
เที่ยวเชียงใหม่หน้าร้อนที่ "ป่าสนวันจันทร์" และ "แม่กำปอง" ชื่นชมบรรยากาศธรรมชาติที่สวยงาม ชวนน่าหลงใหลไม่แพ้หน้าหนาว
ช่วงฤดูกาลเที่ยวเชียงใหม่ยอดนิยม เห็นจะหนีไม่พ้นช่วงหน้าหนาว แต่ใครจะคิดว่าช่วงหน้าร้อนแบบนี้ก็เที่ยวเชียงใหม่ได้เหมือนกันนะ แถมยังให้อารมณ์ความสนุกคนละแบบอีกด้วย เพราะเชียงใหม่ไม่ได้มีแต่แค่ทะเลหมอกตระการตาเท่านั้น แต่ยังมีธรรมชาติสวย ๆ ไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวให้มาพักผ่อนคลายร้อนอีกด้วย
เหมือนกับที่ คุณ PreferPeace สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ได้มีโอกาสแอ่วเหนือขึ้นเชียงใหม่ โดยจุดหมายปลายทางครั้งนี้อยู่ที่ป่าสนวัดจันทร์และบ้านแม่กำปอง เปิดโอกาสให้ร่างกายได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ พร้อมสัมผัสกับขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมดั้งเดิมของพื้นที่ ตลอดจนได้พบเห็นสิ่งต่าง ๆ รอบตัว แม้ในบางครั้งสภาพอากาศ (ร้อน) อาจไม่เป็นใจไปบ้างก็ตาม จะช้าอยู่ทำไม...ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเดินทางทริปนี้ด้วยกันนะคะ
++++++++++++++++
ถ้าพูดถึง "เชียงใหม่" ใคร ๆ ก็พากันไปช่วงหน้าหนาว แต่คราวนี้เราจะพาไปแอ่วเชียงใหม่หน้าร้อนที่ไม่ร้อนอย่างที่คิด เพราะเราเอาชีวิตไปอยู่ในป่าเขา ให้เขาโอบล้อมเราด้วยธรรมชาติ เอาชนะใจตัวเองด้วยการเดินทางผ่านโค้งนับพัน และทางลาดชันที่ทำให้เราเสียวไส้__________________________________
ทริปนี้เรามีตั๋วเครื่องบินแอร์เอเชียเชียงใหม่-กรุงเทพฯ อยู่ในมือแล้ว จากการจองตั๋วโปรฯ ตั้งแต่ปีที่แล้วในราคา 590 บาท ตอนนั้นก็จองไปเรื่อย อยากจองก็จอง ไม่มีแพลนอะไร ตอนนี้พอใกล้ถึงวันเดินทางก็วางแผนเที่ยวแบบคร่าว ๆ หาที่ไปสักแห่ง ที่ที่มีแต่ธรรมชาติรอบตัวเรา จนมาพบกับ "ป่าสนวัดจันทร์" และ "แม่กำปอง" ที่ซึ่งอยู่กันคนละฟากของเชียงใหม่ แต่ก็ไม่ไกลเกินเอื้อม เราตกลงปลงใจไปป่าสนวัดจันทร์ในวันแรก และต่อด้วยแม่กำปองในวันต่อไปค่ะ ^^
พร้อมแล้วก็เก็บกระเป๋าเอาไปแค่ใจกับเงิน เดินทางโดยรถทัวร์รอบดึกถึงเชียงใหม่เช้ากับสมบัติทัวร์ด้วยตั๋วราคา 759 บาท อะไรจะเหมาะเจาะปานนี้ ไม่มีแล้ว : )
__________________________________
ถ้าเธอพร้อมแล้ว ... ค่อย ๆ เดินทางไปพร้อมกับเรานะ อย่าใจร้อน
26.03.2016
10.30 น. เบิกเนตรโดยการกำหนดเส้นทางด้วย GPS จากอาเขตไปโครงการหลวงบ้านวัดจันทร์ ระยะทางที่ขึ้นมาพาใจหายค่ะ ร่วม 170 กิโลเมตร ด้วยเวลาเกือบ 4 ชั่วโมง เส้นทางเชียงใหม่-ปาย เจ้าของ 762 โค้งผู้โด่งดัง (ใครนับมา 555)

