แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวประเทศโครเอเชีย พร้อมทั้งแนบเกร็ดเรื่องราวน่ารู้และข้อมูลท่องเที่ยวเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับประเทศโครเอเชีย อีกหนึ่งประเทศน่าท่องเที่ยวของยุโรป ซึ่งครบครันไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติและวัฒนธรรม
โครเอเชีย เสี้ยวพระจันทร์แห่งยุโรป
ประเทศโครเอเชีย ตั้งอยู่ในโซนยุโรปกลาง มีรูปร่างประเทศคล้ายกับเสี้ยวพระจันทร์ ทางด้านทิศตะวันตกจะติดกับทะเลเอเดรียติก ทางด้านเหนือติดกับประเทศสโลวีเนีย ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือติดกับประเทศฮังการี ทางด้านทิศตะวันออกติดกับประเทศเซอร์เบียร์ ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ติดกับประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา และประเทศมอนเตเนโกร
![เที่ยวโครเอเชีย เที่ยวโครเอเชีย]()
ประเทศที่มีแผ่นดินใหญ่แบ่งออกเป็นสองส่วน
ถ้าดูแผนที่ของโครเอเชียในมุมกว้าง ก็จะเห็นว่าประเทศแห่งนี้นั้นมีปลายเสี้ยวพระจันทร์ยาวลงไปจนถึงชายฝั่งประเทศมอนเตเนโกร แต่ถ้าซูมดูใกล้ ๆ กลับกลายเป็นว่าประเทศโครเอเชียถูกแยกเป็น 2 ส่วน ด้วยชายฝั่งสั้น ๆ ของประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาที่เมือง Neum ทำให้ส่วนปลายเสี้ยวพระจันทร์ของโครเอเชียที่มีเมืองสวยสะกดใจอย่างดูบรอฟนีก (Dubrovnik) ถูกตัดออกไปจากแผ่นดินใหญ่
ซาเกร็บ ศูนย์กลางความมั่งคั่งของโครเอเชีย
ซาเกร็บ (Zagreb) เมืองหลวงและเมืองสำคัญของโครเอเชียมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาทางใต้ของภูเขา Medvednica เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ดีมาก ๆ ด้วยอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของที่ราบแพนโนเนีย ซึ่งสะดวกมาก ๆ ในการติดต่อค้าขายหรือเดินทางไปยังภูมิภาคแพนโนเนีย เทือกเขาแอลป์ เทือกเขาไดนาริกแอลป์ และทะเลเอเดรียติก
และแน่นอนว่าปัจจุบันเมืองซาเกร็บก็กลายเป็นเมืองที่มั่งคั่งทั้งเศรษฐกิจและวัฒนธรรม เป็นศูนย์กลางการศึกษา การท่องเที่ยว การเงิน การขนส่ง อุตสาหกรรม และวิทยาศาสตร์ที่สำคัญของโครเอเชีย พร้อมทั้งยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปด้วย เพราะมีส่วนของทั้งเมืองเก่าและเมืองใหม่ ที่สามารถผนวกอยู่ด้วยกันได้อย่างลงตัว
![เที่ยวโครเอเชีย เที่ยวโครเอเชีย]()
วัฒนธรรมของชาวโครเอเชีย
ด้วยความที่ประเทศโครเอเชียมีอาณาเขตติดต่อกับหลายประเทศและมีภูมิประเทศที่แตกต่างกัน ทำให้มีวัฒนธรรมที่หลากหลาย มีภาษาโครเอเชียเป็นภาษาราชการ นอกจากนี้ก็มีภาษาอื่นด้วย เช่น ภาษาเช็ก ภาษาฮังการี ภาษาอิตาลี ภาษาเซอร์เบีย และภาษาสโลวัก อย่างไรก็ตามชาวโครเอเชียรุ่นใหม่ก็สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างดี
อาหารพื้นเมืองของชาวโครเอเชียนั้น ก็มีความแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค แต่ก็ไม่ได้แตกต่างจากอาหารยุโรปทั่วไปเท่าไรนัก ยังคงเน้นที่เนื้อสัตว์ แป้ง ขนมปัง ซุป แต่จะมีอาหารทะเลเข้ามาเสริม เพราะพื้นที่ส่วนหนึ่งนั้นก็อยู่ติดกับทะเลเอเดรียติก อาหารพื้นเมืองที่น่าลิ้มลอง อาทิ Crni rizot, Zagorski Strukli, Pasticada s njokima, Hobotnica ispod peke, Skampi na Buzaru, Manestra, Soparnik, Sarma เป็นต้น
นอกจากนี้ใครที่ชอบนั่งร้านกาแฟ จะต้องถูกใจแน่นอน เพราะในเมืองสำคัญ ๆ ของโครเอเชีย จะมีร้านกาแฟสไตล์ Sidewalk Cafe เยอะมาก เป็นเอกลักษณ์ของโครเอเชียเลยก็ว่าได้ นั่งจิบกาแฟอุ่น ๆ อร่อย ๆ ท่ามกลางบรรยากาศสบาย ๆ แบบยุโรป ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวโครเอเชียเลยล่ะ
สถานที่ท่องเที่ยวโครเอเชีย
การไปเที่ยวประเทศโครเอเชีย สำหรับผู้ที่ถือหนังสือเดินทางประเทศไทยจะต้องยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยวโครเอเชียกับสถานทูตโครเอเชียที่ประเทศอินโดนีเซีย โดยจะต้องยื่นเอกสารให้สถานกงสุลโครเอเชียในประเทศไทยก่อน ผ่านเอเจนซี่อย่าง VFS หรือถ้าหากมีแผนเดินทางไปเที่ยวประเทศอื่น ๆ ในยุโรปด้วย (ซึ่งจะต้องอยู่ประเทศนั้น ๆ นานกว่าประเทศโครเอเชีย) ก็สามารถขอวีซ่าเชงเก้นแบบ Multiple-entry Visa กับ 1 ในประเทศที่อยู่นานที่สุด และใช้วีซ่าเชงเก้นเข้าโครเอเชีย
ประเทศโครเอเชียยังคงใช้เงินสกุลคูนา (Kuna) มีใช้เงินยูโรบ้างในร้านอาหาร ร้านค้า หรือโรงแรม ในประเทศไทยก็ยังหาแลกเงินคูนาได้ยาก เพราะฉะนั้นควรแลกเป็นเงินยูโรไว้ก่อนแล้วค่อยไปแลกเงินคูนาที่สนามบินของประเทศโครเอเชีย
ช่วงเวลาที่น่าเที่ยวของโครเอเชีย จริง ๆ แล้วโครเอเชียน่าเที่ยวตลอดทั้งปี เพราะมีภูมิประเทศหลากหลายแบบ ช่วงเดือนมีนาคม-มิถุนายน อากาศก็กำลังเย็นสบาย อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10-15 องศาเซลเซียส ส่วนหน้าร้อนจะเริ่มราว ๆ เดือนพฤษภาคมไปจนถึงต้นเดือนกันยายน ช่วงนี้ท้องทะเลจะสวยงามมาก ๆ และก็จะคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมายจากทั่วโลก ถ้าอยากชมใบไม้เปลี่ยนสีก็ต้องราว ๆ ปลายเดือนสิงหาคมจนถึงเดือนตุลาคม และถ้าใครอยากสัมผัสหิมะ และบรรยากาศสวย ๆ ช่วงหน้าหนาว พร้อมทั้งคริสต์มาสมาร์เกตก็ควรไปเที่ยวโครเอเชียประมาณเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์
7 อันดับที่เที่ยวโครเอเชียห้ามพลาด
1. Dubrovnik Old Town
แลนด์มาร์กที่สำคัญของประเทศโครเอเชีย ตั้งอยู่ริมชายฝั่งตะวันออกของทะเลเอเดรียติก ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ถือว่าเป็นเมืองท่าและเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในแถบเมดิเตอร์เรเนียนเลยทีเดียว เมืองเก่าดูบรอฟนีกโดดเด่นด้วยบ้านเรือนสไตล์โกธิค เรเนซองส์ และบาโรก ซึ่งตั้งอย่างสง่างามริมทะเลเอเดรียติก มีทั้งโบสถ์ ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก พิพิธภัณฑ์ แกลเลอรี จุดชมวิว เป็นความงดงามที่ได้มาเป็นโลเคชั่นถ่ายทำภาพยนตร์โด่งดังหลายเรื่อง หนึ่งในนั้นก็คือ Game of Thrones ความสวยงามของที่นี่ได้รับฉายาว่าเป็น "ไข่มุกแห่งทะเลเอเดรียติก" เลยล่ะ และยังได้รับการจดบันทึกให้เป็นเมืองมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1979
2. Plitvice National Park
ตั้งอยู่ทางภาคกลางของประเทศโครเอเชีย ซึ่งใกล้กับชายแดนประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 296 ตารางกิโลเมตร ความน่าสนใจของที่นี่ก็คือ น้ำตกและทะเลสาบสุดอลังการ ซึ่งน้ำในทะเลสาบจะมีสีเขียวมรกตใส รายล้อมไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ มีน้ำตกขนาดใหญ่ให้ได้ชมหลายจุด และที่ห้ามพลาดก็คือ การเดินบนสะพานไม้ที่ทอดยาวผ่านน้ำตกกว้างใหญ่ พร้อมแนวหน้าผาสูงชัน สวยสะกดใจ ต้องไปสัมผัสกันสักครั้ง ซึ่งที่นี่ก็ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1979 ด้วยเช่นกัน
![เที่ยวโครเอเชีย เที่ยวโครเอเชีย]()
![เที่ยวโครเอเชีย เที่ยวโครเอเชีย]()
3. Zagreb
เมืองหลวงที่น่าเที่ยวมากที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป ด้วยมีการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมเก่าและใหม่ให้เข้ากันได้อย่างลงตัว ภายในเมืองซาเกร็บนอกจากจะเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ แล้ว ก็ยังจะมีพิพิธภัณฑ์ แกลเลอรี โบสถ์เก่า สถานที่ประวัติศาสตร์ ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟเก๋ ๆ ตลาดท้องถิ่น ให้ได้ไปเดินเที่ยวชมเพียบ ที่เที่ยวที่ห้ามพลาดในเมืองซาเกร็บ อาทิ St. Mark’s Church, St. Stephen\'s Cathedral, The Museum of Mimara, Maksimir Park และ Zagreb Botanical Garden เป็นต้น
![เที่ยวโครเอเชีย เที่ยวโครเอเชีย]()
4. Diocletian\'s Palace and Split Town
พระราชวังไดโอคลีเชียน ตั้งอยู่ในเมืองริมทะเลอย่างเมืองสปลิท เป็นพระราชวังเก่าแก่ที่สร้างขึ้นโดยจักรพรรดิไดโอคลีเชียน ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 4 อายุกว่าพันปี ซึ่งมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามในสไตล์โรมัน ครอบคลุมพื้นที่ราว ๆ 30,000 ตารางเมตร มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีทาวเวอร์อยู่ทั้ง 4 มุม ประตูทางเข้า-ออกทั้ง 4 ฝั่ง ความสวยงามของที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ. 1979
ทั้งนี้ ในส่วนของเมืองสปลิท ก็เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีบรรยากาศสบาย ๆ เป็นเมืองตากอากาศริมทะเลสุดเงียบสงบ บ้านเรือนต่าง ๆ ก็ยังเป็นสไตล์ดั้งเดิม มีร้านค้า ร้านอาหารบรรยากาศดีให้เลือกนั่งพักผ่อนชิล ๆ ไม่น้อย อีกทั้งยังมีร้านขายของที่ระลึกแบบดั้งเดิมให้เดินดูของที่ระลึกกันแบบเพลิน ๆ บอกเลยว่าไม่ควรพลาด
5. Cathedral of St. James
สถานที่ที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 2000 อาสนวิหารแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมือง Sibenik ก่อตั้งในระหว่างปี ค.ศ. 1431-1535 มีสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างแบบโกธิคและเรเนซองส์ สร้างด้วยหิน มีโดมใหญ่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น ตกแต่งทั้งภายนอกและภายในอย่างสวยงาม ทุกสิ่งล้วนแต่เป็นวัสดุดั้งเดิมที่ใช้สร้างเมื่อ 500 ปีที่แล้ว ที่นี่จึงควรค่าแก่การไปเยี่ยมชมอย่างยิ่ง
6. Hvar Town
ตั้งอยู่บนเกาะเล็ก ๆ ทางชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศโครเอเชีย ที่นี่เป็นอีกหนึ่งเมืองท่าที่สวยงาม ตัวเมืองเก่าไม่ใหญ่มากนัก แต่ก็มีเสน่ห์ไม่น้อยเลยทีเดียว ด้วยบ้านเรือนน้อยใหญ่ในสไตล์ดั้งเดิมสีสันส้มสว่างซึ่งตั้งเรียงรายลดหลั่นกันไปตามแนวภูเขาริมฝั่งทะเล มีร้านค้า ร้านอาหาร พิพิธภัณฑ์ แกลเลอรี ให้ได้เที่ยวชมมากมาย หรือใครอยากจะนั่งชมวิวทะเลกว้างใหญ่ริมท่าเรือ บรรยากาศก็โรแมนติกไม่เบาเหมือนกัน และยังมีชายหาดเล็ก ๆ ให้ได้ไปสนุกสนานกับท้องทะเลสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ใสด้วย
![เที่ยวโครเอเชีย เที่ยวโครเอเชีย]()
7. Trogir
ตั้งอยู่ริมทะเลเอเดรียติกทางชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศโครเอเชีย ไม่ไกลจากเมืองสปลิท เป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1997 ด้วยเช่นกัน ความโดดเด่นของเมืองนี้ ก็คือ บ้านเรือนเก่าแก่สไตล์กรีก-โรมัน ซึ่งสร้างด้วยอิฐ มีหลังคาเป็นสีส้มเป็นเอกลักษณ์ พร้อมทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์หลงเหลืออยู่หลายแห่ง สามารถเดินเล่นชมบ้านเรือนเก่าแก่ ไปพร้อม ๆ กับชมวิวท้องทะเลกว้างใหญ่ได้อีกด้วย
อื้อหือ เห็นสถานที่ท่องเที่ยวประเทศโครเอเชียแล้ว ก็ต้องเก็บเข้าลิสต์ที่เที่ยวในฝันแล้วล่ะ ไม่คิดว่าประเทศนี้จะมีอะไรดี ๆ รออยู่เยอะขนาดนี้จริง ๆ และยังได้ยินแว่ว ๆ มาว่าประเทศนี้ค่าครองชีพไม่สูงเหมือนบางประเทศในยุโรปด้วยนะ ว้าว...แบบนี้ต้องรีบหาเวลาจัดทริปเสียแล้ว :)
ขอบคุณข้อมูลจาก
croatia.hr, mvep.hr, vfsglobal.com, unesco.org, dubrovnik-travel.net, plitvice-lakes.info, zagreb.com, visitsplit.com, diocletianspalace.org, unesco.org, split-excursions.com
โครเอเชีย (Croatia) ประเทศที่คนไทยไม่ค่อยคุ้นหูมากนัก
แต่เชื่อว่าก็มีคนรู้จักไม่น้อย เพราะเป็น 1 ในประเทศสวย ๆ ของยุโรป
และเพื่อทำให้รู้จักกับประเทศนี้มากยิ่งขึ้น
วันนี้เราจึงได้รวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ โครเอเชียมาฝากกันค่ะ
พร้อมทั้งแนบรายละเอียดที่น่าสนใจของประเทศโครเอเชียมาฝากกันด้วย
เผื่อใครที่กำลังอยากหาที่เที่ยวต่างประเทศใหม่ ๆ
จะได้นำไปเป็นข้อมูลท่องเที่ยวได้ด้วยค่ะ งั้นอย่ารอช้า
ไปทำความรู้จักกับโครเอเชียกันดีกว่า :)

โครเอเชีย เสี้ยวพระจันทร์แห่งยุโรป
ประเทศโครเอเชีย ตั้งอยู่ในโซนยุโรปกลาง มีรูปร่างประเทศคล้ายกับเสี้ยวพระจันทร์ ทางด้านทิศตะวันตกจะติดกับทะเลเอเดรียติก ทางด้านเหนือติดกับประเทศสโลวีเนีย ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือติดกับประเทศฮังการี ทางด้านทิศตะวันออกติดกับประเทศเซอร์เบียร์ ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ติดกับประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา และประเทศมอนเตเนโกร

ประเทศที่มีแผ่นดินใหญ่แบ่งออกเป็นสองส่วน
ถ้าดูแผนที่ของโครเอเชียในมุมกว้าง ก็จะเห็นว่าประเทศแห่งนี้นั้นมีปลายเสี้ยวพระจันทร์ยาวลงไปจนถึงชายฝั่งประเทศมอนเตเนโกร แต่ถ้าซูมดูใกล้ ๆ กลับกลายเป็นว่าประเทศโครเอเชียถูกแยกเป็น 2 ส่วน ด้วยชายฝั่งสั้น ๆ ของประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาที่เมือง Neum ทำให้ส่วนปลายเสี้ยวพระจันทร์ของโครเอเชียที่มีเมืองสวยสะกดใจอย่างดูบรอฟนีก (Dubrovnik) ถูกตัดออกไปจากแผ่นดินใหญ่

