สัมผัสหมอก หยอกดวงดาว ณ อุทยานแห่งชาติแม่เมย

 อุทยานแห่งชาติแม่เมย
ม่อนปุยหมอกกับความงดงามในยามเช้า ที่เราสามารถสัมผัสทะเลหมอกในช่วงยามหนาว

อุทยานแห่งชาติแม่เมย
ภายใต้ดวงดาวนับล้านของอุทยานแห่งชาติแม่เมย นักเดินทางมากมายต่างเฝ้าฝันจะมาเยือน

สัมผัสหมอก หยอกดวงดาว...แม่เมย

หัสชัย บุญเนือง...เรื่อง
สมศักดิ์ ล่ำพงศ์พันธุ์, พิษณุพงษ์ ผลพืชน์ และหัสชัย บุญเนือง...ภาพ

          ไกลออกไปนั่นหาใช่งูตัวใหญ่ในตำนานหรือนิทานปรัมปราของชาวเขาเผ่าใดไม่ ทว่านั่นเป็นทะเลหมอกที่ทอดสายไปตามหุบเขา ที่อุ้มความชื้นควบหนาวเอาไว้ในยามค่ำคืน แสงดาวกะพริบที่ปลายฟ้า ก่อนจะรางเลือนลงให้ช่วงเวลาของยามวันเข้ามาแทนที่ สีสันหวานปนหนาวกลายเป็นอบอุ่นเมื่อแสงแรกโผล่ขึ้นมาจากยอดเขาที่ปลายฟ้า ความงดงามของโลกแย้มพรายให้เราได้มองอย่างเต็มตา บนสันดอยไกลออกไปเท่าที่จะจับภาพได้ถนัดตา แม่อุ๊ยชาวปกาเกอะญอเดินแบกตะกร้าไปบนสันดอยอย่างไม่เร่งรีบ ผู้คนบนดอยแดนไกลอาจจะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากนัก ทว่าความสุขนั้นตักตวงได้จากทุกแหล่งที่สองตีนจะพาไปถึง ยามหนาวนี้เราไม่อาจพลาดช่วงเวลางดงามของขุนดอยแห่งนี้ได้เลย ... แม่เมย

อุทยานแห่งชาติแม่เมย
ทะเลหมอกอันงดงามที่อยู่ในหุบเขาแสนไกล

ทะเลหมอกแห่งตะวันตก

          แสงดาวเริ่มเลือนหายไปจากท้องฟ้า ความหนาวยังคงโอบเราไว้ บรรยากาศรอบ ๆ เรื่อเรือง ที่ริมขอบฟ้าเปลี่ยนสีสลับพร่างพราย ผืนทะเลหมอกในหุบเขาเริ่มฟูและแน่นขึ้นตามองศาของความอุ่น นักเดินทางจากเมืองหลวงเฝ้ามองสิ่งที่เป็นธรรมชาติเปลี่ยนแปลงไปหลายยุคสมัย ไม่มีเสียงใดล่วงผ่านริมฝีปาก มีเพียงความรู้สึกของปลายนิ้วที่ค่อย ๆ กดลงบนชัตเตอร์กล้องถ่ายภาพไม่กี่ครั้ง ภาพต่าง ๆ บางคราวเราก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้งามได้เพียงเสี้ยวหนึ่งของสิ่งที่อยู่ตรงหน้า...

          ผมใช้เวลาของยามเช้าหมดไปกับการยืนมองทะเลหมอกที่เปลี่ยนแปลงไปตามความอุ่นของแสงเช้า ผมยกชุดชงกาแฟแบบติดรถออกมา ประกอบแก๊สกระป๋องกับเตาขนาดเล็ก เทเมล็ดกาแฟลงไปยังที่บดมือ ก่อนจะใส่ลงไปในกระบอกเพรสแบบเคลื่อนที่ กลิ่นของน้ำร้อนกระทบกับกาแฟคั่วเข้มทำให้สดชื่นขึ้นได้ไม่น้อย และยามที่แสงแรกกระทบกับผืนทะเลหมอกในหุบเขา จิบเข้มข้นของเครื่องดื่มชนิดนี้ก็ทำให้เรามีความสุขได้มากมาย

อุทยานแห่งชาติแม่เมย
เมื่อความชื้นและความเย็นพอเหมาะ ทะเลหมอกก็กำเนิดขึ้นในทุกวัน

          ทะเลหมอกเริ่มกระจายตัวเมื่อความอบอุ่นสาดลงมายังหุบเขา แม้ว่าบางคราวในช่วงฤดูหนาวกว่าหมอกบางพื้นที่จะหายไปหมดก็เกือบเที่ยง แล้วหมอกที่เราเห็นมาจากไหนกัน... แน่นอนว่าทะเลหมอกนั้นเกิดมาจากละอองน้ำหรือผลึกน้ำแข็งขนาดจิ๋วเกิดขึ้นมาจากอากาศ ซึ่งมีอุณหภูมิลดลงจนไอน้ำในอากาศควบแน่นเป็นละอองน้ำ หรือบางครั้งก็เกิดจากการได้รับความชื้นเพิ่มขึ้นจนอิ่มตัว ทำให้ไอน้ำส่วนเกินกลั่นตัวเป็นหยดน้ำขนาดเล็กเกาะกับฝุ่นละอองในอากาศ กลายเป็นหมอกปกคลุมไปทั่ว

          หมอกมักเกิดขึ้นในช่วงกลางคืนที่ฟ้าใส ความร้อนที่สะสมช่วงกลางวันจะแผ่จากผิวโลกขึ้นสู่ท้องฟ้า อากาศชื้นที่อยู่ใกล้ผิวดินจึงกลั่นตัวจับกับฝุ่นละอองในอากาศ จนเกิดเป็นหมอกปกคลุมทั่วไปและยังคงอยู่จนเช้า เมื่อแสงแดดส่องทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น หมอกจึงสลายตัวหายไป ที่สำคัญหมอกจะปกคลุมเฉพาะใกล้ผิวโลก ดังนั้นเมื่อเราอยู่ในพื้นที่สูงจึงเห็นสายหมอกหนาอยู่ในหุบเขาได้อย่างชัดเจนและงดงาม

อุทยานแห่งชาติแม่เมย
ยามเช้าอันอบอุ่นเหนือม่อนปุยหมอก

ม่อนครูบาใส ม่อนพูนสุดา ม่อนกิ่วลม ม่อนกระทิง

          สำหรับนักเดินทางผู้คร่ำหวอดมักจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า อุทยานแห่งชาติแม่เมย จังหวัดตาก เป็นแหล่งชมทะเลหมอกที่โด่งดังมาหลายสิบปี ในช่วงฤดูหนาวแทบจะไม่เหลือที่กางเต็นท์กันเลยทีเดียว โดยเฉพาะตามม่อนต่าง ๆ ("ม่อน" เป็นภาษาพื้นเมืองภาคเหนือ ใช้เรียกดอยเตี้ย) ซึ่งทางอุทยานได้จัดพื้นที่ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวนั้น จะนับกันไปก็มีอยู่หลายม่อนที่ดัง ๆ และรู้จักกันดี

          "ม่อนครูบาใส" เป็นจุดแรกที่เราจะสามารถชมทะเลหมอกได้ เพราะอยู่ไม่ห่างจากตัวที่ทำการอุทยานมากนัก และมีลานชมวิวสะดวกสบาย มองออกไปได้ไกลสุดสายตา ทำให้ที่นี่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง ทว่าหากรู้สึกว่าจุดนี้เพื่อนร่วมอุดมการณ์เยอะไปสักนิด ก็ให้ขับรถเลยไปอีกสัก 200 เมตร เจอกับ "ม่อนพูนสุดา" ที่มีจุดถ่ายภาพได้อย่างงดงามมาก ที่สำคัญเรื่องราวของจุดนี้ก็มีการกล่าวกันว่าชื่อของม่อนแห่งนี้ถูกตั้งขึ้นตามชื่อของศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ อาจารย์พูน เกษจำรัส และภรรยา นางสุดา เกษจำรัส ในฐานะที่มาถ่ายภาพ ณ จุดนี้เป็นคนแรก หรือจะเรียกว่าเปิดมุมให้กับคนรุ่นหลังได้มาเยือน พวกเราช่างภาพรุ่นหลังต้องยกความดีความชอบนี้ให้ปรมาจารย์การถ่ายภาพของเมืองไทยเอาไว้ด้วย

อุทยานแห่งชาติแม่เมย
หุบทะเลหมอกท่ามกลางขุนเขาสลับซับซ้อน ตรงข้ามอุทยานแห่งชาติแม่เมย

          ผ่านจากตรงนี้ไปบนความสูงเกือบหนึ่งพันเมตรจากระดับทะเลปานกลางของ "ม่อนกิ่วลม" ที่จะพลาดไม่ได้เลยในการมาสัมผัสทะเลหมอก เพราะเป็นจุดที่เปิดกว้างและองศาของการมองเห็นกว้างไกลยิ่งนัก มองไปเบื้องล่างหรือตามหุบเขาจะเห็นทะเลหมอกคู่กับทิวเขาหินปูนโผล่ขึ้นมา ดูแปลกตายิ่งนัก เหมือนกับเกาะแก่งในทะเลเวลามองจากมุมสูงลงมา หรือจินตนาการต่อไปอีกหน่อยก็คงคล้าย ๆ กับบางฉากในหนังฮอลลีวูดอย่างอวตาร

          ถัดขึ้นไปอีกนิดเป็นม่อนยอดนิยมและคนรุ่นเก่ารู้จักกันดี นั่นคือ "ม่อนกระทิง" ที่ได้ชื่อมาจากสมัยก่อนมักมีกระทิงเดินผ่านละแวกนี้อยู่เป็นประจำ ทว่าหลังจากนั้นมานานเนิ่นที่แห่งนี้ก็เหลือเพียงตำนานและคำเรียกขานคนในพื้นที่ไม่เห็นกระทิงมาหลายสิบปีแล้ว ก็หวังแต่ว่าพวกมันยังอยู่สุขสบายในผืนป่าลึกของอุทยานแห่งนี้...

          นอกจากนี้ยังมีจุดเล็ก ๆ ที่สามารถชมทะเลหมอกได้อีกหลายแหล่ง ขึ้นอยู่กับความชอบว่าต้องการฉากหน้าเป็นอย่างไรในการถ่ายภาพ ผมเชื่อว่าจุดชมวิวหรือม่อนดอยของแม่เมยอยู่ในใจของคนเดินทางมาตลอด และเชื่อว่าหลายคนไม่พลาดที่จะไปเยือนในช่วงหนาวที่จะมาถึง...

อุทยานแห่งชาติแม่เมย
มองจากเต็นท์ก็เห็นทะเลหมอกอันแสนงดงามแล้ว

ม่อนปุยหมอก หยิบหมอก หยอกดวงดาว

          นอกจากจุดชมทะเลหมอกที่แสนงดงามและเข้าถึงได้อย่างง่าย ๆ แล้ว ยังมีอีกแหล่งที่คนรักธรรมชาตินิยมเดินเท้าเข้าไปพักแรม นั่นคือ "ม่อนปุยหมอก" ได้ยินชื่อก็น่าจะเชื่อได้ว่ามีความงดงามอย่างเต็มเปี่ยม และเราก็ไม่พลาดที่จะไปเยือน เพราะไม่เช่นนั้นจะถือว่าเก็บที่สุดแห่งความงดงามไม่ครบถ้วน

          คณะเดินเท้าเริ่มเดินจากบริเวณด้านหลังที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่เมย เส้นทางลำลองเล็ก ๆ ตัดเข้าไปยังผืนป่าและแนวสันเขาชัน กว่าจะผ่านลูกแรกมาได้ก็เหนื่อยอาการ เราใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ก่อนจะมานั่งมอง "น้ำตกผาเทวะ" ที่อยู่ในหุบเขาไกลลิบ ที่สำคัญใครบางคนบอกว่าอย่าได้คิดเดินไปเชียว เอาแค่มองไกล ๆ ก็พอ เพราะเส้นทางลงนั้นชันมาก...จากตรงนี้เรายังคงต้องเดินเท้าไปอีกไกลพอสมควร ผ่านสันเขาที่มีหินก้อนใหญ่ ๆ สลับกับดงเฟิร์น ป่าโปร่ง ๆ เพราะลมแรงและดินไม่ลึกนัก มองไปเห็นทุ่งหญ้าสีทองกับผืนฟ้าน้ำเงิน

           "ฝั่งโน้นเป็นที่ตั้งแคมป์" ลูกหาบบอกกับเราเบา ๆ พร้อมกับจุดยาสูบขี้โย แล้วเดินนำอ้อมไปยังสันเขาอีกด้าน เพราะมีหุบผาลึกขวางกั้นเราเอาไว้ ทว่าไม่นานเราก็มาถึงจุดที่ตั้งแคมป์ของคืนนี้ ซึ่งหลบอยู่ในเงาไม้เพื่อป้องกันลมในยามกลางคืน รวมใช้เวลาเดินทั้งสิ้นราว 5 ชั่วโมง

อุทยานแห่งชาติแม่เมย
แคมป์พักคนเดินทางท่ามกลางหมู่ดาวที่ม่อนครูบาใส

          สำหรับม่อนปุยหมอกนับเป็นจุดชมวิวที่มีความงดงามยิ่งนัก เพราะสามารถมองเห็นได้ 180 องศา ตรงข้ามกันเป็นเทือกเขาสูงชันในฝั่งเพื่อนบ้าน...เมียนมา มองไปทางตะวันตกจะเห็นหุบเขาบริเวณเดียวกับที่เรามองจากม่อนครูบาใส ส่วนพระอาทิตย์ขึ้นต้องเดินไปอีกนิดจะมองเห็นได้อย่างชัดเจน

          แน่นอนว่าหลังอาหารเย็นผ่านไป ผมนั่งฟังเสียงเพลงของสายลมและแสงดาว ที่เคลื่อนตัวผ่านสายตาและความรู้สึกไปอย่างช้า ๆ เสียงชัตเตอร์คล้ายจะดังกว่าปกติเมื่อโดยรอบเงียบสงัด แต่มันก็เป็นเพื่อนกับเราได้เป็นอย่างดี ชีวิตของคนทำงานอาจจะไม่ง่ายหรือยากจนเกินไป สิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงเป็นพิเศษ นั่นคือภาพและเนื้อหาจะนำเสนอให้หมดเปลือกแบบไม่ต้องขยักเอาไว้เลย

ขุนน้ำ เถื่อนถ้ำ

อุทยานแห่งชาติแม่เมย
น้ำตกแม่ระเมิง ขุนน้ำอันงดงามของอุทยานแห่งชาติแม่เมย

          ผ่านจากสายหมอกและแสงเช้า เรามาดูเรื่องราวอื่น ๆ ของอุทยานแห่งชาติแม่เมยกันบ้างว่ามีความพิเศษอย่างไร เพราะจากหลายองค์ประกอบแห่งธรรมชาติทำให้ที่นี่มีความน่าสนใจยิ่งนัก เริ่มกันที่ต้นกำเนิดสายน้ำแม่เมย ซึ่งไหลหล่อเลี้ยงผู้คนบนสันเขาแปดอยมานานเนิ่น ทุกวันนี้ก็ยังคงทำหน้าที่นั้นอยู่อย่างไม่ขาดสาย แม้ว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงไปบ้างของชุมชนต้นน้ำที่ขยายขึ้น ทว่าด้วยวิถีชีวิตของชาวเผ่าปกาเกอะญอก็ยังทำให้ป่าต้นน้ำยังมีความสมบูรณ์พอสมควร

          "ทุกอย่างย่อมเปลี่ยนแปลง แม้เข็มบนนาฬิกาจะกลับมาตรงกันทุกวัน แต่ก็หาใช่เวลาเดิม"

          ความน่าสนใจอีกอย่างของแม่น้ำเมยคือการไหลของสายน้ำ ซึ่งตามปกติจะไหลจากเหนือลงใต้ ทว่าแม่น้ำสายนี้กลับไหลจากใต้ขึ้นเหนือ จากการสำรวจได้พบน้ำธรรมชาติไหลออกจากรูน้ำจำนวนมาก ชาวปกาเกอะญอที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นเรียกว่า "ห้วยน้ำดั้น" โดยน้ำจะไหลลงที่ห้วยน้ำดั้นและไหลลงสู่ต้นกำเนิดแม่น้ำเมยในบริเวณหลังวัดเขาแหลม (ดอยจ้อ) บ้านผ่านศึกพัฒนา หมู่ 6 ตำบลวาเล่ย์ อำเภอพบพระ ถือว่าเป็นกำเนิดต้นน้ำแม่น้ำเมย ก่อนจะไหลผ่านอำเภอแม่สอด อำเภอท่าสองยาง และบรรจบกับแม่น้ำสาละวันที่อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ก่อนสองสายน้ำรวมเป็นหนึ่งไหลเข้าเขตเมียนมา และออกสู่ทะเลที่เมืองมะละแหม่ง เขตรัฐมอญ

อุทยานแห่งชาติแม่เมย
โรงละครใต้พิภพอันแสนตระการตา

          มาเยือนอุทยานทั้งทีจะพลาดการไปสัมผัส "ถ้ำแม่อุสุ" ได้อย่างไรกัน เพราะที่นี่ได้รับการยกย่องว่ามีความยิ่งใหญ่มาก ทั้งยังเป็นเสมือนโรงละครใต้พิภพที่เปิดแสดงมาหลายร้อยล้านปี แม้ว่าจะมีการสำรวจจริงจังเพื่อการท่องเที่ยวเมื่อปี พ.ศ. 2530 นี่เอง ทว่าในอดีตคนพื้นเมืองชาวปกาเกอะญอเรียกชื่อถ้ำแห่งนี้ตามลักษณะที่เห็นว่า "ทีหนึปู่" ซึ่งแปลว่าน้ำไหลเข้าไปในถ้ำ นอกเหนือจากตำนานที่กล่าวถึงเสียงดนตรีที่มักจะมีคนได้ยินดังออกมาจากถ้ำในช่วงคืนวันเพ็ญแล้ว เรื่องของเสือสมิงที่เคยอาศัยอยู่ในถ้ำแห่งนี้ก็เป็นอีกสิ่งที่น่าศึกษาถึงความเป็นไปที่เกี่ยวกับชาติพันธุ์

อุทยานแห่งชาติแม่เมย
ถ้ำแม่อุสุ ความยิ่งใหญ่แห่งโถงถ้ำ

          ทว่าในคราวนี้เรามาสัมผัสกับความมหัศจรรย์ของโถงถ้ำ ที่ได้รับการยกย่องอย่างสูงว่ามีความตระการตา รวมถึงความยิ่งใหญ่และศิลปะจากธรรมชาติที่สร้างสรรค์ผ่านกาลเวลามาหลายร้อยล้านปี วันนี้สิ่งนี้นอกจากจะทรงคุณค่าในด้านปฐพีวิทยาแล้ว ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่าที่คนธรรมดาอย่างเราจะจินตนาการไปในรูปต่าง ๆ ของหินงอก หินย้อย และม่านน้ำตกหินปูน

           "ถ้ำแห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นความมหัศจรรย์ของแผ่นดิน ทว่ายังเป็นจุดหมายของคนเดินทางในการเข้ามาสัมผัสอีกด้วย" นักเดินทางรุ่นใหญ่กล่าวกับผมในวันที่เราออกมาจากหน้าถ้ำแม่อุสุ

อุทยานแห่งชาติแม่เมย
ดอกไม้กับฤดูหนาว สิ่งที่นักเดินทางไม่พลาดจะเก็บภาพเอาไว้

อุทยานแห่งชาติแม่เมย
ทุ่งหญ้าในวันหนาว เปลี่ยนจากเขียวเป็นทอง

บทพิสูจน์แห่งกาลเวลา

          อุทยานแห่งชาติแม่เมยได้รับการคุ้มครองด้วยกฎหมายมาหลายสิบปีแล้ว ผืนป่าและผู้คนยังคงดำเนินไปตามครรลอง ความงดงามของสรรพสิ่งก็ต่อเนื่องไปอย่างไม่เร่งรีบ คล้ายกับทะเลหมอกในหุบลึก ที่กว่าจะละลายไปกับความร้อนของพระอาทิตย์ก็กินเวลาไปเกือบครึ่งค่อนวัน วันนี้ที่นี่ยังคงเรียบร้อย สงบ งดงาม หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการเดินทางในฤดูหนาวนี้ "อุทยานแห่งชาติแม่เมย" จะอยู่ในหัวใจของคุณ...

ขอขอบคุณ

          คุณวีระ กอแก้ว หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแม่เมย และเจ้าหน้าที่อุทยานทุกท่านเป็นอย่างสูง

คู่มือนักเดินทาง

อุทยานแห่งชาติแม่เมย

          การเดินทาง

          รถยนต์

          จากรุงเทพฯ ไปจังหวัดตากโดยทางหลวงหมายเลข 1 เมื่อถึงจังหวัดตากให้แยกซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 105  ไปอำเภอแม่สอด เมื่อถึงแม่สอดก็ใช้ทางหลวงหมายเลข 105 (แม่สอด-ท่าสองยาง-แม่สะเรียง) ไปจนถึงบ้านแม่สลิด แล้วแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 1267 ขึ้นไปยังอุทยานแห่งชาติแม่เมย-บ้านแม่ระเมิง

          เส้นทางสู่อุทยานแห่งชาติแม่เมยเป็นเส้นทางลาดยางตลอด และจะมีช่วงทางชันขึ้นเขา เมื่อถึงบ้านแม่สลิดแล้วแยกขวาขึ้นอุทยาน ถนนมีสภาพเส้นทางที่สูงขัน แต่ถนนได้รับการปรับปรุงดีมาก สามารถนำรถเก๋งและกระบะธรรมดาไปได้

          เครื่องบิน

          สามารถบินไปลงแม่สอด จากนั้นขึ้นรถโดยสารไปยังปากทางเข้าอุทยานแห่งชาติแม่เมย แต่ค่อนข้างช้าและลำบากพอสมควร

          ติดต่อสอบถาม

          อุทยานแห่งชาติแม่เมย โทรศัพท์ 08 8290 7964

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

ปีที่ 56 ฉบับเดือนตุลาคม 2558

เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สัมผัสหมอก หยอกดวงดาว ณ อุทยานแห่งชาติแม่เมย อัปเดตล่าสุด 11 ธันวาคม 2558 เวลา 14:43:20 6,272 อ่าน
TOP
x close