โค้งกันเข้าไปจนเวียนหัว โค้งจนต้องร้องขอชีวิต แต่ไม่อ้วกนะ เสียดายข้าวซอยที่เพิ่งกินไป ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น ความลาดชันรอท่านอยู่อีกมากมาย อิชั้นใจหายอยู่หลายเนิน แต่ถึงอย่างไรอิชั้นก็ได้เห็นโค้งงามกับตาตัวเอง เพียงแต่ถ่ายรูปแทบไม่ทันเพราะความเสียว

เราไม่สามารถเก็บภาพเส้นทางมาได้ ทำได้เพียงนั่งเกร็งตัวเกร็งก้น รูดไปมาบนเบาะรถ ไม่ชิลเลยสำหรับคนขี้กลัวอย่างเรา T^T แต่ก็เอาชนะใจตัวเองฝ่าโค้งมาได้ เป็นที่น่าภูมิใจ "ใช่สิ แกไม่ได้ขับเองนี่" เสียงคนข้าง ๆ พึมพำ
เมื่อขึ้นเขามาสูงขึ้น สูงขึ้น ลึกเข้าไปในป่าใหญ่นั้น สัญญาณโทรศัพท์ก็เริ่มหดหาย แต่ GPS ยังคงทำงานต่อเนื่อง เราก็เดินทางกันอย่างต่อเนื่องเช่นกัน จนมาถึงสะพานประวัติศาสตร์ จุดที่น่าสนใจอีกหนึ่งแห่งของอำเภอปาย เราก็ไม่รอช้าจอดรถลงไปชักภาพเป็นที่ระทึกใจ และไม่ลืมแวะซื้อกล้วยปิ้งกองละ 20 บาท มาเป็นเสบียง ถึงกระนั้นด้วยแดดที่แผดเผารูปเดียวก็เกินพอ ไปต่อค่ะ !


15.30 น. ในที่สุดจุดหมายก็อยู่เพียงเอื้อม เราเดินทางมาจนถึงโครงการหลวงบ้านวัดจันทร์ ตรงข้ามกับโครงการเราสังเกตเห็นโรงเพาะพันธุ์ต้นไม้ จึงลองเข้าไปสื่อภาษากับหญิงชาวดอย ที่แม้จะคุยกันไม่รู้เรื่อง แต่ด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจนั่นเราก็มโนไปว่านางอนุญาตให้เราเข้าชมได้

ที่นี่เพาะพันธุ์ทั้งต้นสนและกล้วยไม้ค่ะ เคยเห็นแต่ต้นสนต้นใหญ่ ๆ เพิ่งเคยเห็นต้นสนตอนยังเด็กก็คราวนี้ น่ารักจัง : ) เรากลายเป็นยักษ์ไปเลย พออยู่ใกล้ๆ ต้นสนทารกพวกนี้





หลังจากเดินเล่นชมนกชมไม้จนอิ่มอกอิ่มใจแล้ว ก็ถึงควรแก่เวลาที่จะเข้าไปในโครงการหลวงฯ ที่เราจองที่พักไว้ จริง ๆ แล้วเราจองบ้านสนเขาในราคาคืนละ 600 บาท แต่ทางเจ้าหน้าที่โทรมาขอเปลี่ยนเป็นบ้านปากะญอ โดยให้เหตุผลว่ามีกรุ๊ปใหญ่มาพัก แต่บ้านปากะญอเป็นบ้านที่ราคาแพงกว่าและกว้างกว่า ราคาคืนละ 1,500 บาท เราจึงตอบรับด้วยความยินดีปรีดาสิคะ รออะไร > <
เมื่อมาถึงก็เข้ามาติดต่อที่สำนักงาน เพื่อกรอกข้อมูลลงทะเบียนเข้าพักได้เลย รับกุญแจและเอาสัมภาระไปเก็บโลด



