x close

๑๐ สินค้าพื้นบ้านไทย จับใส่ไอเดีย สร้างรายได้และความสุขสู่ชุมชน

สินค้นชุมชน

          ใครเคยไปเที่ยวชุมชนเล็ก ๆ ในประเทศไทยแล้วประทับใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์สินค้าพื้นบ้านกันบ้างคะ แอดมินเป็นคนหนึ่งค่ะ ที่ชอบสินค้าไทยอันเกิดจากภูมิปัญญาของชาวบ้านมาก ๆ เพราะนอกจากจะสามารถนำสินค้าไปประโยชน์ได้จริงแล้ว ชาวบ้านในพื้นที่ยังเลือกใช้วัสดุและวัตถุดิบที่หาได้ง่ายจากในชุมชน ซึ่งโดยส่วนมากก็จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพหรือสภาวะแวดล้อมเลยล่ะ

          และด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป จะให้เอาของดีที่มีอยู่เก็บไว้แค่ในชุมชนได้ยังไงละค่ะ ก็ต้องพัฒนาและต่อยอดให้สินค้าพื้นบ้านสามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนได้อย่างแท้จริงกันหน่อย นำมาเพิ่มเติมไอเดียใหม่ ๆ ทั้งการออกแบบผลิตภัณฑ์ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ ตลอดจนการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยส่งเสริมในกระบวนการผลิต ซึ่งก็ทำให้งาน "บ้าน ๆ" กลายเป็น "เงินล้าน " ได้เลยทีเดียว
          วันนี้เราจึงอยากจะแนะนำ ๑๐ สินค้าไทยที่นำไอเดียและนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามาช่วยส่งเสริมการผลิตจนกลายเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมทั้งในตลาดภายในประเทศและตลาดต่างประเทศ จะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลยค่ะ

๑. ผ้าทอไทยทรงดำ อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม

สินค้าพื้นบ้านไทย


สินค้าพื้นบ้านไทย

          ก่อนจะไปศึกษาเกี่ยวกับผ้าทอไทยทรงดำ เรามาทำความรู้จักกับชาวไทยทรงดำกันเสียก่อนค่ะ ชาวไทยทรงดำเป็นกลุ่มชาติพันธุ์หนึ่ง ซึ่งได้อพยพมาจากทางตอนเหนือของประเทศเวียดนาม ผ่านมาทางประเทศลาว แล้วจึงถูกกวาดต้อนเข้าสู่ประเทศไทยในช่วงสมัยกรุงธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยปัจจุบันมีแหล่งอาศัยกระจายอยู่ทั่วไปในประเทศไทยค่ะ อาทิ จังหวัดสระบุรี, จังหวัดราชบุรี, จังหวัดจันทบุรี, จังหวัดเพชรบุรี, จังหวัดสุพรรณบุรี, จังหวัดพิจิตร จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดสุโขทัย จังหวัดกำแพงเพชร และจังหวัดนครปฐม เป็นต้น

สินค้าพื้นบ้านไทย

สินค้าพื้นบ้านไทย

สินค้าพื้นบ้านไทย

          ชาวไทยทรงดำมีประเพณีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ให้ความสำคัญกับผีและเทวดา บ้านเรือนจะมีการสร้างตามแบบของตนเอง ซึ่งสิ่งที่โดดเด่นมาก ๆ ของชาวไทยทรงดำที่ทำให้เราต้องร้องว้าว ก็คือ "การแต่งกาย " ค่ะ ไม่ว่าจะชายหรือหญิงก็จะนุ่งผ้าทอสีดำ ดูเคร่งขรึมกันไปเสียหมด แต่ไม่ได้หมายความว่าชาวไทยทรงดำจะไม่มีมิตรไมตรีนะคะ ลองให้พวกเขายิ้มสิ ไม่ว่าจะหญิงหรือชายก็ทำให้ใจละลายได้เหมือนกัน

สินค้าพื้นบ้านไทย

สินค้าพื้นบ้านไทย

สินค้าพื้นบ้านไทย

          ในส่วนของผ้าทอไทยทรงดำ ผู้หญิงจะนุ่งผ้าซิ่นที่เรียกว่า "ซิ่นแตงโม" มีลักษณะการทอจากฝ้ายย้อมครามสอดด้วยไหมสีแดง ที่ตัวซิ่นมีลายเส้นสีขาว ปัจจุบันนิยมใช้สีฟ้าเป็นลายเส้นคู่ และเส้นเดี่ยว ซึ่งผ้าซิ่นแฝงคติความเชื่อว่า เมื่อผ้ากระทบกับแสงแดดจะเกิดประกายเหลือบสีแดง เป็นการระลึกถึงของหญิงชาวไทยทรงดำที่มีต่อฝ่ายชายเมื่อออกไปทำงานนอกพื้นที่เป็นเวลานาน ๆ เป็นการบอกความในใจ โดยไม่ได้พูดกันตรง ๆ การนุ่งผ้าซิ่นลายแตงโมจะใส่กับเสื้อก้อม ส่วนเสื้อฮีจะใส่เมื่อมีพิธีการ ฝ่ายชายจะมีกางเกงสีดำขลับ เรียกว่ากางเกงส้วงฮี ใส่กับเสื้อก้อมและเสื้อฮีเหมือนกัน

สินค้าพื้นบ้านไทย

สินค้าพื้นบ้านไทย

          คุณจุรีวรรณ จันพลา และคณะ ได้ศึกษาลวดลายผ้าไทยทรงดำและพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ผ้าทอไทยทรงดำในอำเภอบางเลนและอำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ตามแนวคิดเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ที่เหมาะสมควรเป็นเช่นไร ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ก็พบว่าลวดลายต่าง ๆ ได้สืบทอดมาจากบรรพบุรุษและมีทั้งลวดลายได้คิดค้นมาใหม่ และมีการปรับประยุกต์เพื่อให้เข้ากับสมัยปัจจุบันมากขึ้น แบ่งได้ ๓ ประเภท คือ ลายพืช ลายสัตว์ และลายผสมอื่น ๆ ในส่วนของการสื่อความหมายจะใช้สีในการทอผ้าและประดับตกแต่งของชาวไทยทรงดำ ซึ่งแต่ละสีมีความหมายแตกต่างกัน โดยเฉพาะสีครามเข้มหรือสีดำซึ่งเป็นสีหลักของผืนผ้า โดยสื่อความหมายความรู้สึกถึงการเก็บกดที่ต้องพลัดพรากจากบ้านเกิดเมืองนอนมาเป็นชนกลุ่มน้อยในประเทศไทย เมื่อผนวกกับแนวคิดการสร้างมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์ผ้าทอไทยทรงดำ

สินค้าพื้นบ้านไทย
          การออกแบบเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์จากผ้าทอไทยทรงดำนั้น ต้องคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยเป็นหลัก ส่วนลวดลายจะช่วยทำให้กลุ่มลูกค้าเกิดความพึงพอใจหรือถูกใจ อาทิ การมีลวดลายสีสันที่สะดุดตาน่าสนใจ  ทำให้ผลิตภัณฑ์มีมูลค่า ดูดี มีระดับ มากกว่าราคาที่ตั้งไว้ เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความมีฐานะ สามารถจับต้องใช้งานได้ตามที่กำหนดไว้ และคงเอกลักษณ์และการสื่อความหมายของลวดลายและสีสันต่าง ๆ ตามความเชื่อของชาวไทยทรงดำ แต่เนื่องจากลายผ้าไทยทรงดำมีลายต่าง ๆ ไม่มาก และมีการใช้สีสันที่จำกัด การออกแบบผลิตภัณฑ์จากผ้าทอไทยทรงดำจึงต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในเรื่องของการคงเอกลักษณ์ของชาวไทยทรงดำและความแตกต่างของวัฒนธรรมความเชื่อของแต่ละพื้นที่

สินค้าพื้นบ้านไทย

สินค้าพื้นบ้านไทย

สินค้าพื้นบ้านไทย

          คณะผู้วิจัยจึงได้นำลวดลายการทอและการปักที่โดดเด่นของชาวไทยทรงดำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ มีลวดลายหลักที่นำใช้ในการออกแบบผลิตภัณฑ์ คือ ลายดอกพรม ลายขอกูด ลายดอกมะลิ และนำลวดลายดังกล่าวมาประยุกต์ใหม่ ให้มีความทันสมัยขึ้น แต่ยังคงเอกลักษณ์และการสื่อความหมายเดิมไว้  ตามกลุ่มลูกค้าต้องการ คือ ๑) หมอนอิง ๒) กล่องทิชชู ๓) กระเป๋าสตรี และ ๔) เสื้อผ้า

          ทั้งนี้ได้มีการตรวจสอบแนวคิดผลิตภัณฑ์จากผ้าทอไทยทรงดำโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้รูปแบบผลิตภัณฑ์จากผ้าทอไทยทรงดำตามแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ที่สำคัญต้องคำนึงถึงระดับราคาของผลิตภัณฑ์ผ้าทอไทยทรงดำที่กลุ่มลูกค้าต้องการมากที่สุดราว ๆ ๒๐๐-๓๐๐ บาทต่อชิ้นอีกด้วย

          (ผู้วิจัย : จุรีวรรณ จันพลา สนับสนุนโดย กรมส่งเสริมวัฒนธรรม)

๒. ผ้าบาติก จังหวัดปัตตานี

สินค้าพื้นบ้านไทย

          ไม่ว่าใครได้ไปเที่ยวทางภาคใต้ จะต้องสะดุดตากับผ้าบาติกสีสันสดใส ที่มีลวดลายสวยงามแปลกตา ไม่ว่าจะนำมาทำเป็นผ้าคลุมผม ผ้าหลุมไหล่ ก็ดูสวยโดดเด่นไปเสียหมด ยิ่งในยุคสมัยนี้ที่มีการนำผ้าบาติกมาประยุกต์ทำเป็นชุดเดินเล่นชายหาด ก็ยิ่งเข้ากันกับน้ำทะเลสีฟ้าสดใสของทางภาคใต้แบบสุด ๆ เรียกได้ว่า ผ้าบาติกเป็นเอกลักษณ์สำคัญที่แสดงถึงวัฒนธรรมประเพณีของชาวใต้เลยทีเดียว

สินค้าพื้นบ้านไทย

สินค้าพื้นบ้านไทย

          ที่เห็นลวดลายสวย ๆ แบบนี้ใช่ว่าจะทำกันได้ง่าย ๆ นะคะ เพราะผ้าบาติกเป็นงานฝีมือที่ต้องมีความละเอียดและความอดทนค่อนข้างมาก ถ้าอยากให้ลายผ้าออกมาสวยงามก็ต้องค่อย ๆ ใช้จันติ้งเขียนลายเทียนลงไปบนผ้าอย่างใจเย็น หากไม่ชำนาญจริง ๆ ลวดลายที่ออกมาก็อาจจะไม่สวยงามตามแบบที่ร่างไว้

สินค้าพื้นบ้านไทย

          สำหรับคุณผู้หญิงก็สามารถที่จะนำผ้าบาติกมาตัดทำเป็นผ้านุ่งสวย ๆ เดินเล่นชายหาด ทำเป็นผ้าคลุมผมก็สวยไปอีกแบบ หรือจะตัดเป็นตามแบบสมัยนิยมก็เก๋ไก๋ไม่ซ้ำใคร ส่วนคุณผู้ชายก็ยังสามารถที่จะนำผ้าบาติกไปตัดเป็นกางเกงเล เอาไว้ใส่เที่ยวทะเลหน้าร้อน หรือจะนำมาตัดเป็นเสื้อแขนสั้นใส่ไปเที่ยวเพื่อสร้างสีสันให้กับฤดูกาลอื่น ๆ ก็ดูจะเท่ไม่น้อยเลยทีเดียว ถือเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าท้องถิ่นได้อย่างดีเลยค่ะ