ซาเกร็บ ศูนย์กลางความมั่งคั่งของโครเอเชีย
ซาเกร็บ (Zagreb) เมืองหลวงและเมืองสำคัญของโครเอเชียมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาทางใต้ของภูเขา Medvednica เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ดีมาก ๆ ด้วยอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของที่ราบแพนโนเนีย ซึ่งสะดวกมาก ๆ ในการติดต่อค้าขายหรือเดินทางไปยังภูมิภาคแพนโนเนีย เทือกเขาแอลป์ เทือกเขาไดนาริกแอลป์ และทะเลเอเดรียติก
และแน่นอนว่าปัจจุบันเมืองซาเกร็บก็กลายเป็นเมืองที่มั่งคั่งทั้งเศรษฐกิจและวัฒนธรรม เป็นศูนย์กลางการศึกษา การท่องเที่ยว การเงิน การขนส่ง อุตสาหกรรม และวิทยาศาสตร์ที่สำคัญของโครเอเชีย พร้อมทั้งยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปด้วย เพราะมีส่วนของทั้งเมืองเก่าและเมืองใหม่ ที่สามารถผนวกอยู่ด้วยกันได้อย่างลงตัว

ภาพจาก Stjepan Tafra / Shutterstock.com
วัฒนธรรมของชาวโครเอเชีย
ด้วยความที่ประเทศโครเอเชียมีอาณาเขตติดต่อกับหลายประเทศและมีภูมิประเทศที่แตกต่างกัน ทำให้มีวัฒนธรรมที่หลากหลาย มีภาษาโครเอเชียเป็นภาษาราชการ นอกจากนี้ก็มีภาษาอื่นด้วย เช่น ภาษาเช็ก ภาษาฮังการี ภาษาอิตาลี ภาษาเซอร์เบีย และภาษาสโลวัก อย่างไรก็ตามชาวโครเอเชียรุ่นใหม่ก็สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างดี
อาหารพื้นเมืองของชาวโครเอเชียนั้น ก็มีความแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค แต่ก็ไม่ได้แตกต่างจากอาหารยุโรปทั่วไปเท่าไรนัก ยังคงเน้นที่เนื้อสัตว์ แป้ง ขนมปัง ซุป แต่จะมีอาหารทะเลเข้ามาเสริม เพราะพื้นที่ส่วนหนึ่งนั้นก็อยู่ติดกับทะเลเอเดรียติก อาหารพื้นเมืองที่น่าลิ้มลอง อาทิ Crni rizot, Zagorski Strukli, Pasticada s njokima, Hobotnica ispod peke, Skampi na Buzaru, Manestra, Soparnik, Sarma เป็นต้น
นอกจากนี้ใครที่ชอบนั่งร้านกาแฟ จะต้องถูกใจแน่นอน เพราะในเมืองสำคัญ ๆ ของโครเอเชีย จะมีร้านกาแฟสไตล์ Sidewalk Cafe เยอะมาก เป็นเอกลักษณ์ของโครเอเชียเลยก็ว่าได้ นั่งจิบกาแฟอุ่น ๆ อร่อย ๆ ท่ามกลางบรรยากาศสบาย ๆ แบบยุโรป ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวโครเอเชียเลยล่ะ
สถานที่ท่องเที่ยวโครเอเชีย
การไปเที่ยวประเทศโครเอเชีย สำหรับผู้ที่ถือหนังสือเดินทางประเทศไทยจะต้องยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยวโครเอเชียกับสถานทูตโครเอเชียที่ประเทศอินโดนีเซีย โดยจะต้องยื่นเอกสารให้สถานกงสุลโครเอเชียในประเทศไทยก่อน ผ่านเอเจนซี่อย่าง VFS หรือถ้าหากมีแผนเดินทางไปเที่ยวประเทศอื่น ๆ ในยุโรปด้วย (ซึ่งจะต้องอยู่ประเทศนั้น ๆ นานกว่าประเทศโครเอเชีย) ก็สามารถขอวีซ่าเชงเก้นแบบ Multiple-entry Visa กับ 1 ในประเทศที่อยู่นานที่สุด และใช้วีซ่าเชงเก้นเข้าโครเอเชีย
ประเทศโครเอเชียยังคงใช้เงินสกุลคูนา (Kuna) มีใช้เงินยูโรบ้างในร้านอาหาร ร้านค้า หรือโรงแรม ในประเทศไทยก็ยังหาแลกเงินคูนาได้ยาก เพราะฉะนั้นควรแลกเป็นเงินยูโรไว้ก่อนแล้วค่อยไปแลกเงินคูนาที่สนามบินของประเทศโครเอเชีย

ช่วงเวลาที่น่าเที่ยวของโครเอเชีย จริง ๆ แล้วโครเอเชียน่าเที่ยวตลอดทั้งปี เพราะมีภูมิประเทศหลากหลายแบบ ช่วงเดือนมีนาคม-มิถุนายน อากาศก็กำลังเย็นสบาย อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10-15 องศาเซลเซียส ส่วนหน้าร้อนจะเริ่มราว ๆ เดือนพฤษภาคมไปจนถึงต้นเดือนกันยายน ช่วงนี้ท้องทะเลจะสวยงามมาก ๆ และก็จะคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมายจากทั่วโลก ถ้าอยากชมใบไม้เปลี่ยนสีก็ต้องราว ๆ ปลายเดือนสิงหาคมจนถึงเดือนตุลาคม และถ้าใครอยากสัมผัสหิมะ และบรรยากาศสวย ๆ ช่วงหน้าหนาว พร้อมทั้งคริสต์มาสมาร์เกตก็ควรไปเที่ยวโครเอเชียประมาณเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์
7 อันดับที่เที่ยวโครเอเชียห้ามพลาด
1. Dubrovnik Old Town
แลนด์มาร์กที่สำคัญของประเทศโครเอเชีย ตั้งอยู่ริมชายฝั่งตะวันออกของทะเลเอเดรียติก ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ถือว่าเป็นเมืองท่าและเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในแถบเมดิเตอร์เรเนียนเลยทีเดียว เมืองเก่าดูบรอฟนีกโดดเด่นด้วยบ้านเรือนสไตล์โกธิค เรเนซองส์ และบาโรก ซึ่งตั้งอย่างสง่างามริมทะเลเอเดรียติก มีทั้งโบสถ์ ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก พิพิธภัณฑ์ แกลเลอรี จุดชมวิว เป็นความงดงามที่ได้มาเป็นโลเคชั่นถ่ายทำภาพยนตร์โด่งดังหลายเรื่อง หนึ่งในนั้นก็คือ Game of Thrones ความสวยงามของที่นี่ได้รับฉายาว่าเป็น "ไข่มุกแห่งทะเลเอเดรียติก" เลยล่ะ และยังได้รับการจดบันทึกให้เป็นเมืองมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1979

2. Plitvice National Park
ตั้งอยู่ทางภาคกลางของประเทศโครเอเชีย ซึ่งใกล้กับชายแดนประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 296 ตารางกิโลเมตร ความน่าสนใจของที่นี่ก็คือ น้ำตกและทะเลสาบสุดอลังการ ซึ่งน้ำในทะเลสาบจะมีสีเขียวมรกตใส รายล้อมไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ มีน้ำตกขนาดใหญ่ให้ได้ชมหลายจุด และที่ห้ามพลาดก็คือ การเดินบนสะพานไม้ที่ทอดยาวผ่านน้ำตกกว้างใหญ่ พร้อมแนวหน้าผาสูงชัน สวยสะกดใจ ต้องไปสัมผัสกันสักครั้ง ซึ่งที่นี่ก็ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1979 ด้วยเช่นกัน


3. Zagreb
เมืองหลวงที่น่าเที่ยวมากที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป ด้วยมีการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมเก่าและใหม่ให้เข้ากันได้อย่างลงตัว ภายในเมืองซาเกร็บนอกจากจะเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ แล้ว ก็ยังจะมีพิพิธภัณฑ์ แกลเลอรี โบสถ์เก่า สถานที่ประวัติศาสตร์ ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟเก๋ ๆ ตลาดท้องถิ่น ให้ได้ไปเดินเที่ยวชมเพียบ ที่เที่ยวที่ห้ามพลาดในเมืองซาเกร็บ อาทิ St. Mark’s Church, St. Stephen\'s Cathedral, The Museum of Mimara, Maksimir Park และ Zagreb Botanical Garden เป็นต้น


4. Diocletian\'s Palace and Split Town
พระราชวังไดโอคลีเชียน ตั้งอยู่ในเมืองริมทะเลอย่างเมืองสปลิท เป็นพระราชวังเก่าแก่ที่สร้างขึ้นโดยจักรพรรดิไดโอคลีเชียน ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 4 อายุกว่าพันปี ซึ่งมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามในสไตล์โรมัน ครอบคลุมพื้นที่ราว ๆ 30,000 ตารางเมตร มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีทาวเวอร์อยู่ทั้ง 4 มุม ประตูทางเข้า-ออกทั้ง 4 ฝั่ง ความสวยงามของที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ. 1979
ทั้งนี้ ในส่วนของเมืองสปลิท ก็เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีบรรยากาศสบาย ๆ เป็นเมืองตากอากาศริมทะเลสุดเงียบสงบ บ้านเรือนต่าง ๆ ก็ยังเป็นสไตล์ดั้งเดิม มีร้านค้า ร้านอาหารบรรยากาศดีให้เลือกนั่งพักผ่อนชิล ๆ ไม่น้อย อีกทั้งยังมีร้านขายของที่ระลึกแบบดั้งเดิมให้เดินดูของที่ระลึกกันแบบเพลิน ๆ บอกเลยว่าไม่ควรพลาด

5. Cathedral of St. James
สถานที่ที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 2000 อาสนวิหารแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมือง Sibenik ก่อตั้งในระหว่างปี ค.ศ. 1431-1535 มีสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างแบบโกธิคและเรเนซองส์ สร้างด้วยหิน มีโดมใหญ่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น ตกแต่งทั้งภายนอกและภายในอย่างสวยงาม ทุกสิ่งล้วนแต่เป็นวัสดุดั้งเดิมที่ใช้สร้างเมื่อ 500 ปีที่แล้ว ที่นี่จึงควรค่าแก่การไปเยี่ยมชมอย่างยิ่ง

6. Hvar Town
ตั้งอยู่บนเกาะเล็ก ๆ ทางชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศโครเอเชีย ที่นี่เป็นอีกหนึ่งเมืองท่าที่สวยงาม ตัวเมืองเก่าไม่ใหญ่มากนัก แต่ก็มีเสน่ห์ไม่น้อยเลยทีเดียว ด้วยบ้านเรือนน้อยใหญ่ในสไตล์ดั้งเดิมสีสันส้มสว่างซึ่งตั้งเรียงรายลดหลั่นกันไปตามแนวภูเขาริมฝั่งทะเล มีร้านค้า ร้านอาหาร พิพิธภัณฑ์ แกลเลอรี ให้ได้เที่ยวชมมากมาย หรือใครอยากจะนั่งชมวิวทะเลกว้างใหญ่ริมท่าเรือ บรรยากาศก็โรแมนติกไม่เบาเหมือนกัน และยังมีชายหาดเล็ก ๆ ให้ได้ไปสนุกสนานกับท้องทะเลสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ใสด้วย

7. Trogir
ตั้งอยู่ริมทะเลเอเดรียติกทางชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศโครเอเชีย ไม่ไกลจากเมืองสปลิท เป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1997 ด้วยเช่นกัน ความโดดเด่นของเมืองนี้ ก็คือ บ้านเรือนเก่าแก่สไตล์กรีก-โรมัน ซึ่งสร้างด้วยอิฐ มีหลังคาเป็นสีส้มเป็นเอกลักษณ์ พร้อมทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์หลงเหลืออยู่หลายแห่ง สามารถเดินเล่นชมบ้านเรือนเก่าแก่ ไปพร้อม ๆ กับชมวิวท้องทะเลกว้างใหญ่ได้อีกด้วย

อื้อหือ เห็นสถานที่ท่องเที่ยวประเทศโครเอเชียแล้ว ก็ต้องเก็บเข้าลิสต์ที่เที่ยวในฝันแล้วล่ะ ไม่คิดว่าประเทศนี้จะมีอะไรดี ๆ รออยู่เยอะขนาดนี้จริง ๆ และยังได้ยินแว่ว ๆ มาว่าประเทศนี้ค่าครองชีพไม่สูงเหมือนบางประเทศในยุโรปด้วยนะ ว้าว...แบบนี้ต้องรีบหาเวลาจัดทริปเสียแล้ว :)
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก
croatia.hr, mvep.hr, vfsglobal.com, unesco.org, dubrovnik-travel.net, plitvice-lakes.info, zagreb.com, visitsplit.com, diocletianspalace.org, unesco.org, split-excursions.com