1. น้ำตกถ้ำพระ อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬน้ำตกถ้ำพระ ได้ทอดตัวอยู่บนเนินเขาหินทรายสีแดงในตำบลเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว ตำบลโสกก่าม อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ เมื่อนั่งเรือผ่านลำห้วยน้ำนิ่งเข้าไปประมาณ 15 นาที น้ำตกแห่งนี้ก็จะปรากฏสู่สายตา มีทั้งหมด 3 ชั้น น้ำตกแห่งนี้จะไม่สูงเหมือนน้ำตกทั่วไป ลักษณะโดดเด่นจะอยู่ที่ชั้นที่ 2 น้ำจำนวนมหาศาลในช่วงหน้าฝนจะไหลผ่านหินทรายสีแดง มีแอ่งน้ำขนาดใหญ่ให้ได้ลงไปแหวกว่าย หากเดินต่อไปยังชั้นที่ 3 จะพบกับหน้าผาน้ำตกที่สูงไม่ถึง 10 เมตร นักท่องเที่ยวสามารถพาตัวเองไปอยู่ใต้น้ำตกให้สายน้ำไหลผ่านตัวได้อย่างชุ่มฉ่ำ รายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 08 1260 1845, 0 4242 9362
2. น้ำตกร้อน อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่
น้ำตกใช่ว่าจะมีเพียงแค่สายน้ำเย็น ๆ เท่านั้น เพราะน้ำตกแห่งนี้มีอุณหภูมิของน้ำอยู่ที่ประมาณ 40-50 องศาเซลเซียส จึงกลายเป็นสายน้ำร้อนที่ไหลลงมาช่วยคลายความเมื่อยล้าได้ดีเลยทีเดียว น้ำตกร้อนตั้งอยู่ที่บ้านบางคราม-บ้านบางเตียว อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ น้ำพุร้อนที่ซึมขึ้นมาจากผิวดินได้เอ่อล้นแล้วไหลไปตามความลาดเอียงของพื้นที่ กลายเป็นสายน้ำเล็ก ๆ แร่ธาตุในน้ำได้ทับถมกันมาเป็นเวลานาน ทำให้มีคราบหินปูนก่อตัวหนาขึ้น เกิดเป็นชั้นน้ำตกเล็ก ๆ เป็นทัศนียภาพที่สวยงามแปลกตาและยังไม่เหมือนน้ำตกที่ไหนในเมืองไทยอีกด้วย รายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0 7562 2713
3. น้ำตกแสงจันทร์ อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี
น้ำตกแสงจันทร์หรือน้ำตกลงรู เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย ด้วยลักษณะของน้ำตกนั้นแปลกแตกต่างจากที่อื่น ๆ อย่างชัดเจน ด้วยสายน้ำจะไหลตกลงมาตามช่องหินลงสู่แอ่งน้ำเล็ก ๆ ด้านล่าง เหมือนกับน้ำไหลลงรู จึงเป็นที่มาของชื่อ "น้ำตกลงรู" ส่วนคำว่า "น้ำตกแสงจันทร์" นั้นมาจากที่ยามค่ำคืนแสงจันทร์จะส่องสะท้อนน้ำตกแห่งนี้ เป็นแสงเหลืองนวลสวยงาม จึงเป็นที่มาของชื่อดังกล่าว บริเวณรอบ ๆ น้ำตกจะมีต้นการะเกดขึ้นเขียวขจี สร้างความสดชื่นให้น้ำตกแห่งนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานอุบลราชธานี โทร. 0 4524 3770 , 0 4525 0714
4. น้ำตกวังก้านเหลือง อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี
น้ำตกวังก้านเหลือง ตั้งอยู่ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติชัยบาดาล จากน้ำผุดหลาย ๆ บ่อในล้ำห้วยเล็ก ๆ ไหลลงมารวมกันที่แอ่งน้ำที่เรียกว่า "วังหว้าง" เมื่อน้ำมีปริมาณมากพอก็จะเอ่อล้นแนวขอบหินปูนที่กั้นแล้วไหลลงสู่ลานหินปูน กลายเป็นน้ำตกหน้ากว้างกว่า 20 เมตร ซึ่งมีความสวยงามไม่แพ้น้ำตกอื่น ๆ ในประเทศไทย อีกทั้งป่าไม้สีเขียวขจีรอบ ๆ บริเวณน้ำตกยังสร้างความสดชื่นให้กับนักท่องเที่ยวอีกด้วย เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. รายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 08 6043 9582
5. น้ำตกวังสายทอง อำเภอละงู จังหวัดสตูลน้ำที่ไหลลดหลั่นกันลงมาตามชั้นหินปูนที่มีรูปร่างคล้ายกับดอกบัวตูม ทำให้น้ำตกแห่งนี้ดูสวยงามโดดเด่นกว่าที่ไหน ๆ ตัวน้ำตกวังสายทองเกิดจากน้ำที่ทะลักออกมาจากถ้ำใต้ภูเขา แล้วไหลลงมาตามแอ่งหินปูนเป็นชั้น ๆ ไม่มีความสูงชันมากนัก สามารถเล่นน้ำได้อย่างปลอดภัย บริเวณน้ำตกมีต้นไม้ขึ้นแซมทั่วไป ทำให้มีที่ยึดเหนี่ยว เดินไปมาระหว่างชั้นหินได้อย่างปลอดภัย หากโชคดี นักท่องเที่ยวจะได้พบกับ "เงาะป่า" ชนเผ่าพื้นเมืองที่ยังคงอาศัยอยู่ในบริเวณป่าของอำเภอละงู
6. น้ำตกปิตุ๊โกร อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก
7. น้ำตกจ๊อกกระดิ่น อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรีน้ำตกจ๊อกกระดิ่น ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เป็นน้ำตกที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา สายน้ำเล็ก ๆ จะไหลลงสู่แอ่งน้ำ มีความสูงประมาณ 30 เมตร ความพิเศษของน้ำตกจ๊อกกระดิ่นก็คือน้ำในแอ่งน้ำจะมีสีฟ้าเขียวมรกตและใสมาก คล้ายกับน้ำทะเลเลยทีเดียว และบริเวณด้านหน้าตัวน้ำตกยังมีหาดทรายเล็ก ๆ ให้ได้เดินลงไปแหวกว่ายในแอ่งน้ำอีกด้วย ใครที่รักความเงียบสงบและอยากพบกับความงามของสายน้ำใสต้องไม่พลาดที่แห่งนี้
8. น้ำตกสายรุ้ง อุทยานแห่งชาติรามคำแหง จังหวัดสุโขทัยน้ำตกสายรุ้ง ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติรามคำแหง เกิดจากสายน้ำที่ไหลมาจากเขาเจดีย์ แล้วไหลลงมาผ่านผาหินที่สูงชัน เกิดเป็นน้ำตกที่สวยงาม มีทั้งหมด 4 ชั้น ซึ่งสิ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวประทับใจไม่มีวันลืมก็คือสายรุ้งที่ทอดผ่านตัวน้ำตก ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่แสงแดดตกกระทบกับสายน้ำและละอองน้ำจากน้ำตก จึงทำให้มีสายรุ้งที่งดงามอยู่บริเวณน้ำตก สามารถมองเห็นได้ตั้งแต่เวลา 11.00-16.00 น. ในวันที่แดดออก รายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0 5591 000-1
9. น้ำตกทีลอซู อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก
น้ำตกที่สวยงามในเมืองไทยไม่ได้มีเพียงแค่นี้เท่านั้น ยังมีอีกมากมายกระจายตัวอยู่รอบประเทศไทย ซึ่งน้ำตกที่มีความสวยงามก็มักจะซ่อนตัวอยู่ในผืนป่า ใครที่อยากเห็นความอันซีนของน้ำตกเหล่านั้นก็ต้องกล้าลุยกันสักนิด แล้วคุณจะพบว่าผืนป่าเมืองไทยได้ซ่อนสิ่งมหัศจรรย์แห่งสายน้ำไว้ได้งดงามมาก ๆ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
, www.buengkhan.go.th, i-san.tourismthailand.org, เฟซบุ๊ก KTCWorldCommunity, www.kanchanaburi.co/th