สินค้าพื้นบ้านไทย

สินค้าพื้นบ้านไทย

          ดังที่งานวิจัยของ คุณโรสนา  รัฐการัณย์ และคณะ ได้ทำการศึกษาธุรกิจชุมชนที่มีศักยภาพในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือนและมีลวดลายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะกลุ่ม ได้แก่ ๑) กลุ่มบาราโหม   บาติก ๒)กลุ่มสายบุรีบาติก และ ๓) กลุ่มรายาบาติก ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีความแตกต่างตามลักษณะภูมิศาสตร์ของจังหวัดปัตตานี คือภูเขา ทะเล และย่านเมือง 

สินค้าพื้นบ้านไทย

สินค้าพื้นบ้านไทย

          โดยเลือกพัฒนาผลิตภัณฑ์ประเภทโคมไฟ กระเป๋าถือสำหรับสุภาพสตรี และปลอกหมอน  ผลการศึกษาเรื่องดังกล่าวนับเป็นการเปิดโอกาสทางธุรกิจของผู้ประกอบการผ้าบาติกในจังหวัดปัตตานีได้เป็นอย่างดี ที่จะได้พัฒนาความคิดสร้างสรรค์เพื่อเพิ่มมูลค่าในสินค้าและบริการของตนด้วยการศึกษาภูมิปัญญาในการวาดผ้าบาติก

สินค้าพื้นบ้านไทย

สินค้าพื้นบ้านไทย

          นำเทคนิคและลวดลายการทำผ้าบาติกที่เป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่ที่มีอยู่ รวมกับการมีส่วนร่วมของชุมชนมาประยุกต์ใช้ในการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน ก็จะสามารถสร้างโอกาสในการพัฒนาธุรกิจได้และเสริมสร้างศักยภาพทางการแข่งขัน จากกรอบความคิดในลักษณะที่เป็น Traditional สู่แนวความคิดที่เป็นเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อให้งานศิลปะในการผลิตผ้ามีเอกลักษณ์สามารถขยายตลาดให้เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ อีกทั้งผู้คนยังสามารถเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่นผ่านลวดลายการวาดผ้าบาติก ซึ่งการพัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์จากงานบาติกใหม่ ๆ เป็นการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์และสามารถผลักดันให้งานบาติกได้พัฒนาก้าวไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยืน

          (ผู้วิจัย : นางสาวโรสนา  รัฐการัณย์ สนับสนุนโดย กรมส่งเสริมวัฒนธรรม)

๓. หัตถกรรมเครื่องเงิน ชุมชนวัดศรีสุพรรณ จังหวัดเชียงใหม่

สินค้าพื้นบ้านไทย

          ถ้าพูดถึงสาวชาวเหนือ เราจะนึกถึงหญิงสาวผิวขาวผ่อง ผิวหน้าใส ยิ้มสวย พูดจาอ่อนหวาน แต่งกายด้วยผ้าซิ่นทอมือลวดลายงดงาม และที่ขาดไม่ได้ก็คือเครื่องประดับเงินที่มีลวดลายประณีต ส่งเสริมให้หญิงสาวสวยโดดเด่นและชวนหลงใหล

          ในวิถีชีวิตของชาวล้านนาก็เช่นกันค่ะ ที่จะต้องมีผลิตภัณฑ์เครื่องเงินเป็นส่วนประกอบในการดำเนินชีวิต ไม่ว่าจะเป็นขันเงิน, กรอบรูปเงิน, พานรองเงิน หรือเชิงเทียนเงิน ฯลฯ และปัจจุบันได้มีการพัฒนาหัตถกรรมเครื่องเงินให้มีมูลค่ามากยิ่งขึ้น ดังเช่นที่ชุมชนวัดศรีสุพรรณ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นชุมชนที่สืบทอดการทำเครื่องเงินมาหลายชั่วอายุคน ปัจจุบันเป็นศูนย์กลางในการสร้างสรรค์เครื่องเงินทั้งในรูปลักษณ์คัวเงินและแผ่นภาพอลูมิเนียม เป็นแหล่งการเรียนรู้ในการทำคัวเงินและครัวเนียม

สินค้าพื้นบ้านไทย

          หากดูจากงานวิจัยของ คุณสิระ สมนาม และคณะ จะเห็นได้ว่าสิ่งที่สร้างคุณค่าให้กับงานเครื่องเงินได้อย่างดีเยี่ยมก็คือการออกแบบลาย โดยการแกะสลักลวดลายของเครื่องเงินแห่งชุมชนวัดศรีสุพรรณจะมีเอกลักษณ์เฉพาะ  ซึ่งเป็นการแกะสลายลวดลายทั้งการตอกลายจากด้านในเราเรียกว่า "การโต๋ง" และจากด้านนอกเราเรียกว่า "การต้องลาย" เป็นจุดเด่นที่ทำให้ลวดลายของเครื่องเงินชุมชนวัดศรีสุพรรณเด่นชัดมากกว่างานแกะสลักอื่น ๆ

สินค้าพื้นบ้านไทย

สินค้าพื้นบ้านไทย

          หากจะเรียนเรื่องลายเครื่องเงินแล้ว ลายเบาหรือลายพื้นฐานเป็นลายแบบแรกที่ผู้เรียนจะต้องทำการตอกลาย เพื่อฝึกในการเดินเส้นให้คมบาง ซึ่งจะเป็นพื้นฐานในการทำลายแบบอื่น ๆ ต่อไป โดยเริ่มจาก  ๑) เส้นตรง เส้นโค้ง ๒)ตุ่มน้อย ๓) ย่ำทราย ๔) ลายโขงปลิง ๕) ลายโขงนาค ๖) ลายดอกเครือ ๗) ลายดอกพิกุล ๘) ลายเมฆไหล และ ๙) ลายก้นหอย

