เนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก อำเภอเล็ก ๆ ที่ธรรมชาติไม่เล็กตาม เป็นเหมือนดินแดนสวรรค์สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสูดอากาศบริสุทธิ์และสัมผัสวิถีชีวิตที่เรียบง่าย
เนินมะปราง อำเภอเล็ก ๆ ในจังหวัดพิษณุโลก โอบล้อมด้วยธรรมชาติแห่งขุนเขาที่เขียวชอุ่ม สูงตระหง่านเป็นที่เตะตาต้องใจ เหล่านี้ถือเป็นเอกลักษณ์ที่ยั่วยวนให้นักท่องเที่ยวต่างอยากมาสัมผัสให้เห็นกับตาตัวเองสักครั้ง นอกจากความสวยงามทางธรรมชาติแล้ว วิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ก็สวยงามไม่แพ้กัน เหมือนกับที่นิตยสาร Weekend ฉบับเดือนพฤษภาคม 2016 ได้ถ่ายทอดความสวยงามของเนินมะปรางมาให้เราได้ดูกัน คุณจะรู้เลยว่าที่นี่ยังคงเป็นอาณาเขตพื้นที่ธรรมชาติที่บริสุทธิ์ และมีแหล่งท่องเที่ยวอันซีนซ่อนตัวอยู่มากมาย ลองถ้าใครได้ไปเที่ยวที่เนินมะปรางแล้วไม่มีทางที่คุณจะไม่ตกหลุมรักอย่างแน่นอน ถ้าพร้อมที่จะตกหลุมรักแล้วละก็ เราไปเที่ยวเนินมะปรางพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
เนินมะปราง อำเภอเล็ก ๆ ในจังหวัดพิษณุโลก โอบล้อมด้วยธรรมชาติแห่งขุนเขาที่เขียวชอุ่ม สูงตระหง่านเป็นที่เตะตาต้องใจ เหล่านี้ถือเป็นเอกลักษณ์ที่ยั่วยวนให้นักท่องเที่ยวต่างอยากมาสัมผัสให้เห็นกับตาตัวเองสักครั้ง นอกจากความสวยงามทางธรรมชาติแล้ว วิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ก็สวยงามไม่แพ้กัน เหมือนกับที่นิตยสาร Weekend ฉบับเดือนพฤษภาคม 2016 ได้ถ่ายทอดความสวยงามของเนินมะปรางมาให้เราได้ดูกัน คุณจะรู้เลยว่าที่นี่ยังคงเป็นอาณาเขตพื้นที่ธรรมชาติที่บริสุทธิ์ และมีแหล่งท่องเที่ยวอันซีนซ่อนตัวอยู่มากมาย ลองถ้าใครได้ไปเที่ยวที่เนินมะปรางแล้วไม่มีทางที่คุณจะไม่ตกหลุมรักอย่างแน่นอน ถ้าพร้อมที่จะตกหลุมรักแล้วละก็ เราไปเที่ยวเนินมะปรางพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
เขาเล่าว่า...เมืองไทยมีดินแดนสวรรค์แห่งความสงบซ่อนอยู่ เราจึงพาทุกคนไปเยือนเมืองสวรรค์เล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่ในจังหวัดพิษณุโลก นั่นก็คือ "อำเภอเนินมะปราง"
ทริปนี้เราร่วมเดินทางกับเพื่อนสาวหนึ่งคน โดยมีวิธีการเดินทางหลัก ๆ คือนั่งรถไฟ-รถสองแถว-รถโดยสาร-รถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง และวิถีที่สายแบ็คแพ็กเกอร์ไม่ควรพลาด นั่นก็คือการโบกรถ !
ปู๊น ปู๊น ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง... เราเริ่มการเดินทางด้วยรถไฟด่วนพิเศษสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ (ลงพิษณุโลก) รอบ 22.00 น. ที่สถานีหัวลำโพง เราหลับ ๆ ตื่น ๆ ตลอดทาง ไม่รู้เพราะเสียงรถไฟแล่นดังหรือตื่นเต้นที่ได้นั่งรถไฟเป็นครั้งแรกก็ไม่รู้ กว่า 7 ชั่วโมง ในที่สุดรถไฟก็มาจอดเทียบชานชาลาที่สถานีรถไฟเมืองพิษณุโลกตอนตี 5 แม้จะเช้าอยู่แต่บริเวณหน้าสถานีรถไฟก็มีตลาดเช้าให้พวกเราได้หาอะไรอร่อย ๆ กินรองท้องเพียบ
เรากินกันจนอาการหนังท้องตึงเริ่มกำเริบ แต่จะหลับไม่ได้เด็ดขาด เพราะต้องออกเดินทางกันต่อ เรานั่งรถสองแถวจากหน้าสถานีรถไฟไป บขส. (เก่า) เพื่อซื้อตั๋วรถไป "เนินมะปราง" โดยรถสายพิษณุโลก-เนินมะปราง จะมาทุก ๆ 1-2 ชั่วโมง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ก่อนถึงอำเภอเนินมะปราง เรามาทำความรู้จักอำเภอนี้กันสักนิด
อำเภอเล็ก ๆ นี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของจังหวัดพิษณุโลก ห่างจากตัวเมืองประมาณ 68 กิโลเมตร เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ก่อตั้งมาประมาณ 40 กว่าปี ลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่ เป็นภูเขาหินปูนอายุกว่า 300 ล้านปี มีหน้าผาสูงชันที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำฝน จึงเกิดเป็นถ้ำต่าง ๆ มากมาย ชาวบ้านอำเภอเนินมะปรางส่วนใหญ่จะมีอาชีพเกษตรกรรม ทำนา ทำไร่ และเพาะปลูก โดยใช้ชีวิตอยู่อย่างเรียบง่าย เราสองคนลงจากรถมายืนงง ๆ ว่าจะเดินทางกันต่อด้วยวิธีไหนดี สุดท้ายก็เลยเดินไปที่สถานีตำรวจเพื่อประชาชน ซึ่งเป็นจุดจอดรถพอดี และสะดุดกับคำว่า "ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว" จากที่สอบถามข้อมูลพี่ตำรวจแนะนำให้เรานั่งรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง
พาเที่ยวบริเวณรอบ ๆ ตำบลบ้านมุง เพราะที่นี่ยังไม่มีร้านให้เช่ารถมอเตอร์ไซค์หรือจักรยาน ดังนั้นการเหมารถมอเตอร์ไซค์รับจ้างพาเที่ยวแต่ละสถานที่เป็นวิธีที่สะดวกที่สุด โดยราคาอยู่ที่ประมาณ 300 บาท (ซึ่งราคาก็พอจะต่อรองกันได้) แต่เรากับเพื่อนจ้างให้ไปส่งแค่วัดบ้านมุง เพราะหลังจากนี้พวกเราจะออกตะลุยกันเอง จะได้สัมผัสกับผู้คนอย่างใกล้ชิด ระยะทางจากสถานีตำรวจมาถึงวัดบ้านมุง ประมาณ 7-8 กิโลเมตร บริเวณใกล้ ๆ วัดบ้านมุงจะมีถ้ำอยู่ 2 ถ้ำ คือถ้ำนางสิบสอง และถ้ำหลวงพ่อบุญมี ที่อยู่ทางขวามือ ซึ่งหากเพื่อน ๆ มีเวลาสามารถรอชมฝูงค้างคาวบินออกจากถ้ำเป็นสายคดโค้งยาวหลายกิโลเมตร ตั้งแต่ช่วงเวลา 18.00-19.00 น. ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งใน Unseen ของอำเภอเนินมะปรางเลยล่ะ
หลังจากนั้นเรากับเพื่อนก็เดินเที่ยวสัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้านบริเวณรอบตำบลบ้านมุง บรรยากาศของที่นี่เป็นพื้นที่ที่มีภูเขาหินปูนสลับซับซ้อนทอดยาวอยู่รอบตัว เห็นแล้วอยากจะยกวิวนี้ไปไว้ที่หลังบ้านตัวเองจริง ๆ หลังจากถ่ายรูปเล่นกับเพื่อนได้สักพักก็มีพี่คนหนึ่งเข้ามาทักทายพวกเรา พี่คนนี้คือ "พี่ตุ่น" ซึ่งพี่เขาเป็นผู้บุกเบิกและประชาสัมพันธ์ให้อำเภอเนินมะปรางเป็นแหล่งท่องเที่ยวจนมีชื่อเสียงอย่างทุกวันนี้ และด้วยความโชคดีพี่ตุ่นอาสาพาเราสองคนเที่ยวรอบ ๆ ตำบลบ้านมุง ชมวิวทิวทัศน์ภูเขาเสาหิน ที่ล้อมรอบไปด้วยทุ่งนา และทุ่งข้าวโพด เห็นแบบนี้แล้วบอกตรง ๆ ว่าชักเริ่มตกหลุมรักที่นี่แล้วจริง ๆ
เพลิดเพลินกับบรรยากาศที่บ้านมุงกันจนเต็มอิ่ม เราเตรียมตัวเดินทางไปสถานที่ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดทริปนี้ นั่นเพราะภาพที่มีต้นไม้ใหญ่ ๆ มีชิงช้า สามารถมองเห็นวิวเขียว ๆ แบบ 180 องศา เพียงหนึ่งภาพทำให้เราสะดุดตาและเกิดคำถามว่าที่นี่คือที่ไหนกัน ประเทศไทยมีอะไรแบบนี้ด้วยหรือ ? วินาทีนั้นก็บอกกับตัวเองว่า "ต้องไปที่นี่ให้ได้" จึงหาข้อมูลจนได้รู้ว่าชิงช้าบนต้นไม้ใหญ่นี้คือ "บ้านสวนชมวิว" ภูรักไทย ตำบลชมพู อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก นั่นเอง
เราอำลาพี่ตุ่นแล้วมารอรถโดยสารอีกครั้ง เพื่อจะขึ้นรถสายเนินมะปราง-พิษณุโลก นั่งไปลงแยกน้ำปาด (น้ำปาดพิษณุโลกนะคะ ไม่ใช่ที่อุตรดิตถ์) แต่เวลาผ่านไปนานมาก ๆ รถก็ไม่มาสักที ในขณะที่เวลาใกล้ค่ำกำลังจะมาเยือน เรากับเพื่อนเลยตัดสินใจ "โบกรถ" โบกอยู่สักพักก็มีรถกระบะคันหนึ่งผ่านมา ซึ่งมีคุณลุงและคุณป้าผู้ใจดีอยู่ในรถ เหมือนโชคเข้าข้างพวกเรา ท่านทั้งสองอาสาไปส่งเราถึงที่หมาย เพราะบ้านของคุณลุงคุณป้าอยู่ใกล้กับบ้านสวนชมวิวพอดี ทั้งนี้ต้องขอบคุณคุณลุงและคุณป้ามาก ๆ นะคะ ที่มาส่งพวกเราจนถึงที่พัก (แต่หากเพื่อน ๆ ไม่สามารถโบกรถได้จริง ๆ สามารถโทรแจ้งทางที่พักให้คนมารับที่แยกน้ำปาดได้ค่ะ อาจจะต้องเสียค่าบริการเล็กน้อย เพราะเส้นทางต้องขึ้นเขาบางส่วน) หลังจากวันนี้เดินทางเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว คืนนี้เลยขอชาร์จแบตให้กับร่างกาย เก็บแรงไว้ไปสูดอากาศบริสุทธิ์ ให้ชุ่มปอดในวันพรุ่งนี้ให้เต็มอิ่มแต่หัวค่ำดีกว่า
สวัสดีเช้าวันใหม่ เราตื่นกันแต่เช้า (ต่างกับเวลาทำงานที่นอนครบ 8 ชั่วโมง ยังไม่อยากจะตื่นเลย) เพื่อมาดื่มด่ำกับบรรยากาศดีหลังฝนตกหนักเมื่อคืน ทำให้เช้านี้มีหมอกอ่อน ๆ ลอยอ้อยอิ่ง บรรยากาศสวย ๆ ตรงหน้าเราขอลิสต์ให้เป็นที่พักราคาหลักร้อย แต่วิวราคาหลักล้าน แถมยกกำลังสองและคูณให้อีกสามเลย เพราะภาพตรงหน้า ทำให้รู้สึกว่าประเทศไทยสวยงามมาก สวยงามจนอยากจะหยุดเวลาไว้กับบรรยากาศและวิว 180 องศา ในมุมสูงนี้ หากยืนบนชิงช้าแล้วมองลงไปจะเห็นวิวของตำบลบ้านมุง เห็นวิวภูเขาหินปูนสลับกันไปมา หากมองไปไกล ๆ ทางซ้ายจะเป็นเขาค้อ และตรงใกล้ ๆ เขาค้อที่มีหมอกหนา ๆ นั้นคือวิวของภูทับเบิก ซึ่งเป็นสองสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดเพชรบูรณ์ มาที่นี่ที่เดียวแต่ได้เห็นวิวตั้งสองจังหวัด
ช่วงเวลานี้เรากับเพื่อนบอกได้เลยว่าสามารถสัมผัสได้ถึงความสงบและความสบายใจเอามาก ๆ หลังจากที่เรากับเพื่อนนั่งจิบกาแฟ ชมวิว และถ่ายภาพอย่างเพลิน ๆ จู่ ๆ ก็เหมือนได้ยินเสียงเทเลทับบี้แว่วมาในหัวว่า "หมดเวลาสนุกแล้วสิ..." งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ถึงเวลาเก็บกระเป๋า พร้อมโบกมือลาอำเภอเนินมะปราง เมืองสวรรค์เล็ก ๆ แห่งนี้แล้ว ขากลับโชคก็เข้าข้างอีกครั้ง เราพบพี่สองคนแวะมาถ่ายรูปวิวที่นี่ พวกเราคุยกันถูกคอพี่ ๆ เลยอาสาไปส่งที่สถานีขนส่งจังหวัดพิษณุโลก เพื่อให้เรานั่งรถทัวร์กลับกรุงเทพฯ ความสุขที่อัดแน่นอยู่ในใจ ทำให้เราสัญญากับตัวเองว่าจะกลับมาเยือนเมืองสวรรค์เล็ก ๆ แต่เต็มไปด้วยจิตใจของผู้คนที่ไม่เล็กแห่งนี้อีกครั้ง แล้วพบกันใหม่นะ "เนินมะปราง...ดินแดนสวรรค์ของประเทศไทย"
งบประมาณ
+ ค่ารถไฟไปพิษณุโลก : 309 บาท
+ ค่ารถสองแถวไป บขส. (เก่า) : เหมาทั้งคัน 60 บาท (หารกับเพื่อน 2 คน คนละ 30 บาท)
+ ค่ารถโดยสารไปเนินมะปราง : 70 บาท
+ ค่ารถมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปวัดบ้านมุง : 50 บาท
+ ค่าที่พักบ้านสวนชมวิว ภูรักไทย : 200 บาท/คน
+ ค่ารถทัวร์กลับกรุงเทพฯ : 270 บาท
+ ค่าอาหาร-น้ำ : 400 บาท
รวมคนละ 1,329 บาท
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก