 ไมล์ เหมาะสำหรับการมาพักผ่อนหย่อนใจเป็นที่สุด ในช่วงฤดูร้อนเมืองนี้จะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนและนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก และในเมืองยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมาย เช่น หอคอย Torre Tanque, ท่าเรือ Puerto de Mar del Plata, พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ และสวนสนุก
ภาพจาก JopsStock / Shutterstock.com
25. ดะนีดิน (Dunedin), นิวซีแลนด์
เมืองที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศนิวซีแลนด์ นักท่องเที่ยวนิยมมาที่นี่เพื่อดูนกเพนกวินตาเหลืองหายาก แมวน้ำขน และนกอัลบาทรอส แต่ถ้าอยากดูสถาปัตยกรรมทางประวัติศาสตร์ที่น่าประทับใจ ที่นี่ก็มีให้เยี่ยมชมเช่นกัน เช่น ปราสาท Larnach, พิพิธภัณฑ์ Otago และสถานีรถไฟเก่า Flemish Renaissance
ในโลกใบนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ อีกมากมายที่รอให้เราไปเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ดังนั้น ในขณะนี้เราควรดูแลตัวเองให้แข็งแรง ห่างไกลจากโรค และตั้งเป้าหมายว่าสักวันหนึ่งเมื่อสถานการณ์กลับมาเป็นปกติ เราจะได้ไปเที่ยวในสถานที่สวย ๆ เหล่านี้กัน
ขอบคุณข้อมูลจาก
tripadvisor.com, expedia.co.th และ skyscanner.co.th
