ไหว้พระวันอาสาฬหบูชา-วันเข้าพรรษา อิ่มใจ อิ่มบุญ

          พาไปวัดแนะนำชวนทำบุญไหว้พระวันอาสาฬหบูชา-วันเข้าพรรษาจากทั่วไทย ทำบุญทำกุศลให้พ่อแม่และคนรอบข้าง และเป็นหน้าที่ที่พุทธศาสนิกชนปฏิบัติสืบทอดกันมาเป็นเวลานาน


        วันอาสาฬหบูชา 
และ วันเข้าพรรษา เวียนมาถึงอีกครา ถึงแม้ว่าสายฝนปีนี้อาจจะไม่ค่อยชุ่มฉ่ำและค่อนไปทางร้อนเสียมากกว่า แต่ฤดูฝนสำหรับชาวพุทธไม่ใช่แค่ฤดูกาลสำหรับการเพาะปลูกพืชอย่างเดียวเท่านั้น หากยังหมายถึงเทศกาลสำหรับการบ่มเพาะชีวิตจิตใจให้งอกงามอีกด้วย วันนี้เราเลยขอแนะนำวัดจากทั่วไทยไว้ให้เพื่อน ๆ ได้ไปทำบุญไหว้พระกัน

สถานที่ไหว้พระวันอาสาฬหบูชา-วันเข้าพรรษา


1. วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก


          วัดสำคัญของจังหวัดพิษณุโลก ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธชินราช หรือ หลวงพ่อใหญ่ กล่าวขานว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีความงดงามที่สุดในโลก สังเกตได้ว่ามีทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศมาสักการบูชาเป็นจำนวนมาก ทางด้านหลังของพระวิหารจะเห็น พระอัฏฐารส พระพุทธรูปปางยืนห้ามญาติ และยังมีอีกหลายวิหารที่คนอาจมองข้ามทั้ง วิหารพระเจ้าเข้านิพพาน หรือ วิหารหลวงพ่อสามพี่น้อง ภายในประดิษฐาน พระพุทธเจ้าเข้านิพพาน วัตถุโบราณชิ้นสำคัญของวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร ซึ่งมีเพียงหนึ่งเดียวในประเทศ

วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก


2. วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร จังหวัดเชียงใหม่


          วัดสำคัญของเชียงใหม่ ตั้งอยู่บนยอดดอยสุเทพ เป็นปูชนียสถานคู่เมืองเชียงใหม่ ในวัดมีเจดีย์ทรงเชียงแสน ฐานสูงย่อมุมระฆังทรงแปดเหลี่ยมปิดด้วยทองจังโก 2 ชั้น มีพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประดิษฐานอยู่ภายใน นอกจากนี้บริเวณลานเจดีย์มีจุดชมวิวทิวทัศน์รอบเมืองเชียงใหม่ วัดแห่งนี้จึงมีความสำคัญในแง่ประวัติศาสตร์และเป็นวัดท่องเที่ยวที่เป็นที่รู้จักของบุคคลทั่วไป

วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร จังหวัดเชียงใหม่


3. วัดพระแท่นศิลาอาสน์ จังหวัดอุตรดิตถ์


          วัดนี้มีพระแท่นศิลาอาสน์เป็นศิลาแลงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ฐานของพระแท่นโดยรอบประดับด้วยกลีบบัว มีเรื่องเล่าขานว่าพระพุทธเจ้าครั้งเป็นพระโพธิสัตว์เคยเสด็จมาจำศีลบำเพ็ญพุทธบารมี ณ ที่แห่งนี้ ต่อมาจึงได้มีการสร้างพระแท่นศิลาอาสน์ขึ้น ภายในวิหารมีภาพวาดเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของราชวงศ์จักรี นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น แสดงเครื่องมือจับสัตว์น้ำโบราณ เรือพายโบราณ เครื่องจักสาน เครื่องมือตีเหล็กและก่อสร้าง เครื่องมือปรุงยาสมุนไพรแผนโบราณ และพระพุทธรูปเป็นจำนวนมาก

วัดพระแท่นศิลาอาสน์ จังหวัดอุตรดิตถ์
ภาพจาก Chongsiri / shutterstock.com

4. วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร จังหวัดลำพูน


          วัดแห่งนี้เป็นที่บรรจุพระเกศบรมธาตุในโกศทองคำ ประดิษฐานในพระเจดีย์ เจดีย์เป็นศิลปะแบบล้านนาไทยแท้ ๆ ที่มีความลงตัวและสวยงาม ซุ้มประตูก่อนเข้าไปในวัดเป็นศิลปะสมัยศรีวิชัย ก่ออิฐประดับลวดลายอย่างวิจิตรบรรจง เมื่อผ่านซุ้มประตูเข้าไปแล้วจะเห็น วิหารหลวง เป็นวิหารหลังใหญ่ที่มีระเบียงรอบด้าน ไว้ใช้เป็นที่บำเพ็ญกุศล และประกอบศาสนกิจต่าง ๆ ดูเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก watprathathariphunchai

วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร จังหวัดลำพูน

5. วัดพระธาตุหนองบัว จังหวัดอุบลราชธานี


          ตั้งอยู่อำเภอเมืองอุบลราชธานี ห่างจากศาลากลางจังหวัดไปทางด้านทิศเหนือประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี ภายในวัดมีสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจ คือ พระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ครบรอบ 25 ศตวรรษ ของพุทธศาสนาในปี พ.ศ. 2500 พระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์นั้นได้จำลองแบบมาจากเจดีย์ที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย เป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ทั้งนี้วัดพระธาตุหนองบัวนอกจากจะมีบรมสารีริกธาตุให้กราบไหว้แล้ว ยังเป็นแหล่งรวมรสพระธรรมและกลิ่นอายวัฒนธรรมอันล้ำค่า มีป่าที่อุดมสมบูรณ์ เงียบสงบ เหมาะแก่การปฏิบัติธรรมยิ่งนัก

วัดพระธาตุหนองบัว จังหวัดอุบลราชธานี
ภาพจาก M3nizz / shutterstock.com

6. วัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี


          เมื่อก้าวย่างเข้าสู่วัดแห่งนี้จะพบกับบรรยากาศที่เงียบสงบ ร่มครึ้มไปด้วยต้นไม้ พบศาลาการเปรียญไม้หลังใหญ่ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่เป็นพระประธานของวัด ด้านขวาขององค์พระประธานเป็นที่ประดิษฐานอัฐิธาตุของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของหลวงตามหาบัว เราจะพบว่าวัดแห่งนี้มีความเรียบง่ายและสมถะ นั่นเป็นเพราะจุดประสงค์หลักของหลวงตามหาบัว ที่ต้องการสอนให้พระเณรถือศีลอยู่ในความเรียบง่าย มักน้อย และสันโดษ ดูเพิ่มเติมได้ที่ www.luangta.com
 
วัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี
ภาพจาก Anirut Thailand / shutterstock.com

7. วัดป่าสุทธาวาส จังหวัดสกลนคร


          ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองสกลนคร เป็นวัดที่มีชื่อเสียงวัดหนึ่งในจังหวัดสกลนคร สิ่งที่น่าสนใจของวัดนี้คือ เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ภายในมีรูปหล่อเหมือนเท่าตัวจริง ตู้บรรจุอังคารธาตุ พร้อมทั้งประวัติความเป็นมาของพระอาจารย์มั่นตั้งแต่เกิดจนมรณภาพ ภายในวัดยังมีพระอุโบสถที่สวยงาม ซึ่งเคยเป็นกุฏิที่พระอาจารย์มั่นได้มรณภาพ รวมถึงเป็นที่ประชุมเพลิง ดูเพิ่มเติมได้ที่ www.sutdhawas.com
 
วัดป่าสุทธาวาส จังหวัดสกลนคร
ภาพจาก kwanchai / shutterstock.com

8. วัดพุทธนิมิตภูค่าว จังหวัดกาฬสินธุ์


          ตั้งอยู่บนยอดเขาภูค่าว ตำบลสหัสขันธ์ บริเวณยอดเขามีพระนอนแกะสลัก เป็นที่เคารพสักการะของชาวกาฬสินธุ์ องค์พระมีลักษณะพิเศษคือนอนตะแคงซ้ายไม่มีเกตุมาลา โดยท่อนแขนที่หนุนพระเศียรไม่ได้ตั้งขึ้นและไม่ได้รองรับเศียร โบสถ์อาคารไม้ทรงไทย เป็นที่ประดิษฐานพระมงคลชัยสิทธิ์โรจนฤทธิประสิทธิพร ภายในโบสถ์มีการตกแต่งด้วยประติมากรรมไม้แกะสลักนูนต่ำ ในช่วงวันสงกรานต์จะมีการเฉลิมฉลองพระพุทธไสยาสน์และการสรงน้ำพระเป็นประจำทุกปี ดูเพิ่มเติมได้ที่ www.kalasin.go.th

วัดพุทธนิมิตภูค่าว จังหวัดกาฬสินธุ์
ภาพจาก Aleya / shutterstock.com

9. วัดโสธรวรารามวรวิหาร จังหวัดฉะเชิงเทรา


          วัดเก่าคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดฉะเชิงเทรา และเป็นที่ประดิษฐาน "หลวงพ่อพุทธโสธร" ที่ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์บันดาลพืชพรรณอาหารให้มีความอุดมสมบูรณ์ เล่ากันว่าเป็นพระพุทธรูปปาฏิหาริย์ลอยทวนน้ำมา และมีผู้อัญเชิญขึ้นมาประดิษฐานที่วัดแห่งนี้ ภายในโบสถ์ประกอบด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังตั้งแต่พื้นพระอุโบสถ เสา ผนัง และเพดาน ยิ่งทำให้พระอุโบสถแห่งนี้มีความสวยงามมากยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งทุกวันจะมีคนมานมัสการหลวงพ่อโสธรเป็นจำนวนมาก

วัดโสธรวรารามวรวิหาร จังหวัดฉะเชิงเทรา

10. วัดพนัญเชิงวรวิหาร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา


          วัดเก่าแก่วัดหนึ่งในจังหวัดอยุธยา จุดที่น่าสนใจของวัดนี้คือ หลวงพ่อโต หรือ พระพุทธไตรรัตนนายก ซึ่งเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองกรุงศรีอยุธยามาตั้งแต่แรกตั้งกรุง และเป็นองค์พระพุทธรูปที่พุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและชาวจีนต่างให้ความเคารพนับถือมาช้านาน เล่าลือกันว่าพระพุทธรูปองค์นี้มีน้ำพระเนตรไหลออกมาทั้งสองข้าง เมื่อคราวกรุงศรีอยุธยาจะเสียแก่ข้าศึก ภายในวัดยังมีตึกเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือแก่ชาวจีนทั่วไปอีกด้วย ดูเพิ่มเติมได้ที่ www.watphananchoeng.net

วัดพนัญเชิงวรวิหาร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ภาพจาก AfriramPOE / shutterstock.com

11. วัดบางพลีใหญ่ใน จังหวัดสมุทรปราการ

         
          วัดโบราณตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ ส่วนใหญ่ชาวบ้านเรียกว่า วัดใหญ่ หรือ วัดหลวงพ่อโต ในสมัยก่อนพื้นที่ตรงนี้เป็นที่ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้ทรงทำพิธีกรรมบวงสรวงหาฤกษ์ยามตามตำราพิชัยสงคราม และเพื่อความเป็นสิริมงคลในการปราบอริราชศัตรู จึงได้ทรงสร้างพลับพลาไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานถึงชัยชนะของพระองค์ และทรงขนานพระนามว่า พลับพลาชัยชนะสงคราม จนชาวบ้านพร้อมใจกันสร้างวัดเพื่อเป็นพุทธบูชา และเรียกชื่อวัดแห่งนี้ว่า วัดพลับพลาชัยชนะสงคราม หรืออีกชื่อหนึ่งว่า วัดบางพลี วัดบางพลีใหญ่ใน หรือ วัดหลวง ดูเพิ่มเติมได้ที่ www.watbangpleeyainai.org
 
วัดบางพลีใหญ่ใน จังหวัดสมุทรปราการ
ภาพจาก Waraphorn Aphai / shutterstock.com

12. วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร จังหวัดนนทบุรี


          ตั้งอยู่ที่ตำบลบางศรีเมือง อำเภอเมืองนนทบุรี เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองมาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นก่อนเสด็จสวรรคต และพระราชทานนามว่า "วัดเฉลิมพระเกียรติ" ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก สถาปัตยกรรมของวัดแห่งนี้ขึ้นชื่อว่ามีความสวยงาม อันเป็นส่วนผสมระหว่างสถาปัตยกรรมไทยผสมจีน ภายในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานของ "พระศิลาขาว" หลังจากไหว้พระทำบุญกันเสร็จแล้วอาจแวะนั่งพักที่สวนสาธารณะ "อุทยานเฉลิมกาญจนาภิเษก" ไว้พักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางความร่มรื่นของหมู่แมกไม้นานาชนิด ดูเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก WatChalermprakiatWorawihan

วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร จังหวัดนนทบุรี
ภาพจาก Suptar / shutterstock.com

13. วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช


          เนื่องจากเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ทำให้วัดแห่งนี้เป็นศูนย์รวมใจของพุทธศาสนิกชนชาวใต้ ภายในวัดมีความงามตามแบบสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยา วิหารจอม วิหารที่มีพระพุทธรูปทรงเครื่องอย่างกษัตริย์ที่ชื่อว่า "พระศรีธรรมาโศกราช" พระบรมธาตุเจดีย์ มีจุดเด่นอยู่ที่ยอดเจดีย์ ซึ่งห่อหุ้มด้วยทองคำแท้ และเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ความมหัศจรรย์อีกอย่างหนึ่งขององค์พระบรมธาตุ คือองค์พระธาตุจะไม่มีเงาทอดลงพื้นไม่ว่าแสงอาทิตย์จะส่องกระทบทางใดก็ตาม
 
วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช

14. วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี


          สถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็น 1 ใน 3 ของโบราณสถานอันศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพบูชาของภาคใต้ เจดีย์พระบรมธาตุไชยาเป็นสถาปัตยกรรมแบบศรีวิชัยที่สภาพดีที่สุด ความสวยงามของสถาปัตยกรรมของเจดีย์พระบรมธาตุไชยาจึงสะท้อนถึงความเจริญรุ่งเรืองของเมืองสุราษฎร์ธานี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของหลักฐานทางประวัติศาสตร์ โบราณคดีและศิลปกรรม ที่วัดแห่งนี้ได้ทิ้งไว้เป็นอนุสรณ์แห่งความรุ่งเรืองของพุทธศาสนา 

วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี

15. วัดมัชฌิมาวาส จังหวัดสงขลา


          วัดใหญ่และสำคัญที่สุดในจังหวัดสงขลา เดิมเรียกว่า "วัดยายศรีจันทร์" เพราะกล่าวกันว่ายายศรีจันทร์ คหบดีในเมืองสงขลา อุทิศเงินสร้างวัดแห่งนี้ขึ้น ภายในวัดมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่มีความสวยงาม ที่สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเมืองสงขลา นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ภัทรศิลป ซึ่งจัดแสดงโบราณวัตถุที่รวบรวมได้จากเมืองสงขลา รวมถึงจังหวัดอื่น ๆ ในภาคใต้ ล้วนเป็นหลักฐานสำคัญและทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ทั้งสิ้น

วัดมัชฌิมาวาส จังหวัดสงขลา

16. สวนโมกขพลาราม จังหวัดสุราษฎร์ธานี


          ตั้งอยู่บริเวณเขาพุทธทอง ริมทางหลวงหมายเลข 41 บริเวณกิโลเมตรที่ 134 เดิมชื่อวัดธารน้ำไหล "ท่านพระพุทธทาสภิกขุ" เป็นผู้ริเริ่มสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2502 เพื่อเป็นสถานที่แสวงหาความสงบและศึกษาธรรม ประกอบด้วยภาพศิลป์ กวี คติธรรมคำสอน ภาพพุทธประวัติต่าง ๆ รอบบริเวณของสวนโมกข์แห่งนี้มีความร่มรื่น เหมาะสำหรับเป็นที่ฝึกอบรมจิตใจและศึกษาพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ดูเพิ่มเติมได้ที่ www.suanmokkh.org 

17. วัดเขาสุกิม จังหวัดจันทบุรี


          ตั้งอยู่ที่ตำบลเขาบายศรี อำเภอท่าใหม่ เดิมเป็นสถานปฏิบัติธรรมบนเขา ซึ่งเรียกกันในท้องถิ่นว่า "เขาอีกิม" ต่อมาในปี พ.ศ. 2507 ชาวบ้านได้นิมนต์ พระอาจารย์สมชาย ฐิตวิริโย และภิกษุสามเณรจากสำนักสงฆ์เนินดินแดงซึ่งอยู่ไม่ไกลมาจำพรรษา และด้วยแรงศรัทธาของพุทธศาสนิกชนที่มีต่อพระอาจารย์สมชาย ฐิตวิริโย จึงมีการเริ่มก่อสร้างวัดในปีเดียวกัน โดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นที่บำเพ็ญภาวนาของพุทธศาสนิกชนทั่วไป ภายในวัดมีองค์พระประธานประดิษฐานเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ติดผนัง สูง 110 นิ้ว หน้าตักกว้าง 99 นิ้ว มีซุ้มรอบองค์พระเป็นลวดลายพญานาค 9 เศียร และที่ฐานชุกชีมีจารึกพระปรมาภิไธยย่อ ภปร. 

วัดเขาสุกิม จังหวัดจันทบุรี
ภาพจาก kwanchai / shutterstock.com

          นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์วัดเขาสุกิม อยู่บนชั้น 3 ของตึก 60 ปีเฉลิมพระเกียรติ เป็นที่เก็บรวบรวมโบราณวัตถุจำนวนมาก เช่น พระพุทธรูปปางต่าง ๆ ทั้งที่ศิลาและสำริด เครื่องถ้วยกระเบื้องจีนทั้งขนาดเล็กและใหญ่ อีกทั้งยังมีขวานหิน ฆ้อง หม้อ ไห มีด ดาบ เครื่องประดับสำริด กระต่ายขูดมะพร้าว เป็นต้น

          *** หมายเหตุ โปรดแต่งกายสุภาพ ห้ามนุ่งกระโปรงสั้นเหนือเข่าหรือกางเกงขาสั้นเหนือเข่า ทางวัดจะไม่อนุญาตให้เข้าวัดโดยเด็ดขาด 

18. วัดแก้วพิจิตร จังหวัดปราจีนบุรี


          ตั้งอยู่ริมฝั่งด้านขวาของแม่น้ำบางปะกง ถนนแก้วพิจิตร ตำบลหน้าเมือง ในเขตเทศบาลเมืองปราจีนบุรี เป็นวัดนิกายธรรมยุติวัดแรกของจังหวัดปราจีนบุรี สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2422 โดย นางประมูล โภคา (แก้ว ประสังสิต) ภรรยาของขุนประมูลภักดี ต่อมาในปี พ.ศ. 2461 เจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์) ได้สร้างพระอุโบสถหลังใหม่เพื่อทดแทนหลังเก่าที่ชำรุดผุพัง จึงมีลักษณะทางสถาปัตยกรรมและลวดลายประดับอาคารผสมผสานระหว่างศิลปะไทย จีน ยุโรป และเขมร พระประธานสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2462 โดยเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า หลวงพ่ออภัยวงศ์ หรือ หลวงพ่ออภัย เพื่อเป็นเกียรติแก่ท่านเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ผู้สร้าง 

วัดแก้วพิจิตร จังหวัดปราจีนบุรี
ภาพจาก AlivePhoto / Shutterstock.com

19. วัดบุปผาราม จังหวัดตราด


          วัดบุปผาราม หรือเรียกอีกชื่อว่า วัดปลายคลอง ตั้งอยู่หมู่ที่ 3 บ้านปลายคลอง ถนนพัฒนาการปลายคลอง ตำบลวังกระแจะ เป็นวัดเก่าแก่ที่สุดในจังหวัด สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยา ราวรัชสมัยพระเจ้าปราสาททอง (พ.ศ. 2191) สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด เช่น พิพิธภัณฑ์ เป็นแหล่งรวบรวมโบราณวัตถุอันทรงคุณค่าไว้มากมาย, ภาพจิตรกรรม ฝาผนังในโบสถ์ และวิหารพระพุทธไสยาสน์ เขียนขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ เป็นฝีมือช่างท้องถิ่นแต่ล้วนผสมกลมกลืนด้วยศิลปะจีนและวรรณคดีจีน แสดงให้เห็นว่าวัดแห่งนี้อาจได้รับการอุปถัมภ์จากชาวจีนที่มาค้าขายแถบชายฝั่งทะเลตะวันออก 

วัดบุปผาราม จังหวัดตราด
ภาพจาก kwanchai / shutterstock.com

20. วัดนครธรรม จังหวัดสระแก้ว


           วัดนี้ตั้งอยู่ใกล้กับเทศบาลตำบลวัฒนานครและสถานีตำรวจภูธรอำเภอวัฒนานคร เดิมมีชื่อว่า "วัดสระลพ" ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นวัดนครธรรมเพื่อให้เป็นมงคลนามแก่ พระครูวิวัฒน์นครธรรม ซึ่งเป็นพระครูที่มีความสำคัญต่อวัด ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจคือ หลวงพ่อขาว หรือหลวงพ่อปูน เป็นพระพุทธรูปโบราณนั่งขัดสมาธิสร้างด้วยปูนขาว (ซึ่งเป็นดินขาวจากหนองดินจี่) ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี พระพุทธรูปหน้าตักกว้าง 130.9 เซนติเมตร และสูง 199 เซนติเมตร มีชื่อเสียงด้านอภินิหารความศักดิ์สิทธิ์ 

          โดยเมื่อครั้งที่ได้อัญเชิญหลวงพ่อขาวจากวัดร้างบ้านจิกในปี พ.ศ. 2468 ในขณะอัญเชิญมีปรากฏการณ์อัศจรรย์เกิดขึ้น พระภิกษุสงฆ์ได้เห็นน้ำพระเนตรของหลวงพ่อขาวไหลออกมาอย่างชัดเจน พร้อมกับมีฝนตกลงมาอย่างหนัก จึงเป็นเรื่องกล่าวขานถึงอภินิหารของหลวงพ่อขาวมาจนปัจจุบัน นอกจากนี้ภายในวิหารหลวงพ่อขาวเป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง และพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากวัดปมะดุลลาราชะมหาวิหาร เมืองรัตนปุระ ประเทศศรีลังกา อีกด้วย

          เมื่อเพื่อน ๆ ทำบุญกันแล้วก็อย่าลืมฝึกจิตให้เป็นกุศล มีความสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน ด้วยการหมั่นทำสมาธิบ่อย ๆ บุญแบบนี้ทำแล้วย่อมเกิดสุขทั้งแก่ชีวิตและสังคมอย่างแน่นอน และก็ร่วมขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่มีจิตเป็นกุศลในวันอาสาฬหบูชา-วันเข้าพรรษา ด้วยนะ

หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง

บทความ ไหว้พระ วันเข้าพรรษา วันอาสาฬหบูชา อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง


ขอบคุณข้อมูลจาก : thai.tourismthailand.orgwatbangpleeyainai.org, watphananchoeng.net, kalasin.go.th, sutdhawas.com, luangta.com, เฟซบุ๊ก watprathathariphunchai และ เฟซบุ๊ก WatChalermprakiatWorawihan

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ไหว้พระวันอาสาฬหบูชา-วันเข้าพรรษา อิ่มใจ อิ่มบุญ อัปเดตล่าสุด 19 กรกฎาคม 2567 เวลา 17:57:32 31,150 อ่าน
TOP
x close