วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร วัดขึ้นชื่อในกรุงเทพฯ สวยงามริมเจ้าพระยา

          วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร หนึ่งในวัดชื่อดังของกรุงเทพฯ สวยงามและเก่าแก่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ต้นกำเนิดของ พระสมเด็จวัดระฆัง อันเลื่องชื่ออีกด้วย

          วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร เป็นวัดสำคัญที่มีชื่อเสียงโด่งดังในประวัติศาสตร์พุทธศาสนาไทย ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งธนบุรี ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับผู้ที่ต้องการมาสักการะ ปฏิบัติธรรม และมีความสำคัญในด้านศาสนาและวัฒนธรรมเท่านั้น วัดแห่งนี้ยังมีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรมโบราณ วิหารและเจดีย์ที่งดงาม รวมถึงระฆังอันเป็นสัญลักษณ์สำคัญของวัด นอกจากนี้วัดระฆังแห่งนี้ยังเป็นที่รู้จักในวงการพระเครื่องในฐานะต้นกำเนิดของ พระสมเด็จวัดระฆัง หนึ่งในพระเครื่องที่ได้รับการยกย่องว่ามีค่าทางจิตใจและพุทธคุณสูงสุด สร้างสรรค์โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) พระเกจิอาจารย์ที่เป็นที่เคารพนับถือในสมัยรัชกาลที่ 4 และ 5 อีกด้วย วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร ให้มากขึ้น เพื่อที่จะได้สัมผัสกับประวัติศาสตร์ ศิลปะ และความสงบในบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยา

วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร

วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร

วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร ที่ตั้งและประวัติความเป็นมา

          วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร หรือที่เรียกกันติดปากว่า วัดระฆัง ตั้งอยู่ในแขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ ติดแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งธนบุรี เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรมหาวิหาร อยู่ในเขตการปกครองคณะสงฆ์มหานิกายภาค 1 เป็นวัดเก่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อ วัดบางหว้าใหญ่ ในสมัยกรุงธนบุรี สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงสร้างพระราชวังใกล้วัดบางหว้าใหญ่ โปรดเกล้าฯ ให้ยกเป็นพระอารามหลวงและเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราช

          ต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและได้ขุดพบระฆังลูกหนึ่งปรากฏมีเสียงไพเราะกังวานมาก จึงโปรดเกล้าฯ ให้นำเก็บไว้ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยสร้างหอระฆังขึ้นพร้อมระฆังอีก 5 ลูก เป็นการทดแทน และได้พระราชทานนามใหม่หลังบูรณะเสร็จเรียบร้อยว่า วัดระฆังโฆสิตาราม

วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร

วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร พระประธานยิ้มรับฟ้า

          ภายในพระอุโบสถของวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหารเป็นที่ประดิษฐาน พระประธานยิ้มรับฟ้า หรือ หลวงพ่อยิ้มรับฟ้า เป็นพระพุทธรูปเนื้อทองสำริด ปางสมาธิ หน้าตักกว้างประมาณ 4 ศอกเศษ เบื้องพระพักตร์มีรูปพระสาวก 3 องค์ นั่งประนมมือดุจรับพระพุทธโอวาท พระประธานองค์นี้ได้รับการยกย่องว่างดงามมาก ซึ่งครั้งหนึ่งในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เคยเสด็จฯ มาพระราชทานผ้ากฐิน และมีพระราชดำรัสว่า “ไปวัดไหนไม่เหมือนมาวัดระฆัง พอเข้าประตูโบสถ์ พระประธานยิ้มรับฟ้าทุกที” ด้วยเหตุนี้จึงทรงถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์นพรัตนราชวราภรณ์ และมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก แด่พระประธานองค์นี้เป็นพิเศษ และพระประธานองค์นี้ก็ได้นามว่า พระประธานยิ้มรับฟ้า ตั้งแต่นั้นมา
วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร

ภาพจาก : MeSamong / Shutterstock.com

โบราณสถานสำคัญในวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร

  • พระอุโบสถ : เป็นทรงแบบรัชกาลที่ 1 หลังคาลด 3 ชั้น มีช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ และคันทวยสลักเสลาอย่างสวยงาม บริเวณมุขด้านหน้าและหลังทำปีกนกคลุมมุขอยู่ในระยะไขราหน้าจั่ว ตอนใต้จั่วหรือหน้าบัน ที่จำหลักลายพระนารายณ์ทรงครุฑ ประดับลายกนกปิดทองอย่างประณีต เจาะเป็นช่องหน้าต่าง 2 ช่อง เหนือประตู-หน้าต่างรอบพระอุโบสถติดกระจังปูนปั้นปิดทองทำเป็นรูปซุ้มบนบานประตู-หน้าต่าง ด้านนอกเขียนลายรดน้ำปิดทองมีรูประฆังเป็นเครื่องหมาย ด้านในเขียนภาพทวารบาลยืนแท่นระบายสีงดงาม บริเวณฝาผนังภายในพระอุโบสถโดยรอบเขียนภาพจิตรกรรมเรื่องราวต่าง ๆ ของพระพุทธเจ้าที่ได้รับการยกย่องว่าฝีมืองดงามมาก โดยผนังด้านหน้าพระประธานเขียนเป็นภาพพระพุทธเจ้าแสดงยมกปาฏิหาริย์ก่อนเสด็จขึ้นไปจำพรรษาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และตอนเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ด้านหลังพระประธานเขียนภาพพระมาลัยขณะขึ้นไปนมัสการพระมหาจุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เบื้องล่างเขียนภาพสัตว์นรกในอาการต่าง ๆ ซึ่งภาพเหล่านี้เขียนโดย พระวรรณวาดวิจิตร (ทอง จารุวิจิตร) จิตรกรเอกในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เมื่อราว พ.ศ. 2465 ครั้งมีการบูรณะซ่อมแซมพระอุโบสถในรัชกาลนั้น

วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร

วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร

ภาพจาก : baekung / Shutterstock.com

วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร

ภาพจาก : napat intaroon / Shutterstock.com

  • พระปรางค์ : สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 โดยทรงมีพระราชศรัทธาสร้างพระปรางค์ พระราชทานร่วมกุศลกับสมเด็จพระพี่นางพระองค์ใหญ่ (สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระเทพสุดาวดี) เป็นพระปรางค์ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระปรางค์ที่ทำถูกแบบแผนที่สุดในประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นพระปรางค์แบบสถาปัตยกรรมรัตนโกสินทร์ยุคต้น ที่มีทรวดทรงงดงามมาก จนยึดถือเป็นแบบฉบับของพระปรางค์ที่สร้างในยุคต่อมา
วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร

  • หอพระไตรปิฎก : ตั้งอยู่ภายในเขตพุทธาวาส ทิศใต้ของพระอุโบสถ เคยเป็นพระตำหนักและหอประทับนั่งของรัชกาลที่ 1 ขณะทรงรับราชการในสมัยธนบุรี เป็นรูปเรือน 3 หลังแฝด หอด้านใต้ลักษณะเป็นหอนอน หอกลางเป็นห้องโถง และหอด้านเหนือเข้าใจว่าเป็นห้องรับแขก ของเดิมเป็นหลังคามุงจาก ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นมุงกระเบื้อง ชายคาเป็นรูปเทพพนมเรียงรายเป็นระยะ ๆ เปลี่ยนฝาสำหรวดไม้ขัดแตะเสียบกระแชงเป็นขัดด้วยหน้ากระดานไม้สักระหว่างลูกสกล ใช้แผ่นกระดานไม้สักเลียบฝาภายในแล้วเขียนรูปภาพต่าง ๆ บานประตูด้านใต้เขียนลายรดน้ำ บานประตูหอกลางด้านตะวันออกแกะเป็นลายกนกวายุภักษ์ ประกอบด้วยกนกเครือเถา บานซุ้มประตูนอกชานแกะเป็นมังกรลายกนกดอกไม้ภายนอกติดคันทวยสวยงาม ภายในมีตู้พระไตรปิฎกขนาดใหญ่เขียนลายรดน้ำ 2 ตู้ ประดิษฐานไว้ในหอด้านเหนือ 1 ตู้ หอด้านใต้ 1 ตู้ 
วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร

ภาพจาก : somdul / Shutterstock.com

วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)

          เมื่อเอ่ยถึงวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร ก็ต้องนึกถึง สมเด็จพระพุฒาจารย์ ซึ่งรู้จักกันดีในนาม สมเด็จโต หรือ หลวงพ่อโต พระเถระผู้แตกฉานในพระไตรปิฎก และทรงคุณทางวิปัสสนาธุระ ที่ได้รับความเคารพนับถืออย่างมากในประเทศไทย ซึ่งท่านเคยดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหารในสมัยรัชกาลที่ 4-5 ซึ่งที่วัดแห่งนี้มีรูปปั้นสมเด็จพระพุฒาจารย์ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะอยุธยา หน้าตักกว้าง 19 เมตร สูง 19 เมตร หล่อด้วยทองสำริด สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง เมื่อปี พ.ศ. 2167
วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร

ภาพจาก : Chirawan Thaiprasansap / Shutterstock.com

          นอกจากนี้ที่วัดแห่งนี้ยังเป็นต้นกำเนิดของ พระสมเด็จวัดระฆัง หรือพระเครื่องรูปพระพุทธเจ้า ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) สร้างขึ้น ลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดกว้างประมาณ 2.5 เซนติเมตร สูงประมาณ 4 เซนติเมตร สีขาว ส่วนประกอบสำคัญในการสร้างคือ ปูนเปลือกหอย ข้าวก้นบาตร ผงวิเศษ 5 ชนิด และน้ำมันตังอิ๊ว ซึ่งสร้างขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2409 ได้รับการยกย่องให้เป็นองค์พระประธานในพระชุดเบญจภาคี หรือสุดยอดชุดพระเครื่องของไทย นับว่าเป็นพระเครื่องยอดนิยมอันดับ 1 ตั้งแต่มีวงการพระเครื่องมา
วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร

บ่อน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร

          นอกจากโบราณสถานที่สำคัญและมีชื่อเสียงของวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหารแล้ว ที่วัดแห่งนี้ยังมี บ่อน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ อายุกว่า 200 ปี สร้างโดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) อยู่บริเวณคณะ 6 โดยสมเด็จโตได้เขียนอักขระลงยันต์แล้วใส่ไว้ก้นบ่อน้ำ เป็นบ่อน้ำที่ไม่มีวันแห้ง มีน้ำซึมเข้ามาตลอดเวลา และท่านเจ้าคุณพระเทพประสิทธิคุณ หลวงพ่อเจ้าอาวาส ได้มีดำริให้บูรณะบ่อน้ำมนต์แห่งนี้ และสร้างให้เป็นที่สวดมนต์ นั่งสมาธิ อีกทั้งยังมีการติดตั้งเครื่องกรองน้ำเพื่อให้สามารถใช้ดื่มกินได้อีกด้วย

วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร ขอพรเรื่องอะไร

          สำหรับการขอพรที่วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร ตามตำนานเล่าต่อกันมาว่า ใครที่อยากมีชื่อเสียง ไม่ว่าจะเป็นด้านการแสดง การร้องเพลง การทำงานศิลปะ หรือการเจรจาค้าขาย ให้มีชื่อเสียงโด่งดังเหมือนระฆัง ต้องมาขอพรที่วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร โดยจุดธูปเพื่อขอพรกับองค์พระประธานที่หน้าโบสถ์ได้เลย

          นอกจากนี้ยังมีผู้คนนิยมมาขอพรหลวงพ่อโตในเรื่องต่าง ๆ มากมาย เช่น
  • ขอพรเรื่องการศึกษา เชื่อกันว่าหากมาขอพรหลวงพ่อโตเรื่องการเรียน จะช่วยให้เรียนหนังสือเก่ง สอบได้คะแนนดี สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ 

  • ขอพรเรื่องหน้าที่การงาน เชื่อกันว่าหากมาขอพรหลวงพ่อโตเรื่องหน้าที่การงาน จะช่วยให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน

  • ขอพรเรื่องความรัก เชื่อกันว่าหากมาขอพรหลวงพ่อโตเรื่องความรัก จะช่วยให้พบรักแท้ คู่รักรักกันยืนยาว

  • ขอพรเรื่องสุขภาพ เชื่อกันว่าหากมาขอพรหลวงพ่อโตเรื่องสุขภาพ จะช่วยให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ มีสุขภาพแข็งแรง

  • ขอพรเรื่องความเจริญรุ่งเรือง เชื่อกันว่าหากมาขอพรหลวงพ่อโตเรื่องความเจริญรุ่งเรือง จะช่วยให้ครอบครัว กิจการ ธุรกิจ มั่นคงและเจริญรุ่งเรือง

วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร

ภาพจาก : Bhaven Jani / Shutterstock.com

บทสวดไหว้หลวงพ่อโต

          นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

          (กราบ 3 ครั้ง)

          พุทธัง สะระนัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระนัง คัจฉามิ สังฆัง สะระนัง คัจฉามิ

          (กราบ 3 ครั้ง)

          อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สะมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ

          (กราบ)

          สวากขาโต ภะคะวาตา ธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีโต โลกวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ

          (กราบ)

          สุปฏิปันโน ภะคะวา สาวกสังโฆ อุชุปฏิปันโน ภะคะวา สาวกสังโฆ ญายะปฏิปันโน ภะคะวา สาวกสังโฆ สามีจิปฏิปันโน ภะคะวา สาวกสังโฆ ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะปุริสะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวกสังโฆ อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเนยโย อัญชะลีกะระโณ อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ

          (กราบ)

คำถวายเครื่องสักการะ

          ข้าพระพุทธเจ้า ขอถวายเครื่องสักการะแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ใดเป็นองค์พระประธานในพระอุโบสถนี้
          (กราบ)

คำอธิษฐานขอพร

          ข้าพระพุทธเจ้า ขอตั้งจิตอธิษฐาน ถวายเครื่องสักการะแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอพระองค์โปรดประทานพรให้แก่ข้าพระพุทธเจ้าและครอบครัว ให้มีความสุขความเจริญ ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ปราศจากทุกข์โศกโรคภัย ประสบแต่ความสุขความเจริญตลอดไปเทอญ
          (กราบ)

วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร การเดินทาง

          วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00-18.00 น. สำหรับการเดินทางสามารถเลือกได้หลากหลายวิธี ดังนี้
  • โดยรถยนต์ : ตั้ง GPS ไปที่ วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร แต่เนื่องจากวัดตั้งอยู่ในซอยเล็ก ๆ ริมเจ้าพระยา มีที่จอดรถจำกัด การเดินทางโดยวิธีนี้จึงอาจจะไม่ค่อยสะดวกนัก
  • โดยเรือด่วนเจ้าพระยา : ลงที่ท่าเรือพรานนก (วังหลัง) จากนั้นเดินต่อมายังวัดประมาณ 500 เมตร หรือจะลงที่ท่าเรือท่าช้าง (เฉพาะเรือธงเขียว ธงส้ม และธงเหลือง) และต่อเรือข้ามฟากมายังวัด
  • โดยรถโดยสารประจำทาง : มีหลายสายที่จอดป้ายวัดระฆัง เช่น สาย 57 (ตลิ่งชัน - วงเวียนใหญ่), 208 (ตลิ่งชัน - อรุณอมรินทร์ - ราชพฤกษ์) หรือจะลงที่ป้ายท่าช้าง แล้วต่อเรือข้ามฟากมายังวัด เช่น สาย 32 (ปากเกร็ด - วัดโพธิ์), 44 (แฮปปี้แลนด์ - ท่าเตียน), 47 (ท่าเรือคลองเตย - กรมที่ดิน), 53 (เทเวศร์ - สนามหลวง), 64 (นนทบุรี - สนามหลวง), 503 (รังสิต - สนามหลวง), 524 (หลักสี่ - สายใต้ใหม่) และลงที่ป้ายโรงพยาบาลศิริราช จากนั้นเดินหรือนั่งรถโดยสารมายังวัดประมาณ 600 เมตร เช่น สาย 81 (สะพานปิ่นเกล้า - อ้อมน้อย), 91 (สนามหลวง - หมู่บ้านเศรษฐกิจ), 91ก (สนามหลวง 2 - สนามหลวง), 149 (พุทธมณฑลสาย 2 - เอกมัย) เป็นต้น 

  • โดยรถไฟฟ้า MRT : ลงสถานีสนามไชย จากนั้นเดินหรือนั่งรถโดยสารมายังท่าช้างประมาณ 1.5 กิโลเมตร และต่อเรือข้ามฟากมายังวัด
วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร

ภาพจาก : amnat30 / Shutterstock.com

          วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร เป็นวัดเก่าแก่ที่อยู่คู่ฝั่งธนบุรีมาอย่างยาวนาน ครั้งหนึ่งวัดแห่งนี้เคยเป็นที่จำพรรษาของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต (โต พรหมรังสี) จึงทำให้มีพุทธศาสนิกชนนิยมเข้ามากราบสักการะขอพรตลอดทั้งปี โดยเฉพาะการขอพรเรื่องงานให้สมหวัง นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่าหากใครมีโอกาสเดินทางมาวัดแห่งนี้แล้ว ยังได้รับอานิสงส์ช่วยให้มีชื่อเสียงโด่งดังเหมือนระฆังที่เป็นชื่อของวัดอีกด้วย
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง

บทความ ไหว้พระวัดในกรุงเทพฯ อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร วัดขึ้นชื่อในกรุงเทพฯ สวยงามริมเจ้าพระยา อัปเดตล่าสุด 15 ตุลาคม 2567 เวลา 23:57:00 17,167 อ่าน
TOP
x close