ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขุนวาง จังหวัดเชียงใหม่ ตามรอยพระบาทในหลวง รัชกาลที่ 9 ขึ้นเหนือ สัมผัสบรรยากาศไร่ชา ผลผลิตคุณภาพเยี่ยมจากบนดอย สู่ความภาคภูมิใจของลูกหลานเกษตรกรอย่างหาที่สุดมิได้
จุดเริ่มต้นจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงต้องการที่จะช่วยเหลือชาวเขาให้มีการสร้างงานและอาชีพที่มั่นคง เพื่อทดแทนการปลูกฝิ่น ขณะเดียวกันยังส่งเสริมให้สิ่งแวดล้อมกลับมาอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ทั้งหมดนี้เป็นจุดประสงค์หลักสำคัญที่เป็นต้นกำเนิด "มูลนิธิโครงการหลวง" เหล่านี้เป็นประจักษ์พยานต่อราษฎรไทย อันเป็นเครื่องสะท้อนถึงการทุ่มเทพระวรกายเพื่อประโยชน์และความสุขของราษฎรของพระองค์ทั้งสิ้น
และในที่สุดความสมบูรณ์ก็เกิดขึ้นบนผืนแผ่นดินนี้…
ไร่ชาสีเขียวกว้างสุดสายตา แหล่งสร้างรายได้เกษตรกรชาวเขาบนดอย
ในวันที่เราเดินทางไปยังไร่ชาขุนแม่วาก และได้เจอกับ "นายตือ แซ่ลี" เกษตรกรชาวเขา ได้บอกถึงความรู้สึกเมื่อครั้งที่ในหลวง รัชกาลที่ 9 ได้ทรงเข้ามาพัฒนาพื้นที่ที่แสนห่างไกล ชุบชีวิตให้กลายเป็นแผ่นดินที่สมบูรณ์ โดยได้เล่าความรู้สึกให้เราฟังใจความว่า
นายตือ แซ่ลี เกษตรชาวเขากำลังเล่าถึงความรู้สึกที่มีต่อในหลวง รัชกาลที่ 9
ทุกวันนี้ชาวบ้านเกษตรกรมีรายได้แต่ละปีจากการขายชาอยู่ที่กิโลกรัมละ 50 บาท แปรรูปเป็นชาอู่หลง โดยในแต่ละครั้งหนึ่งเก็บได้ประมาณ 200-300 กิโลกรัมต่อปี (และในแต่ละปีสามารถเก็บชาได้ประมาณ 5 ครั้ง) แน่นอนว่านอกจากรายได้ที่มั่นคง ยังก่อให้เกิดใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างที่เราได้เห็นกัน จนพลอยทำให้เราอดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้
เหล่าเกษตกรชาวเขาในวันที่มีแต่ความสุขและรอยยิ้มจากการเพาะปลูกชา
ชาอู่หลงหอม ๆ จากศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขุนวาง
แปลงดอกไลเซนทัส
ดอกไลเซนทัส หลากหลายสีสัน กำลังชูช่อบานสะพรั่งต้อนรับเมื่อเราเดินทางไปถึง
- เส้นทางที่ 1 จากตัวเมืองเชียงใหม่ ใช้เส้นทางหลวงสาย 108 เชียงใหม่-ฮอด ก่อนถึงอำเภอจอมทองให้เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงสาย 1009 ก่อนถึง กม.31 ให้เลี้ยวขวาไปยังขุนวางราว 15 กิโลเมตร ถึงศูนย์รวมระยะทางประมาณ 106 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง
- เส้นทางที่ 2 จากตัวเมืองเชียงใหม่ในเส้นทางหลวงสาย 108 เชียงใหม่-ฮอด ผ่านอำเภอหางดง เลี้ยวขวาสามแยกไปเทศบาลบ้านกาด อำเภอสันป่าตอง ทางหลวงสาย 1013 ตรงไปประมาณ 47 กิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวซ้ายที่บ้านห้วยเกี๋ยง ไปอีกราว 16 กิโลเมตร รวมระยะทาง 86 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง
การได้เข้ามาคลุกคลีสัมผัสกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านเกษตรกร ทำให้นักท่องเที่ยวอย่างเราได้เข้าใจถึงสิ่งที่พระองค์ได้พระราชทานต่อทุกชีวิตบนผืนแผ่นดินนี้อย่างไร้ข้อกังขา ด้วยพระองค์ทรงเห็นว่าราษฎรทุกคนของพระองค์ ล้วนแล้วเป็นลูกของพระองค์ทั้งสิ้น การทอดทิ้งลูกคนใดคนหนึ่ง นั่นคงไม่ใช่หน้าที่ที่พ่อคนหนึ่งจะพึงทำต่อลูก เพราะตั้งแต่ต้นไม้ สัตว์ ไปจนถึงผู้คนที่ยังคงดำเนินชีวิตอยู่ที่นี่ ล้วนแล้วมีความรักของในหลวง รัชกาลที่ 9 สถิตอยู่ด้วยทุกหนแห่ง และการเดินทางครั้งนี้ ต้องขอขอบคุณศูนย์การค้าสยามพารากอน ที่ทำให้การท่องเที่ยวของเรามีความหมายมากขึ้นกว่าเดิมจริง ๆ ค่ะ ^ ^