สินค้าพื้นบ้านไทย

สินค้าพื้นบ้านไทย
         
          ปัจจุบันสล่าเครื่องเงินมีแค่บางส่วน เพราะบางส่วนก็มีการปรับเปลี่ยนแบบผลิตภัณฑ์มาเป็นเครื่องประดับ ของที่ระลึก ของตกแต่งบ้าน ฯลฯ โดยงานวิจัยของ คุณสิระ สมนาม และคณะ ได้เข้ามาพัฒนาองค์ความรู้อย่างเป็นระบบ ทำให้การออกแบบลายเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเพิ่มมูลค่าในตัวสินค้า ซึ่งเป็นเหตุสำคัญที่ทำให้ต้องอนุรักษ์ สนับสนุนภูมิปัญญาสล่าตอกลายและตีเงินและขึ้นรูปด้วยมือ ก่อนที่กลุ่มบุคคลเหล่านี้ล้มหายไปพร้อมกับงานช่างฝีมือ อย่างไรก็ตามการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นแบบมีส่วนร่วมนี้ มีส่วนสนับสนุนให้คนในพื้นที่สามารถเพิ่มรายได้ประกอบเป็นอาชีพเสริมได้เป็นอย่างดี 

          (ผู้วิจัย : นายสิระ สมนาม สนับสนุนโดย กรมส่งเสริมวัฒนธรรม )

๔. ผลิตภัณฑ์ใบตองและดอกไม้สดประดิษฐ์

สินค้าพื้นบ้านไทย

สินค้าพื้นบ้านไทย

สินค้าพื้นบ้านไทย

สินค้าพื้นบ้านไทย

          ไม่อยากจะสารภาพเลยว่าถ้าให้นึกถึงใบตองกับดอกไม้สด สิ่งแรกที่ปรากฎในหัวก็คือ "กระทงใบตอง " ที่ประดับประดาไปด้วยดอกไม้ไทย ๆ สีสันสดใส นั่นอาจเป็นเพราะเราเติบโตมากับประเพณีอันดีงามอย่างเทศกาลงานลอยกระทง ซึ่งอันที่จริงนั้นผลิตภัณฑ์ใบตองและดอกไม้สดประดิษฐ์ สามารถนำไปใช้งานได้อีกหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการนำไปประดิษฐ์เป็นพานขันหมากไทยสุดหรูหรา, การทำบายศรีการ หรือการตกแต่งประดับประดาจานอาหาร ฯลฯ กลายเป็นงานประณีตศิลป์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเป็นที่รู้จักกันดีว่างานฝีมือใบตองและดอกไม้สดต้องเป็นงานศิลปะของคนไทย

สินค้าพื้นบ้านไทย

สินค้าพื้นบ้านไทย

          งานประดิษฐ์ใบตองและดอกไม้สดที่เรามักจะเห็นกันบ่อย ๆ อาทิ การจัดทำบายศรี, กระทงดอกไม้, กระทงลอย, พานพุ่ม, แจกันดอกไม้, ภาชนะใส่อาหาร หรือการประดับตกแต่งจานอาหาร ฯลฯ ต้องใช้ความประณีตและความคิดสร้างสรรค์ค่อนข้างมาก ผู้ทำจะต้องฝึกฝนและมีความเชี่ยวชาญในงานใบตองและดอกไม้สดพอสมควร จึงจะได้ผลงานการประดิษฐ์ใบตองและดอกไม้สดที่งดงาม ละเอียดอ่อน แต่ถึงแม้งานใบตองและดอกไม้สดจะสวยงามมากเพียงใด ก็ยังมีข้อจำกัดในเรื่องของอายุการใช้งาน

สินค้าพื้นบ้านไทย

สินค้าพื้นบ้านไทย

          ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อุษาวดี ชนสุต และคณะ ได้คัดเลือกชิ้นงานใบตองประดิษฐ์และมาลัยดอกไม้สดที่นิยมนำมาใช้ประกอบเป็นพานบายศรีกระทงลอย หรือภาชนะสำหรับใส่อาหาร ๕ ประเภท คือ ๑) ตัวบายศรี ๒) แมงดาใบตอง ๓) กลีบคอม้า ๔) มาลัยตุ้มและ ๕) มาลัยซีก

สินค้าพื้นบ้านไทย

สินค้าพื้นบ้านไทย

สินค้าพื้นบ้านไทย

สินค้าพื้นบ้านไทย

          เพื่อนำมาศึกษาการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยา ลักษณะการเสื่อมสภาพและอายุการใช้งาน พบว่าอายุใช้งานที่เหมาะสมของชิ้นงานใบตองและดอกไม้ประดิษฐ์ คือประมาณ ๑๐ วันขึ้นไป เมื่อรวมระยะเวลาเก็บรักษาที่อุณหภูมิต่ำและระยะเวลาใช้งานจริง โดยสาเหตุหลักของการเสื่อมสภาพชิ้นงานใบตองและมาลัยดอกไม้สด คือการสูญเสียน้ำทำให้ใบตองมีสีเหลืองและดอกไม้มีสีเปลี่ยนไป ทั้งนี้การใช้วิธีการฉีดพ่นสารเคลือบผิวร่วมกับการเก็บรักษาอุณหภูมิต่ำสามารถยืดอายุการใช้งานได้ดีที่สุด

สินค้าพื้นบ้านไทย

สินค้าพื้นบ้านไทย

สินค้าพื้นบ้านไทย

          การพัฒนาคุณภาพงานใบตองและดอกไม้สดประดิษฐ์ จึงเป็นศาสตร์ที่ช่วยยืดอายุการใช้งานของงานใบตองและดอกไม้สดประดิษฐ์ ด้วยการปรับปรุงหรือชะลอการเสื่อมสภาพ โดยนำกรรมวิธีและเทคโนโลยีด้านการเก็บรักษามาปรับใช้ให้เหมาะสม เพื่อให้งานใบตองและดอกไม้สดประดิษฐ์ ให้สามารถต่อยอดพัฒนาเพื่อเป็นสินค้าด้านวัฒนธรรมให้กับผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมการบริการอาหาร เช่น ร้านอาหาร ภัตตาคารใหญ่ ๆ หรือโรงแรมในต่างประเทศที่จำหน่ายอาหารไทย ได้มีโอกาสนำงานใบตองและดอกไม้สดประดิษฐ์ไปใช้งานได้มากขึ้น และความรู้ที่ได้จากการวิจัยในครั้งนี้จะเป็นการสร้างองค์ความรู้ใหม่ และสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดให้เกิดประโยชน์ในเชิงพาณิชย์และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ต่อไป 

          (ผู้วิจัย : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อุษาวดี ชนสุต สนับสนุนโดย กรมส่งเสริมวัฒนธรรม)

๕. ขนมตาลประยุกต์ ยุค ๔.๐

สินค้าพื้นบ้านไทย

          ขนมตาล ขนมพื้นบ้านที่มีมาตั้งแต่โบราณ โดดเด่นด้วยสีสันเหลืองสดใส หลังจากนึ่งสุกลองเปิดฝาเตานึ่งใหม่ ๆ เราจะได้กลิ่นหอมของตาลโตนดอ่อน ๆ มีกลิ่นหอมใบตองอันเป็นภาชนะใส่ขนมตาลอยู่ด้วยหน่อย ๆ จะเห็นผิวหน้าของขนมตาลแต่ละชิ้นขึ้นฟูดูนุ่มนิ่ม รสชาติยิ่งไม่ต้องพูดถึง มันจะหวานนิด ๆ เนื้อตาลจะนิ่มฟู ยิ่งถ้าได้มะพร้าวขูดโรยหน้า กลิ่นและรสชาติจะหอมขึ้น แค่นึกถึงก็ฟินแล้ว

สินค้าพื้นบ้านไทย

สินค้าพื้นบ้านไทย

          ขนมตาล ถือได้ว่าเป็นขนมโบราณที่ไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนักในปัจจุบัน อาจจะเป็นเพราะเนื้อตาลโตนดหายาก คนที่ทำขนมตาลได้อร่อยจริง ๆ ก็หลงเหลือน้อยแล้วในปัจจุบัน  และยังมีกระบวนการทำที่ยุ่งยาก แต่เพื่อไม่ใช้ขนมไทยอันเป็นสิ่งบ่งชี้ถึงวิถีชีวิตแบบไทยพื้นบ้านสูญหายไป จ่าอากาศเอกหญิง เดือนเต็ม ทิมายงค์ จึงได้ทำการศึกษาค้นคว้าเพื่อพัฒนาต้นแบบและกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์แป้งขนมตาลกึ่งสำเร็จรูป จากภูมิปัญญาขนมไทยโบราณที่มีรสชาติและสัมผัสตามต้นฉบับ เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีขนมตาลที่มีความเป็นมาตรฐานสากลแก่ชุมชนท้องถิ่น และเพื่อส่งเสริมและเผยแพร่วัฒนธรรมการรับประทานขนมไทย อันเป็นเอกลักษณ์ของไทยโบราณ แก่เยาวชนไทยและชาวต่างประเทศ

สินค้าพื้นบ้านไทย

สินค้าพื้นบ้านไทย

สินค้าพื้นบ้านไทย

          ใช้สูตรขนมตาลแบบดั้งเดิมนำมาพัฒนาสูตรขนมตาลใหม่ จำนวน ๒ สูตร ได้แก่ สูตรขนมตาลแบบประยุกต์ และผลิตภัณฑ์แป้งขนมตาลกึ่งสำเร็จรูป ในส่วนสูตรขนมตาลแบบประยุกต์ เป็นการนำสูตรขนมตาลแบบดั้งเดิมที่ปรุงสุกโดยการนึ่ง มาเปลี่ยนกะทิสดให้เป็นกะทิยูเอชที และเพิ่มแป้งเชื้อ (แป้งสาลี ยีสต์ และน้ำตาลทราย) เพื่อควบคุมคุณภาพและลดระยะเวลาการหมักส่วนผสมลงจาก ๑๒ ชั่วโมง เหลือ ๔๕ นาที

สินค้าพื้นบ้านไทย

          ส่วนของผลิตภัณฑ์แป้งขนมตาลกึ่งสำเร็จรูป เป็นการนำสูตรขนมตาลแบบประยุกต์มาเพิ่มส่วนผสมที่มีผลต่อเนื้อสัมผัส ได้แก่ น้ำมันพืช ผงฟู และสารไฮโดรคอลลอยด์ ทำการหมักเหมือนกับสูตรขนมตาลแบบประยุกต์ และใช้การปรุงสุกส่วนผสม ๔๐ กรัม ด้วยเตาอบไมโครเวฟ กำลังไฟฟ้า ๘๐๐ วัตต์ เป็นเวลา ๔๐ วินาที แทนการนึ่งสุก

          จากนั้นการทดสอบการยอมรับของผู้บริโภค โดยสูตรและผลิตภัณฑ์ที่พัฒนา ยังคงรักษารสชาติแบบไทยแท้ และยังเป็นการช่วยเพิ่มความต้องการผลผลิตตาล ซึ่งจะช่วยรักษาพื้นที่การเพาะปลูกต้นตาลให้คงอยู่ได้

สินค้าพื้นบ้านไทย

สินค้าพื้นบ้านไทย

          อีกทั้งยังนำผลงานมาถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อให้ชุมชนนำไปใช้ประโยชน์ได้ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาเทคโนโลยี และยังส่งผลงานเข้าร่วมการประกวดนวัตกรรมระดับนานาชาติ ภายในงาน The Taipei International Invention Show & Technomart (INST 2015) ณ กรุงไทเป ประเทศไต้หวัน ผลจากการเข้าร่วมการประกวดนวัตกรรมระดับนานาชาติผลิตภัณฑ์นี้ สามารถได้รับเหรียญทองแดง ซึ่งเป็นรางวัลในระดับนานาชาติ เป็นที่น่าภาคภูมิใจของขนมไทยอย่างยิ่ง สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสูตรขนมตาลแบบประยุกต์ได้ที่ research.culture.go.th

          (ผู้วิจัย : จ่าอากาศเอกหญิง เดือนเต็ม ทิมายงค์ สนับสนุนโดย กรมส่งเสริมวัฒนธรรม)

๖. ผลิตภัณฑ์จากกะลามะพร้าว บ้านควนขนุน จังหวัดพัทลุง

          ในพื้นที่ภาคใต้ของไทยสมัยก่อน แทบจะทุกครัวเรือนที่มีต้นมะพร้าวอยู่ในบริเวณบ้าน ซึ่งต้องบอกว่าคุณภาพของทั้งน้ำมะพร้าวกินสดและกะทิสดของไทย รสชาติอร่อยและดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว อีกทั้งยังสามารถนำไปทำเป็นน้ำมันมะพร้าว ซึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าน้ำมันปกติทั่วไปได้อีกด้วย

          ในอดีตเมื่อเราเอาน้ำมะพร้าวและเนื้อมะพร้าวออกมาแล้ว ก็จะเหลือกะลา ชาวบ้านก็จะนำกะลาไปทิ้ง ซึ่งไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใด ๆ จนมีการนำไปประดิษฐ์เป็นจับปิ้งเพื่อห้อยเป็นเครื่องปกปิดอวัยวะเพศของเด็ก และยังนำมาทำเป็นของใช้สอยในบ้าน อาทิ ขันตักน้ำ, กระบวยตักน้ำ, ป้อยตวงข้าวสาร หรือภาชนะใส่อาหาร ฯลฯ

สินค้าพื้นบ้านไทย
ภาพจาก phatthalung.go.th

          ปัจจุบันได้มีการพัฒนานำกะลามะพร้าวมาสร้างคุณค่า ด้วยการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ทั้งเครื่องใช้ในครัวเรือน, เครื่องตกแต่งบ้าน, เครื่องประดับ, เครื่องแต่งกายสุภาพสตรี, กระเป๋าถือสุภาพสตรี, เข็มขัด, เข็มกลัดปั่นปักผม, โคมไฟฟ้าสามขา และตะเกียงเจ้าพายุ โดยเฉพาะที่บ้านควนขนุน จังหวัดพัทลุง ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์กะลามะพร้าว โดยหากะลามะพร้าวที่มีในพื้นที่นำมาปะดิษฐ์เป็นผลิตภัณฑ์อย่างสวยงาม และสามารถใช้งานได้จริง มีหลากหลายผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้าได้เลือกซื้อและนำไปใช้ประโยชน์ โดดเด่นในเรื่องของรูปลักษณ์ ดีไซน์ของผลิตภัณฑ์ที่สวยเก๋ไม่เหมือนที่ไหน

          จากการที่กะลามะพร้าวเป็นวัสดุธรรมชาติ ทำให้เหมาะแก่การนำไปตกแต่งบ้านหรือรีสอร์ท เพื่อสร้างบรรยากาศให้ผ่อนคลาย และยังไม่ก่อมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย เมื่อเกิดการพัฒนาจนกลายเป็นความต้องการของตลาดในยุคสมัยใหม่ กะลามะพร้าวก็สามารถสร้างรายได้ให้กับชมชนได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

          สำหรับผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์จากกะลามะพร้าว บ้านควนขนุน จังหวัดพัทลุง สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์หัตถกรรมกะลามะพร้าวและสินค้า OTOP อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง โทรศัพท์ 0 7468 1217 หรือสำนักงานพัฒนาชุมชน อำเภอควนขนุน โทรศัพท์ 0 7468 2000

๗. กระจูด : กลุ่มสตรีผลิตภัณฑ์กระจูด จังหวัดพัทลุง

          สมัยก่อนหากเราไปพบต้นกระจูดในท้องไร่ท้องนา ก็คงจะเมินเฉยและมองว่าเป็นเพียงวัชพืชไร้คุณค่า บางทียังตัดทิ้งและปล่อยให้ย่อยสลายไปตามธรรมชาติอีกด้วยซ้ำ แต่จากภูมิปัญญาของชาวบ้านในภาคใต้ ได้ลองผิดลองถูก เริ่มนำต้นกระจูดมาเป็นวัสดุในการทำเครื่องจักรสาน ซึ่งก็พบว่าสามารถนำมาทำได้เหมือนกับต้นกก

          อีกทั้งผลิตภัณฑ์จากกระจูดยังมีความนุ่มเหนียว คงทน เหมาะแก่การนำมาทำเครื่องจักรสานในรูปแบบต่าง ๆ จากข้าวของเครื่องใช้ในครัวเรือนเล็ก ๆ ก็ได้ขยายและต่อยอดให้กลายเป็นสินค้าไทยคุณภาพดี โดยเฉพาะเสื่อกระจูดหรือสาดกระจูด จากกลุ่มสตรีผลิตภัณฑ์กระจูด ตำบลทะเลน้อย อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง ที่ได้มีการพัฒนารูปแบบของเสื่อกระจูดและผลิตภัณฑ์สินค้าอื่น ๆ ให้มีรูปทรงที่ทันสมัย สีสันสวยงามตามแบบสมัยนิยมในปัจจุบัน

สินค้าพื้นบ้านไทย
ภาพจาก phatthalung.go.th

          นอกจากนี้สิ่งที่ทำให้ผลิตภัณฑ์กระจูด จังหวัดพัทลุง แตกต่างจากที่อื่นก็คือการเลือกต้นกระจูดที่มีคุณภาพ ประกอบกับกระบวนการทำผลิตภัณฑ์กระจูดที่พิถีพิถันในทุกขั้นตอน และการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้สวยงาม เข้ากับรสนิยมของคนยุคใหม่ ซึ่งตอบโจทย์ต่อกลุ่มลูกค้าในปัจจุบัน ต่อยอดให้นำไปประยุกต์ตกแต่ง และใช้งานในรีสอร์ท หรือโรงแรมระดับ 5 ดาว ได้อย่างดีเยี่ยม อันเป็นการสร้างรายได้กลับคืนสู่ชุมชนมหาศาล ส่งเสริมให้ชาวบ้านมีรายได้อย่างยั่งยืน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ phatthalung.go.th

๘. ผลิตภัณฑ์สิ่งประดิษฐ์จากไม้ไผ่ บ้านกลาง จังหวัดลำพูน

          ไม้ไผ่ เป็นไม้ที่เราสามารถหาได้ง่ายตามท้องถิ่น ซึ่งในสมัยก่อนเราจะเห็นป่าไผ่เยอะมาก ๆ ในพื้นที่ป่าเขา ชาวบ้านมักจะไปหาหน่อไม้เพื่อนำมาต้มกิน ส่วนตัวไม้ไผ่ก็นำมาสร้างที่อยู่อาศัย ทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ รวมทั้งประดิษฐ์เป็นเครื่องจักรสานเพื่อใช้สอยในครัวเรือน ต่อมาเมื่อมีการนำต้นไผ่มาปลูกตามบ้านเรือน เพื่อประดับตกแต่ง ไม้ไผ่ก็ได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น ยิ่งในปัจจุบันมีสถาปนิกนำไม้ไผ่ไปต่อยอดทำเป็นบ้าน อาคาร และรีสอร์ทสุดเก๋ไก๋ ก็ยิ่งทำให้ไม้ไผ่มีคุณค่าไม่ต่างจากไม้ชนิดอื่น ๆ เลยทีเดียว

สินค้าพื้นบ้านไทย
ภาพจาก banklanglp.go.th

          ในเมืองไทยก็มีการพัฒนานำไม้ไผ่มาทำเครื่องจักรสาน อย่างที่ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน ชาวบ้านได้รวมตัวกันผลิตงานหัตถกรรมจากไม้ไผ่ พัฒนารูปแบบของผลิตภัณฑ์ให้ทันสมัยและใช้งานได้จริง ประกอบกับชาวบ้านคดเลือกไม้ไผ่อย่างพิถีพิถัน และใช้ความประณีตในการจักรสานงานแต่ละชิ้น จึงทำให้ผลิตภัณฑ์สิ่งประดิษฐ์จากไม้ไผ่ของที่นี่แตกต่าง และได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าในปัจจุบัน

สินค้าพื้นบ้านไทย
ภาพจาก banklanglp.go.th

          สินค้าจากไม้ไผ่ที่โดดเด่นของบ้านกลาง จังหวัดลำพูน อาทิ กระด้ง, แจกัน, น้ำทุ่ง, ที่รองแก้ว หรือของที่ระลึก เป็นต้น ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ banklanglp.go.th

๙. หมอนขวานผ้าขิด ชุมชนบ้านศรีฐาน จังหวัดยโสธร

สินค้าพื้นบ้านไทย

          ไปอีสานทีไรอดใจไม่ได้ที่จะซื้อหมอนขวานผ้าขิดของชาวยโสธรมาเก็บไว้ที่บ้าน เพราะถูกใจทั้งลวดลายของผ้าขิด และยังสามารถนำมาใช้งานได้อย่างดีเยี่ยม จะเอามาฝากเพื่อนคนไทยหรือต่างชาติ ล้วนก็ถูกอกถูกใจกันทั้งสิ้น แต่กว่าจะมาเป็นหมอนขวานผ้าขิดได้นั้น เราก็ต้องทอผ้าขิดมาเสียก่อน ซึ่งจะมีวิธีการทอที่ยากมาก ต้องประณีตและพิถีพิถัน มีเทคนิคการทอที่ซับซ้อน ใช้เวลาค่อนข้างนาน ผู้ทอจะต้องมีความอดทนและละเอียดจึงจะได้ลวดลายสวยงาม

สินค้าพื้นบ้านไทย

สินค้าพื้นบ้านไทย
         
          จากผ้าขิดสู่การต่อยอดมาทำหมอนขิด โดยเริ่มแรกนั้นเป็นเพียงหมอนอิงที่เรียกว่า "หมอนขวาน" ซึ่งใช้ผ้าขิดมาตัดเย็บให้เป็นรูปทรงสามเหลี่ยม เรียงซ้อนกันมากกว่า 10 ชั้น ด้านในยัดนุ่นธรรมชาติ ซึ่งนอกจากจะมีรูปลักษณ์ที่สวยงามแปลกตาแล้ว ก็ยังนิ่ม หนุนสบาย สามารถใช้ประโยชน์ทั้งพิงจากด้านข้างและจากด้านหลัง

          ชุมชนบ้านศรีฐาน จังหวัดยโสธร มีการทำหมอนขวานผ้าขิดมาอย่างต่อเนื่องหลายสิบปี ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น จนปัจจุบันได้พัฒนารูปแบบของหมอนขิดให้มีรูปทรงทันสมัย และมีสีสันสวยงาม เหมาะแก่การนำไปใช้งานในแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหมอนขวาน, หมอนรองคอ, หมอนรับไหว้งานแต่งงาน, หมอนขวานติดเบาะนั่ง หรือเบาะนอน, ที่นอนลูกระนาด, หมอนอิง, หมอนมะเฟือง, หมอนกระดูก หรือหมอนมะละกอ เป็นต้น

สินค้าพื้นบ้านไทย

          สำหรับผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์หมอนขวานผ้าขิด ชุมชนบ้านศรีฐาน จังหวัดยโสธร สามารถสั่งซื้อสินค้าได้โดยตรงที่ชุมชนบ้านศรีฐาน ตำบลศรีฐาน อำเภอป่าติ้ว จังหวัดยโสธร จะมีร้านค้าจำหน่ายหมอนขวานผ้าขิดตั้งเรียงรายอยู่เต็มสองฟากฝั่งถนน หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดยโสธร โทรศัพท์ 0 4571 2664

๑๐. ผ้าหม้อห้อมเมืองแพร่ จังหวัดแพร่

          ผ้าหม้อห้อม เริ่มกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง เพราะได้มีการประยุกต์นำไปตัดทอในรูปแบบที่ทันสมัย เข้ากับยุคในปัจจุบัน ทำให้ใคร ๆ ก็ใส่ได้ ใส่แล้วจะดูชิค ดูเก๋ ใส่ไปเที่ยวก็ได้ ใส่ไปทำงานก็ดูดี ถ่ายเซลฟี่มุมไหนก็ดูเก๋ไปเสียหมด

          ซึ่งแต่เดิมนั้นผ้าหม้อห้อมชาวบ้านจะใส่เพื่อการออกไปทำไร่ทำนา เพราะมีสีคล้ำไม่ดูเลอะง่าย โดยเนื้อผ้าก็จะย้อมมาจากต้นฮ่อมหรือห้อม เป็นไม้ล้มลุกในท้องถิ่น ให้สีครามเข้ม ผ้าหม้อห้อมที่โดดเด่นที่สุดจะอยู่ที่บ้านทุ่งโฮ้ง อำเภอเมืองแพร่ เพราะเป็นถิ่นฐานของชาวไทยพวน ซึ่งเป็นผู้นำการย้อมครามผ้าหม้อห้อมเข้ามาสู่เมืองไทย 

สินค้าพื้นบ้านไทย

          ผ้าหม้อห้อม บ้านทุ่งโฮ้ง แห่งเมืองแพร่มีการทำสืบทอดกันมายาวนานมากกว่า ๑๐๐ ปี โดยปัจจุบันก็ยังคงรักษาวิธีการย้อมผ้าแบบดั้งเดิมไว้ให้ลูกหลานและคนทั่วไปที่สนใจได้ศึกษาและเข้าเที่ยวชม

สินค้าพื้นบ้านไทย

          หลังจากที่มีการพัฒนาผ้าหม้อห้อมให้มีรูปแบบที่สวยงามและทันสมัย จากผืนผ้าธรรมดาที่ทำใส่กันแค่ในครัวเรือน ก็กลายมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่นักท่องเที่ยวต่างเรียกหา เพราะเสื้อหม้อห้อมและผลิตภัณฑ์จากหม้อห้อมนั้นใส่สบาย และเข้ากับบรรยากาศสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองไทย ถ่ายรูปชิค ๆ ได้เพียบ

สินค้าพื้นบ้านไทย

          และจากการศึกษาถึงพัฒนาการผ้าหม้อห้อมของ นางจารุวรรณ ขำเพชร และนางสาววรวิญา พนาฤกษ์ไพร ก็ได้พบว่าอดีตผ้าหม้อห้อมจะใส่เพื่อการประกอบอาชีพเท่านั้น เพราะมีสีเข้ม แต่ปัจจุบันได้มีการนุ่งใส่กันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากพัฒนาการที่สำคัญในเชียงใหม่ โดยช่วงแรกในปี พ.ศ. ๒๔๖-๒๕๐๑ อาจารย์ไกรศรี นิมมานเหมินทร์ ได้เป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงส่งแขก ซึ่งมีการจัดเลี้ยงแบบขันโตก และระบุให้แขกที่มาร่วมงานแต่งกายด้วยเสื้อหม้อห้อมมาร่วมงาน กลายเป็นเครื่องนุ่งห่มที่แพร่หลายพอสมควรในหมู่ชนชั้นนำของเชียงใหม่

          ต่อมาในช่วงที่ ๒ พ.ต.อ.นิรันดร ชัยนาม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในปี พ.ศ. ๒๕๐๓ ได้นำข้าราชการ พ่อค้า และประชาชน แต่งกายพื้นเมืองในวันสงกรานต์ และในการถวายการต้อนรับองค์พระประมุขของชาติและพระอาคันตุกะหลายครั้ง ผ้าหม้อห้อมจึงเริ่มกลับมาได้รับความนิยมและแพร่หลายอย่างมากมาจนถึงปัจจุบัน และยังมีการส่งออกต่างประเทศอีกด้วย ซึ่งมีการระบุว่าเสื้อหม้อห้อมแบบดั้งเดิมนั้นต้องมาจากบ้านทุ่งโฮ้ง อำเภอเมือง จังหวัดแพร่

          (ผู้วิจัย : นางจารุวรรณ ขำเพชร และนางสาววรวิญา พนาฤกษ์ไพร อ้างอิงจาก research.culture.go.th)  

          สินค้าทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นสินค้าพื้นบ้าน อันเกิดจากภูมิปัญญาของคนไทยทั้งสิ้น ซึ่งเมื่อนำไอเดียใส่ลงไปในชิ้นงานพื้นบ้าน จากสินค้าธรรมดาก็กลายเป็นสินค้าที่ทรงคุณค่า น่าใช้สอย เข้ากับสมัยนิยม ซึ่งเป็นการสร้างรายได้กลับคืนสู่ชุมชนได้อย่างดี ทำให้ชาวบ้านยืนด้วยลำแข้งตัวอย่างอย่างมั่นคงและยั่งยืน ใครผ่านไปในละแวกชุมชนเหล่านี้ ก็อย่าลืมแวะไปเที่ยวชมกันนะคะ :) 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม, วัดดอนมะนาว, khaoyoi-thaisongdam.com, museumthailand.com, handicrafttourism.com, phatthalung.go.th, banklanglp.go.th, qsds.go.th, research.culture.go.th
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
๑๐ สินค้าพื้นบ้านไทย จับใส่ไอเดีย สร้างรายได้และความสุขสู่ชุมชน อัปเดตล่าสุด 18 มิถุนายน 2561 เวลา 18:50:26 281,498 อ่าน
TOP