ตามไปดูสนามบินที่นอกจากจะมีการบริการที่ดีแล้วก็ยังมีการประหยัดพลังงานที่ยอดเยี่ยม จนต้องขนานนามให้ว่าสนามบินรักษ์โลก
สนามบิน เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่มีการใช้พลังงานไฟฟ้าสูง เพื่อให้แสงสว่างและขับเคลื่อนอุปกรณ์ต่าง ๆ นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ที่ไม่เคยหลับใหล ถ้าให้ลองคำนวณกันเล่น ๆ ว่าวันหนึ่งเจ้าสถานที่กว้างใหญ่ที่เป็นจุดเชื่อมต่อของการเดินทางทั่วโลกนี้ใช้พลังงานไปเท่าไร อาจจะมีหลายคนเป็นลมกับตัวเลขได้ แต่ในปัจจุบันนี้ก็มีสนามบินทั่วโลกหลายแห่งหันมาประหยัดพลังงานกันมากขึ้น วันนี้เราจะพาไปดูสนามบินที่ประสบความสำเร็จในการประหยัดพลังงานจนกลายเป็นสนามบินรักษ์โลกด้วยการประหยัดพลังงานด้วยวิธีต่าง ๆ หรือแม้แต่การนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ในสนามบินจากวารสารอุตสาหกรรม ลองดูสิว่า 10 สนามบินรักษ์โลกเหล่านี้จะมีที่ไหนกันบ้าง
1. สนามบินเซินเจิ้น ประเทศจีน (Shenzhen Bao\'an International Airport)
2. สนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย (Kuala Lumpur International Airport)3. สนามบินนานาชาติเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา (Denver International Airport)4. สนามบินนานาชาติเอเธนส์ ประเทศกรีซ (Athens International Airport)5. สนามบินนานาชาติฟินิกซ์ สกาย ฮาร์เบอร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา (Phoenix Sky Harbor International Airport) 6. สนามบินหงเฉียว เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน (Shanghai Hongqiao International Airport)
7. สนามบินนานาชาติฮาเนดะ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น (Tokyo Haneda International Airport) 8. สนามบินแคลิฟอร์เนีย เฟรสโน ประเทศสหรัฐอเมริกา (Fresno Yosemite International Airport)
9. สนามบินนานาชาติผู่ตง เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน (Pudong International Airport)10. สนามบินฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา (Honolulu International Airport)ต้องปรบมือให้กับสนามบินทั้ง 10 แห่งนี้เลยล่ะ ที่มีการประหยัดพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจากที่เห็นจะพบว่ามีสนามบินในประเทศจีนติดถึง 3 แห่งด้วยกัน เราลองไปดูกันค่ะว่า พวกเขามีแนวคิดอย่างไรที่ทำให้สนามบินที่มีการใช้พลังงานมหาศาลกลายเป็นสนามบินประหยัดพลังงานได้
สนามบินนานาชาติผู่ตง เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน (Shanghai Pudong International Airport) สนามบินหงเฉียว (Shanghai Hongqiao International Airport) และสนามบินนานาชาติฝูดงซึ่งอยู่ในสนามบินเซินเจิ้น (Shenzhen Bao\'an International Airport) เป็นสนามบินในประเทศจีนที่ติดอันดับสนามบินที่มีการประหยัดพลังงานจากการจัดอันดับ The world’s most powerful solar airport ซึ่งการจัดอันดับทำให้ประเทศจีนที่มักจะถูกพูดในแง่ที่ว่าจีนสนใจแต่การเติบโตโดยไม่สนผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมีมุมมองที่เปลี่ยนไปไม่น้อย และทำให้คนจำนวนไม่น้อยต้องหันกลับมาให้ความสนใจกับจีนเกี่ยวกับเรื่องการพัฒนาอุตสาหกรรมในปัจจุบัน
สนามบินเซินเจิ้น ซึ่งได้รับการจัดอันดับว่าเป็นสนามบินที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์มากที่สุด เพิ่งติดตั้งระบบไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์แล้วเสร็จเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2557 จำนวน 2 โครงการ ๆ ละ 10 เมกะวัตต์ และเริ่มใช้งานอย่างเป็นทางการหลังการติดตั้งระบบแล้วเสร็จ ซึ่งทำให้สนามบินแห่งนี้มีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ใช้ในแต่ละปีรวม 20 กิกะวัตต์ เป็นสถิติการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่มากที่สุดในบรรดาสนามบินจากทั่วโลกที่มีการใช้ไฟจากพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งทำให้สนามบินเซินเจิ้นคาดว่าจะลดต้นทุนจากการใช้ไฟฟ้าลงได้มากกว่า 10% จากการใช้พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ที่ผลิตได้ โดยการติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์ของสนามบิน หลัก ๆ จะติดตั้งไว้ที่อาคารคลังสินค้าแห่งใหม่ของสนามบิน และบริเวณโดยรอบทั้งส่วนที่เป็นบริการด้านโลจิสติกส์และอากาศยาน
ส่วนที่สนามบินหงเฉียว ติดตั้งเมื่อปี 2553 (ค.ศ. 2010) บริเวณอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 2 (Terminal 2) บริเวณหลังคาของสถานขนส่งสินค้าด้านตะวันตก มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 2,848 เมกะวัตต์ หรือมีค่าเฉลี่ยที่ป้อนพลังงานเข้าสู่ระบบสายส่งได้ประมาณ 2.77 กิกะวัตต์ต่อปี สามารถช่วยลดการใช้ถ่านหินสำหรับการผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 987 ตันต่อปี
สำหรับโครงการติดตั้งพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ของสนามบินนานาชาติผู่ตง ติดตั้งระบบไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ สำหรับไฟฟ้าที่ใช้กับที่จอดรถและอุปกรณ์โหลดของ รวมทั้งใช้สำหรับเครื่องปรับอากาศบริเวณทางเดินระหว่างอาคารผู้โดยสารที่ 1 และ 2 มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 1.7 เมกะวัตต์ ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้ในส่วนที่กล่าวถึง ครอบคลุมพื้นที่ทั้งในส่วนของอาคารผู้โดยสาร 1 และ 2 ของสนามบินรวม 15,000 ตารางเมตร นอกจากนี้ ทางสนามบินยังคงมีแผนจะขยายการใช้งานไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้นอีกอย่างต่อเนื่องในอนาคต
ถึงแม้พวกเราจะยังเป็นแค่เพียงผู้ใช้ไฟฟ้าในภาคครัวเรือน และไม่ได้ใช้พลังงานไฟฟ้าสูง แต่ถ้าหากเราร่วมด้วยช่วยกันประหยัดกันอีกแรงหนึ่ง ก็มั่นใจได้เลยล่ะว่าเราจะยังคงมีทรัพยากรธรรมชาติไว้ใช้กันได้อีกนานจนชั่วลูกชั่วหลานอย่างแน่นอนเลย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
วารสารอุตสาหกรรม
