ปลายฝนต้นหนาวแบบนี้กิจกรรมเดินป่าตามล่าหาดอกไม้ป่า รวมทั้งทะเลหมอก ช่างเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจมาก ๆ ซึ่งหนึ่งในเส้นทางยอดฮิตของนักท่องเที่ยวที่รักการผจญภัยและชอบกลิ่นของใบไม้ใบหญ้าป่าเขา ก็คือ "เส้นทางอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว" จังหวัดอุตรดิตถ์ และเป็นที่ทราบกันดีว่าในช่วงเดือนกันยายนจะมี "ดอกหงอนนาค" ออกดอกสีม่วงชมพูบานสะพรั่งไปทั่วทั่งผืนป่า คุณ L.hideki สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ก็ได้เดินทางตามรอยเส้นทางนี้ และนอกจากจะได้พบกับความสวยงามของดอกหงอนนาคแล้ว สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือทะเลดาวมากมายบนท้องฟ้าในยามค่ำคืน บรรยากาศจะโรแมนติกและสวยมากแค่ไหน ไปติดตามเรื่องราวและชมภาพบันทึกการเดินทางไป "ภูสอยดาว" นี้กันเลยค่ะ
เอาคลิปไปดูก่อนนะคะ ^__^
สมาชิกครั้งนี้มี 12 คน ซึ่งถือว่าเยอะพอสมควร พี่ ๆ เลยตัดสินใจเช่ารถตู้มาจากเมืองกรุง พวกเราออกเดินทางจากขอนแก่น ไปสมทบกับพี่ ๆ ที่อำเภอวังทอง ถึงวังทองประมาณตีสอง แวะซื้อของสดที่ตลาดอำเภอชาติตระการ ประมาณหกโมง (ช้าหน่อยเพราะมัวหลงทาง ฮ่า ๆๆๆ) กว่าจะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูสอยดาวก็ 08.00 น
ทานข้าวเช้ากันที่ร้านอาหารแถว ๆ ที่ทำการ แอบหวั่นใจที่เห็นรถจอดเยอะมาก ข้างบนจะแออัดไหมนะ
ดอกหงอนนาคต้นใหญ่กว่าที่คิดมาก ๆ บานรอรับอยู่ที่ทำการกันเลยทีเดียว ^__^
กว่าจะจัดการนู่นนี่นั่นเสร็จก็ได้เริ่มเดินตอน 10.55 น. เจ้าหน้าที่มีรถรับ-ส่งจากที่ทำการมาจุดเริ่มเดิน
ช่วงแรก ๆ เดินสบาย ๆ ทางราบ ๆ
ก็ยังชิล ๆ
ชมนก ชมไม้ ชมน้ำ ฟังเสียงลำธารไปเรื่อย ๆ
หลังพ้นจากเนินต่าง ๆ มาได้ อย่าถามถึงรูปขณะเดินผ่านแต่ละเนิน เพราะแทบไม่ยกกล้อง ฮ่า ๆๆๆ
พอฝนหยุดชัวร์ ๆ แล้ว ก็เอา Rain Cover ออก เพราะมันควักน้ำยากมาก
ตัดฉับมาที่เนินมรณะ เนินสุดท้ายที่เหมือนจะยาวนาน แต่ก็เดินได้เพลิน ๆ เพราะวิวสวยเหลือเกิน
ก้อนหินก้อนนั้นที่ฉันต้องเข้าคิวรอ 555
พ้นจากเนินมรณะแล้วก็ต้องเดินอีกสักพักกว่าจะถึงลานสน
ในที่สุด....สี่โมงเย็น ใช้เวลาโดยประมาณ 5 ชั่วโมง พวกเราก็มาถึงข้างบน 1,633 เมตร จากระดับน้ำทะเล
บางครั้งเดินช้า ถึงช้า ก็ดีอย่างหนึ่ง เพื่อนที่ไปถึงก่อนก็เตรียมแคมป์ กางฟลายชีท เตรียมกับข้าว อิอิ ๆๆๆๆ เต็นท์ที่จองกับทางอุทยานเค้ากางไว้ให้เรียบร้อยค่ะ มีพลาสติกคลุมกันฝนอย่างดีเลย
ฟลายชีทใหญ่หน่อย เพราะคนเราเยอะ
ภูสอยดาววันนี้มีแสงเย็น...ฟิน
ที่เซอร์ไพรส์สุด ๆ คือทางช้างเผือก เป็นช้างเผือกที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา พาดผ่านเต็มผืนฟ้าเหนือลานสน แถมมาตั้งแต่ตอนหัวค่ำ อุตส่าห์ถ่ายไฟล์ raw มา ก็แต่งไม่เป็นซะนี่ ยังดีที่ถ่ายไฟล์ jpeg มาด้วย 555
กิจกรรมหลักของวันนี้ก็เลยเป็นนอนนับดาวตกค่ะ ตกไม่ถึงสิบดวงเราไม่เข้านอน ฮ่า ๆๆๆ
ป.ล. พี่ ๆ เต็นท์ใกล้ ๆ กันคือพร้อมมาก แซลมอนเอย หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์เอย แล้วยังมาแบ่งพวกเราอีก ขอบคุณค่ะ ^^
บนลานสนมีเทรลให้เดินเป็นวงกลมค่ะ จะผ่านจุดอาทิตย์อัสดง ยอด 360 องศา แล้วก็หลักเขตไทย-ลาว
แต่ฝนก็ตกปรอย ๆ แต่เช้าและไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ..อย่ากระนั้นเลย ออกไปเดินกลางสายฝนก็ได้ฟีลอีกแบบนะ ^^
ระยะทางรวม 2 กิโลเมตร พวกเราเดิน ๆ หยุด ๆ ถ่ายรูปแบบชิล ๆ ใช้เวลาไปสองชั่วโมง
คล้ายผาสองฤดู (พูดเหมือนเคยไป 5555)
ยังมีต้นไม้ใหญ่
ทั้งสายหมอกหรือแม้สายฝนพัดผ่านมาแล้วก็พัดผ่านไป
แม้ฝนจะหยุดแล้วก็ยังเหลือหมอกปกคลุมอยู่ คงต้องใช้เวลากว่าจะเห็นอะไร ๆ ที่ชัดเจนขึ้น
บนยอด 360 องศา .. แบกเป้มาทั้งวัน (เมื่อวาน) ก็ต้องยืดเหยียดกันหน่อย 555
ตรงนี้มองได้รอบทิศจริง ๆ นะ
ทุ่งดอกหงอนนาคมีเป็นหย่อม ๆ กระจายไปเป็นจุด ๆ
เดินต่อไป
หลักเขตตรงนี้ที่เขาว่ามีสัญญาณโทรศัพท์ ... ภูเขาลูกนั้น ยอดภูสอยดาว 2,100 เมตร ที่ช่วงหน้าฝนห้ามขึ้น เพราะอันตราย ครั้งนี้พวกเราเลือกดอกไม้ ยอดเขาเอาไว้คราวหน้า อิอิ
กลับมาเตรียมข้าวเที่ยง คนไม่ได้ไปเดินก็เตรียมของกินไว้ให้ด้วย ... ก็ยังคิดว่าทุ่งดอกหงอนนาคที่ติดแคมป์เรานี่แหละหนาแน่นสุดละ แต่เข้าไปถ่ายรูปไม่ได้เพราะมันแน่นจริง ๆ 555
บ่ายก็ได้เวลาเบิร์น 555 ไปน้ำตกสายทิพย์ ตอนแรกใส่รองเท้าแตะ แต่ผู้อาวุโสแคมป์ใกล้ ๆ ได้เตือนว่าอย่าใส่เลย ทางชันและลื่นห้ามใส่แตะเด็ดขาด
เทียบขนาด
ลงมาอีกชั้นหนึ่ง เขียวฉ่ำได้ใจ
ไม่ได้ลงไปอีกเพราะมีต้นไม้ลมขวางทางค่ะ
แล้วก็ตัดสินใจเดินเทรลกันอีกรอบหนึ่ง ว่าง ๆ เนอะ 555
โดยเริ่มต้นจากป้ายนี้แหละ
ฟ้าเริ่มเปิด
ไม่มีโอกาสสัมผัสยอด 2,100 เมตร แม้เพียงสายตา
แสงเริ่มมา
กะจะรอชมพระอาทิตย์ตก
แต่ดูเหมือนสายหมอกจะไม่เป็นใจ
กลับมาเตรียมข้าวเย็น-ข้าวเช้าดีกว่า ดูเต็นท์แน่น ๆ แต่ไม่แออัด น้ำท่ามีพร้อม น้ำดื่มมีถังบรรจุ (น้ำฝน) ห้องน้ำก็มีเพียงพอ (เอาถังไปตักน้ำลำธารตามสะดวก)
กับข้าวเพียบมาก เพราะต้องทำให้หมด เราจะไม่ขนกลับ 555 เต็นท์ใกล้เรือนเคียงก็แจกจ่ายอาหารกันเต็มที่ อิ ๆๆ
วันนี้ฝนตกแต่เช้ามาก ๆ กะจะเริ่มเดินกัน 05.59 น. จะได้ดูพระอาทิตย์ขึ้นระหว่างทาง (หวังสูง ฮ่า ๆๆๆ) ก็เจอฝนสกัดดาวรุ่ง กว่าจะได้เริ่มเดินก็ 06.59 น. เวลาดีไปไหม 555
ก้อนหินก้อนนี้ไม่ต้องต่อคิวแล้ว
ฝนตก ๆ หยุด ๆ จนหลัง ๆ ไม่ใส่ละเสื้อกันฝน
เดินเรื่อย ๆ เหนื่อยก็พัก วักน้ำล้างหน้าเล่นเย็น ๆ ใจ
ลงมาถึงข้างล่างเกือบสิบโมง ตีเป็นเวลาสวย ๆ 09.59 น. ฮ่า ๆๆๆๆ รวมเวลาเดินลงสามชั่วโมงถ้วน
อาบน้ำกินข้าว ณ ที่ทำการอุทยาน แล้วก็มาต่อกันที่น้ำตกชาติตระการ ห่างจากอุทยานแห่งชาติภูสอยดาวชั่วโมงกว่า ๆ (จะเร็วกว่านี้ถ้าน้ำมันรถไม่หมดกลางทาง ฮ่า ๆๆๆ) น้ำตกมีทั้งหมด 7 ชั้น เดินไปกลับ 2 กิโลเมตรกว่า ๆ พี่เจ้าหน้าที่บอกว่าแค่ครึ่งชั่วโมง (คุณหลอกดาวมาก ๆ)
น้ำตกชั้นแรก
ชั้นที่สอง ..
ชั้น ...ไหน ฮ่า ๆๆๆๆ
ชั้นที่ห้า
ไม่มีรูประหว่างทางอีกแล้ว คือลงมาจากภูกะจะชมน้ำตกชิล ๆ แต่...
น้ำตกแต่ละชั้นจะห่างกันประมาณ 200 เมตรค่ะ มันก็นิดเดียวเดิน ๆ แป๊บ ๆ ก็ชั้นห้าละ ไป ๆ มา ๆ ก็ชั้น 7 ซะงั้น ฮ่า ๆๆๆๆ รวมเวลาไป-กลับ 2 ชั่วโมงพอดี
สรุปค่าใช้จ่าย
- ค่าน้ำมันรถ, คนขับ = 10,210 บาท
- ค่าอาหาร = 7,155 บาท
- ค่าเช่าเต็นท์, อุปกรณ์, ลูกหาบ (กิโลกรัมละ 35 บาท) = 7,640 บาท
- ค่าเข้าอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว, อุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการ = 900 บาท
เฉลี่ย 12 คน = คนละ 2,444 บาท
หลังจากจัดหนักมื้อเย็นสุดท้ายของทริปก็ได้เวลาที่ต้องแยกย้าย ขอบคุณป่าสน ฝนหมอก ดอกหญ้า สายน้ำที่ไหลเย็นเต็มลำธาร พี่ ๆ ลุง ๆ เต็นท์ใกล้เรือนเคียง และเดอะแก๊ง..ไปด้วยกันทีไรก็สุขใจทุกที แถมอร่อยพุงกาง ฮ่า ๆๆๆๆ หวังว่าจะได้เดินด้วยกันอีก
แล้วเจอกัน ... เขาลูกต่อไป Next Station is ..
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ L.hideki สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม