![กระบุรี รสละมุนกลางขุนเขา รูปเงาสองฝั่งลำน้ำ กระบุรี รสละมุนกลางขุนเขา รูปเงาสองฝั่งลำน้ำ](http://img.kapook.com/u/2015/passakorn/June15/abroad/Kraburi%2710%20(21).jpg)
![กระบุรี รสละมุนกลางขุนเขา รูปเงาสองฝั่งลำน้ำ กระบุรี รสละมุนกลางขุนเขา รูปเงาสองฝั่งลำน้ำ](http://img.kapook.com/u/2015/passakorn/June15/abroad/Kraburi%2710%20%2822%29_1.jpg)
สายัณห์ ชื่นอุดมสวัสดิ์...ภาพ
1. ภาพตรงหน้านำพาใครสักคนย้อนไกลไปในวันวาน
ไม่เพียงแม่น้ำสายอารีที่ทอดตัวรับแดดบ่ายอยู่ ณ ชายแดนไทย-เมียนมา ทว่าขุนเขารายล้อมก็เช่นกัน ทั้งพืชพรรณ สวนผลไม้ รวมไปถึงชีวิตที่ตกทอดอยู่ยังพื้นที่ไพศาลแห่งนี้ ที่ต่างก็ผ่านห้วงเวลาทั้งความคึกคักเรืองโรจน์หรือซบเซาเงียบหาย ในนามของคืนวันและการเปลี่ยนแปลง
เราก้าวไปยังริมแม่น้ำกระบุรีที่ตำบลน้ำจืด เบื้องหน้าคือป่าจากทึบแน่น รวมถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ฝั่งตรงกันข้าม ที่แม่น้ำกลายเป็นเส้นเขตแดนอันละมุนละไม เฒ่าชราในอาคารโบราณที่ตรงนั้นเล่าว่าภาพตรงหน้าเทียบไม่ได้กับสี่สิบปีที่พันผ่าน รถลำเลียงใบยาสูบจอดนิ่งในบ่ายร้อนจัดและเงียบเชียบ แรงงานสองชาติสองแผ่นดินกลายเป็นหนึ่งเดียวต่อการงานตรงหน้า ภาพแห่งเมืองแห่งเหมืองและไม้ระหว่างสองฝั่งตกลับเป็นเรื่องให้ต้องจินตนาการ
![กระบุรี รสละมุนกลางขุนเขา รูปเงาสองฝั่งลำน้ำ กระบุรี รสละมุนกลางขุนเขา รูปเงาสองฝั่งลำน้ำ](http://img.kapook.com/u/2015/passakorn/June15/abroad/Kraburi%2710%20%288%29.jpg)
กระบุรี หรือเมืองตระ ตกทอดตัวเองในหน้าประวัติศาสตร์นับร้อยปี ผ่านเรื่องราวของการเป็นเมืองที่เติบโตขึ้นด้วยความสมบูรณ์ทั้งในแม่น้ำและภูเขา รวมไปถึงเป็นพิกัดอันขอดแคบระหว่างคาบสมุทรอันดามันและอ่าวไทย ที่มีการเดินทางตัดป่าเขาข้ามไปมาในหลากหลายมิติ ทั้งการค้าระหว่างสองฟากทะเล การส่งถ่ายทรัพยากร หรือแม้แต่การแรมรอนเดินทางของคนตัวเล็ก ๆ
จากสาสน์ของสมเด็จพระเจ้ารมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ หลายห้วงตอนบอกถึงเมืองกระบุรีในภาพของเมืองชายแดนในสมัยรัชกาลที่ 5 เมืองไกลในป่าเขาที่มีแม่น้ำสายใหญ่หากแต่ไม่ยาวนักเลียบผ่าน เต็มไปด้วยแรงงานคนจีนที่หากินอยู่กับเหมืองแร่ดีบุก สองฟากฝั่งไทย-พม่ายามนั้นราวผืนแผ่นดินเดียวกันในความเป็นอยู่ของผู้คน
กล่าวถึงล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ครั้งพระองค์เสด็จประพาสเมืองระนอง เมื่อ พ.ศ. 2433 (ร.ศ. 103) เมืองกระบุรีที่พระองค์ทอดพระเนตรเห็นยามนั้นเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ไล่ระดับตามแนวล้อมขุนเขา มีสวนหมาก สวนมะพร้าว และหมู่บ้านเรือนคนในทุ่งกว้าง ๆ
"...ลงมา 3 ชั่วโมง ถึงที่ตำบลน้ำจืดซึ่งเป็นเมืองพระยาอัษฎางค์ไปตั้งขึ้นใหม่มีตะพานยาวไปจรดถนน..."
"ตะพานยาว" ในสายพระเนตรของรัชกาลที่ 5 กับท่าน้ำที่ตำบลน้ำจืด ที่เรายืนอยู่ในยามเย็น โลกคล้ายทวนย้อนไปตามถ้อยความและเรื่องเล่า เฒ่าชราสักคนในตึกเก่าริมท่าน้ำว่าที่นี่เคยคึกคักด้วยเป็นเมืองค้าไม้ ครั้งรัฐบาลพม่ายังอนุญาตให้คนไทยได้สัมปทานพื้นที่ทำไม้ที่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำกระบุรี
ความเจริญตกทอดและกระจุกตัวอยู่ในกระเป๋าของคหบดี ข้าราชการ หรือนักการเมืองที่มีผลประโยชน์กับการทำไม้ มีบ้านที่กระจัดกระจายออกมาและส่งผลให้ตำบลเล็ก ๆ แห่งหนึ่งเติบโต จากครั้งสร้างเมืองที่ปากจั่นสู่ตำบลน้ำจืด ห้องแถวโบราณและหย่อมบ้านเรือนในตลาดเต็มไปด้วยคืนวันเก่าก่อนที่บรรจุอยู่ในความทรงจำของคนกระบุรี
![กระบุรี รสละมุนกลางขุนเขา รูปเงาสองฝั่งลำน้ำ กระบุรี รสละมุนกลางขุนเขา รูปเงาสองฝั่งลำน้ำ](http://img.kapook.com/u/2015/passakorn/June15/abroad/Kraburi%2710%20%2814%29.jpg)
ยางพาราและกาแฟโรบัสตาหลั่งไหลเข้าสู่แดนดินกระบุรีเช่นเดียวกับเมืองอื่น ๆ ในภาคใต้ โลกดูเหมือนมีทางเดินไม่สิ้นสุด หากสำหรับคนตัวเล็ก ๆ ในหุบเขา บางทีคืนวันเปลี่ยนแปลงก็นำพามาซึ่งบางสิ่งบางอย่างที่ไม่มีโอกาสเลือก พืชพรรณอันไม่เคยได้กำหนดราคา รวมไปถึงความเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่หลายอย่างมักผ่านเลยไปโดยไม่แวะเวียน บางนาทีโลกก็หมุนไปวัน ๆ สำหรับชาวบ้านตามเมืองไกลในหุบเขา
![กระบุรี รสละมุนกลางขุนเขา รูปเงาสองฝั่งลำน้ำ กระบุรี รสละมุนกลางขุนเขา รูปเงาสองฝั่งลำน้ำ](http://img.kapook.com/u/2015/passakorn/June15/abroad/Kraburi%2710%20%281%29.jpg)
เราเดินลัดเลาะไปในเมืองเก่าของกรุรี อาคารร้านค้ากระจุกตัวและมีสีสันอยู่เพียงปลายบ่าย ริมแม่น้ำคึกคักแรงงานชาวเมียนมารวมไปถึงผู้คนท้องถิ่นก็ตอนยามเย็น
โลกเปลี่ยนแปลงไปตามคืนวัน ตกทอดหลงเหลือเพียงความงามอันจีรังไม่กี่อย่าง ขุนเขา แม่น้ำ และแววตาอารีของผู้คน กระบุรีในค่ำคืนแรกบอกเราไว้เช่นนี้
![กระบุรี กระบุรี](http://img.kapook.com/u/2015/sutasinee/06.2015/bangkok/3.jpg)
เรามาถึงที่นี่ตั้งแต่เมื่อคืน บ้านไม้ยกพื้นหลังเล็กเรียบง่ายระเบียงหน้าบ้านรื่นรมย์สำหรับการเอนกายท่ามกลางสวนผลไม้รายล้อม พี่ก้องมาหาเราตั้งแต่คืนแรก เล่าฝันให้กันฟังผ่านความเงียบและเสียงแมลงกรีดปีก ฝันที่บรรจุเต็มด้วยกาแฟโรบัสตา รวมไปถึงประสบการณ์ชีวิตของใครคนหนึ่งที่แลกมันมาด้วยการเดินทาง
จากลูกคนเล็กในครอบครัวคนจีนแห่งกระบุรี พี่ก้องออกเดินทางรอนแรมไปไกล ฝากชีวิตไว้ที่เกาะเต่าเกือบ 20 ปี ไม่นับที่เดินทางท่องยุโรป เอเชีย ที่ทั้งหมดมีแรงขับเดียวคือการเรียนรู้โลกกว้าง วันที่เลือกกลับบ้าน ที่ดิน 5 ไร่ ของก้อง วัลเลย์ นั้นคือสวนผลไม้และกาแฟรกร้าง มันอ่อนโรยจากการเพาะปลูกที่ดำเนินไปกับการผูกขาดราคา โดยนายทุนและต้นทุนที่นับวันยิ่งเดินทางสวนกับราคาผลิตผล
"มันน่าแปลกไหม บางคนปลูกกาแฟมาเป็น 20 ปี แต่ไม่เคยกินกาแฟที่ตัวเองปลูกเลย กินแต่กาแฟทรีอินวันสำเร็จรูป" ค่ำคืนดึกดื่นเรายังคงผ่านพ้นมันด้วยการทำความรู้จักพื้นที่เล็ก ๆ แห่งนี้ด้วยเรื่องเล่า
![กระบุรี รสละมุนกลางขุนเขา รูปเงาสองฝั่งลำน้ำ กระบุรี รสละมุนกลางขุนเขา รูปเงาสองฝั่งลำน้ำ](http://img.kapook.com/u/2015/passakorn/June15/abroad/Kraburi%2710%20%283%29.jpg)
ลำธารสายสวยหน้าก้อง วัลเลย์ มีต้นทางความชุ่มฉ่ำจากน้ำตกบกกรายที่อยู่ลึกขึ้นไปในควนเขา สวนกาแฟโรบัสตาโบราณค่อย ๆ เปลี่ยนรูปร่างเป็นโรงคั่ว ที่คัดแยกและทำกาแฟ รวมไปถึงร้านอาหารและบ้านหลังอบอุ่นของพี่ก้องและครอบครัว เมื่อชีวิตต้องปักหลัก ขุนเขาชราแดนดินกระบุรีก็พร้อมให้ใครสักคนได้เรียนรู้ พี่ก้องลองหยิบสารกาแฟโรบัสตามาคั่วเอง คั่วด้วยมือและกำลังไฟที่คิดว่าเหมาะสม จากหนึ่งสู่สิบ สู่ร้อย สู่พันหมื่นครั้งที่ลองผิดลองถูก
"มันเป็นการคั่วมือ (Hand Roast) คั่วระบบเปิด ไม่เหมือนเครื่องคั่วที่เขาใช้กันในโรงคั่วขนาดใหญ่ คนคั่วต้องดูไฟ ดูสีกาแฟ แยกระดับอ่อนแก่ให้ได้" กระทะทองเหลืองนับสิบใบตรงหน้ามีพายไม้ที่ก้อง วัลเลย์ เลือกใช้ไม้อบเชยมาทำพาย ผ่านพ้นเวลาและความร้อนไปพร้อม ๆ กับ "มือคั่ว" ของที่นี่ นอกจากพี่ก้อง เด็กหนุ่มมีสไตล์นั่นก็อีกคน ที่เลือกเดินทางชีวิตอยู่กับสวนและผลิตผลแห่งขุนเขา
![กระบุรี รสละมุนกลางขุนเขา รูปเงาสองฝั่งลำน้ำ กระบุรี รสละมุนกลางขุนเขา รูปเงาสองฝั่งลำน้ำ](http://img.kapook.com/u/2015/passakorn/June15/abroad/Kraburi%2710%20(5).jpg)
โรงคั่วเรียบง่ายตกแต่งด้วยนานาอุปกรณ์กาแฟ ทั้งโมคาพอตเครื่องบดกาแฟมือหมุนโบราณ ซึ่งมันเดินทางมาถึงที่นี่ต่อเมื่อกาแฟของก้อง วัลเลย์ ได้พาตัวเองไปขายทั้งซีแอตเทิล เมลเบิร์น หรือเยอรมนี
"เพื่อนชาวอิตาลีของผมมาเยี่ยม เขาเป็นบาริสตาผู้ช่ำชอง ครั้งแรกที่ดื่มกาแฟเราเขาถามว่าคั่วได้เหมือนเดิมทุกครั้งไหม" พี่ก้องย้อนไปในวันแรกเริ่มที่คิดจะพัฒนากาแฟของบ้านเกิด เขาว่าโรบัสตาไม่จำเป็นต้องคั่วเข้มเสมอ มันคั่วได้หลายระดับเช่นเดียวกับอะราบิกา มีบอดี้และอโรมาที่เป็นเอกลักษณ์ และที่สำคัญมีแรงกาย ตัวตน และน้ำพักน้ำแรงของเกษตรกรหล่อหลอม
![กระบุรี รสละมุนกลางขุนเขา รูปเงาสองฝั่งลำน้ำ กระบุรี รสละมุนกลางขุนเขา รูปเงาสองฝั่งลำน้ำ](http://img.kapook.com/u/2015/passakorn/June15/abroad/Kraburi%2710%20%284%29.jpg)
หลังจากบดด้วยเครื่องบดกาแฟมือหมุน จึงได้ลิ้มชิมผ่านกาโมคาพ็อต
ในโรงคั่วที่เปิดรับนักท่องเที่ยวไปในตัวแทบไม่ห่างหายผู้มาเยือนตลอดเวลาที่เราเดินทางมาทำงาน บางคราวก็เป็นเกษตรกรที่ปลูกกาแฟในหมู่บ้านใกล้เคียง "ผมพยายามศึกษา บอกเขาเรื่องการทำกาแฟที่มีคุณภาพตั้งแต่การเก็บเฉพาะผลสุกจริง ๆ ไม่รูดมาทั้งกิ่ง สีกาแฟด้วยน้ำ ผสมกับการตากแดดให้แห้ง (Semi Process)"
![กระบุรี รสละมุนกลางขุนเขา รูปเงาสองฝั่งลำน้ำ กระบุรี รสละมุนกลางขุนเขา รูปเงาสองฝั่งลำน้ำ](http://img.kapook.com/u/2015/passakorn/June15/abroad/Kraburi%2710%20(6).jpg)
กาแฟโรบัสตาของที่นี่ส่งขายออกไปไกลทั้งในและต่างประเทศ
3. ทางเล็ก ๆ สายนั้นนำพาเราไปสู่แดนดินภูเขาของกระบุรี
จากแยกบ้านทุ่งมะพร้าว บ้านทรายอ่อน ถนนคดเคี้ยวไปในภูเขาที่เต็มไปด้วยยางพารา ปาล์ม และกาแฟโรบัสตา ภูเขาดูอ่อนล้าจากการห่างหายซึ่งไม้ใหญ่ พี่ก้องพาเราไปสู่บ้านในกรัง มิตรของเขากลุ่มหนึ่งปักหลักชีวิตอยู่บนนั้นมาราว 40 ปี มันแลดูสงบเรียบง่ายคล้ายหมู่บ้านในนิทาน ทว่ากับชีวิตจริงผืนดิน ณ ตรงนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวและรูปแบบชีวิตของการดิ้นรนแสวงหาหนทางทำกิน
![กระบุรี รสละมุนกลางขุนเขา รูปเงาสองฝั่งลำน้ำ กระบุรี รสละมุนกลางขุนเขา รูปเงาสองฝั่งลำน้ำ](http://img.kapook.com/u/2015/passakorn/June15/abroad/Kraburi%2710%20(10).jpg)
"เราลงมาเรื่อย จากบ้านเกิดที่เชียงคำ ไปสู่แถบคลองลานที่กำแพงเพชร จนที่นั่นว่าทำกินไม่ได้ รุกป่าสงวน ต้องโยกย้ายอีกครั้งหนึ่ง" อาเซ็ง-เฉงโจว แซ่ฟุ้ง ชายชาวเมี่ยน (เย้า) เล่าถึงการมาใช้ชีวิตที่กระบุรี ขณะเด็ก ๆ สาละวนกับชุดประจำเผ่า รวมไปถึงผู้เฒ่าผู้แก่ที่เชื้อเชิญเราลองชิมกาแฟของพวกเขา
ว่ากันว่ากาแฟโรบัสตาเข้ามาสู่แดนดินไทยจากชายมุสลิมคนหนึ่ง ชื่อดีหมุน ซึ่งใช้ชีวิตตามแนวทางศาสนา เดินทางไปแสวงบุญที่เมืองเมกกะ ซาอุดีอาระเบีย ราวปี พ.ศ. 2447 และได้นำเมล็ดกาแฟสายพันธุ์โรบัสตากลับมาปลูกที่บ้านเกิดแถบบ้านโหนด อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา จากเมื่อพืชพันธุ์ได้หยั่งรากและหยัดยืน การมาถึงของรัฐบาลออกผลเป็นการส่งเสริมให้ปลูกกันอย่างแพร่หลายในแถบถิ่นภาคใต้
"ตอนนั้นใครก็อยากปลูกกาแฟ โรบัสตากิโลกรัมละ 165 บาท ขณะยางพาราราคายังไม่ดีเท่า ตอนนั้นตรงโค้งถนนใหญ่หน้าอำเภอมีคนอีสาน คนต่างถิ่นมาลงรถสิบล้อตั้งแต่เช้ามืด เดินหายไปพร้อมกับความหวังจะมาปลูกกาแฟ" พี่ก้องเรียกมันง่าย ๆ ว่า Coffee Rush หรือยุค "ตื่นกาแฟ" ฉายภาพกระบุรีราว 40 ปีก่อนให้เราเห็น
![กระบุรี รสละมุนกลางขุนเขา รูปเงาสองฝั่งลำน้ำ กระบุรี รสละมุนกลางขุนเขา รูปเงาสองฝั่งลำน้ำ](http://img.kapook.com/u/2015/passakorn/June15/abroad/Kraburi%2710%20(12).jpg)
อาเซ็งและพี่น้องชาวเมี่ยนก็เช่นกัน จาก 3-4 คนที่ลงมาก่อน หอบหิ้วเงินทองและครอบครัวมาปลูกกาแฟแทนการอพยพไปประเทศโลกที่สามเช่นเดียวกับพี่น้องคนอื่น ๆ
"ตอนนั้นบ้านในกรังกว่าจะมาถึงต้องเดินจากปากทางเพชรเกษม เริ่มเที่ยงมาถึงที่นี่สองทุ่ม" บ้านในกรังซ่อนเร้นตัวเองกลางหุบเขา โอบรับผู้หันหน้าลงหาแผ่นดินจากแดนไกล ความคิดความเชื่อในเรื่องการใช้ชีวิตแม้จะแตกต่าง ทว่ามันก็เติบโตเคียงคู่กับคนถิ่นใต้หรือคนอพยพขาวอีสานในสมัยนั้น
กลางขุนเขา กาแฟเติบโตพร้อม ๆ กับหมู่บ้านที่ค่อย ๆ คืบขยายมั่นคงแข็งแรง รวมไปถึงมีทิศทางแห่งการเติบโต
"จากปลูก เก็บ และรอเขามาซื้อ เดี๋ยวนี้เราพยายามทำกันเป็นกลุ่มพัฒนากาแฟให้มีคุณภาพ" ระหว่างคนกระบุรีและพี่น้องชาวเมี่ยน ดูเหมือนกาแฟที่พิถีพิถันเรื่องการทำตั้งแต่ชั้นต้นจะส่งผลออกมาสู่รอยยิ้มและชีวิตที่ดี เราดื่มกาแฟคั่วบดกันสด ๆ ในขนำหลังน้อย อาเซ็งและพี่น้องเชื้อเชิญให้รู้จักชีวิตของพวกเขา หนังสือแบบเรียนตัวอักษรฮั่นเก่าแก่เต็มไปด้วยข้อความที่เราไม่เข้าใจ ทว่าหลายคนก็แปลความเชื่อของเขาให้เราฟัง
"คนเมี่ยนสอนกันตั้งแต่เด็ก ๆ เรื่องความดีความชั่ว การเพาะปลูก การใช้ชีวิตตามครรลอง" อาเซ็งบอกถึงถ้อยความหมายในแบบเรียนเล่มโบราณที่ใครสักคนถามหาคำแปล จะว่าไปชีวิตคนบนควนเขาของกระบุรีก็คล้ายกับกาแฟอยู่ไม่น้อย คือแตกต่างทั้งที่มาที่ไป ดิ้นรนเพื่อยืนหยัด ผ่านการเคี่ยวกรำทั้งฤดูกาลและการแสวงหาหนทางอยู่รอด ทว่าเมื่อชีวิตพานพบที่ทางและรูปแนวอันเหมาะสม ก็อาจเติบโตร่วมกันไปได้อย่างไม่สิ้นสุด
![กระบุรี รสละมุนกลางขุนเขา รูปเงาสองฝั่งลำน้ำ กระบุรี รสละมุนกลางขุนเขา รูปเงาสองฝั่งลำน้ำ](http://img.kapook.com/u/2015/passakorn/June15/abroad/Kraburi%2710%20(24).jpg)
4. หมอกจางหลังฝนผ่านซุกซ่อนลำน้ำสายนั้นไว้ให้เห็นแต่เลือนราง
ที่ท่าเรือน้ำจืด เราก้าวลงเรือไปพร้อม ๆ กับความเอื้ออารีของแม่น้ำกระบุรี มันแผ่กว้างและรองรับสองฟากด้านด้วยป่าจากแน่นทึบ รวมไปถึงภาพชีวิตรายทางระหว่างสองแผ่นดิน สองเชื้อชาติ แม้จะมีความยาวไม่มากนัก ราวไม่เกิน 90 กิโลเมตร ทว่าพรมแดนทางใต้สุดระหว่างไทย-เมียนมา ก็ก่อเกิดเป็นภาพชีวิตชายแดนยั่งยืนยาวนานมาเคียงข้างลำน้ำโบราณ
ทว่ายามเมื่อใครสักคนตรงท่าน้ำเชื้อเชิญเราลงในลำเรือ ณ นาทีนั้นแม่น้ำดูยิ่งใหญ่และเปิดเผย ชีวิตประมงเล็ก ๆ ตกทอดอยู่ในความหลากหลาย ยองที่ใช้ปักไปได้ลำน้ำหาปู สวะ ที่คนแถวนี้มักเรียกกันว่า “วะ” นั้นใช้สำหรับช้อนกุ้งเคย
พี่ก้องดูเหมือนปลดปล่อยตัวตนจากการงานกลางหุบเขา แม่น้ำกระบุรีที่หล่อหลอมเขามาตั้งแต่เด็กยังคงคล้ายมิตรอันคุ้นเคย เราแวะที่โพงพาง 1 ใน 11 หลังสุดท้ายของสายน้ำกระบุรี หลังจากที่กรมประมงจะประกาศยกเลิกการใช้โพงพางในลำน้ำ
![กระบุรี รสละมุนกลางขุนเขา รูปเงาสองฝั่งลำน้ำ กระบุรี รสละมุนกลางขุนเขา รูปเงาสองฝั่งลำน้ำ](http://img.kapook.com/u/2015/passakorn/June15/abroad/Kraburi%2710%20(9).jpg)
"โพงพางมาถึงที่นี่พร้อมคนจากเพชรบุรี" ลุงคนเรือเจ้าของโพงพางก็เช่นกัน จากบ้านที่อำเภอบ้านแหลมมาพร้อมกับทักษะและอุปกรณ์หาปลาอันแสนน่าทึ่ง
ย้อนกลับไปราว 40 ปี ชีวิตในลำน้ำกระบุรีคล้ายพบเจอจุดเปลี่ยน ด้วยความสมบูรณ์จากลักษณะกายภาพแบบชะวากทะเลตรงปากแม่น้ำ ที่สองฝั่งค่อย ๆ แผ่กว้างออกไปจนกลายเป็นอ่าว ทำให้เกิดความหลากหลายของน้ำเค็ม น้ำกร่อย สมบูรณ์ทั้งพันธุ์สัตว์น้ำมากมาย เช่นนั้นแม่น้ำจึงเต็มไปด้วยความหอมหวนแห่งการจับปลาจากประมงเพื่อยังชีพไปตามฤดูกาล หลายคนหันไปหาการประมงแบบเชิงอุตสาหกรรม เทคโนโลยีอวนลาก อวนล้อม หรือโพงพางที่จับปลาในเชิงพาณิชย์ พร้อม ๆ กับการค่อย ๆ หายไปของเรือผีหลอก หรือเครื่องมือจับปลาพื้นบ้านประเภทอื่น ๆ พูดกันตรง ๆ คือแม่น้ำและแผ่นดินในยามนั้นต้องพบเผชิญกับความบอบช้ำจากการเปลี่ยนแปลง
"เดี๋ยวนี้เขาห้ามแล้ว โพงพางที่ทำมาก่อนก็ทำได้แค่นั้น" ลุงคนเรือเล่าลอย ๆ ยามเราทิ้งห่างจากโพงพางหลังนั้น แม่น้ำแผ่กว้างอบอุ่น เหยี่ยวทะเลร่อนลมอาบแสงยามเย็น
![กระบุรี กระบุรี](http://img.kapook.com/u/2015/sutasinee/06.2015/bangkok/6.jpg_1.jpg)
กับแม่น้ำสายหนึ่ง...มันเต็มไปด้วยหน้าตาและความหมายสำหรับคนอันหลากหลาย บางคราวราวกับสระว่ายน้ำของเด็ก ๆ บางครั้งคือโลกที่หล่อหลอมคนประมงให้มีทิศทาง อาจบางคราวก็เป็นขอบเขตเส้นแดนสำหรับแผ่นดินสองผืน ที่มีทั้งฉากด้านของมิตรภาพและความแตกต่างของทิศทางชีวิต ซึ่งหากเปิดเปลือยนิยามหลากหลายให้หลุดลอย แม่น้ำสักสายคงฉายชัดให้เห็นถึงความหมายของการเป็นหนึ่งเดียว
![กระบุรี กระบุรี](http://img.kapook.com/u/2015/sutasinee/06.2015/bangkok/10.jpg)
5. ใกล้ค่ำเราพบตัวเองอยู่บนควนเขาอันเป็นที่ประดิษฐานของเจดีย์ศิลปะพม่าอร่ามทอง เมืองกระบุรีวางตัวตนสงบอยู่อีกฟากลำน้ำป่าจากทอดขนัดแผ่กว้างเขียวครึ้ม
ราวนิยามของชายแดนเลือนสลาย เมื่อใครสักคนส่งเราขึ้นตลิ่งที่บ้านชายปู ในเขตจังหวัดเกาะสองของเมียนมา หมู่บ้านเล็ก ๆ ณ พิกัดตรงชายแดนแห่งนี้เต็มไปด้วยความเรียบง่ายอันเป็นจริงเป็นจัง หาใช่ยูโทเปียของนักเดินทางโรแมนติก
ทางดินทอดตัวไปตามหมู่บ้าน มันเป็นทั้งลานเล่นของเด็ก ๆ เป็นท่ารถจากมะละแหม่ง ที่รถโดยสารคร่ำเขลอะไปด้วยคราบโคลน บ่งบอกถึงหนทางทุรกันดารที่ผ่านมา เป็นลานตากใบจากที่จะกลายเป็นใบมวนยาสูบส่งชายที่ฝั่งกระบุรียามแห้งสนิท
![กระบุรี รสละมุนกลางขุนเขา รูปเงาสองฝั่งลำน้ำ กระบุรี รสละมุนกลางขุนเขา รูปเงาสองฝั่งลำน้ำ](http://img.kapook.com/u/2015/passakorn/June15/abroad/Kraburi%2710%20%2813%29.jpg)
หมู่บ้านชายปูอยู่ในตำบลหมาราง ซึ่งแต่เดิมว่ากันว่าพื้นที่แดนดินริมน้ำกระบุรีตรงนี้เคยเป็นเขตแดนของราชอาณาจักรสยาม ทว่าได้ตกเป็นของอังกฤษมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 มีคนไทยหลายคนตกหล่นเป็นไทยพลัดถิ่นที่ต้องถือสัญชาติเมียนมา ทว่าการพูดจาและวัฒนธรรมนั้นไม่เปลี่ยนแปลง
ทั้งหมดผ่านพ้นสู่สมัยอาณานิคมก้าวสู่ยุคการปกครองแบบปิดประเทศของเมียนมา ตราบจนถึงวันที่โลกเดินเข้าหากันด้วยนโยบายทางเศรษฐกิจและสังคม ทว่ากับชีวิตตกหล่น ณ ขอบเขตที่แผ่นดินบรรจบกับสายน้ำ ใครหลายคนอาจไม่เคยถามหานิยามใด ๆ ของคำว่าเส้นเขตแดนและการปิดกั้น มีเพียงชีวิตที่เปลี่ยนผ่านไปสู่วันพรุ่งพร้อม ๆ กับความอุ่นเอื้อของสายน้ำและขุนเขาที่เยียวยาให้พวกเขามีที่ทางหยัดยืน
![กระบุรี กระบุรี](http://img.kapook.com/u/2015/sutasinee/06.2015/bangkok/11.jpg)
ระหว่างดื่มกาแฟจากถ้วยเล็ก ๆ ในสวนกาแฟท่ามกลางยามค่ำได้ดำเนินตัวตนของเมืองกระบุรี เราค่อย ๆ นึกถึงผู้คนและเมืองแห่งสายน้ำ และขุนเขาที่วางตัวเองอยู่ตรงความขอดแคบของชายแดน มันมักมีบรรยากาศพิเศษเสมอ เมื่อใครสักคนพาตัวเองมาอยู่ตรงพื้นที่ที่เป็นการพบกันระหว่างสองแผนดิน เป็นบรรยากาศที่ใครสักคนพร้อมจะหันหน้าเข้าหา บางคนอาจละสายตา...ไม่กล้าเมียงมอง ทว่าอย่างไรก็ตามการมีอยู่ของมันก็เด็ดเดี่ยวทระนงในรูปแบบ และหนทางอันเป็นตัวของตัวเองอย่างถึงที่สุด
![กระบุรี รสละมุนกลางขุนเขา รูปเงาสองฝั่งลำน้ำ กระบุรี รสละมุนกลางขุนเขา รูปเงาสองฝั่งลำน้ำ](http://img.kapook.com/u/2015/passakorn/June15/abroad/Kraburi%2710%20%287%29.jpg)
ขอขอบคุณ
คุณสุวิทย์ กรประสิทธิ์วัฒน์, คุณนิมิต ระวังพงษ์, น้องวิว (หญิง) และน้องวิว (ชาย) รวมถึงทุกคนที่ก้อง วัลเลย์ สำหรับมิตรภาพและการต้อนรับอย่างอบอุ่นระหว่างจัดทำสารคดี
คู่มือนักเดินทาง
กระบุรีเป็นอำเภอเล็ก ๆ แสนสงบงามของจังหวัดระนอง มีแหล่งท่องเที่ยวทั้งป่าเขา น้ำตก ล่องลำน้ำ รวมไปถึงแหล่งท่องเที่ยวเชิงวิถีชีวิตให้สามารถสัมผัสและพักผ่อนก่อนเดินทางล่องเที่ยวใต้
![กระบุรี กระบุรี](http://img.kapook.com/u/2015/sutasinee/06.2015/bangkok/11.jpg_1.jpg)
การเดินทาง
กระบุรีตั้งอยู่ห่างจากจังหวัดชุมพรประมาณ 64 กิโลเมตร และห่างจากอำเภอเมืองระนอง 58 กิโลเมตร ไปถึงได้โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 4 จากแยกปฐมพร จังหวัดชุมพร
นอนอุ่น-อิ่มอร่อย
ก้อง วัลเลย์ สวนกาแฟที่มีเสน่ห์ บริการทั้งกาแฟคั่วมือ หอมกรุ่น เรียนรู้การคั่วกาแฟโรบัสตาด้วยตัวเอง มีร้านอาหารรสชาติดีทั้งปักษ์ใต้ดั้งเดิมและอาหารอีสานให้เลือกชิม รวมถึงมีห้องพักทั้งพัดลมและแอร์กลางสวนผลไม้ร่มรื่นให้บริการ สามารถไปถึงโดยแยกซ้ายจากทางหลวง หมายเลข 4 (เพชรเกษม) ตรงทางเข้าน้ำตกบกกรายไปราว 2 กิโลเมตร ก้อง วัลเลย์ตั้งอยู่ทางซ้ายมือ โทรศัพท์ 08 7268 1285 และ 08 5781 1937 เว็บไซต์ gongvalley.weebly.com เฟซบุ๊ก GONG VALLEY พิกัดจีพีเอส N10.370916 E098.799501
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประจาก
![](http://img.kapook.com/image/Logo/osotho_logo.jpg)
ปีที่ 55 ฉบับที่ 10 พฤษภาคม 2558