ชวนเที่ยวท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ
ภาพจาก Sbkhkt / Shutterstock.com
ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ ตั้งอยู่ที่ไหน
ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ ตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร ติดกับรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีเอกมัย สามารถใช้ทางออกที่ 2 จากนั้นเดินไปเพียง 200 เมตร จะเจอท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ ศูนย์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบบูรณาการที่ดีแห่งหนึ่งในประเทศไทย นอกจากที่นี่จะให้ความรู้เกี่ยวกับดาราศาสตร์เป็นหลักแล้ว ผู้เข้าชมยังจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องอื่น ๆ ที่เป็นความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ เนื่องจากมีการจัดนิทรรศการต่าง ๆ อย่างน่าสนใจ โดยเน้นให้เข้าใจง่ายและให้ความเพลิดเพลินแก่ผู้เข้าชมสามารถเข้าถึงวิทยาศาสตร์ได้อย่างง่ายดาย
เปิดบริการทุกวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 09.00-16.00 น. ปิดวันจันทร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
ทั้งนี้ เดือนเมษายน 2566 ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ ปิดให้บริการในวันที่ 6 เมษายน (วันจักรี) และในช่วงเทศกาลมหาสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 13-17 เมษายน
ภาพจาก Sbkhkt / Shutterstock.com
ความเป็นมาของท้องฟ้าจำลองกรุงเทพฯ
- พ.ศ. 2505 คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการ โดย ม.ล.ปิ่น มาลากุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ในสมัยนั้น) สร้างท้องฟ้าจำลองกรุงเทพและหอดูดาว
- วันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2507 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเปิดอาคารท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ
- เดือนธันวาคม 2514 สภาคณะปฏิวัติมีมติเห็นชอบให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์
- พ.ศ. 2515 รัฐบาลโดยคณะปฏิวัติมีการปรับปรุงระเบียบบริหารราชการของประเทศใหม่ "กองอุปกรณ์การศึกษา" เปลี่ยนชื่อเป็น "กองพิพิธภัณฑ์การศึกษา"
- เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2518 เริ่มการสร้างพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์
- เดือนเมษายน พ.ศ. 2519 ประกาศพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการใหม่ "กองพิพิธภัณฑ์การศึกษา" เปลี่ยนชื่อเป็น "ศูนย์บริภัณฑ์เพื่อการศึกษา" ประกอบด้วยหน่วยงานหลัก คือ ศาลาวันเด็ก ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพและพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์
- เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2520 การก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แล้วเสร็จ
- วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2522 ประกาศจัดตั้งกรมการศึกษานอกโรงเรียน โดยมีศูนย์บริภัณฑ์เพื่อการศึกษาเป็นหน่วยงานในสังกัด
- วันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2522 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งแรกของประเทศไทย
- พ.ศ. 2537 เปลี่ยนชื่อหน่วยงานเป็น "ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา" ในสังกัดกรมการศึกษานอกโรงเรียน
- วันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา เปลี่ยนชื่อสังกัดจากกรมการศึกษานอกโรงเรียนเป็นสำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน
- วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2546 รับการถ่ายโอนภารกิจการดูแลสนามกีฬาบ้านกล้วย มีพื้นที่จำนวน 10 ไร่ 10 ตารางวา ประกอบด้วยสระว่ายน้ำและสนามเทนนิส พร้อมบ้านพักคนงานจากสำนักพัฒนาการกีฬาและนันทนาการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
- พ.ศ. 2551 ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา เปลี่ยนชื่อสังกัดจากสำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน เป็นสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย โดยมีพื้นที่ทั้งหมด 38 ไร่ 86 ตารางวา
สิ่งน่าสนใจในท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ
ท้องฟ้าจำลอง (ห้องฉายดาว)
ห้องวงกลมขนาดใหญ่ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 20.60 เมตร หลังคาเป็นรูปโดม สูง 13 เมตร เพดานโดมเป็นแผ่นอะลูมิเนียมพรุน ทาสีขาวเพื่อรับแสง ฉายออกจากเครื่องฉายดาวปรากฏเป็นดวงดาวในท้องฟ้าจำลอง คล้ายกับดวงดาวในท้องฟ้าจริง ความจุ 370 ที่นั่ง ตรงกลางห้องตั้งเครื่องฉายดาวระบบเลนส์ของ Carl Zeiss ของบริษัท คาร์ล ไซซ์ ประเทศเยอรมนี
เครื่องฉายดาว นับเป็นประดิษฐกรรมทางวิทยาศาสตร์ที่มีระบบการทำงานซับซ้อน ประกอบด้วยระบบเครื่องกล ระบบไฟฟ้า และระบบแสงที่ประณีต ฉายภาพวัตถุบนท้องฟ้าและปรากฏการณ์หลายชนิดเลียนแบบธรรมชาติ สามารถปรับเครื่องขึ้น-ลงเพื่อแสดงดวงดาวในท้องฟ้าของประเทศใดก็ได้ตามวันและเวลาที่ต้องการ ทั้งดวงดาวในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต อีกทั้งยังเป็นเครื่องฉายดาวขนาดใหญ่เครื่องแรกในย่านเอเซียอาคเนย์ด้วย
ศักยภาพของเครื่องฉายดาวของท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ
ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ เป็นสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่ง สังกัดศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา กรมการศึกษา นอกโรงเรียน กระทรวงศึกษาธิการ เริ่มก่อสร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505 ด้วยวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อสร้างแหล่งที่ดีให้เยาวชนได้ชุมนุมหาความรู้และใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ส่งเสริมการศึกษาวิชาดาราศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภูมิศาสตร์ โดยให้นักเรียนเรียนรู้จากของจำลองซึ่งคล้ายของจริง งบประมาณการก่อสร้างและดำเนินงานขั้นต้น จนสามารถเปิดแสดงให้ประชาชนได้ในปี พ.ศ. 2507
• ฉายดาวฤกษ์ได้ประมาณ 9,000 ดวง ขณะที่ตาเปล่าสามารถมองเห็นดวงดาวในท้องฟ้าได้ราว 2,000 ดวง
• ฉายดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวเคราะห์ 5 ดวง โดยแสดงการเคลื่อนที่ผ่านไปในกลุ่มดาวต่าง ๆ ได้ชัดเจน
• ฉายภาพกลุ่มดาวต่าง ๆ แสดงแนวทางช้างเผือก กระจุกดาว เนบิวลา กาแล็กซีบางแห่ง ดาวแปรแสง ดาวเทียม ดาวหาง ดาวตก เมฆ แสงรุ่งอรุณ แสงสนธยา แสดงการเกิดสุริยุปราคา จันทรุปราคา แสดงเส้นสมมุติต่าง ๆ ในท้องฟ้า เช่น เส้นศูนย์สูตร เส้นสุริยวิถี เส้นเมอริเดียน แสดงขั้วทรงกลมฟ้า และตำแหน่งที่แกนผ่านขั้วโลก จะชี้ไปในรอบ 26,000 ปี แสดงระบบสุริยะ โลกหมุนในอวกาศ ภาพฉายแสดงรอบทิศ แสดงพื้นผิวดวงจันทร์ ดาวอังคาร พื้นผิวขั้วน้ำแข็งของโลก
1. ใช้เครื่องฉายภาพระบบคริสตี้ ซึ่งเป็นโปรเจกเตอร์ที่ดีที่สุด ด้วยมีความสว่างสูงและมีเลนส์ฉายภาพที่กว้างมากยิ่งขึ้น
2. ปรับระบบควบคุมโดยใช้ซอฟต์แวร์ Digistar 5 ซึ่งมีความคมชัดสูงระดับ 4K สามารถฉายดาวและภาพยนตร์ได้ ถือได้ว่าเป็นเทคโนโลยีที่ใหม่ที่สุดในประเทศไทยเลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังมีการตกแต่งห้องฉายดาวให้เหมือนกับแสงออโรรา เพิ่มเติมระบบแสง สี เสียง ให้ได้มาตรฐานสากล อีกทั้งยังเปลี่ยนเก้าอี้ใหม่สีสันสดใสสวยงาม คล้ายกับที่นั่งในโรงภาพยนตร์ สร้างความประทับใจให้กับผู้มาเยือนได้อย่างเต็มเปี่ยมแน่นอน
รอบการแสดง
ภาพจาก sciplanet.org
ค่าบัตรเข้าชม
• รอบภาษาไทย เด็ก 20 บาท ผู้ใหญ่ 30 บาท
• รอบภาษาอังกฤษ เด็ก 30 บาท ผู้ใหญ่ 50 บาท (วันอังคาร 10.00 น. เท่านั้น)
• ประชาชนทั่วไปสามารถซื้อบัตรได้ที่หน้าเคาน์เตอร์ของวันที่ต้องการเข้าชม และซื้อรอบใดก็ได้ในวันนั้น รวมถึงดูที่นั่งเหลือในแต่ละวันได้ที่ seat.sciplanet.org จำหน่ายบัตรของทุกรอบการแสดง ตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป ทั้งนี้ ยังไม่มีระบบขายบัตรออนไลน์
• สำหรับสถาบันการศึกษา โทรศัพท์ติดต่อสอบถามวัน เวลา และจำนวนที่นั่งว่าง ได้ที่ 0-2392-1773 หรือ 0-2391-0544
เนื้อหาการแสดง
• สอนดูดาว 30 นาที
• ภาพยนตร์เต็มโดม 20 นาที
เฟซบุ๊ก ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ - Bangkok Planetarium
กำหนดการฉายภาพยนตร์เต็มโดม ประจำปีงบประมาณ 2566 (เดือนมกราคม-กันยายน)
เดือนมกราคม : ขอบฟ้าแห่งใหม่ (New horizons)
เดือนกุมภาพันธ์ : มหัศจรรย์แห่งออโรรา (Experience the Aurora)
เดือนมีนาคม : กลับไปดวงจันทร์กันเถอะ (Back to the Moon for Good)
เดือนเมษายน : จากโลกสู่จักรวาล (From Earth to the Universe)
เดือนพฤษภาคม : จักรวาลอันเกรี้ยวกราด (Violent Universe )
เดือนมิถุนายน : โคโคมง : ผจญภัยในอวกาศ (Cocomong : A Space Adventure)
เดือนกรกฎาคม : กว่าจะบินได้ (Flight Adventures)
เดือนสิงหาคม : มหัศจรรย์แห่งออโรรา (Experience the Aurora)
เดือนกันยายน : ขอบฟ้าแห่งใหม่ (New horizons)
ส่วนแสดงนิทรรศการรอบห้องฉายดาว
ส่วนการแสดงนิทรรศการดาราศาสตร์ แบ่งออกเป็น 6 ส่วน จัดแสดงอยู่รอบ ๆ ห้องฉายดาว ให้ความรู้ด้านดาราศาสตร์และอวกาศของไทยและของโลก (ไม่เสียค่าชม) ได้แก่
ส่วนที่ 1 โลกดาราศาสตร์
ส่วนที่ 2 ชีวิตสัมพันธ์กับดวงดาวอย่างไร ?
ส่วนที่ 3 โลก แหล่งกำเนิดชีวิต
ส่วนที่ 4 ชีวิตของดาวฤกษ์
ส่วนที่ 5 ความเป็นไปในเอกภพ
ส่วนที่ 6 มนุษย์กับการสำรวจอวกาศ
ภาพจาก KOKTARO / Shutterstock.com
นิทรรศการถาวร
นิทรรศการจะกระจายอยู่ 3 อาคาร ได้แก่ อาคาร 3 โลกใต้น้ำ, อาคาร 4 ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และอาคารตระหนักรู้ด้านพลังงาน
นิทรรศการโค้ดดิ้ง ทักษะเพื่อชีวิต : นิทรรศการที่ให้ผู้เข้าชมได้เรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวโค้ดดิ้ง (CODING) ในรูปแบบต่าง ๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
นิทรรศการ Robot Club : จัดแสดง ณ ชั้น 4 อาคารธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (อาคาร 4) ให้บริการในรูปแบบกิจกรรมเกี่ยวกับเทคโนโลยีหุ่นยนต์กับการประยุกต์ใช้งานต่าง ๆ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พื้นฐานการต่อวงจรไฟฟ้าเบื้องต้น การต่อโครงสร้างหุ่นยนต์ การนำ Coding มาใช้ในการแก้ไขปัญหา
นิทรรศการชีวิตพิศวง (Miracle of life exhibition) : นำเสนอเรื่องราวของประสาทสัมผัสทั้งห้า โดยเน้นให้เห็นว่าประสาทสัมผัสแต่ละประเภทสัมพันธ์กับการดำรงชีวิตและธรรมชาติวิทยาของร่างกายของเราอย่างไร โดยนำเสนอผ่านเกมและเครื่องเล่นรูปแบบใหม่ที่หลากหลาย
นิทรรศการเมืองเด็ก (Kids city exhibition) : เรียนรู้วิทยาศาสตร์ด้วยการเล่นและฟังนิทาน
นิทรรศการโลกของแมลง (Insect world exhibition) : ให้ความรู้เกี่ยวกับแมลงซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีจำนวนและชนิดมากที่สุดในโลก โดยเริ่มตั้งแต่วิวัฒนาการ โครงสร้าง ชีวิตความเป็นอยู่ที่น่าสนใจของแมลงบางชนิด ตลอดจนความเกี่ยวข้องกับมนุษย์ในแง่ที่เป็นประโยชน์โดยเป็นแหล่งอาหารและเป็นตัวควบคุมพืช
นิทรรศการขุมทรัพย์โลกสีเขียว (Green treature exhibition) : จัดแสดงที่ชั้น 4 อาคาร 4 มีการนำตัวอย่างจริงทั้งพืชและสัตว์สตัฟฟ์ ทำให้รู้สึกเหมือนเข้าไปอยู่จริงในธรรมชาติ
นิทรรศการไดโนเสาร์ (Dinosaur exhibition) : จัดแสดงที่ชั้น 2 อาคาร 4 มีเนื้อหาวิชาการเกี่ยวกับการกำเนิดโลก กระบวนการภายในโลก วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต กำเนิดซากดึกดำบรรพ์ สิ่งมีชีวิตโดดเด่นในแต่ละยุค พฤติกรรมของไดโนเสาร์ การสำรวจไดโนเสาร์ในประเทศไทย การทำงานเพื่ออนุรักษ์ซากดึกดำบรรพ์ สัตว์และพืชร่วมยุคไดโนเสาร์ที่ยังมีชีวิต สิ่งมีชีวิตที่วิวัฒนาการตัวเองให้ดำรงชีวิตอยู่ได้จนถึงปัจจุบัน และผนังทางเดินแสดงภาพไดโนเสาร์ไทยทั้ง 12 ชนิด
ศูนย์สร้างสรรค์เยาวชน (กระจ่าง บริรักษ์นิติเกษตร) : ศูนย์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย สังกัดศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา จัดกิจกรรมเรียนรู้วิทยาศาสตร์จากสื่อนิทรรศการ โดยทำบทปฏิบัติการประกอบการเล่นเพื่อการเรียนรู้สำหรับเด็กอายุ 3-6 ขวบ ให้บริการสื่อนิทรรศการภายในอาคาร จำนวน 10 ฐาน และสื่อนิทรรศภายนอกอาคาร จำนวน 13 ฐาน
ภาพจาก KOKTARO / shutterstock.com
ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ ค่าเข้าชม
ราคาบัตรชมการแสดงท้องฟ้าจำลอง และบัตรเข้าชมนิทรรศการวิทยาศาสตร์
- เด็ก นักเรียน นักศึกษา ราคา 20 บาท/คน, ผู้ใหญ่ 30 บาท/คน
- เด็กอายุไม่ถึง 3 ขวบ ผู้สูงอายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป (แสดงบัตรประชาชนตัวจริง) ผู้พิการ ภิกษุ สามเณร นักบวช และนักศึกษา กศน. เข้าชมฟรี
ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2566 ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา ปิดปรับปรุงอาคารพิพิธภัณฑ์วิยาศาสตร์ (อาคาร 2) และอาคารโลกใต้น้ำ (อาคาร 3)
ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ การเดินทาง
รถยนต์ส่วนตัว : มีที่จอดรถ
Google Map ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ : https://goo.gl/maps/8nmS6RNq6zHvBmNZ6
รถไฟฟ้า BTS : สถานีเอกมัย ทางออก 2
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 0-2391-0544 / 0-2392-0508 / 0-2392-1773 หรือ เฟซบุ๊ก ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ - Bangkok Planetarium
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง
บทความ ที่เที่ยวกรุงเทพมหานคร อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
- รวมสถานที่ท่องเที่ยวกรุงเทพฯ ที่น่าสนใจ
- สวนสัตว์พาต้าปิ่นเกล้า ตะลุยชมสัตว์และกอริลลาตัวสุดท้ายในไทย
- สถานที่ไหว้พระกรุงเทพฯ แจกพิกัด 20 วัด ทั้งฝั่งพระนครและฝั่งธนบุรี
- ที่เที่ยวกรุงเทพฯ กับกิจกรรมสนุก ๆ ปลุกความสุขในวันสบาย ๆ
- อัปเดต 9 ที่เที่ยวกรุงเทพฯ สร้างโมเมนต์แฮปปี้ในวันชิล ๆ
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : sciplanet.org และ เฟซบุ๊ก ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ - Bangkok Planetarium