ดร.ธรณ์ เปิดภาพใต้ทะเลอ่าวนาว เกาะพีพี หลงเหลือเพียงปลาปลาสลิดหินลายบั้ง กับก้อนปะการังที่ตายแล้ว วอนเลิกให้อาหารปลาใต้น้ำ ก่อนที่ปะการังจะไม่เหลืออีกต่อไป
ถือเป็นปัญหาที่ถูกปล่อยปะละเลยมานาน สำหรับการท่องเที่ยวดำน้ำดูปะการังในท้องทะเลไทย กิจกรรมยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ ที่ผู้คนหลั่งไหลกันมาทิ้งตัวลงทะเล เพลิดเพลินไปกับหมู่ปลาแสนสวยใต้ผืนน้ำ แถมยังสามารถให้อาหารปลาได้อีกด้วย โดยที่เราอาจไม่ได้คำนึงเลยว่าสิ่งที่เราทำลงไปนั้นอาจส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ และยังเป็นการทำลายแนวปะการังไปเสียสิ้น
ด้วยเหตุนี้ ล่าสุด (7 พฤศจิกายน 2558) ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการทางทะเล และสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จึงได้ขอออกมาเผยแพร่คำเตือนและให้ข้อมูลแก่ชาวเน็ต ผ่านเฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat ด้วยการโพสต์ภาพถ่ายจากอ่าวนุ้ย หมู่เกาะพีพี ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติกำลังให้อาหารปลาอยู่ใต้ทะเล อย่างไรก็ตามแทนที่จะมีปลาหลากสีสันให้เราได้เห็นดังภาพที่เคยคิดไว้ กลับหลงเหลือเพียงปลาสลิดหินลายบั้งให้ถ่ายภาพเท่านั้น แถมพื้นที่ซึ่งเป็นแนวปะการังยังตายและหายไปหมดสิ้น
พร้อมกันนี้ ดร.ธรณ์ ยังระบุข้อความว่า เขาได้เลือกเอาอ่าวนุ้ย เกาะพีพีดอน เป็นจุดสำรวจเรื่องการให้อาหารในแนวปะการัง พบว่าอ่าวแห่งนี้เต็มไปด้วยเรือสปีทโบ๊ทโดยมีนักท่องเที่ยวที่ส่วนใหญ่เป็นชาวจีน ผลัดกันเข้ามาทุก 10-20 นาที ในเวลาแรกที่เข้าไปในอ่าว เขารู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้เหมือนสวรรค์ สวยจนน่าอัศจรรย์ แต่เมื่อกระโดดลงไปในน้ำก็ต้องตกใจเพราะรอบตัวของเขาเต็มไปด้วยปลาปลาสลิดหินลายบั้ง (ปลาเสือ) ที่ว่ายตามตัวเขาไปทุกที่
จากนั้นเมื่อเขาว่ายเข้าไปใกล้เรือนักท่องเที่ยวจีน ก็พบว่ามีไกด์ชาวจีนลงน้ำมาพร้อมกับขนมปังเพื่อให้อาหารปลา ทำให้ปลาทุกตัวแห่เข้ามารุมล้อมในทันที ท่ามกลางนักท่องเที่ยวที่ส่งเสียงลั่นด้วยความดีใจ พากันถ่ายภาพและว่ายน้ำกับปลา จากนั้นเมื่อเขาไปสำรวจยังกลุ่มนักท่องเที่ยวอีกกลุ่ม ก็พบว่ากลุ่มนี้ไกด์ถึงขั้นแจกขนมปังให้นักท่องเที่ยวบางคนเลยด้วยซ้ำ ขณะที่เมื่อมองไปยังแนวปะการังใต้น้ำก็พบว่าเหลือแต่ปะการังก้อนที่ตายไปนานแล้วหรือเกือบตาย ไม่น่าดูแต่อย่างไร ปลาที่หลงเหลือในหมู่ปะการังโทรม ๆ ก็มีเพียงปลาสลิดหินลายบั้ง ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่านักท่องเที่ยวดำน้ำไปถ่ายภาพอะไรกันแน่ เพราะปะการังก็ไม่เหลือให้ถ่ายแล้ว
ดร.ธรณ์ ยังให้ข้อมูลต่อว่า ปลาในแนวปะการังมีหลายพันชนิด ในเมืองไทยมีเกือบพันชนิด เกาะพีพีอยู่ในอันดามัน ความหลากหลายของปลาสูงกว่าในอ่าวไทยมาก อย่างน้อยก็น่าจะมีระดับร้อยชนิดขึ้นไป
แต่จากสายตาของเขา พบว่าในตอนนี้มีถึง 10 ชนิดก็บุญแล้ว เพราะถูกปลาสลิดหินลายบั้งช่วยกันขับไล่ออกไปจนหมด ยึดอาณาเขตเป็นของตัวเองและรอรับขนมปังจากมนุษย์ ส่วนตัวเขาดำน้ำมาเนิ่นนานหลายสิบปี เห็นแนวปะการังมานับหมื่นแห่ง แต่ทว่าไม่เคยเห็นแนวปะการังที่อนาถและเศร้าสลดขนาดนี้มาก่อน
สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ทางทะเลเคยพร่ำบอกมาตลอดคือ ปลาสลิดหินลายบั้งเป็นปลาก้าวร้าว จะไล่ปลาเล็กชนิดอื่นในแนวปะการังออกไปจากที่อาศัยเดิม ไม่ว่าปลานั้นจะเป็นสายพันธุ์ใด ไล่ออกไปจนหมด...ตายหมด เมื่อปลาตายหมด สมดุลนิเวศย่อมหมดไป ไม่มีปลาคอยกินสาหร่าย คอยควบคุมสายใยอันซับซ้อน ปะการังย่อมจากไป ระบบนิเวศหลากหลายที่สุดในโลก จึงเปลี่ยนจากสวรรค์เป็นนรก ด้วยขนมปังชิ้นเล็ก ๆ ในมือมนุษย์
ทั้ง ๆ ที่กฎอุทยานมีอยู่แล้วว่าห้ามให้อาหารปลา แต่คนสองร้อยคนที่อยู่ในน้ำตอนนี้ เกือบทุกคนกำลังให้อาหาร และดูปลาที่กำลังมากินอาหาร ทางออกที่เขาคิดไว้ก็ยังไม่สามารถเป็นจริงได้ ตราบใดที่ก็ตามที่อุทยานมีกำลังคนและเรือเพียงเท่านี้ ทุกอย่างวนกลับมาที่เดิม เงินเก็บได้เยอะ แต่คนไม่พอ...เรือไม่พอ เมื่อใดที่พีพีได้รับความเห็นใจจากผู้บริหาร ยกระดับการอนุรักษ์และการจัดการ เมื่อใดที่เขาเห็นความหวังว่าแนวทางจะเป็นไปได้ เขาจะบอกวิธีนั้น อย่างไรก็ตามเบื้องต้นอยากขอความร่วมมือให้ช่วยกัน หยุดให้อาหารปลาในแนวปะการังทุกแห่งหนเสียที
ทั้งนี้ได้มีผู้คนจำนวนมากเข้ามาร่วมพูดคุยถึงปัญหาดังกล่าว โดยบ้างก็มองว่าควรให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่นักท่องเที่ยวก่อนที่จะลงไปดำน้ำจริง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในทำนองนี้อีก ขณะที่หลายส่วนก็มองว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเข้ามาตรวจสอบดูแลไกด์นำเที่ยวอย่างเข้มงวด เพราะคนที่จะดูแลนักท่องเที่ยวได้ก็คือไกด์เหล่านี้นี่เอง ซึ่ง ดร.ธรณ์ ระบุว่าหน่วยงานที่มีอำนาจตรวจสอบการให้บริการของบริษัทนำเที่ยวต่าง ๆ ก็คือกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ขณะที่ทางอุทยานไม่มีอำนาจแต่อย่างไร
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat
