
สถานทูตไทยในญี่ปุ่น เตือนโพสต์อุทาหรณ์เตือนใจคนไทย อย่าริขโมยของที่ญี่ปุ่น มิฉะนั้นหากถูกจับกุม จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายญี่ปุ่น
เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2558 ที่ผ่านมา สถานเอกอัครราชทูตไทย กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้เคยโพสต์ข้อความเตือนบรรดาคนไทยที่เที่ยวญี่ปุ่นว่า อย่าขโมยของที่นั่น อาจมีโทษหนัก และล่าสุด วันที่ 15 มิถุนายน 2558 เฟซบุ๊ก 在東京タイ王国大使館 สถานเอกอัครราชทูตไทย 〆 กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ก็ได้โพสต์เตือนสติคนไทยอีกครั้ง โดยการบอกเล่าเรื่องราวของนักท่องเที่ยวชาวไทยรายหนึ่งที่ถูกจับกุมในข้อหาลักทรัพย์ เนื่องจากความคิดเพียงชั่ววูบที่ว่า คงไม่มีใครเห็นขณะขโมยสินค้า สุดท้ายเมื่อถูกจับได้ ก็คิดว่าเพียงชดใช้ค่าเสียหายทุกอย่างก็จบ แต่ปรากฏว่า เรื่องราวไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะนักเที่ยวรายนี้ถูกส่งตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายญี่ปุ่น และทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้ว่า ศาลที่ญี่ปุ่นจะตัดสินลงโทษเช่นไร รวมทั้งยังไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้กลับเมืองไทยเมื่อใดกันแน่

โดยมีข้อความทั้งหมดดังนี้
*วัตถุประสงค์ของข้อมูลที่สถานทูตฯ แบ่งปันด้านล่างนี้ เป็นเกร็ดความรู้เกี่ยวกับแบบแผนปฏิบัติของสังคมญี่ปุ่นที่ต้องการให้นักท่องเที่ยวได้ทราบ/ปฏิบัติ หรือหลีกเลี่ยงพฤติกรรมบางอย่าง
โปรดงดเว้นการแสดงความคิดเห็นที่ไม่เกี่ยวข้อง พาดพิงถึงบุคคลอื่น หรือมีเนื้อความที่ส่อเสียดต่อบทความนี้
เมื่อหลายเดือนก่อน สถานทูตฯ ได้เดินทางไปเยี่ยมนักท่องเที่ยวไทยที่ถูกจับกุมในข้อหาลักทรัพย์ ที่สวนสนุกชื่อดังของญี่ปุ่น โดยเธอเล่าว่า ความคิดเพียงชั่ววูบ เพราะคิดว่าคงไม่มีใครสังเกตเห็น จึงแอบหยิบของราคาไม่กี่พันบาทออกมาโดยไม่ได้จ่ายเงิน แต่เมื่อเดินออกจากร้านพนักงานของร้านเดินตามมาถามถึงของที่เธอขโมย จึงได้แต่พยักหน้ายอมรับและส่งมอบสิ่งของนั้นคืน โดยในใจคิดว่า แค่คืนของและอาจจะแค่เสียค่าปรับ ซึ่งเธอยินดีจ่ายเพราะการกระทำเมื่อสักครู่ แต่ในที่สุดเธอก็ถูกเชิญไปที่โรงพักและถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ทำให้เธอตระหนักได้ว่า เงินไม่สามารถซื้อได้ทุกอย่างโดยเฉพาะความถูกต้อง แถมยังอับอายไม่กล้าบอกใคร
หลังจากถูกจับ เธอต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายของญี่ปุ่นอย่างเคร่งครัด ซึ่งใช้ระยะเวลาประมาณ 45 วัน เพื่อรออัยการยื่นเรื่องฟ้องร้องต่อศาล และหากศาลรับฟ้องก็ต้องถูกคุมขังเพื่อรอวันนัดไต่สวนคดี และตอนนี้ผ่านมาถึง 2 เดือนก็ยังไม่ทราบวันชัดเจนที่จะกลับประเทศไทยได้ เนื่องจากต้องรอการพิจารณาคดีจากศาลที่ญี่ปุ่น เพื่อที่จะตัดสินบทลงโทษของเธอ เธอจึงยินยอมให้สถานทูตฯ เล่าเรื่องของเธอให้เป็นอุทาหรณ์สอนใจและเป็นเครื่องเตือนใจในการหลีกเลี่ยงการกระทำที่ผิดกฎหมายของญี่ปุ่น เพราะผลที่ตามมาอาจจะหนักจนคาดไม่ถึงเลยก็เป็นได้
ทั้งนี้ สถานทูตฯ ไม่สามารถที่จะเข้าไปก้าวก่ายหรือแทรกแซงระบบยุติธรรมหรือกฎหมายของญี่ปุ่นได้ กล่าวคือ คนไทยทุกคนเมื่อเข้ามาในประเทศญี่ปุ่นแล้ว ก็จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศญี่ปุ่น หากกระทำความผิดจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายของประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก 在東京タイ王国大使館 สถานเอกอัครราชทูตไทย 〆 กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น