จากการที่รัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ความสำคัญและส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศ ประกอบกับในปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ได้ประกาศให้เป็น "ปีการท่องเที่ยววิถีไทย" โดยเฉพาะการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ซึ่งเป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ทั้งทางบก และทางทะเล กว่า ๑๕๔ แห่งทั่วประเทศ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงได้กำชับให้อุทยานแห่งชาติทั่วประเทศพัฒนาและปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกให้ได้ตามมาตรฐานสากล ทั้งด้านการให้บริการของเจ้าหน้าที่ การจัดการขยะมูลฝอยและสิ่งแวดล้อม การแก้ไขปัญหาระบบน้ำเสีย การพัฒนาที่พัก โดยเฉพาะความสะอาดของห้องน้ำ ห้องสุขา ทำให้ที่ผ่านมาอุทยานแห่งชาติหลายแห่งได้รับการรับรองความสะอาดจากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และผ่านเกณฑ์มาตรฐานอุทยานแห่งชาติสีเขียวที่ดำเนินการพิจารณารับรองมาตรฐานโดยกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ เรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เป็นอีกเรื่องที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ให้ความสำคัญอย่างสูงสุด
และยังได้จัดให้มีการฝึกซ้อมแผนช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ประสบเหตุ ระหว่างกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมกับสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคมที่ผ่านมา เพื่อทบทวนความรู้ เสริมสร้างความรู้ใหม่ และเพิ่มทักษะความชำนาญให้กับเจ้าหน้าที่ เพื่อเตรียมความพร้อมการประเชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างถูกต้องรวดเร็วและทันท่วงที ทั้งยังได้มีการจำลองเหตุการณ์เครื่องบินเหมาลำ เกิดอุบัติเหตุต้องลงฉุกเฉินที่เขาใหญ่ ซึ่งแผนปฏิบัติการต้องระดมช่วยทั้งทางบก อากาศ และทางน้ำ ซึ่งการฝึกซ้อมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการเป็นอย่างดีมีความพร้อม จนได้รับคำชมเชยจากผู้เข้าร่วมงานเป็นอย่างยิ่ง
และจากความพร้อมที่เกิดขึ้น ต่อไปจะมีการจัดตั้งศูนย์กู้ภัยและมวลชนสัมพันธ์ในอุทยานแห่งชาติ ๗ แห่งในทุกภูมิภาค เพื่อปฏิบัติงานด้านป้องกันและการกู้ภัย ออกปฏิบัติกรณีเหตุฉุกเฉินอพยพ และช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย ซึ่งนอกจากการเตรียมความพร้อมด้านรถกู้ภัย และการอบรมร่วมกับสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแล้ว กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยังได้จัดเตรียมเฮลิคอปเตอร์จากภารกิจการลาดตระเวนเพื่อการรักษาฐานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไว้รองรับเป็นอากาศยานกู้ภัยอีกด้วย หมุนเวียนกันจำนวน ๘ ลำ เพื่อให้การช่วยเหลือนักท่องเที่ยวและผู้ประสบภัยมีความคล่องตัวทั้งทางบก ทางอากาศ และในพื้นที่ที่ยากต่อการเข้าถึง โดยในปี ๒๕๖๑ นี้ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในอุทยานฯ เพิ่มขึ้นจาก ๑๘ ล้านคน ในปี ๒๕๖๐ เป็น ๒๐ ล้านคน จึงต้องเตรียมความพร้อมในเรื่องการดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่
โดยในช่วงปีใหม่นี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยังได้ร่วมกับบริษัทประกันภัย จัดทำโครงการประกันภัยนักท่องเที่ยวอุทยาน โดยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติสามารถซื้อประกันภัยครอบคลุมอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในระหว่างท่องเที่ยวในพื้นที่อุทยาน ได้ตามความสมัครใจ สำหรับคนไทยราคา ๖ บาท และนักท่องเที่ยวต่างชาติราคา ๔๐ บาท มีระยะเวลาเอาประกัน ๗ วัน โดยหากเสียชีวิตมีเงินคุ้มครอง ๓-๔ แสนบาท และบาดเจ็บ ๑-๑.๕ หมื่นบาท โดยเริ่มดำเนินการแล้วเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ในอุทยานขนาดใหญ่ เช่น ภูกระดึง ภูเรือ และเขาใหญ่ และจะดำเนินการให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๑ ซึ่งจะเป็นการยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวในอุทยานให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลเหมือนในต่างประเทศต่อไป
และเพื่อเป็นการมอบของขวัญจากรัฐบาล โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในช่วงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ ถึง ๑ มกราคม ๒๕๖๑ อุทยานแห่งชาติฯ ทุกแห่งทั่วประเทศจะเปิดบริการให้นักท่องเที่ยวเข้าฟรี พร้อมมีการสวดมนต์ข้ามปีในคืนวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ และตื่นขึ้นมาเพื่อร่วมตักบาตรในวันขึ้นปีใหม่ ๑ มกราคม ๒๕๖๑
อย่างไรก็ตาม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวงดนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามาดื่มและไม่นำสัตว์เลี้ยงเข้ามาในเขตอุทยานฯ เพื่อให้การเข้ามาท่องเที่ยวอุทยานฯ ในช่วงปีใหม่นี้ สร้างความสุข ความปลอดภัย และมีมาตรฐานการให้บริการที่ดีที่สุดให้กับนักท่องเที่ยวทุกคน