x close

เที่ยวมะละกา มาเลเซีย ตะลุยเมืองท่ามากเสน่ห์ ดื่มด่ำบรรยากาศตะวันตก

          พาเที่ยวเมืองมะละกา เมืองท่าเก่าแก่ของมาเลเซีย มากล้นด้วยเสน่ห์ที่ผสมผสานศิลปะตะวันตกได้อย่างลงตัว เมืองเล็ก ๆ น่าเที่ยว ไม่ไกลไทย น่าสนใจแค่ไหน...ไปดูกัน

          มะละกา เป็นเมืองที่สำคัญเมืองหนึ่งของประเทศมาเลเซีย เพราะเป็นเมืองท่าที่สำคัญ อยู่ในเส้นทางเดินเรือค้าขายกับต่างชาติ จึงทำให้เมืองแห่งนี้มีความคึกคักมาตั้งแต่อดีต มีวัฒนธรรมที่หลากหลาย ผสมผสานระหว่างกลิ่นอายของเอเชียและตะวันตกไว้ได้อย่างลงตัว ได้รับการจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ. 2008

มะละกา

มะละกา

มะละกา

          ปัจจุบันเมืองแห่งนี้ยังคงหลงเหลือสิ่งสวยงามอันเป็นสิ่งรำลึกถึงความรุ่งเรืองในอดีตของมะละกามากมาย จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาเยือนเมืองแห่งนี้ไม่ขาดสาย กระปุกดอทคอมจึงขออาสาพาไปตะลอนเที่ยวในเมืองมะละกากัน ไปดูสิว่าเมืองท่าเก่าแก่แห่งนี้จะมีที่เที่ยวอะไรที่น่าสนใจบ้าง

1. จัตุรัสแดง หรือจัตุรัสดัตช์ (The Stadthuys)

          เอกลักษณ์อันโดดเด่นของจัตุรัสแห่งนี้ก็คือสถาปัตยกรรมสไตล์ดัตช์ ซึ่งเป็นอาคารสีแดงสวยงามสง่า สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1650 เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเมืองมะละกา ภายในจัตุรัสแดงแห่งนี้ประกอบไปด้วยอาคารสีแดงสไตล์ดัตช์ที่ตั้งเรียงรายกันอย่างงดงาม เปิดให้บริการขายของที่ระลึกต่าง ๆ มีหอนาฬิกาตั้งอยู่บริเวณสวนด้านหน้า พร้อมกับน้ำพุสไตล์โคโลเนียล ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากอังกฤษ ซึ่งจุดที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมากที่สุด คือ "โบสถ์คริสต์" เพราะมีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม แปลกตา หาชมได้ยากในฝั่งเอเชีย ที่แห่งนี้จึงเป็นจุดที่ห้ามพลาดของเมืองมะละกา


ภาพจาก donny gevie / shutterstock.com


2. ป้อมปราการ เอ ฟาโมซา (A Famosa)

          หรือป้อมปราการเซนต์ พอล (St.John\'s Fort) สร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1511-1641 โดยชาวโปรตุเกส อยู่บริเวณเนินเขาเหนือแม่น้ำ สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นศูนย์กลางการรบกับประเทศมหาอำนาจอื่น ๆ ในช่วงนั้น ภายในป้อมประกอบไปด้วยส่วนที่พักอาศัย ห้องเสบียง ปราสาท ห้องประชุมสำหรับสภาโปรตุเกส และโบสถ์อีกห้าหลัง ปัจจุบันหลงเหลือเพียงซากของประตูทางเข้าและโบสถ์บนเนินเขา ซึ่งยังคงมีโครงสร้างสถาปัตยกรรมแบบโปรตุเกสให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชม บริเวณด้านบนเนินเขาสามารถมองเห็นทัศนียภาพที่สวยงามของพื้นที่โดยรอบ พร้อมกับอากาศที่เย็นสบาย

มะละกา

3. พิพิธภัณฑ์มาริไทม์ มะละกา (Maritime Museum of Malacca)

          พิพิธภัณฑ์มาริไทม์ มะละกา หรือ Flora de Lamar ตั้งอยู่ไม่ไกลจากจัตุรัสแดงมากนัก เป็นเรือสำเภาเก่าแก่ลำใหญ่ของชาวโปรตุเกส ที่จมอยู่บริเวณชายฝั่งของเมืองมะละกา ตัวเรือกว้าง 8 เมตร สูง 34 เมตร และยาว 36 เมตร บริเวณด้านข้างของเรือสำเภาเป็นอาคารพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของการเดินเรือของมะละกา รวมทั้งประวัติศาสตร์ของเมืองมะละกา เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-17.30 น. ในวันศุกร์จะเปิดทำการเวลา 09.00-12.15 น. และ 14.45-17.30 น.

มะละกา
ภาพจาก donny gevie / shutterstock.com

4. หอคอยเมอนารา ทามิง ซารี (Menara Taming Sari)

          สถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นอีกแห่งหนึ่งของเมืองมะละกา ตั้งอยู่ในย่านแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในใจกลางบันดา ฮิลีร์ หอคอยแห่งนี้มีความสูงถึง 110 เมตร มีโครงสร้างเป็นเสาลิฟต์สูง มีตัวกระเช้าที่สามารถเคลื่อนที่วิ่งขึ้น-ลงได้ พร้อมทั้งหมุนไปโดยรอบ นักท่องเที่ยวจะได้ขึ้นกระเช้าจากพื้นดิน แล้วตัวกระเช้าจะยกตัวสูงขึ้นไปที่ระดับ 80 เมตร พร้อมกับหมุนไปโดยรอบ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มองเห็นทัศนียภาพโดยรอบของเมืองมะละกาแบบ 360 องศา ซึ่งกระเช้าสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ถึง 66 คน เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น.

มะละกา
          ภาพจาก donny gevie / shutterstock.com

5. พระราชวังสุลต่าน (Malacca Sultanate Palace)

          เมื่อครั้งที่มะละกายังไม่ตกอยู่ในอิทธิพลของเมืองทางฝั่งตะวันตก เมืองแห่งนี้เคยปกครองโดยสุลต่าน จึงมีการจำลองพระราชวังที่สวยงามตามแบบอาณาจักรมลายูโบราณ เป็นอาคารไม้ มีทั้งหมด 3 ชั้น มีสีน้ำตาลเข้มทั้งหลัง ปัจจุบันพระราชวังแห่งนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเกี่ยวกับวัฒนธรรมของชาวมะละกาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พร้อมทั้งเรื่องราวประวัติศาสตร์ของขุนนางต่าง ๆ ที่ปกครองเมืองมะละกาก่อนที่จะเป็นเมืองขึ้นของตะวันตก มีวัตถุโบราณและของหายากจัดแสดงมากกว่า 1,300 ชิ้น เปิดให้เข้าชมทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ ตั้งแต่เวลา 09.00-18.00 น.

มะละกา

6. ป้อมปราการเซนต์จอห์น (St. John\'s Fort)

          ป้อมปราการที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมะละกามากนัก และยังอยู่ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ อีกด้วย ป้อมปราการแห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาเซนต์จอห์น สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 18 โดยชาวดัตช์ ซึ่งนอกจากเป็นป้อมปราการแล้ว ที่แห่งนี้ชาวโปรตุเกสยังสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับนักบุญเซนต์จอห์น จึงกลายเป็นโบสถ์ที่สำคัญของมะละกาอีกแห่งหนึ่ง  ปัจจุบันหลงเหลือเพียงซากโบสถ์ที่สวยงาม พร้อมกับปืนใหญ่ที่หันหน้าไปทางบก เพื่อใช้ป้องกันข้าศึกที่เข้าโจมตีมะละกาจากทางบกในช่วงสมัยนั้น บรรยากาศบนป้อมปราการสวยงาม เหมาะสำหรับชมพระอาทิตย์ตกดิน

มะละกา

7. ถนนจองเกอร์(Jonker Street)

          ตั้งอยู่ใจกลางเมืองมะละกา ในย่านไชน่าทาวน์ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวควรไปเยือนให้ได้ เพราะที่นี่คือแหล่งช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองนี้ เป็นแหล่งรวบรวมสินค้าพื้นเมือง สินค้าแฮนด์เมด ของที่ระลึก ของฝากต่าง ๆ รวมไปถึงเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้น่ารัก ๆ มีลักษณะคล้ายกับถนนคนเดิน นอกจากนี้ยังมีอาหารอร่อย ๆ มากมาย โดยเฉพาะอาหารพื้นเมือง ซึ่งมีราคาไม่แพง และยังมีรสชาติที่ถูกปากคนไทย ในช่วงที่มีเทศกาลถนนแห่งนี้จะกลายเป็นพื้นที่สำหรับจัดงานต่าง ๆ จึงมีความคึกคักตลอดทั้งปี โดยถนนจองเกอร์จะมีสินค้าขายมากในช่วงสุดสัปดาห์ ในวันศุกร์จะเปิดตั้งแต่เวลา 18.00-22.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ เปิดตั้งแต่เวลา 11.00-22.00 น.

มะละกา
ภาพจาก CoffeeMate /depositphotos.com

8. พิพิธภัณฑ์มรดกบ้าบ๋า ญ่าญ๋า (The Baba Nyonya Heritage Museum)

          บ้าบ๋า ญ่าญ๋า คือชาวจีนที่เกิดและเติบโตในเขตช่องแคบมะละกา โดยมีบรรพบุรุษเป็นชาวจีนชนชั้นสูงอพยพมาจากเมืองจีน เมื่อผสมผสานวัฒนธรรมของมาเลเซียเข้ากับวัฒนธรรมของคนจีน จึงเกิดเป็นกลุ่มบ้าบ๋า ญ่าญ๋า ซึ่งมีประวัติมาอย่างยาวนานมากกว่า 400 ปี และมีวัฒนธรรมที่โดดเด่นและน่าสนใจมากที่สุดบริเวณชายฝั่งตะวันตกของมาเลเซีย โดยเฉพาะในเมืองมะละกา ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับวัฒนธรรมของบ้าบ๋า ญ่าญ๋า ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทั้งข้าวของเครื่องใช้ เครื่องแต่งกาย ประเพณี อาคารบ้านเรือนดั้งเดิม ภาษา ฯลฯ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าเที่ยวชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-13.00 น. และเวลา 14.00-17.00 น.

9. วัดเฉิงฮุนเทง (Cheng Hoon Teng)

          วัดที่มีความสำคัญของชาวจีนในเมืองมะละกา สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1646 เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนจีนเชื้อสายพุทธ ภายในวัดตกแต่งประดับประดาแบบจีน มีสถาปัตยกรรมที่งดงาม ชาวมะละกาและนักท่องเที่ยวมักจะมากราบไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิต ให้มีความเจริญรุ่งเรือง ค้าขายร่ำรวย ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน การเรียน และชีวิต วัดแห่งนี้เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00-19.00 น.

มะละกา
ภาพจาก Tooykrub /shutterstock.com

10. ล่องเรือแม่น้ำมะละกา

          แม่น้ำที่ไหลทอดยาวอยู่ภายในเมืองมะละกา มีระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ทั้งสองฝั่งของแม่น้ำ เป็นอาคารบ้านเรือนสไตล์ตะวันตก ตกแต่งอย่างสวยงาม นักท่องเที่ยวสามารถล่องเรือชมความสวยงามเหล่านี้ไปตามแม่น้ำ ซึ่งจะทำให้สามารถเห็นบรรยากาศที่เงียบสงบของเมืองมะละกา พร้อมกับสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำ อีกทั้งสถาปัตยกรรมของบ้านเรือน สิ่งปลูกสร้าง สะพานข้ามแม่น้ำ ฯลฯ ที่มีการออกแบบอย่างโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ ยิ่งในยามค่ำคืนจะมีแสงไฟรำไรจากบ้านเรือนต่าง ๆ ทำให้มีบรรยากาศโรแมนติกสุด ๆ

มะละกา

         เมืองมะละกาเป็นอีกเมืองที่น่าเที่ยวของมาเลเซีย วันหยุดครั้งต่อไปหากใครยังไม่มีแผนไปเที่ยวที่ไหน ก็เก็บมะละกาไว้เป็นตัวเลือกนะ เมืองแห่งนี้จะทำให้คุณต้องตกหลุมรักแน่นอน

หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง

ขอบคุณข้อมูลจาก
Queen-Victoria-Fountainstadthuysst-pauls-hill-afamosaSt-Paul-ChurchMaritime-Museum, virtualmuseummelaka.commenaratamingsari.comMenara-Taming-Sari, virtualmuseummelaka.comSultanate-Palacest-johns-fort, malacca.wsJonker-Streetbaba-nyonya-heritage-museumbabanyonyamuseum.comcheng-hoon-teng, chenghoonteng.org.my และ melaka-river

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เที่ยวมะละกา มาเลเซีย ตะลุยเมืองท่ามากเสน่ห์ ดื่มด่ำบรรยากาศตะวันตก อัปเดตล่าสุด 22 มิถุนายน 2565 เวลา 10:18:42 23,181 อ่าน
TOP