ได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติแบบนี้แล้วชื่นใจ ร่มรื่นได้ขนาดนี้ไม่มีหรอกคำว่าร้อน มีแต่เย็นใจค่ะ

หูยยยย บ้านพักนี้ เป็นบ้านในฝันของเราเลย มีชานระเบียงนั่งเล่น มีสนามหญ้าหน้าบ้าน มีต้นไม้ล้อมรอบ และอากาศดี ๆ แบบนี้หาได้ยากในตัวเมืองค่ะ



ภายในห้องพักกว้างขวางและสะอาดสะอ้านทีเดียว มีพัดลมติดผนังให้ แต่ไม่มีแอร์นะ เพราะอากาศตอนกลางคืนเย็นเหมือนเปิดแอร์เลย แต่ไม่ต้องกลัวเรื่องอาบน้ำ เพราะมีเครื่องทำน้ำอุ่นล่ะ สบายเรา ^^

16.30 น. เนื่องจากเราไม่ได้สั่งอาหารของโครงการฯ ไว้ เราจึงต้องออกไปซื้อข้างนอก แต่ด้านนอกโครงการก็มีร้านอาหารตามสั่งอยู่หลายร้านค่ะไม่ต้องห่วง เราสะดุดที่ร้านบ้านจันทร์เจ้า ซึ่งเลยออกไปจากที่พักประมาณ 1 กิโลเมตร ที่นี่มีโฮมสเตย์ด้วย แต่เราไม่ได้ถามรายละเอียด จัดการสั่งอาหารไปสามสี่อย่างเอากลับไปกินที่ที่พัก คุณลุงที่ร้านทำกับข้าวคนเดียวจึงค่อนข้างใช้เวลานานมาก เรานั่งรออยู่ครึ่งค่อนชั่วโมง แต่ก็ชิล ๆ ค่ะ อากาศดี ลมพัดเย็นสบาย นางแอบพูดดุ ๆ ว่าทำไมไม่กินที่ร้านไปเลย ทำแบบนี้รสชาติกับข้าวเสียหมด อุ๊ตะ ! อิชั้นแอบหันมาสงบนิ่ง ข่มอารมณ์ หันกลับไปยิ้มแล้วจ่ายเงิน : ) มื้อนี้ราคา 350 บาทค่ะ มีปีกบนไก่ทอด กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา แกงจืดวุ้นเส้น และข้าวสวย แต่ปริมาณเยอะมากเลย กลิ่นไก่ทอดก็หอมยั่วมาก รีบขับรถกลับที่พักเตรียมตัวลุยทันที

หนีมาไกลถึงเชียงใหม่แต่กัปตันยูก็ยังตามมาค่ะ สามีก็คือสามี ตามมาตลอดดดดดด ๆๆ ตื่นนนนนค่ะ !

อ้อ...ที่นี่มี Wi-Fi ด้วยนะ แต่สัญญาณหน้าห้องพักจะแรงหน่อย พอเข้าห้องปุ๊บสัญญาณหาย ไม่รู้จะทำอะไ ก็นอนไวเลยค่ะทีนี้ ประกอบกับขับรถเดินทางกันมาไกลด้วย หลับไปอย่างไว ที่นอนก็หนานุ่ม อากาศก็เย็นสบาย ทิ้งตัว...ปฏิบัติ !
27.03.2016
07.00 น. ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความงุนงง นี่ฉันอยู่ที่ไหน ? แล้วใครเปิดแอร์คะบอกที อากาศถ้าจะเย็นขนาดนี้อย่ามาโกหกค่ะว่านี่หน้าร้อน ! เปิดประตูบ้านออกไป อุ๊ตะ ! ความเย็นปะทะเข้ามาที่แก้มขวา ตามด้วยแก้มซ้าย อิชั้นแหงนหน้าผากรับอย่างต่อเนื่อง หน้าชาค่ะ อากาศเย็นดีจริง ๆ ไม่ได้เช็กว่ากี่องศา แต่มโนว่าราว ๆ 17-18 องศา

ออกจากบ้านมาก็เจอเจ้าหน้าที่ประจำโครงการหลวงที่นี่ ทุกคนต่างแนะนำให้ไปเดินเล่นที่อ่างเก็บน้ำ เพราะสวยและบรรยากาศดีงาม เราก็เชื่อคนง่าย เห็นเค้ายิ้มแย้มเราก็ใจอ่อน เชื่อฟังหูลู่เลย เจ้าหน้าที่แต่ละคนพูดจาไพเราะค่ะ น่ารักมาก ๆ มีคนหนึ่งกลัวว่าเราจะหิวกลางดึก ไม่มีเสบียง นางก็รีบบอกว่าถ้าหิวให้มาที่ออฟฟิศได้เลยนะครับ ประทับใจเนาะ น้ำใจกินไม่ได้แต่อิ่มได้ เป็นเรื่องจริงค่ะ : )
ระหว่างทางผ่านร้านขายของที่ระลึกของโครงการ เราก็ไม่ได้ซื้ออะไรค่ะ เพราะของค่อนข้างแพง เลยได้แต่ถ่ายรูปไปเรื่อย


เดินมาตามทางเรื่อย ๆ จะถึงอ่างเก็บน้ำในโครงการหลวง ถือเป็นการออกกำลังกายยามเช้า อยู่ ๆ เราก็รู้สึกอิจฉาคนที่นี่ ที่ได้ใช้ชีวิตดี ๆ แบบนี้ ชีวิตที่มีธรรมชาติรอบตัว ได้สูดอากาศบริสุทธิ์



เราจะตักตวงทุกอย่างไว้ในร่างกายและความทรงจำของเรา

นอกจากบริเวณอ่างเก็บน้ำแล้วยังมีจุดที่เป็นป่าสน เหมาะกับคนที่ชอบถ่ายรูปค่ะ
ป.ล. ขออภัยในความหวาน สะบัดบ๊อบไปต่อ 5555

จริง ๆ ที่นี่มีกิจกรรมให้ทำหลายอย่าง ตั้งแต่ขี่จักรยานเล่น ชมวิถีชีวิตชาวบ้าน ทุ่งนา ใบไม้เปลี่ยนสี แต่ขึ้นอยู่กับฤดูกาลที่มา เรามีเวลาที่นี่ค่อนข้างน้อยเพราะต้องเดินทางอีกไกล ได้ใช้เวลาซึมซับอากาศเย็น ๆ ที่นี่ไม่มากมายก็ต้องออกเดินทางอีกครั้ง T^T
ระหว่างทางขาไปบ้านวัดจันทร์ เราเห็นจุดที่มีน้ำพุร้อนผุดขึ้นมา แต่ไม่ได้แวะดู ขากลับเลยลองแวะดูสักหน่อย เพราะนางผุดขึ้นมาอย่างแรงกล้ามาก มิอาจต้านทานค่ะ แวะก็แวะ ได้ความว่าประทุขึ้นมาเมื่อปี พ.ศ. 2556 อุณหภูมิก็ราว ๆ 90 กว่าองศา ควันนี่พวยพุ่งเป็นดาวรุ่งฟุ้งกระจายเลยทีเดียว


หืมมมม ?? ยามเช้าแบบนี้เราลืมอะไรไปไหม ? ลืมกินกาแฟ - -" ระหว่างทางมีร้านกาแฟประปรายตลอดทาง แต่เราเลือกแวะร้านนี้เลย สนใจตั้งแต่ขาไปแล้ว "บ้านแม่มด" หรือ The Witch House ค่ะ เป็นร้านกาแฟตกแต่งด้วยรูปปั้นและตุ๊กตาแม่มดเก๋ ๆ มีชานระเบียงให้นั่งชิลจิบกาแฟชมธรรมชาติด้วย หรือถ้าอยากแวะเข้าห้องน้ำก็คนละ 5 บาท เลยจ้า





12.30 น. ทุกครั้ง...ความรู้สึกของขากลับมักจะไวกว่าขาไปเสมอ ใครเป็นบ้างยกมือขึ้น ? โอเคเอามือลงได้ รู้สึกดีจัง ฮ่า ๆ เพราะตอนนี้หิวมากแล้ว ลงมือเสิร์ชหาร้านอร่อยในตัวเมืองเชียงใหม่ โจทย์คือมีอาหารท้องถิ่นด้วยและราคาต้องไม่แพง คำตอบคือ ฮ้านถึงเจียงใหม่ ให้ GPS นำมาโลด หาไม่ยาก พิกัดเป๊ะมาก อิน้องแนะนำนะเจ้า ราคาเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจน ๆ อย่างเรามาก ค่าเสียหายมื้อนี้เพียง 215 บาทเท่านั้น อาหารประกอบด้วยแกงฮังเล แคปหมู น้ำพริกหนุ่ม แหนมทอด ข้าวซอยไก่ และข้าวสวย







13.30 น. อิ่มหนำสำราญแล้วใยเจ้าไม่ออกเดินทางต่อเล่า เราจะไปกันต่อที่แกรนด์แคนยอน หางดง สถานที่ร่ำลือว่ามีนักท่องเที่ยวเสียชีวิตซ้ำซาก มีข่าวว่าจะปิดออกมารำไร เราก็อยากจะรู้สิคะว่าเป็นยังไง พากันไปจนถึงที่ เสียค่าบัตรเข้าราคา 50 บาท ที่ในรีวิวบอกว่าจะแลกเครื่องดื่มอะไรสักอย่างได้ แต่มันกลับกลายเป็นเพียงส่วนลดสำหรับอะไรไม่รู้ 25 บาท

แต่เดี๋ยวก่อน ! เมื่อเช้าอากาศที่ปะทะกับหน้าอิชั้นยังเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง แล้วตอนนี้ใครเอาน้ำร้อนมาสาดอิชั้นคะ ??!! พูดดดดด !! เร่าร้อนไปทั้งตัวแล้ว แดดแผลงพลานุภาพแผดเผาหลังส่วนบนของอิชั้นจนแสบ แต่สู้ค่ะ มาถึงแล้วต้องเดินไปดูให้เห็นกับตา โอ้ ! มีแต่ฝรั่งมังค่า เสียดายที่ไม่ได้พกพริกกับเกลือมา น้ำลายหยดเบา ๆ แต่ละคนก็กระโดดกันตูม ๆๆ



เมื่อพบว่ามันไม่ใช่ที่ของเรา เราก็เซย์บายให้แกรนด์แคนยอนทันที บายยยยยยยยย ปากกว้างได้อีก
16.00 น. รวบรัดตัดเวลากันมาถึงที่หมู่บ้านแม่กำปอง ซึ่งใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงเศษ ๆ จากตัวเมืองเชียงใหม่เท่านั้น !!!! คุณก็สามารถเป็นเจ้าของอากาศดี ๆ ที่เย็นตลอดปีได้ แต่ก่อนจะมาถึงนั้น คุณต้องรู้ก่อนค่ะว่าเส้นทางมีความโค้งและลาดชันอยู่พอสมควร อิชั้นนั้นไม่ได้ศึกษาข้อมูลมา เกร็งท้องไปหมดเลยฮ่า ๆ ดีที่พลขับส่วนตัวของอิชั้นนั้นมีความแข็ง หมายถึงขับรถแข็งนะคะ เราก็เดินทางมาถึงอย่างปลอดภัย และเข้าพักที่นี่ค่ะ "สำราญชนโฮมสเตย์" คนละ 650 บาท พร้อมอาหารเย็นและอาหารเช้า เลอค่า...เหมาะกับสาวตุ้ยนุ้ยอย่างเราที่เรื่องกินเป็นเรื่องหลักของชีวิต



ห้องส่วนตัวสำหรับ 2-3 คน จะมีห้องน้ำส่วนตัวให้ในห้อง มีเครื่องทำน้ำอุ่นและชักโครกให้ใช้สบาย ๆ แต่ที่นี่ไม่มีทั้งแอร์และพัดลม เพราะอากาศเย็นสบาย มีฟูก หมอน และผ้าห่มให้นอนอย่างอบอุ่นในคืนนี้ แต่ช่วงค่ำ ๆ แอบมียุงนิดหนึ่ง ด้านหลังมีวิวน้ำตกไหลผ่าน ให้เราได้สัมผัสธรรมชาติแบบชิล ๆ




หลังจากเก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้วเราจะพาไปเดินเล่นในหมู่บ้านและเดินไปน้ำตกแม่กำปองกัน ตามมา ๆ ชีวิตดีค่ะ มีหมานำด้วย แต่นางนำไปผิดทางไง - -" มีแต่คนขี่มอเตอร์ไซคค์ไป ไม่ก็รถยนต์ค่ะ ทำไมไม่มีใครเดินเป็นเพื่อนเราเลยล่ะ T^T


เดินมาประมาณ 1 กิโลเมตร เราก็มาถึงน้ำตกแม่กำปอง แต่เป็น 1 กิโลเมตร ที่ลาดชัน เบิร์นไขมันต้นขาเรามากค่ะ เริดดดดดดด แม้จะเป็นน้ำตกเล็ก ๆ แต่ก็รู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น เล่นน้ำไม่ได้ได้แต่แกว่งเท้าหาเสี้ยน เอาเท้าราน้ำไปชิล ๆ น้ำเย็นชื่นใจค่ะ


18.00 น. สิ่งที่เรารอคอยกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้ อาหารมื้อเย็นพื้นบ้านที่อร่อยไม่พื้นนะคะ มื้อนี้ประกอบด้วยไข่เจียว ผัดลูกฟักแม้ว แคปหมู น้ำพริกหนุ่ม ไข่พะโล้ และผักต้ม

แค่ภาพก็ฟินกันแล้วใช่ไหม แต่รสชาตินี่ฟินมากกว่าที่คิดอีก เพราะความที่เป็นกับข้าวพื้นบ้านยิ่งทำให้เรารู้สึกเหมือนกินข้าวที่บ้าน อบอุ่นใจ มีความสุขเหมือนอยู่บ้านตัวเองนั่งกินท่ามกลางธรรมชาติและอากาศดี ๆ แว่วเสียงน้ำตกไหล เสียงไพร เสียงนกกา คืนนี้เป็นอีกคืนที่เราหลับตาลงด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ อากาศเย็นโดยธรรมชาติ ไม่ต้องมีพัดลม ไม่ต้องมีแอร์ ความสุขแบบบ้าน ๆ "สุขน้อย...แต่สุขนาน"
28.03.2016
07.00 น. เช้านี้มีข้าวต้มร้อน ๆ ให้ทานก่อนเช็กเอาท์ เสิร์ฟพร้อมไข่ลวกแสนอร่อยและแตงโมหวาน ๆ หรือถ้าต้องการกินกาแฟก็สามารถชงเองได้เลยค่ะ มีบริการไว้ตรงลานส่วนกลางอยู่แล้ว รวมถึงตู้เย็นส่วนกลางก็มีให้ใช้ด้วยนะ

เอาเป็นว่าที่นี่เป็นโฮมสเตย์ในแม่กำปองอีกที่ที่เราประทับใจ ติดใจ และตั้งใจว่าจะมาใหม่ในโอกาสหน้า ปลื้มมากกกกก : ) แต่ก็ต้องจำใจจากมา เพื่อเตรียมตัวกลับเมือง T^T
10.30 น. เราเดินทางกลับมาถึงตัวเมือง ตั้งใจแวะวัดสักแห่งในเมือง และตกลงว่าจะไปแวะที่วัดเจดีย์หลวงวรวิหารก่อนเอารถไปคืน เหตุผลที่เลือกที่นี่เพราะอยากเห็นเจดีย์เก่าที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยหลายร้อยปีก่อน อยากสัมผัสกับร่องรอยความงดงามเมื่อครั้งโบราณกาล เฮ้ยจริงจังไปอีก มาตามพิกัด GPS เหมือนเดิมค่ะ




กินคาวไม่ต่อหวานสันดานไพร่ ! อิชั้นจำคำนี้ได้ขึ้นใจ จึงเร่งรี่เดินไวไปไอเบอร์รี ผ่านแดดอันแสนร้อนระอุไปประมาณ 6 นาที ก็ถึงค่ะ ทำใจกับการสั่งไอศกรีมก้อนละ 69 บาท อยู่ 5 วินาที ก็เลือกรสที่อยากลองมา 2 ลูก ในราคา 130 บาท ไอศกรีมมีรสให้เลือกเยอะดี ชอบ ๆๆ เรากินสตรอว์เบอร์รีบานาน่ากับมอคค่าอัลมอนด์ ยังไม่พอสั่งเค้กช็อกโกแลตมาชิม 1 ชิ้น ราคา 80 บาท และน้ำราสเบอร์รีออเรนจ์ 115 บาท ที่ชาตินี้จะไม่สั่งอีก ก็มันไม่อร่อยสำหรับเราอะ วันนี้คนไม่เยอะเท่าไร ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน



นั่งกินและเดินเล่นรอบ ๆ สักพักเราก็เตรียมตัวกลับ โบกรถไปสนามบิน ใช้บริการรถแดงเหมาไปสนามบินในราคา 150 บาท/2 คน
____________________________
สิ้นสุดทริปแอ่วเชียงใหม่หน้าร้อน ไปหาเขา ไปกับเราไหม ด้วยงบประมาณคนละ 3,000 กว่าบาท สำหรับ 2 คนค่ะ
ในส่วนของการเดินทางครั้งนี้ การได้มาเห็นหลายสิ่งหลายอย่างด้วยตาตนเอง ไม่ว่ามันจะเป็นอย่างที่คิด หรือไม่เป็นอย่างที่คิด เราถือว่ามันเป็นกำไรชีวิตของเราแล้ว เพราะเราเลือกที่จะเชื่อในสิ่งที่เราเห็นมากกว่า อย่างน้อยเชียงใหม่หน้าร้อนก็มีที่ที่ไม่ร้อนอย่างที่คิด โดยเฉพาะบ้านแม่กำปอง ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่แค่ 45 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางแค่ชั่วโมงเดียวก็ได้ไปสัมผัสธรรมชาติกันแล้ว จะรออะไร...ถ้าไม่ไปหาเขา แล้วเขาจะมาหาเราไหม
ไปกันเถอะ . . . ออกเดินทาง . . .
อ่านหนังสือแค่เพียงหน้าปก เพราะด้านในอาจมีอะไรดี ๆ ซ่อนอยู่ เปิดมันสิคะ : )
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและร่วมแบ่งปันสิ่งดี ๆ กันนะคะ ขออภัยหากมีอะไรผิดพลาดด้วยนะคะ
. . . สวัสดี . . .
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ PreferPeace สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม