x close

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า


เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า
         
          หน้าฝนนี้ใครยังไม่รู้จะไปเที่ยวหน้าฝนที่ไหนดี ...ตามมาทางนี้เลยค่ะ เพราะเราหยิบเอาอีกหนึ่งบันทึกการเดินทางเที่ยวเชียงใหม่หน้าฝนที่น่าสนใจมาแนะนำกัน จากรีวิวของ คุณสมาชิกหมายเลข 1841613 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้ออกเดินทางไปสูดอากาศเชียงใหม่ในช่วงหน้าฝน พร้อมกับลัดเลาะเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวฮอตฮิตต่าง ๆ ลองไปดูว่าจะสนุกสนานกันขนาดไหน
         


          สวัสดีชาวพันทิปนะครับ นี่ก็ครั้งแรกเลยที่ได้มาลองรีวิวที่ที่ไปเที่ยวมา ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ จริง ๆ เคยเขียนแบบสั้นไว้ใน instagram ของผมเอง @mathahuan ยังไงใครอยากอ่านสั้น ๆ ลองไปอ่านเล่น ๆ ในนั้นก่อนก็ได้ครับ แต่อันนี้ลองเอามาลงพันทิปดู เพราะบางรายละเอียดก็ต้องอธิบายกันยาวนิดหนึ่ง ยังไงก็ฝากด้วยนะครับ

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

          สำหรับกระทู้นี้จะพาไปเที่ยว "เชียงใหม่หน้าฝน" กัน แรกเริ่มทริปนี้เป็นทริปกะทันหันมาก ๆ ผมกับเพื่อนนั่งดูตารางการลดราคาของเครื่องบิน จากนั้นไม่นานก็เลยเลือกเป็นเชียงใหม่ เพราะติดใจจากเมื่อตอนต้นปีที่มีโอกาสได้ไปม่อนจองกันมา แล้วครั้งที่แล้วก็โชคร้ายอีกตรงที่ไปหน้าหนาวแต่ฝนตก ครั้งนี้ก็เลยรู้สึกว่าฝนตกก็ไม่เป็นไรแล้ว ภูมิต้านทานเริ่มมี ยังพอหาที่เที่ยวได้บ้าง หรือถ้ามันจะโชคร้ายมาก ๆ ขนาดตกทุกวัน อย่างน้อยก็ยังได้ไปพักผ่อนในตัวเมือง แถวนิมมาน แล้วเดินไปนั่งตามร้านคาเฟ่ต่าง ๆ ก็ยังพอโอเค...

          [วันแรก : ไปไปเชียงใหม่กันเต๊อะ]

          ตัดภาพมาวันที่ 19.07.58 | สําหรับทริปนี้เดินทางกันไปทั้งหมด 7 คน ครับ ทุกคนก็เป็นเพื่อนร่วมกลุ่มกันหมด โดยการเดินทางครั้งนี้ไปกับไทยไลอ้อนแอร์ครับ

          | ราคาเครื่องไป-กลับ ก็ตกอยู่ที่ประมาณคนละ 1,500 บาท |

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

          (7 นาฬิกา) ..... ถึงเชียงใหม่แล้วจ้า ..... เดินทางมาถึงเชียงใหม่ในช่วงเวลาที่เช้ามาก เช้ากว่าไปโรงเรียนอีกให้ตายเถอะ มาถึงก็เริ่มจากต้องหาร้านนั่งฆ่าเวลาอันแสนสาหัส เพราะว่าโรงแรมที่จองไว้มันเข้าได้ช่วงบ่ายสองครับ แล้วนี่คือถึงกันตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า....ในกลุ่มเพื่อนก็เลยลองหาข้อมูลดูว่าจะกินอะไรดี หลายคนก็บอกอยากกินอะไรร้อน ๆ ก็เลยเล็งไว้ว่าอยากหาร้านขายโจ๊ก...ก็เลยไปร้าน "ไข่กระทะเลิศรส" อะงงเลยสิแล้วบอกอยากกินโจ๊ก แต่ร้านนี้ก็มีโจ๊กขายเหมือนกันครับ แล้วราคาก็น่ารักมากด้วย ร้านนี้มันมีขายทั้งไข่กระทะที่เป็นของเด็ดของทางร้าน แล้วก็มีเป็นโจ๊ก แล้วก็พวกอาหารเช้าต่าง ๆ มันจะมีที่ขายเป็นเซตด้วย คือจะมีไข่กระทะ + น้ำส้ม (แก้วไซส์น่ารัก ๆ หน่อย) + ขนมปังกรอบ ๆ ผ่าตรงกลางข้างในใส่ หมูยอแล้วก็กุนเชียง ซึ่งเซตนี้ก็ราคาประมาณ 75 บาทครับ จัดว่าคุ้มนะ อร่อยด้วย น้ำส้มคั้นสดมาก

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

        น้ำมะพร้าวที่นี่ก็อร่อยครับ คือมีทั้งน้ำทั้งเนื้อกินที่กรุงเทพฯ บางทีมาเป็นวิญญาณมะพร้าวเลย มะพร้าวเหี่ยวด้วย ใส่มาชิ้นสองชิ้นให้รู้ว่านี่ฉันเอง ฉันคือน้ำมะพร้าว ส่วนชานมก็โอเคเลยนะครับ เป็นร้านที่เพิ่งเคยมาครั้งแรก แต่ก็แนะนำให้ลองมากันดูครับ (ร้านอยู่ตรงใกล้ ๆ กับประตูเมืองเชียงใหม่ ถนนพระปกเกล้า)

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

          อิ่มจากไข่กระทะพอประมาณก็เดินมาถ่ายรูปเล่นกัน สักพักหนึ่งเพื่อนก็เสนอมาว่าไปนั่งร้าน Ristr8to กันเค้าบอกว่ากาแฟที่นี่รสชาติดีมาก ก็เลยเรียกรถแดงไปกัน (พิกัดร้านอยู่ที่นิมมานซอย 3 นะครับ ร้านก็ค่อนข้างเด่นอยู่ ร้านจะเป็นสีดำ ไม้ ๆ เหล็ก ๆ) พอดีผมเป็นคนไม่กินกาแฟฮะก็เลยไม่ได้สั่งเลย ได้แต่นั่งนิ่ง ๆ แล้วถ่ายรูป แต่เพื่อนที่ได้ชิมกาแฟมาก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่ากาแฟเค้าดีจริง ๆ และเข้าใจแล้วว่าทำไมเค้าถึงค่อนข้างดังในเชียงใหม่ เราสายไม่กินกาแฟก็รอถ่ายรูปอย่างเดียวครับจังหวะนั้น 5555555555555

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

          ส่วนราคานี่จำตัวเลขแน่นอนไม่ค่อยได้ครับ แต่แก้วหนึ่งไม่ถึง 100 บาท มีเพื่อนสั่งคาปูชิโน่กับมอคค่ามาอย่างละถ้วย ส่วนเพื่อนกลุ่มผู้หญิงก็สั่งเป็นไอศกรีมมากินกัน ลูกละ 38 บาท รสชาติอร่อยใช้ได้เลยครับ

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

          สักพักก็ได้โทรไปติดต่อกับโรงแรมที่จะเข้าไปพัก โรงแรมที่พักสำหรับคืนแรกคือ "Chalnatt Hotel" ครับ โรงแรมนี้ตั้งอยู่ที่นิมมานซอย 11 ครับ เค้าจะอยู่ตรงข้ามร้านเนื้อตุ๋นรสเยี่ยม ตรงสี่แยกกลางซอย 11 เลยครับ โรงแรมนี้เพื่อนก็เป็นคนจัดหามาให้อีก ทำการติดต่อมาโดยตรงกับทางที่พัก ซึ่งเหมือนจะราคาถูกกว่าถ้าเกิดจองใน agoda อันนี้พวกเรามาทั้งหมด 7 คน แต่จริง ๆ แล้วในห้องพักเนี่ยมันจะมีพอสำหรับห้องละสองคนนะครับ ตอนแรกก็เกือบจะต้องมีผู้เสียสละหาห้องใหม่แล้ว แต่ด้วยความที่วันนั้นทุกห้องของทางโรงแรมเต็มหมดแล้ว บวกกับการต่อรองหลายรอบ เค้าเลยบอกว่าได้ครับแต่ว่าเพิ่มหัวละ 500 บาท ซึ่งเราก็โอเคเพราะว่ามันก็คุ้มค่าพอตัวอยู่

          อันนี้ก็เป็นภาพบรรยากาศของห้องนอนของห้องผมนะครับ มันค่อนข้างมีสไตล์มาก คือมันสวยและให้ฟีลเหมือนเราไปพักผ่อนแถบตะวันตกมาก ๆ

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

          | ราคาต่อห้อง ห้องละประมาณ 1,250 บาท นอนห้องละสองคน ก็ตกคนละ 625 บาทครับ | *สำหรับใครที่อยากมาพักต้องรีบ ๆ จองกันนะครับ ที่นี่เต็มค่อนข้างเร็วมีคนเข้ามาใช้บริการตลอด*

          มาถึงห้องปั๊บก็สลบเลยครับ ตื่นมาอีกทีก็ตอนเย็นเลย เลยมาคิดกันว่าจะไปไหนกันดี เพื่อนก็เสนอว่าไปถนนคนเดินมั้ย เพราะมันมีวันเสาร์กับวันอาทิตย์ แต่ว่าวันเสาร์กับวันอาทิตย์จะจัดคนละที่กัน สำหรับวันที่ไปเป็นวันอาทิตย์มันจะอยู่ตรงหน้าวัดพระสิงห์เลยครับ ก็เลยลองไปดู เพราะว่านี่คือการเดินถนนคนเดินครั้งแรกที่เชียงใหม่ของพวกเรา

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

          เดินไปสักพักเริ่มเกิดคำถามในใจว่า "นี่ยาวเท่าไรเหรอ...นี่จะเดินไปถึงภูเก็ตรึยัง" ยาวมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก แต่ระหว่างทางก็มีอะไรให้ดูเยอะแยะเลยครับ ร้านนั้น ร้านนี้ ขายของพื้นเมืองมั่ง อะไรมั่ง ชาวต่างชาติค่อนข้างเยอะมากครับ

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

          จบวันนั้นที่ได้มาก็มีของจุกจิกนิดหน่อยครับ และวันนั้นรู้สึกล้ากันมากเพราะมาถึงกันตั้งแต่เช้า ที่นอนไปก็ยังไม่พอเลยไว้ค่อยมาต่อกันใหม่พรุ่งนี้เช้าแล้วกัน และแล้วก็เดินทางกลับที่พักเหมือนเดิม


          [วันที่สอง : วันนั่งรถแห่งชาติ]

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

          ตื่นเช้ามาคนแรกด้วยหัวใจอันเบิกบาน (มากมั้ยล่ะ) เดินลงมาพี่พนักงานก็ถามเลยครับว่าตื่นกันหมดรึยัง เพราะเดี๋ยวพี่เค้าจะรีบไปเอาอาหารเช้าออกมาให้ พนักงานที่นี่น่ารักมากครับ พูดจาดี บริการดี ยิ้มแย้มตลอด สำหรับอาหารเช้าก็จะมีให้เลือกสองแบบว่าจะเอาไข่ดาวหรือไข่คน นี่เลยเลือกเป็นไข่คนมา เค้าจะเสิร์ฟมาพร้อมกับขนมปังแล้วก็ไส้กรอกครับ เป็นอาหารเช้าง่าย ๆ แต่ว่าโอเคเลย

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

          แพลนสำหรับวันนี้คือตั้งใจจะเดินทางไปพักผ่อนกันที่ "อ่างขาง" ครับ โดยเริ่มจากการที่เราต้องนั่งรถแดง ไปลงที่ท่ารถช้างเผือกก่อนครับ พอไปถึงปั๊บก็หารถเมล์ที่เขียนว่า "เชียงใหม่-ท่าตอน" ครับ ค่ารถก็อยู่ที่คนละ 75 บาท ก็คุ้มครับ นั่งกันตูดหายเลย เพราะนานมากกว่าจะถึงใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

          จนในที่สุดก็มาถึงจุดหมายปลายทาง นั่นก็คือ "วัดหาดสำราญ" ตรงจุดนี้จะมีรถคอยบริการสำหรับคนที่ต้องการเหมาเดินทางไปยังอ่างขางครับ... ราคาถูกจัดตามโปรโมชั่นนี้ เชิญคุณลูกค้าลองเลือกเลยครับ

          800 บาท (ไปอย่างเดียว)
          1,200 บาท (ไป-กลับ ไม่พักค้างคืน)
          1,400 บาท (ไป-กลับ พักค้างคืน แต่ไม่เที่ยว)
          1,700 บาท (ไป-กลับ พักค้างคืน เที่ยวด้วย)


          "เที่ยวด้วย" ในที่นี้หมายถึงพี่คนขับรถเค้าก็จะพาไปชมที่เที่ยวต่าง ๆ เช่น โซนเกษตรในอ่างขาง ไปขอบด้ง ไปไร่ชา ไปหมู่บ้านนอแล แถว ๆ เขตชายแดนไทย-พม่า ไปจุดชมวิวม่อนสน ประมาณนี้ครับ

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

          "และแล้วพวกเราก็เลือกโปรโมชั่น 1,700 บาท" มาทั้งหมด 7 คน ก็ตกคนละ 250 บาทครับ จากนั้นใช้เวลาเดินทางไปถึงอ่างขางไม่ถึงชั่วโมงครับ ราว ๆ 30-45 นาที พอมาถึงก็ไปติดต่อกับทางที่พักเลย ซึ่งที่พักได้ทำการจองมาก่อนล่วงหน้าแล้วครับ ที่พักที่นี่ก็มีหลายราคาหลายโครงการเช่นกันครับ สำหรับใครที่ไม่รู้ว่าจะอยากพักแบบไหนลองดูตามนี้เลยก็ได้ครับ แล้วก็โทรติดต่อโดยตรงเลย ตามนี้เลยครับ

          www.angkhangstation.com

          สำหรับพวกผมเลือกเป็นที่พัก AK ก็จองไว้สามห้องครับ ติดกันเลย ตกคนละ 650 บาท ที่พักก็โอเคนะครับให้ความรู้สึกแบบบ้านพักตากอากาศจริง ๆ ข้างในไม่มีแอร์ ไม่มีพัดลมนะครับ แต่รับรองว่าอากาศไม่ร้อนแน่นอน จากนั้นพี่คนขับรถก็บอกว่าจะพาไปกินข้าวตรงใกล้ ๆ แถวโครงการ มันจะเป็นร้านอาหารบ้าน ๆ ออกแนวเวียดนามหน่อย ๆ ก่อนออกเดินทางก็ได้รูปนิดหน่อยครับ เพราะว่าตอนนั้นยังไม่มืดมาก แสงยังพอมี ทำให้ยังพอมีรูปได้อยู่บ้าง และเช่นเดิมครับไม่มีรูปผมเหมือนเดิม 5555555555555555555


เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

          สักพักก็มีสาวสวยเดินมาขายของน่ารัก ๆ เดินมาด้วยรอยยิ้มแบบใส ๆ ถามว่าเอามั้ย ราคาก็น่ารักมากด้วย อันละ 5-10 บาทเท่านั้นเอง สาวน้อยก็น่ารักมาก ๆ นั่งลงขายแบบกันเองแนะนำชิ้นนั้นชิ้นนี้ รู้ตัวอีกทีก็ซื้อกันไปหลายเส้นแล้วครับ

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

          ระหว่างนั้นก็เลยขอจับภาพหน่อย

          หลังจากนั้นก็เดินทางกลับที่พักครับ ก็เข้าไปนอนเล่นคุยกันเฮฮาตามปกติ แล้วด้วยความที่แพลนที่ถูกวางเอาไว้ตอนแรกคือพรุ่งนี้เราจะเดินทางกลับเข้าเมืองไปพักที่นิมมาน แล้วหาโรงแรมแถวนั้นนอนเล่นเอา ก็เลยชาร์จแค่โทรศัพท์ไว้ แบตสำรองช่างมัน...และทุกอย่างก็เปลี่ยนไปตลอดกาล


          [วันที่สาม : ผิดแผนทุกอย่าง แต่แฮปปี้มากนะ]

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

          อย่างที่บอกไว้ครับ คือคิดว่าพรุ่งนี้ลงไปนิมมานเข้าตัวเมืองนอนโรงแรม อะไรยังไม่จำเป็นไว้เดี๋ยวค่อยชาร์จแล้วกันไม่เป็นไรหรอก ปรากฏว่าตอนเช้าเพื่อนเข้ามาเสนอว่าอยากไปนอนเล่นที่เชียงดาวกันดูมั้ย ดูในอินเทอร์เน็ตมามีที่พักอยู่ที่หนึ่งชื่อ "บ้านระเบียงดาว" เราก็เลยโอเค ๆ เอาสิ เพราะจริงๆมีทริปช่วงสิ้นปีที่ได้จองตั๋วล่วงหน้ากันมาไว้แล้วว่าสิ้นปีจะมาพิชิตเชียงดาวกัน เราก็เลยไม่รอช้า เช้านี้ตื่นมาก็เลยเริ่มออกตะลอนทัวร์ถ่ายรูปให้ทั่วสวนเกษตรทั้งโครงการของอ่างขาง

          โดยจุดหมายแรกคือแปลงรวบรวมพันธุ์ไผ่อ่างขาง ให้อารมณ์เหมือนเราเป็นช่วงช่วง หลินฮุ่ย เลยครับ เดินเล่นได้สักพักก็เริ่มย้ายโซนกัน


เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

          ค่อย ๆ ไล่ไปเรื่อย ๆ จนมาถึงโซนโรงเรือนรวบรวมพันธุ์ผักเมืองหนาว โซนนี้น่ารักมากครับ เป็นพวกผักต่าง ๆ ที่อยู่ในเมืองหนาว โซนนี้พอได้เข้าไปก็จะชื่นชอบกันมาก เพราะเค้าจัดเป็นโซน ๆ แบบสวยงาม ชัดเจนมาก ๆ

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

          หันมาเจอต้นอะไรสักอย่างสวยมากก็เลยขอแชะภาพเก็บไว้หน่อย (ได้รูปตัวเองสักทีครับ 55555555) มันคือต้นบ๊วยครับ คือเห็นแล้วนึกถึงหนังเรื่อง Timeline เลยอยากจะตะโกนว่า พี่เต้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย แต่เดี๋ยวเจ้าหน้าที่จะตบหัวลั่นซะก่อน ของจริงสวยมาก เพิ่งเคยเห็นจริงจังครั้งแรกมันเหมือนต้นไม้จากป่านิยาย Fairytale ตอนนี้รู้สึกได้รับสารสีเขียวเต็มร่างกาย อีกนิดหนึ่งจะสังเคราะห์แสงกันแล้วครับ

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

          จากนั้นก็นั่งรถพี่เค้าต่อไปอีกหน่อย ไปเจอกับโซนที่เราเรียกร้องกันมาก นั่นคือโซนของต้นกระบองเพชร คือมันเป็นโซนกระบองเพชรแบบน่ารัก ๆ มันไม่ใหญ่เท่ากับที่สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์นะครับ อันนั้นน่าจะใหญ่กว่านี้เยอะ พอเจอกระบองเพชรก็ดีใจกันใหญ่ ควักอุปกรณ์ออกมาถ่ายกันใหญ่..

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

          สำหรับเป้าหมายถัดไปคือขอบด้งครับ พี่คนขับรถบอกจะพาไปดูหมู่บ้านแถวนั้นก็เลยออกเดินทางกันไป พอไปถึงก็มีชายหนุ่มนิรนามคนหนึ่งเดินเข้ามาถามว่ามาทำอะไรกัน แต่เค้าพูดไม่ชัดนะครับ เราก็บอกมาเที่ยว เค้าก็ถามว่าหนาวมั้ย เราก็บอกไม่หนาว...เราก็เดินไปจุดชมวิวเรื่อย ๆ ของเรา สักพักเค้าหายไปพร้อมกับการกลับมาโดยครั้งนี้ถือกำไลมาด้วย แล้วเดินมาบอกว่า "ห้าบ่ะ ๆ เอามั้ย" ตอนแรก ก็ไม่มีใครเอาเลย เพราะกำไลนี่ซื้อมากันจนแทบจะแจกทั้งหมู่บ้านแล้ว แต่เค้าตื๊อสุด ๆ สักพักเค้าก็จะเปลี่ยนคำถามเป็นหนาวมั้ย ๆ ผ่านไปได้สิบห้าวินาที ก็จะพูดใหม่ว่า "ห้าบ่ะ ๆ เอามั้ย" จนในที่สุดเพื่อนก็เริ่มซื้อกันคนละอันสองอัน คือซื้อกันแล้วก็ยังถือในมือกันอยู่ อีกสิบห้าวินาทีเค้าก็กลับมาถามแบบเดิมว่า "ห้าบ่ะ ๆ เอามั้ย" เพื่อนเราก็ชูว่าเอ้ยซื้อแล้วจริง ๆ เค้าก็อ่อ ๆ สักพักก็ถามอีก... เฮ้ยยยยยใจเย็น ๆ นะ นาย ช้าลงก่อน...นั่นแหละครับ สักพักก็เลยขึ้นรถกลับกัน เพราะตอนนั้นฝนก็ตกปรอย ๆ ด้วยบวกกับยังมีอีกหลายที่ที่ต้องไป

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

          (สำหรับขอบด้งก็ได้รูปคุณยายโปรยอาหารมาหนึ่งรูปครับ)

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

          ถัดมาเป็นไร่ชาครับ โชคร้ายมากถึงมากที่สุด เพราะตอนที่มาถึงได้ถามเค้าว่าชานี่เก็บไปล่าสุดเมื่อไหร่ครับ..."เมื่อวานจ้า"  จ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาา โอเคไม่เป็นไรดูแบบโล้น ๆ ก็ได้ ก็ยังสวยอยู่ ภาพที่เห็นมันก็จะเป็นประมาณนี้ครับ และสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น...เมื่อเพื่อนของเราเดินลงไปข้างล่าง เพราะด้วยอารมณ์อยากเข้าป่าเลยเดินลงไปด้วยความสวยงามแล้วก็กรี๊ดป่าแตก เพราะในขณะที่โพสท่าเพื่อประกอบการลงไอจีนั้น มีงูเลื้อยผ่าน เลื้อยไวมาก ตัวสีดำ ๆ ไม่แน่ใจว่างูอะไร ตกใจจนตบแคร่ดัง น้องงูหนีไปเลย...ใครไปแถวนั้นก็ระมัดระวังกันด้วยนะครับ บางทีเค้าก็อยู่ของเค้าดี ๆ แต่เราอาจจะไปรุกรานที่เค้า เค้าเลยโผล่มาสวัสดีนิดหน่อย ดังนั้นก็ลองดูดี ๆ ในระหว่างการเดินด้วยนะครับ

          หมดจากฝันร้ายของน้องงู ก็ขึ้นรถและเดินทางไปยังนอแล อยู่ตรงเขตชายแดนไทย-พม่า ตรงนั้นจะมีพี่ทหารคอยดูแลอยู่ มันเป็นโซนสุดขอบแดนไทย-พม่าจริง ๆ ครับ มีรั้วกันกับซุ้มยิงปืนเต็มไปหมด แต่วันนั้นตอนแรกคิดว่าจะได้เห็นวิวทางพม่าบ้าง แต่น่าเสียดายที่หมอกลงเยอะไปหมดจากชายแดนกลายเป็น Silent Hill ไปโดยปริยาย...

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

          และแล้วก็เดินทางมายังจุดท่องเที่ยวที่สุดท้ายของพี่คนขับรถ นั่นก็คือจุดชมวิวม่อนสน ที่นี่ให้อารมณ์คล้าย ๆ กับป่าใน Twilight เลย เริ่มแรกคือลงจากรถมาก็จะมีกลุ่มหมาป่าซึ่งเจคอปน่าจะเป็นคนสั่งให้มาต้อนรับ เดินมากันเยอะมาก ส่งสัญญาณเรียกกันด้วย น่านนนนนนน....

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

          ลงมาอีกนิดก็เข้าสู่โหมดหมอกฟุ้ง หมอกมาเป็นระยะ ๆ เลยครับ วิวโดยรอบก็สวยงามให้ความเงียบสงบดี ก็เดินถ่ายรูปกันไปมา ประกอบกับเพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งอยากได้รูปไปลงแข่งประกวดชิงรางวัลของอะไรสักอย่าง ก็เลยขอให้ถ่ายให้เพราะบรรยากาศมันกำลังมา ก็เลยขอเก็บรูปมันซะหน่อย

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

          จากนั้นจุดเปลี่ยนเริ่มมาแล้วครับ... ตรงที่เพื่อนบอกว่าที่บ้านระเบียงดาวเนี่ยเค้ามีไฟฟ้าให้ใช้ได้แค่ถึงช่วงหนึ่งนะ จังหวะนั้นคือแบบเอาแล้ว...แบตมือถือไม่เท่าไร แต่แบตกล้องเนี่ย ด้วยความที่ติดถ่ายรูปมาก เลยอยากให้แบตกล้องมันมีชีวิตได้นานที่สุด เพราะพรุ่งนี้ต้องการถ่ายรูปเก็บตลอดทริปเหมือนทุก ๆ วันที่ผ่านมา ตอนนั้นก็เริ่มคิดแล้วว่าเอาไงดีวะ 5555555555 แต่ก็นั่นแหละยังไงก็ไปอยู่แล้ว

          เราไปเปลี่ยนรถที่จะไปเชียงดาวครับ ส่วนค่ารถคุณลุงเก็บเพิ่มคนละ 100 บาท เพราะนี่มันเป็นนอกเส้นทางจากโปรโมชั่นรถที่วางไว้ตอนแรกครับ ลุงแกก็ขับไปเรื่อย ๆ จนเพื่อนบางคนก็เริ่มมีอาการเมารถกันบ้าง อาหารจะพุ่งกันบ้าง ด้วยความที่ก่อนหน้านี้ยัดอาหารกันมาอย่างบ้าคลั่ง คือคนที่นี่ให้กับข้าวเยอะมากครับ กินกันเหมือนมื้อนี้เป็นมื้อสุดท้าย 55555555555...และแล้วเราก็เดินทางมาถึงปั๊มน้ำมันที่ใช้ในการเปลี่ยนรถครับ ก็ได้เปลี่ยนเป็นคนขับผู้หญิงเพื่อพาเราไปยังเชียงดาวที่พักใหม่ของเรา พี่เค้าเดินมาหน้าใส ๆ แต่ขับรถไวดั่ง Fast 7... สำหรับค่ารถรอบนี้ขาไปทั้งหมด 700 บาทครับ

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

          (อันนี้เป็นวิวที่มองยอดเชียงดาวจากที่พักใหม่ของเรานะครับ)

          พูดถึงที่พักของเราคือ "บ้านระเบียงดาว" ต้องโทรมาติดต่อก่อนนะครับ ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นช่วง Low Season แต่คนที่มาพักก็พักเต็มแน่นตลอด ที่นี่เก็บราคาหัวละ 500 บาทครับ โดยที่เค้าจะเป็นคนจัดการเลือกบ้านให้เราเอง

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

          ทีเด็ดมันอยู่ตรงโซนที่นั่งครับ เมื่อมองออกไปวิวที่เห็นนั่นคือ "ยอดเชียงดาว" เป้าหมายที่กำลังจะไปในตอนสิ้นปีที่จะถึงนี้ คือมันสวยมาก ๆ จริง ๆ ณ จุดนั้นใช้อะไรถ่ายก็สวยหมดครับ เพราะธรรมชาติมันสร้างของสวยงามมาไว้ตรงหน้าแล้ว

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

          พูดเลยว่า Yosemite ต้องร้องขอชีวิต... เอาเซ่ ๆ

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

          สำหรับปัญหาที่ค่อนข้างใหญ่หลวงของมนุษย์เมืองกรุงคงเป็นเรื่องปลั๊กไฟครับ ตอนแรกเราคิดเองเออเองว่ามันจะมีปลั๊กในห้องพักแต่ละห้อง เปล่าครับทั้งที่พักมีปลั๊กเดียว เป็นปลั๊กแบบส่วนรวม ต้องแบ่ง ๆ กันชาร์จ แต่นี่ก็แอบไปเบียดเบียนชาวบ้านนิดหนึ่ง ตรงที่คนเราเยอะมาก แล้วแห่กระหน่ำกันมาชาร์จ แต่ก็เลือกกันครับว่าใครจะชาร์จอะไร เอาพอประทังชีวิต



          (อันนี้เป็นมุมด้านบนที่พักครับ สวยงามมาก ๆ)

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

          อ้อ ! ลืมบอกไปครับว่าราคาพักที่เก็บหัวละ 500 บาท ที่นี่มีอาหารเช้า-เย็นให้นะครับ

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

          อันนี้ก็เป็นโซนจากมุมที่ถ่ายมาทั้งหมดของเชียงดาวนะครับ มันสวยมากจริง ๆ มันเหมือนเราอยู่ในอีกโลกหนึ่งเลย อยู่แต่กรุงเทพฯ มีแต่เมืองเหลี่ยม ๆ มานี่แล้วรู้สึกดีขึ้นเยอะ ส่วนที่นี่อินเทอร์เน็ตกะสัญญาณไม่ค่อยมีนะครับ ใครอยากอัพไอจี คุยกับแฟน หรือจะโทรศัพท์ก็ขอให้เดินเลยที่พักขึ้นไปด้านบนหน่อย ก็จะพอมีสัญญาณบ้างครับ

          [วันสุดท้าย : รักมากนะ...เชียงใหม่]

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

          ตื่นเช้ามาก็มีอาหารมาเสิร์ฟเลยครับโดยมื้อเช้านี้เป็นข้าวต้มครับ เคยเห็นบางคนรีวิวมาบางคนก็เหมือนจะได้กินเกี๊ยวน้ำหรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่รับรองว่าอาหารที่นี่อร่อยครับ พอกินข้าว อาบน้ำ แต่งตัว อะไรกันเสร็จก็ได้เวลาโบกมือลาเชียงดาวครับ ไว้จะกลับมาหาใหม่ช่วงสิ้นปีนะ ถึงเราจะเหนื่อยง่ายไปหน่อย แต่เราสัญญาว่าเราจะพยายามปีนป่ายไปถ่ายรูปนายแน่นอน ประคองชีวิตพี่ด้วยน้องดาว

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

          ขาลง Fast 7 คนใหม่กลับมารับพวกเราลงไป ออกเดินทางประมาณ 10 โมงครับ โดยราคาขากลับเหลือ 600 บาทครับ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมถูกกว่า พวกเราเดินทางต่อไปยังขนส่งที่อำเภอเชียงดาวครับ เพื่อรอขึ้นรถเมล์กลับไปที่ตัวเมืองเชียงใหม่ โดยตอนแรกก็ตั้งใจอีกนั่นแหละว่าลงมาแล้วจะกลับไปเดินเล่นที่เมืองรอนะ เพราะไฟลท์กลับมันประมาณสี่ห้าทุ่มเลยครับ....

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

          พอรถเมล์มาก็เลยเดินขึ้นกันไป มีให้โหลดกระเป๋าด้วย (มโนว่าขึ้นเครื่องบิน) สำหรับค่ารถก็คนละ 40 บาทครับ แล้วระหว่างทางก็จะมีด่านตรวจคนเข้าเมืองขึ้นมาตรวจ ก็ได้ฟีลดีครับ มีฝรั่งสาวสวยสองคนขึ้นมาด้วย น่ารักมาก ขึ้นมาถ่ายเซลฟี่กับคนบนรถด้วย น่ารักมากจริง ๆ คุณป้าก็ยิ้มสุดใจ

          และแล้วก็เดินทางมาถึงสถานที่เดิมครับ คือท่ารถช้างเผือก อยู่ ๆ เพื่อนก็เสนอว่าไปแกรนด์แคนยอนมั้ย ? คือแกรนด์แคนยอน ถูกแคนเซิลไปนานแล้ว เพราะเพื่อนเราบางคนคิดว่ามันไม่น่ามีอะไรมากมั้ง แล้วอีกอย่างนี่มันฤดูฝนอาจจะไม่ได้สวยเท่าตอนมันแห้ง ๆ แล้ง ๆ แต่สุดท้ายก็ไปครับ ด้วยความที่ทุกอย่างมันไวมาก คุณลุงขับรถมาก็เสนอขายตรงไวมาก ทางเราก็ตอบไวมาก ไปจ้าาาาาาาาา เดินขึ้นรถไปอัตโนมัติ (สำหรับค่ารถไปแกรนด์แคนยอนเราเหมาไปครับ เราบอกพิกัดไปคือแกรนด์แคนยอนแล้วกลับมานิมมาน ค่ารถก็คือ 100 บาทต่อคนครับ)

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

          และแล้วเราก็เดินทางมาถึงแกรนด์แคนยอน... /me เปิดเพลงแผลเป็นรัว ๆ เราคิดแล้วระหว่างทางว่าฝนมาแน่นอน...มาถึงแดดนี่จะแยงทะลุเบ้าลูกตา เออแต่ก็ดีมาไม่เสียเที่ยว มาถึงปั๊บก็จ่ายค่าเข้าก่อนครับ คนละ 50 บาท ภายในก็จะมีอะไรให้เล่นอีกครับนอกจากการกระโดดน้ำ จะมีให้เช่าพายเรือ มีทั้งลำเล็ก ลำใหญ่ ราคาไม่ค่อยแน่ใจนะครับ แต่น่าจะประมาณนี้ เรือลำใหญ่ 3 ชั่วโมง 500 บาท / เรือลำเล็ก 3 ชั่วโมง 300 บาท (ถ้าผิดยังไงขออภัยด้วยนะครับ จังหวะนั้นไม่มีใครจำอะไรเลยครับ 55555555)

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

          แล้วก็จะมีให้มัดจำเสื้อชูชีพ 100 บาท ส่วนค่าชูชีพจริง ๆ คือ 25 บาทครับ คุณลุงก็แนะนำเต็มที่ว่าให้ใส่เถอะ ไม่งั้นเนี่ยมีอีกศพแน่นอนเพราะไม่ปลอดภัย... จ้าาาาาาาาาาาาาาาาาา

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

          ใครใคร่เปลี่ยนชุดเล่นน้ำก็จัดไป ใครใคร่ถ่ายรูปก็เตรียมสแตนบายเลย เพราะที่นี่ฝรั่งเยอะมาก แล้วทุกคนดูพร้อมจะเป็นโมเดลที่ดีมาก ๆ แต่ฝรั่งที่นี่ทุกคนไม่มีใครใส่ชูชีพเลยนะครับ แล้วเล่นกันอย่างบ้าคลั่ง อาจจะเป็นเพราะกิจกรรมในชีวิตฝั่งเค้ามีแบบนี้เยอะ แล้วคงเล่นกันมาเยอะแล้ว เค้าคงชินกันแล้ว

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

          จากนั้นต่างฝ่ายก็ต่างแยกย้ายกันไป ใครอยากถ่ายรูปก็ไปถ่ายครับ ใครเล่นน้ำก็ไปตามอัธยาศัย เรามาถึงนี่ประมาณบ่ายสามครับ กะว่าเล่นถึงสักห้าโมงเย็นแล้วค่อยกลับ เล่นไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องคิดอะไร คิดว่าได้มาปลดปล่อย ฝรั่งที่นี่โดดกันตูม ๆ บางคนท่าโหดมาก บางคนก็คอยเชียร์ You can do it, You can do it ไอ้ข้างบนก็บอก I CAN’TTTTTTTTTT พอโดดลงมาปั๊บนี่ลั่นเลย IT’S AWESOMEEEEEE 555555 เค้าสนุกกันมากครับ นี่ได้แต่ถ่ายรูป แล้วก็ดูเค้าเล่นกันสนุกสนาน แค่นี้ก็แฮปปี้แล้วครับ นี่เลยภาพที่ได้มาฝาก...

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

          เล่นกันจนหมดสภาพ บางคนก็เลือดออกนิดหน่อย เพราะเกิดจากการลื่นบ้างตรงโซนดินที่พอโดนน้ำก็มีแฉะนิดหน่อย แต่ทุกคนก็ดูมีความสุขดีครับ ดูได้ปลดปล่อยกันดี แต่เวลากระโดดก็เซฟ ๆ ไว้บ้างก็ดีครับ ระวังจุกท้อง เพราะมันค่อนข้างสูง และแรงที่ลงไปกระแทกน้ำก็เอาเรื่องอยู่...จากนั้นพวกเราก็เดินทางกลับไปที่นิมมานครับ

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

          แบกร่างไปนั่งชิลต่อกันที่ Wake Up 24hrs ร้านนี้ค่อนข้างใหญ่ครับ อยู่ตรงริมถนนเลย ติดกับ Subway ก็เข้าไปนั่งพักกันที่ร้านนี้ โอเคเลยครับ เป็นร้านที่ขนมอร่อย น้ำโอเค แล้วก็สามารถนั่งทำงาน นั่งแก่วได้เวลาไม่รู้จะไปไหน ห้องน้ำก็โอเคครับ สะอาดดี มาถึงนี่ก็สั่งบลูเลมอนพร้อมกับมาการองมากินก่อนกลับ...

เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า

          ซึ่งสาบานว่าตอนแรกไปถามเค้าว่ามีรสอะไรมั่งครับ แล้วเค้ารัวมาทุกรส จำไม่ได้สักอย่าง ก็เลยพูด ๆ ไป สักพักหันมามองจาน มันก็เยอะแล้วล่ะ แต่สีมันยังไม่สวย สั่งเพิ่มก็ได้ นี่เลยเปลี่ยนจากสั่งรสชาติ เป็นสีแทนแล้วครับ 5555555

          แต่ราคาโอเคครับ ชิ้นละ 25 บาท รสชาติใช้ได้เลยทีเดียว ไม่หวานไป จากนั้นก็นั่งรอไปเรื่อย ๆ ครับ ร้านนี้ดีอีกอย่างตรงที่เค้ามีปลั๊กประจำทุกโต๊ะเลย แล้วภายในร้านก็จัดได้ค่อนข้างน่ารักเลยทีเดียว สบาย ๆ เป็นไม้ ๆ มีจุดเด่นอีกอันคือที่นั่งด้านล่างจะเป็นชิงช้าขนาดใหญ่ มันเป็นอะไรที่เจ๋งดีครับ...

          และแล้วเวลาเดินทางกลับก็มาถึง... ไฟลท์เดินทางกลับคือราว ๆ เกือบสี่ทุ่ม เราก็โหลดกระเป๋าพร้อมเดินทางกลับสู่ความเป็นจริง ค่อนข้างประทับใจมาก ๆ กับทริปนี้ เพราะรู้สึกว่าได้เที่ยวเยอะแยะเลย เยอะกว่ารอบที่แล้วที่มาม่อนจอง ทุกอย่างมันดูหลุดแผนไปหมด แต่ได้ทำนอกแผนมันก็ดีเหมือนกัน ถ้าไม่ได้ทำนอกแผน พักที่นั่นที่นี่ บางทีทริปนี้อาจไม่มีอะไรน่าสนใจเลยก็ได้ ถือว่าเชียงใหม่ทำให้เรารักแล้วรักอีก และยังมีความรู้สึกอยากกลับมาอีกทุกครั้งที่พอมีเวลาตลอด

          เดี๋ยวยังไงลองสรุปค่าใช้จ่ายให้คร่าว ๆ นะครับ เอาที่เป็นพวกหลัก ๆ พวกค่ากินหรือพวกการซื้อของต่าง ๆ นี่แล้วแต่คนแล้วกัน แล้วแต่ว่าใครใช้เยอะใช้น้อย

          ค่าเครื่องบินไป-กลับ คนละ 1,500 บาท (ราคาตอนโปรโมชั่น)

          ค่าที่พักโรงแรม Chalnatt Hotel คืนแรก 1,250 บาทต่อห้อง (ของผมหาร 2)

          ค่ารถเมล์นั่งไปลงวัดหาดสำราญ คนละ 75 บาท

          ค่าเหมารถไปอ่างขาง 1,700 บาท (หาร 7 คน)

          ค่าที่พักบ้าน AK คืนที่สอง คนละ 650 บาท

          ค่าเปลี่ยนรถตรงปั๊มน้ำมันที่จะไปเชียงดาว คนละ 100 บาท

          ค่าที่พักบ้านระเบียงดาว คนละ 500 บาท

          ค่ารถไป-กลับเชียงดาวราคา 1,300 บาท (หาร 7 คน)

          ค่ารถเมล์กลับเข้าตัวเมือง คนละ 40 บาท

          ค่าเหมารถไปกลับแกรนด์แคนยอน คนละ 100 บาท

          ค่าเข้าแกรนด์แคนยอน คนละ 50 บาท

          คร่าว ๆ ก็ราคาประมาณนี้ครับ


          สุดท้ายแล้วจริง ๆ สำหรับใครที่อยากลองดูภาพที่ม่อนจองครั้งที่แล้ว หรือทริปอื่น ๆ ที่ผมเคยไปมา ลองตามไปดูใน instagram : mathahuan ของผมก็ได้ครับ ในนั้นก็มีรายละเอียดบอกไว้บ้างประปราย ยังไงก็ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้อีกทีนะครับ

ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณสมาชิกหมายเลข 1841613 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
 
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เที่ยวเชียงใหม่หน้าฝน แบกเอาความสุขกลับมาเต็มกระเป๋า อัปเดตล่าสุด 31 กรกฎาคม 2558 เวลา 11:32:43 17,406 อ่าน
TOP