ตะลุยภูเก็ต ตอนที่ 1 (ขับรถกินลม ตะลอนชมรอบเมือง) (e-magazine)
เมื่อช่วงพรรษามาเยี่ยมเยือน แน่นอนว่าชาวพุทธหลายคนคงมีโอกาสได้ออกจากบ้าน แล้วไปร่วมงานอุปสมบท ซึ่งไม่ว่าจะใกล้หรือไกลเราก็พร้อมยิ้มรับ และไม่เคยปริปากบ่น ยิ่งได้ไปที่จังหวัดไกล ๆ ด้วยแล้ว ต้องบอกเลยว่า เหมือนได้โชคสองชั้น เพราะทั้งเที่ยวทั้งทำบุญ โอ้ยยย…ความสุขเริ่มมาเยือน
สำหรับการเดินทางไปร่วมงานบุญงานกุศลในครั้งนี้ พวกเราได้ไปกันไกลถึงจังหวัด "ภูเก็ต" โดยออกสตาร์ทด้วยเรือบินลำใหญ่จากเมืองหลวง ที่แล่นมาลงจอดในท่าอากาศยานนานาชาติของภูเก็ต ซึ่งถ้าคุณมีโอกาสบินในช่วงหัวค่ำเช่นเรา ขอบอกเลยว่า จงเพ่งดูวิวสวย ๆ จากบนฟากฟ้ากันให้ดี เพราะแสงไฟในยามค่ำคืนที่จังหวัดภูเก็ตช่างสวยงามและระยิบระยับ สมกับเป็นหนึ่งของเมืองท่องเที่ยวที่ชาวต่างชาติต้องยอมซูฮก
หลังจากข้ามน้ำข้ามทะเลมาไกลและได้นอนหลับพักผ่อนเพื่อชาร์ตแรงกาย เช้าวันรุ่งก็ถึงคิวของ "เสี่ยวโบ๋ย" อาหารเช้าของคนภูเก็ต ที่รับรองเลยว่า ถ้าได้ชิมแล้วก็ต้องติดใจกับรสชาติอันหลากหลาย ซึ่งเมื่อก้นหย่อนลงเก้าอี้ เด็กเสิร์ฟหน้าตาสะสวย ก็จะยกบรรดาติ่มซำหลากชนิดเป็นสิบ ๆ ถ้วยมาวางบนโต๊ะทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครเรียกหาเมนู โดยเจ้าถิ่นได้บอกกับเราว่า ถ้าไม่กินก็ตั้งทิ้งไว้ ไม่มีคิดเงินแน่นอน
สำหรับติ่มซำของคนภูเก็ตเขา จะไม่รับประทานคู่กับจิ๊กโฉ่วอย่างที่เรา ๆ คุ้นเคย เพราะคนที่นี่มีน้ำจิ้มรสเด็ดก็ตรงที่แซมความหวานนิดเปรี้ยวหน่อย คล้ายซอสพริกตามร้านฟาสต์ฟู้ดมาเป็นซอสจิ้ม ซึ่งถ้าจะให้สมบูรณ์แบบ อย่าลืมตะโกนสั่ง "หมี่สั่ว" อีกหนึ่งเมนูเด็ดที่มีรสชาติกลมกล่อม หมี่เส้นขาวบาง ๆ น้ำซุปกระดูกหมูหอม ๆ โรยหน้าด้วยขิงซอยและต้นหอม แถมท้ายอีกนิดกับไข่ลวกนิ่ม ๆ แหม…นึกแล้วอยากกลับไปกินอีกรอบ
เติมแรงกันจนหนังท้องเริ่มตึงแล้ว ก็ถึงคงเวลาที่จะออกตระเวนรอบเกาะ เพื่อเสพความงามของเมืองแห่งขุนเขาและท้องทะเล โดยการเดินทางสำหรับผู้ที่ไม่ได้เช่ารถ เราขอแนะนำให้เหมารถสองแถว หรือที่คนท้องถิ่นเรียกว่า "โพท้อง" ในราคา 1,500 บาท ซึ่งอาจจะแพงไปสักนิด แต่ถ้าจะให้ดีแบบเซฟสุด ๆ ลองมองหาคนรู้จัก แล้วให้ขับรถพาเที่ยวจะช่วยประหยัดเงินไว้มาก
การขับรถชมหาดของภูเก็ต ต้องบอกเลยว่า อาจทำให้คุณงงซักนิด เพราะถนนหนทางที่นี่ค่อนข้างซับซ้อน ซอยเล็กซอยน้อยเลี้ยวไปมาหาสู่กันได้หมด จนแม้แต่คนท้องถิ่นยังออกตัวเลยว่า ขับยาก! แต่รับรองเลยว่าไม่มีหลง เนื่องจากถนนเกือบทุกเส้นวกกลับมาหากันอย่างมึน ๆ
หาดแรกที่เราไปเยี่ยมชมคือ "หาดกมลา" ที่นับว่าไม่ยาวมากนัก เต็มที่ก็ราว ๆ 2 กิโลเมตร โดยทรายของหาดแห่งนี้ อาจไม่ละเอียดและขาวเนียนอย่างที่คนกรุงคาดไว้ ส่วนความสวยงามของน้ำทะเลจัดว่ายังไม่จับจิต เพราะคลื่นลมที่แรงบวกกับเศษขยะจากมือนักท่องเที่ยว ทำให้ธรรมชาติของกมลาหดลดลงชนิดที่ว่าเรายังต้องใจหาย จนในที่สุดไม่มีใครสักคนลงจากรถไปสัมผัสกับหาดแห่งนี้ แต่กระนั้นเลยเกลียวคลื่นก็ยังอุตส่าห์พัดกระเซ็นน้ำเค็ม ๆ และทรายให้มาฟาดลงบนรถกระบะของเราอยู่ดี
ขับรถเลาะเลี้ยวอีกไม่นานก็มาถึง "หาดกะตะ" ที่ดูเหมือนความงามและความเกลี้ยวกลาดจะไม่ดุดันเท่ากับ หาดกมลา โดยหาดแห่งนี้เหมาะสำหรับลงเล่นน้ำ และยังถูกใช้เป็นสถานที่ฝึกดำน้ำ ซึ่งเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวกอย่าง โรงแรม บังกะโล ร้านอาหารต่างก็เรียงแถวเปิดกันให้รึ่ม!
ขับรถกินลมต่อมาอีกหน่อย ก็ถึงคิวของ "หาดกะรน" ที่ดูจะได้รับความนิยมมากกว่า 2 หาดที่เราได้ไปโฉบมา โดยหาดแห่งนี้นับว่าเป็นชายหาดที่ยาวที่สุดในเกาะภูเก็ต แถมยังมีทรายเม็ดขาวละเอียดดุจคอฟฟี่เมต แต่อย่าหวังว่าคุณจะได้ใส่บิกินี่แล้วเดินลงน้ำได้อย่างสบายใจเฉิบ เพราะที่นี่มีลมแรง คลื่นแต่ละลูกที่พัดเข้าฝั่งจึงสูงและดูสยอง จนสามารถเห็นป้ายห้ามลงเล่นน้ำกับธงแดงปลิวไสว เป็นสัญลักษณ์ของความอันตราย แต่กระนั้นเลยก็ยังมีพวกฝรั่งมังค่า ที่ไม่สนคำเตือนออกไปแหวกว่ายท้าทายมฤตยู ซึ่งการกระทำเช่นนี้ คุณหนู ๆ ขาซ่าไม่ควรทำตามเด็ดขาด เพราะชาวบ้านแถวนั้นบอกมาว่า คลื่นอาจซัดคุณออกจากฝั่ง หลังจากนั้นตอนจบจะเป็นอย่างไรก็ลองคิดดูกันเอาเอง
ดื่มด่ำกับชายหาดไปหลายแห่งแล้ว ก็ถึงเวลาตบเกียร์ต่ำแล้วไต่เขาให้สูงขึ้นอีกนิด เพื่อพบกับจุดชมวิวสวย ๆ ของ "กะรนวิวพอยน์" ที่เป็นเนินสูงให้คุณได้พบกับภาพความงามของสามอ่าว อย่าง อ่าวกะตะน้อย อ่าวกะตะ และอ่าวกะรน ที่มีรูปร่างเป็นพระจันทร์เสี้ยวติดต่อกันทั้งสามอ่าว ซึ่งเวลามองลงไปจะรับรู้ได้ถึงความเวิ้งว้างของท้องฟ้า และท้องทะเลที่กว้างใหญ่ เพียงยืนกางแขนให้สุดแล้วเชิดหน้าขึ้นนิด ๆ สายลมเย็น ๆ กับกลิ่นทะเลหอม ๆ จะโถมเข้า ได้อารมณ์เหมือนกำลังร่องลอยอยู่บนสรวงสวรรค์ จุดนี้บอกเลยว่า คลาสสิกสุด ๆ
นอกจากชมวิวสวย ๆ แล้ว คุณยังสามารถได้ยินเสียงเพลงเร็กเก้เบา ๆ ของศิลปินผู้ยิ่งใหญ่อย่าง "บ็อบ มาร์เลย์" ที่ดังมาจากวิทยุเครื่องเล็กของ 2 หนุ่มถัดเดทร็อค ที่เปิดแผงขายสร้อยลูกปัด หมวกถัก และเครื่องหนัง ที่คอยยิ้มแย้มและสร้างบรรยากาศในการชมวิวให้ดียิ่งขึ้น
มากันต่อที่ไฮไลท์ของงานอย่าง "หาดป่าตอง" ที่ได้รับความนิยมอย่างคับคั่งทั้งจากชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งหาดแห่งนี้โดดเด่นที่เกลียวคลื่นสูง ๆ จนทำให้นักท่องเที่ยวจากแดกแดนไกล ยังต้องคว้าเซิร์ฟบอร์ดมาโต้คลื่นกันอยู่เป็นประจำ ส่วนเรื่องของร้านรวงริมหาด ก็แทบจะขึ้นชื่อว่าเป็นพัทยาสองเลยก็ว่าได้ เพราะทั้งผับ บาร์ โรงแรม ร้านอาหารซีฟู้ด หรือแม้แต่ห้างสรรพสินค้า ก็พร้อมใจกันเบียดเต็มสองข้างทาง ซึ่งบรรยากาศเช่นนี้ดูจะเหมาะกับมนุษย์กลางคืน ผู้ชื่นชอบออกมาระเริงแสงสีในยามค่ำคืน
ยิ่งได้ขับรถวนตามตรอกซอกซอยต่าง ๆ ของป่าตอง ความรู้สึกอยากสลัดชุดรำลองออก แล้วคว้าเสื้อผ้าสีจี๊ดๆ กับอีกมือหนึ่งถือกระป๋องเครื่องดื่มเย็นๆ เดินจิบชิลๆ ตามท้องถนนก็พุ่งขึ้นมาในหัวทันที แต่ก็อย่างว่าแหละทริปนี้เรามางานบุญ ดังนั้น ขอแค่มองแสงไฟสวยๆ ที่วิววับอยู่ข้างทางก็อิ่มอกอิ่มใจเกินพอแล้ว และสำหรับผู้ที่หลงใหลในการถ่ายภาพ นี่คือช่วงเวลาที่คุณจะได้เก็บสีสันแสบ ๆ เฟี๊ยว ๆ ของแสงไฟที่ดูเหมือนจะวิ่งไปมาอยู่รอบตัว ซึ่งช็อตเด็ดก็คงหนีไม่พ้นภาพของสาวงามจากต่างแดน ในชุดเซ็กซี่ที่บอกได้คำเดียวว่าห้ามพลาด
สำหรับ 2 ข้างทางในการขับรถท่องเที่ยวไปมาตามชายหาดต่าง ๆ คุณจะรับรู้ได้ถึงความสวยงามในแบบของเมืองภูเก็ต ที่ตลอดเส้นทางจะเป็นถนนค่อนข้างขดเคี้ยวและลาดชัน เหมือนน้อง ๆ ทางขึ้นเชียงราย ซึ่งงานนี้การเปิดกระจกรถแล้วปล่อยให้สายลมกับอากาศบริสุทธิ์ เข้าปะทะกับผิวกายและใบหน้า จะช่วยให้ความรู้เหนื่อยล้าจากวันทำงานจางหายไปได้
วิวทิวทัศน์ของเมืองภูเก็ตจะไม่เหมือนกับหลาย ๆ จังหวัดในภาคใต้ประเทศไทย เพราะที่นี่เขามีร้านขายเฟอร์นิเจอร์สวย ๆ ผุดขึ้นตลอดทาง จนเราเองยังแอบนึกในใจเลยว่า ควรจะตั้งฉายาให้กับจังหวัดแห่งนี้ว่า เป็นอาณาจักรแห่งการตกแต่ง เนื่องจากผลพลอยได้ของการเป็นเมืองท่องเที่ยว จึงทำให้มีทั้งบ้านและคอนโดเกิดใหม่ในหลาย ๆ เขต ดังนั้น ถ้าจะขายชาวต่างชาติมันก็ต้องงัดกันด้วยดีไซน์ และนี่เองคือคำตอบที่ว่า ทำไมภูเก็ตถึงมากด้วยร้านเฟอร์นิเจอร์สุดชิค
ตบท้ายทริปเบา ๆ ก่อนเข้าที่พักด้วยการเยือน อ่าวฉลอง ซึ่งมีท่าเรือยาว ๆ ไว้จอดเรือยอร์ทและเรือประมง ซึ่งถ้าไปจุดนี้แล้วมองออกไปทางน่านน้ำ คุณจะได้เห็นเรือยอร์ททั้งเล็กและใหญ่ทอดสมอลอยเต่งกันเต็มไปหมด ขณะเดียวกันก็จะมีนักท่องเที่ยวเดินขวักไขว่ จนแทบไม่เชื่อสายตาเลยว่า กำลังยืนอยู่บนผืนแผ่นดินไทย เพราะบรรยากาศรอบตัวดูจะโกอินเตอร์ซะเหลือเกิน
หากคุณมีโอกาสได้ไปเยี่ยมเยือนที่จังหวัดภูเก็ต การเริ่มต้นทริปด้วยการตระเวนดูชายหาด และวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นไปรอบ ๆ เกาะ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งประสบการที่น่าสนใจ และคลายความเหนื่อยล้าได้ไม่น้อย ซึ่งการนั่งรถในครั้งนี้จะทำให้คุณรู้ว่า การนั่งแช่อยู่บนรถก็สามารถตรงกับคอนเซ็ปต์ "กอดเมืองไทย ให้หายเหนื่อย" ได้เหมือนกัน
ลิขสิทธิ์บทความของ e-magazine.info
ติดตามบทความ ท่องเที่ยว หรืออ่าน แมกกาซีน