ชวนเที่ยวต่างประเทศใกล้ไทย กับเมืองเล็ก ๆ ในมาเลเซีย อย่างเมืองปีนัง เมืองเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยความงดงามของสถาปัตยกรรมสไตล์โคโลเนียล วัฒนธรรมพื้นเมือง พร้อมทั้งธรรมชาติสวย ๆ เหมาะสำหรับทริปเที่ยวต่างประเทศเพื่อคนมีเวลาน้อย
1. Penang Hill + The Habitat
Penang Hill หรือที่ชาวมาเลเซียเรียกว่า Bukit Bendera ถือเป็นสถานที่ที่ทุกคนจะต้องมาเยือนเมื่อมาเที่ยวปีนัง ถึงขนาดมีคนบอกไว้ว่าถ้าไม่ได้มาที่นี่ก็เหมือนมาไม่ถึงปีนัง Penang Hill อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 800 เมตร สามารถชมเมืองจอร์จทาวน์ได้อย่างสุดสายตา การขึ้นมาด้านบนก็ขึ้นด้วยรถรางไฟฟ้า ซึ่งเป็นรถรางสายแรกในเอเชีย สร้างโดยบริษัทรถรางสัญชาติสวิส โดยเคเบิลที่ใช้ลากรถเลื่อนขึ้น-ลงนั้นใช้งานมาตั้งแต่ปี 1923 และด้วยการดูแลระบบเป็นอย่างดี รถรางไฟฟ้าก็ใช้กันมาจนถึงทุกวันนี้ ระหว่างทางนักท่องเที่ยวจะได้เห็นทิวทัศน์ต้นไม้นานาชนิด เพลินดีเหมือนกัน
ด้านบนของ Penang Hill มีสถานที่น่าสนใจหลายอย่าง เช่น พิพิธภัณฑ์นกฮูก ร้านอาหาร สนามเด็กเล่น สวนนก สวนดอกไม้ ลานกุญแจคล้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง The Habitat แหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติน้องใหม่ที่เราอยากไฮไลต์ให้แรง ๆ ที่นี่เป็นสวนรุกขชาติที่มีทางเดินให้ชมธรรมชาติยาว 5 กิโลเมตร ระหว่างทางเราได้เรียนรู้พืชพรรณและสัตว์ต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นี้ผ่านไกด์ที่แบ่งปันข้อมูลได้อย่างเป็นกันเอง
ของเด็ดอยู่ที่ Canopy Walk และ Tree Top Walk สะพานสูงเหนือยอดไม้ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสความโปร่งสบายของบรรยากาศธรรมชาติจากมุมสูง และอีกหนึ่งบทบาทของ The Habitat ที่นอกจากจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นห้องปฏิบัติการเชิงนิเวศน์ที่ทำงานวิจัยในการดูแลธรรมชาติอย่างยั่งยืน ผลงานวิจัยทุกชิ้นจะกลับมาช่วยต่อยอดพัฒนาพื้นที่สีเขียวต่อ ๆ ไป
สำหรับราคาค่ารถรางไฟฟ้าไป-กลับอยู่ที่ 30 ริงกิต หรือประมาณ 300 บาทไทย และเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 06.30-23.00 น.
2. Kebaya Dining + Seven Terraces
ร้านอาหารสไตล์เปอรานากันที่ขึ้นชื่อที่สุดในปีนัง คือ Kebaya Dining ตั้งอยู่ในโรงแรม Seven Terraces Boutique Hotel ที่ปรับโครงสร้างมาจากบ้านตึกโบราณสไตล์ Anglo-Chinese และตกแต่งด้วยของแอนทีคมากมาย ทำให้แขกที่เยี่ยมชมสามารถจินตนาการถึงวิถีชีวิตชาวเปอรานากันได้อย่างดี ตามประวัติแล้วผืนดินแห่งนี้เคยเป็นสมบัติของพระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี เจ้าเมืองตรังผู้ได้รับพระราชทานนามสกุล ณ ระนอง ต่อมาลูกหลานได้ขายทอดที่ดินผืนนี้จนตกมาเป็นของนักลงทุนชาวจีนมาเลที่พัฒนาจนกลายมาเป็นโรงแรมและร้านอาหารที่ขอบอกว่า ถ้าใครไม่มาลองเห็นเองกับตา สัมผัสกับใจ และหลงใหลไปกับรสชาติที่นี่ ถือว่าพลาดมากจริงๆ … ขอย้ำ !
3. Avatar Secret Garden
ขณะที่เดินไปรอบ ๆ สีสันแสงไฟสลับกันเปล่งแสงให้จินตนาการเหมือนฝัน อีกด้านของสวนนี้สามารถมองออกไปเห็นเนินเขาที่ปกคลุมไปด้วยดอกทิวลิปประดับไฟ LED หลากสี Avatar Secret Garden กลายเป็นสถานที่เดินเล่นหย่อนใจของชาวปีนังที่มาได้ทั้งครอบครัวและกลุ่มเพื่อน ที่นี่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว กลายเป็นสถานที่ต้องห้ามพลาดอีกที่หนึ่งในปีนัง…แล้วคุณล่ะ จะยอมพลาดเหรอ?! ที่นี่ให้เข้าชมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
4. Penang Street Art
เมื่อพูดถึงปีนัง ก็ต้องมีคนนึกถึง Street Art ที่ George Town แน่นอน เพราะที่นั่นรวมภาพศิลปะเก๋ ๆ ไว้ให้ผู้คนได้ตามหากันทั้งวัน ซึ่งอาจจะถึงขั้นจัดทริปให้ Street Art กัน 1 วันเต็ม ๆ เลยก็ได้ George Town เมืองหลวงของปีนังได้รับคัดเลือกให้เป็นเมืองมรดกโลกจาก Unesco เมื่อปี 2008 เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมงดงามและทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ แฝงไปด้วยความอบอุ่นของวัฒนธรรมและการดำรงอยู่ของคนในท้องถิ่น ซึ่งสิ่งนี้เป็นตัวดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้าไปสัมผัสด้วยตนเอง
แต่อีกอย่างที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ไม่แพ้กันก็คือ street art ที่ซ่อนอยู่ตามผนังบ้านเรือนและมุมต่าง ๆ ของเมือง มาถึงจุดนี้เราอยากชวนให้ทุกคนลองไปตามล่าหา street art กันสักครั้ง แล้วจะตกหลุมรักการเล่นเกมซ่อนแอบกันในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้แน่นอน…ไม่เชื่อก็ลองดู !
5. Café Hopping
อีกร้านคือ Gudang Café ร้านนี้เดินผ่านหน้าร้านเผิน ๆ อาจนึกว่าเป็นตึกเก่าธรรมดา ดีนะที่เราแอบเหลือบไปเห็นป้าย Open แขวนไว้ ถึงได้รู้ว่าข้างในเป็นคาเฟ่สุดชิคตกแต่งสไตล์ลอฟท์ แต่ยังให้ความรู้สึกอบอุ่น โครงเหล็ก กำแพงอิฐ และโต๊ะไม้ที่จัดไว้ดูนุ่มนวลน่ารักขึ้นมาทันทีเมื่อมีตู้เค้กถูกวางร่วมอยู่อีกมุมหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นทันทีที่เปิดประตูเข้าไป กลิ่นหอมของกาแฟที่เตะจมูกยิ่งทำให้มวลรวมของคาเฟ่มีความกลมกลืนเข้าไปอีก…แต่จะแอบบอกว่าเทรนด์ใหม่มาแรงในปีนังตอนนี้ คือ Hidden Bar แล้วนะ จะเป็นอย่างไร เอาไว้จะมาเล่ารอบหน้าละกัน
6. Chew Jetty
Chew Jetty มีลักษณะเป็นชุมชนบ้านริมน้ำ เป็นกลุ่มบ้านไม้ที่ทำประมงริมทะเลที่ยังคงบรรยากาศเหมือนปีนังสมัยก่อน ภาพรวมของสถานที่ยังคงรักษาสภาพความเป็นอยู่เดิมได้ดี บ้านไม้แต่ละหลังมีขนาดหน้ากว้างปกติ แต่ว่าแนวลึกจะลึกมาก มีการแบ่งห้องแนวยาวได้หลายห้อง ด้านหน้าทางเข้าหมู่บ้านเป็นศาลเจ้าจีน กลางคืนมีไฟประดับสวยงาม เมื่อเดินเข้าไปจะเป็นทางเดินแคบ ๆ ไปสุดที่ศาลเจ้าริมทะเล มองเห็นวิวสวย
ที่ Chew Jetty มีร้านขายของฝาก กาแฟทุเรียน ไอศกรีมทุเรียน และร้านอาหารท้องถิ่น บรรยากาศเหมือนเดินตลาดย้อนยุคเมืองไทย เพราะของฝากที่นี่จะคล้าย ๆ กัน มีพื้นที่ขายของ และท่าน้ำให้ไปนั่งเล่น ถ้าใครยังไม่เคยไปขอแนะนำให้ลองสัมผัสสักครั้ง
7. Lebuh Keng Kwee Street Food
ลอดช่องที่นี่มีความหอมนวลที่เป็นเอกลักษณ์ เนื้อลอดช่องนิ่ม ๆ สีเขียว ซดกับน้ำลอดช่องที่ไม่หวานจัดแต่มีกลิ่นน้ำตาลอ้อยหอมอ่อน ๆ บวกกับถั่วแดงเนื้อนุ่มเป็นตัวชูโรง ทำให้ใครที่ได้ชิมก็ต้องติดใจ ยอมต่อแถวยาวและยืนทานกันหน้าร้านเลยทีเดียว ซึ่งดูไปดูมาก็กลายเป็นสเน่ห์ของร้านนี้ไปแล้ว ใครมาจอร์จทาวน์แล้วไม่ได้ลองลอดช่องร้านนี้ คงต้องบอกว่ามาไม่ถึงจริง ๆ
จากร้านลอดช่องถัดมาไม่กี่ก้าว จะเจอร้าน Penang Road Famous Teochew Chendul ขายก๋วยเตี๋ยวผัด หรือที่คนมาเลเซียเรียกว่า Cha Kway Teaw จากที่สังเกตความเก๋าของร้านคงไม่ทิ้งช่วงจากร้านลอดช่องมากนัก น่าจะอยู่มาหลายสิบปีเช่นกัน ข้างในมีที่นั่งเป็นโต๊ะ ๆ ของเด็ดที่นี่มีหลายอย่างนอกจากก๋วยเตี๋ยวผัดแล้วยังมี Asam Laksa ก๋วยเตี๋ยวน้ำซุปแซ่บแบบมาเล และ Fried Oyster หรือหอยนางรมทอดและอีกมากมาย รสชาติอาหารที่นี่ไม่ต้องโม้มาก พิสูจน์ได้จากที่เห็นคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวเวียนกันเข้าร้านอยู่ตลอด
เมื่ออิ่มของคาวแล้วใครอยากตบของหวานอีกรอบ ฝั่งตรงข้ามจะมีร้านไอศกรีมทุเรียนเนื้อเนียนเข้มข้นไว้ให้เลือกปิดท้ายกันด้วย งานนี้ขอย้ำอีกรอบ ใครอยากได้รสชาติปีนังของจริง ควรมาลองเดินเล่นที่ถนน Lebuh Keng Kwee นี้กัน
8. Lexis Suites Penang
อื้อหือ...แต่ละสถานที่ที่การท่องเที่ยวมาเลเซียแนะนำมาต้องบอกว่ากระชากใจไปหมดแล้ว อยากตีตั๋วไปเที่ยววันนี้พรุ่งนี้กันเลยทีเดียว ติดตรงนี้กระเป๋าตังค์มันแฟบ ขอเก็บตังค์อีกแป๊บ ได้เจอกันอีกแน่...ปีนัง :)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก