
วันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ ตามบันทึกการเดินทางของ คุณ Princess of Napier สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ไปตะลอนกินของอร่อยในโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น อ๊ะ ๆ ขอบอกเลยว่ามาครบนะคะ ทั้งอาหารญี่ปุ่นและขนมญี่ปุ่น แถมยังมาพร้อมกับสถานที่ตั้งและวิธีการเดินทางอีกด้วย นั่นแน่ !!! เริ่มอยากไปชิม ไปเที่ยว กันแล้วใช่ไหมล่ะ ถ้าอย่างนั้นก็ตาม คุณ Princess of Napier ไปตะลุยกิน in Tokyo ลงพุงอย่างกล้าหาญ หน้าบานอย่างมีศักดิ์ศรี * ~ * กันเลย





หวังว่าอย่างน้อยร้านที่นำมาฝากกันน่าจะพอเป็นข้อมูลให้กับเพื่อน ๆ ได้บ้างนะคะ พร้อมแล้วเตรียมท้องให้ว่างแล้วไปลุยกันเลย
ถ้ามีคำถามเพิ่มเติมสามารถถามไว้ใน comment กระทู้นี้หรือใน https://www.facebook.com/PrincessOfNapier ก็ได้นะคะ
สำหรับใครที่อยากคั่นเวลารอด้วยการชมซากุระบานที่โตเกียวก่อนกดเข้าไปชมได้เลยค่ะ
❀ ❀[Sakura 2015] ชวนเที่ยวญี่ปุ่นสีชมพู ในวันที่ซากุระเบ่งบานกลางกรุงโตเกียว ❀ ❀
http://pantip.com/topic/33505797
แต่ถ้าอยากนั่งรถไฟไปชมฟูจิซังแล้วนอนพักผ่อนรอที่ Sunnide Resort แวะไปชมได้ในรีวิว
❄ พาเที่ยวริมทะเลสาบ Kawaguchiko แล้วไปนอนสบตาฟูจิซังที่ Sunnide Resort ☃
http://pantip.com/topic/33566587

มาเริ่มกันเลยนะคะ มื้อแรกที่ถึงโตเกียวเก็บกระเป๋าอะไรเสร็จแล้ว นั่งรถไฟจาก Shinjuku มา Shibuya เพื่อมาทานซูชิร้าน Umegaoka Sushi No Midori ค่ะ ถ้าจะบอกว่าร้านนี้เป็นร้านซูชิขวัญใจคนไทยก็คงจะไม่ผิด แต่ไม่ใช่คนไทยอย่างเดียวที่ปลื้มร้านนี้นะคะ คนญี่ปุ่นเองก็มาทานกันเยอะมาก ๆ ค่ะ ร้านนี้มีหลายสาขาแต่วันนี้เราเลือกมาทานที่ สาขา Shibuya ตึก Mark city ชั้น 4 ค่ะ
การเดินทางสะดวกมากค่ะ มาที่สถานี Shibuya แล้วออก Hachiko Exit นั่งรถไฟมาได้หลายสาย
* JR Shibuya station
* Keio Inokashira line Shibuya station
* Tokyo Metro Ginza Subway Line Hanzomon line Newly developed city center line Shibuya station
* Tokyu Touyoko line Garden city line Shibuya station

เมื่อออกจากสถานีมาเจอเจ้าฮาจิโกะ มองเยื้อง ๆ ไปทางซ้ายตึกที่อยู่ตรงข้ามถนน นั่นคือตึก Mark City ที่เป็นที่ตั้งของร้านนั่นเองค่ะ

Sushi Midori เวลาเปิดบริการ 11.00-22.00 น. ขนาดมาถึงที่ร้านตั้งแต่ตอนเพิ่งเปิดใหม่ ๆ ก็คนเต็มร้านแล้วค่ะ รอคิวไปประมาณ 30-40 นาที

บรรยากาศภายในร้านมีที่นั่งแบบเคาน์เตอร์และโต๊ะทั้งหมด 62 ที่นั่ง ขนาดนี้ร้านก็ยังเต็มมีคิวยาวอยู่ตลอด

มาดูเมนูกันเลยดีกว่า สั่ง ๆๆ

Seasonal Sushi-Assortment 2,500 ¥ เสิร์ฟมาพร้อมซุป สลัดมันปู และไข่ตุ๋น เป็นเซตฤดูกาลใบไม้ผลิ วันที่ไปเป็นวันสุดท้ายของชุดนี้พอดีค่ะ


Chef’s Special Sushi-Assortment 2,800 ¥ เซตใหญ่มาก แต่ละคำสดอร่อยจริง ๆ ค่ะ


Plenty of Salmon roe 400 ¥ไข่ปลามาเต็ม ๆ แบบนี้ อ๋อยยยยยย ฟินนนนนนนนฟิน

Salmon โรยหน้ามาด้วยต้นหอมและขิงเล็กน้อย

สรุปแล้วถือว่าเป็นร้านซูชิที่คุ้มค่าแก่การมาลองค่ะ ราคาพอเหมาะ รสชาติดี วัตถุดิบสด อย่างไข่หอยเม่นก็สดหวานไม่เหม็น แต่บางร้านดี ๆ ราคาแพง ๆ ในไทยก็อาจจะสุดยอดกว่านี้ ร้านนี้เลยถือว่าใช้ได้กับระดับราคาค่ะ
ทานเสร็จแล้วมาเดินเล่นแถวชิบูย่ากันต่อนิดหนึง่ค่ะ ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งช้อปปิ้งที่มีสีสันเลย

Disney Store สาขาชิบูย่าค่ะ สามารถแวะมาเลือกซื้อสินค้าและซื้อบัตรเข้า Tokyo DisneySea และ Tokyo Disneyland ได้ก่อนล่วงหน้า แต่ถ้าเป็นตั๋วสำหรับวันเสาร์-อาทิตย์อาจจะจำหน่ายหมดต้องไปรอซื้อที่ด้านหน้าสวนสนุกก่อนเวลาเปิดนะคะ

สินค้า Disney ที่สาขานี้จะน่ารักสู้ในสวนสนุกไม่ได้


เดินเล่นที่ชิบูย่ากันต่อแล้วไปช้อปย่านกินซ่ากันต่อ จริง ๆ แล้วตั้งใจมาทานขนมมากกว่า ที่ร้าน Shiseido Parlour “SALON DE CAFE” ค่ะอยู่ที่ตึก Shiseido ใจกลาง Ginza
การเดินทาง Ginza Station (Ginza, Hibiya, Marunouchi Lines : walk 7 mins.) / Shimbashi Station (Yamanote, Keihin Tohoku, Ginza, Toei Asakusa Lines : walk 5 mins.)
เรามาลงสถานี Shimbashi แต่บางเว็บก็จะแนะนำว่า สถานีที่ใกล้ที่สุดคือ Ginza ค่ะ น่าจะเดินหาร้านง่ายกว่า


เวลาเปิดบริการ
Restaurant (4F/5F) : Tue-Sun 11.30 am-09.30 pm (Last order 08.30 pm)
Salon de Cafe (3F) : Tue-Sat 11.30 am-09.00 pm (Last order 08.30 pm)
Sun/National Holidays 11.30 am-08.00 pm (Last order 07.30 pm)
Shop (1F) : 11.30 am-09.00 pm daily
ร้านปิดวันจันทร์นะคะ **

ขึ้นมาที่ชั้น 3 จะเป็นส่วนของคาเฟ่ค่ะ รอคิวไม่นานมาก พนักงานสุภาพสุด ๆ การตกแต่งร้านก็สวยค่ะ แต่ไม่ได้ถ่ายภาพนะคะเพราะมีลูกค้าอยู่เต็มร้านเลย มาเลือกขนมกันก่อนค่ะ หน้าตาน่าทานทุกชิ้นเลย



เลือก Strawberry Shortcake ของโปรด ตัวเค้กเนียมนุ่มมาก สตรอว์เบอร์รีก็หวานฉ่ำเลย ตอนนั้นนึกคำพูดอะไรไม่ออกนอกจากรสชาติขนมร้านนี้มันดูผู้ดีจริง ๆ เหมาะแก่การมาจิบชายามบ่าย

Mille Feuille ไส้ไม่หวานมากรสชาติกำลังดีเลยค่ะ ทานคู่ไอศกรีม


Parfait ก็มีนะคะ น่าทานหลายเมนู สั่ง Chocolate Parfait มาลองค่ะด้านบนท็อปด้วยกล้วยหอมเข้ากันได้ดีกับช็อกโกแลต ราคา¥1,680


ร้าน Shiseido Parlour "SALON DE CAFE" จำราคาทั้งหมดเป๊ะ ๆ ไม่ได้แต่น่าจะอยู่ที่ประมาณ 6,000¥ค่ะ ที่ชั้น 1 ของร้านมีขนมและคุกกี้ขาย

ที่ย่านกินซ่านอกจากเป็นแหล่งสินค้าแบรนด์เนมแล้ว ร้านอาหาร ขนมต่าง ๆ ก็เยอะมากด้วยค่ะ มี Matsumoto Kiyoshi เหมือนกันแต่ร้านไม่ค่อยใหญ่เท่าไร

ร้านดอกไม้สวย ๆ พบได้ข้างทางทั่วไปในญี่ปุ่น

เจอแล้ว Daifuku ร้านดังอีกร้าน ติดกันเป็น Manneken Waffle กลิ่นหอมโชยมาก แต่ที่กินซ่าคิวยาวมากค่ะ ไปเจอในสถานี Shin-Osaka ไม่มีคิวเลย


ต่อจากนั้นไปวัด Sensoji ที่ย่าน Asakusa แล้วเดินเล่นริมแม่น้ำ Sumida จนมืดค่ะ แถมด้วยไป Yodobashi Camera Akihabara ซื้อของจนพอใจแล้วค่อยกลับมาชินจูกุ เพราะมื้อเย็นนี้มีนัดที่ร้าน Rokkasen ค่ะ


ร้าน Rokkasen อยู่ใกล้สถานี Shinjuku ในเว็บไซต์ของทางร้านมีภาษาไทยเพราะคนไทยมากินร้านนี้กันเยอะมาก เลยมีอธิบายวิธีการเดินทางไว้อย่างละเอียดเลยค่ะ

เราเริ่มต้นจากสถานี JR Shinjuku แล้วออกมาทาง West gate หาไม่ยากค่ะ ร้านอยู่ที่ตึก Sun Flower ชั้น 6


กดลิฟต์ขึ้นไปชั้น 6 กันเลย ร้านนี้ต้องจองก่อนนะคะถ้าจะมาทานตอนกลางคืน ไม่อย่างนั้นโอกาสอดทานมีสูงค่ะ

ทางร้านเสิร์ฟทั้งแบบ Buffet และ A la carte Yakiniku All-You-Can-Eat ราคาจะเป็นตามลำดับนี้เลยค่ะ มาทั้งทีขอเอาให้สุด เลือกแบบ Matuzaka ค่ะ เวลาในการทาน 90 นาที เด็กอายุต่ำกว่า 7 ปี ทานฟรี 7-9 ปี ครึ่งราคาค่ะ

สามารถสั่ง Matsuzaka Sirloin Matsuzaka Galbi in best quality และเมนูอื่น ๆ ด้านล่างได้ทั้งหมดเนื้อวัวมัตสึซากะของทางร้านเป็นเนื้อวัวที่ส่งตรงมาจากร้านอาซาฮิ เมืองทสึ จังหวัดมิเอะ

เนื้อมัตสึซากะที่นำมาเสิร์ฟถึงเป็นบุฟเฟ่ต์แต่คุณภาพดีมาก ลายสวยมากค่ะ จานแรกมายังไงจานหลังก็ดีแบบนั้น เสิร์ฟมาเหมือนภาพ A la carte ที่เห็นในเว็บเลย แต่ในร้านมืดมากภาพเบลอไปหมด





ขาปูและกุ้งสดหวาน

ปลาหมึกก็อร่อยมากเช่นกัน

ย่างแล้วนะคะ กลิ่นหอมเชียว ซอสเนื้อย่างพิเศษ ของโระคะเซง เกิดจากการหมักซีอิ๊วเป็นเวลา 2 ปี


ร้าน Rokkasen ยังมีบริการเมนู Shabu-Shabu และ Sukiyaki ด้วยนะคะ จบการกินวันแรกรับอะไรต่อไม่ไหวแล้วค่ะ ขอกลับไปนอน ประทับใจ Rokkasen จริง ๆ การดูแลใส่ใจลูกค้าดีมาก มีผ้าคลุมกันเปื้อนและผ้าคลุมกระเป๋าให้ค่ะ เพื่อที่จะได้ไม่เลอะเทอะ ปลื้มปริ่มมาก ๆ ร้านนี้ เนื้ออร่อยมากจริง ๆ แต่ถ้าครั้งหน้าไปโตเกียวจะขอแวะไปลองร้าน Yakiniku JUMBO Shirokane ดูบ้างค่ะ
วันที่ 2 เราไปชมภูเขาไฟฟูจิริมทะเลสาบ Kawaguchiko กันแล้วไปพักที่ Sunnide Resort 1 คืน ใครสนใจเมนูอาหารริมทะเลสาบและที่พักที่ Sunnide ตามไปชมได้ในลิงก์นี้เลยค่ะ http://pantip.com/topic/33566587

ส่วนวันที่ 3 พอกลับมาโตเกียวก็มาเที่ยวชมซากุระที่สวน Ueno ค่ะ


ด้านหน้า Ueno Park ฝั่งตรงข้ามตลาด Ameyoko มีร้านขายขนมปังชื่อ Wholesome ขนมปังนุ่มอร่อยและน่ารักมุ้งมิ้งมาก ออกแบบเป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ ทั้งแพนด้า เต่า เสือ แป้งนิ่มมาก อร่อยทุกแบบที่ซื้อมาลองเลย



มีเวลาอยู่โตเกียวไม่กี่วันอยากกินก็อยาก อยากเที่ยวก็อยาก สรุปห่วงเที่ยวมากกว่า เที่ยวจนถึงมืดทุกวันเลยค่ะ หลังจากที่เดินชมซากุระพร้อมฝูงชนเยอะมากในสวนอุเอโนะแล้วเรามาชม Light Up ที่ Chidorigafuchi koen กันแล้วตั้งใจไปต่อแถวกินราเมนเจ้าดังที่ร้าน Mutekiya Ramen ค่ะ

Mutekiya ราเมน วิธีเดินทางถ้าออกจากสถานีอิเคะบุคุโร่ (Ikebukuro) ทางทิศตะวันออกหรือออกจากห้างเซย์บุแล้ว ให้เดินลงไปทางทิศใต้ (ทางขวา) เดินไปเรื่อย ๆ ตามถนนเมจิ (Meiji Dori, ถนนหมายเลข 305) จะเจอห้าแยกร้านจะอยู่ตรงมุมสุดของห้าแยก ถ้าเห็นคนยืนเข้าคิวกันเยอะ ๆ แสดงว่าใช่แน่ ๆ
จุดสังเกตอย่างหนึ่งก็คืออยู่ตรงข้ามร้านหนังสือ จุงคุโด (Junkudo, ジュンク堂書店) ซึ่งเป็นอาคารที่เป็นกระจกสูงเก้าชั้นค่ะ



พอมาถึงก็จะเจอ คะ...คะ...คิวค่ะ ยาวมากกกกกก ยาวจนถึงกับต้องต่อเป็น 2 แถว เพื่อไม่ให้บังหน้าร้านอื่น ชื่อร้านจะเขียนอยู่บนกระทะสามใบหน้าร้าน


รอไปประมาณชั่วโมงกว่า ทักษะการยืนรอต่อคิวนี่เป็นการฝึกซ้อมขาที่ดีมากค่ะ ไม่คิดมาก่อนเลยว่าวันรุ่งขึ้นจะได้ใช้ประโยชน์มาก เพราะไป Tokyo DisneySea ต่อคิวแต่ละเครื่องเล่นไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง ถ้าไม่มี Fast Pass บางเครื่องเล่นยอดฮิตอย่าง Toy story mania ก็ต่อแถวเพื่อกด Fast Pass กันเป็นชั่วโมงค่ะ สนุกจนขาแทบหลุดจริง ๆ
ร้านนี้เป็นอีกร้านที่ในเว็บมีภาษาไทยนะคะ www.mutekiya.com/world หรือใครอยากจะเข้าไปดูใน Tabelog ก็ได้ค่ะ tabelog.com ภายในร้านค่อนข้างคับแคบนะคะ ที่นั่งน้อย พอใกล้ ๆ จะถึงคิวพนักงานก็จะเอาเมนูมาให้ดูตั้งแต่ในแถวแล้วสั่งไว้เลย พอได้เข้าไปนั่งในร้านไม่นานราเมนร้อน ๆ ก็จะถูกยกมาเสิร์ฟ สำหรับร้านนี้สามารถเพิ่มปริมาณเส้นได้ฟรีด้วยค่ะ


สั่งเมนูที่เป็นยอดนิยมของทางร้านอันดับ 1 และอันดับ 2 มาค่ะ Nikutamamen น้ำซุปของร้านนี้เข้มข้น กลมกล่อมมากเลยค่ะ หมูชาชูก็หนานุ่มมาก เข้าปากงี้ละลายเลย

Chashumen เส้นของร้านนี้ลวกมากำลังพอดี เข้ากันกับน้ำซุปของทางร้าน สรุปแล้วดีงามค่ะร้านนี้ ถ้าใครมาแถว Ikebukuro แวะมาลองได้ค่ะ ร้านเปิดตั้งแต่ 10.00 น. ไปจนถึง 16.00 น.

เกี๊ยวซ่าร้อน ๆ

อีก 2 วันในโตเกียวไปเที่ยว Tokyo DisneySea และ Tokyo Disneyland ค่ะเลยไม่ค่อยได้ไปตะลุยกินที่ไหน เพราะอยู่ในนั้นทั้งวัน แต่มีขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝากกันนะคะ เนื่องจากรีวิวนี้เน้นเรื่องปากท้อง เลยยังไม่รีวิวส่วนของสวนสนุกเต็ม ๆ แต่อยากแนะนำว่าเครื่องเล่นทุกอย่างที่มี Fast Pass ไม่สมควรพลาดจริง ๆ ค่ะ สนุกทุกอย่าง

หลังจากที่ต่อแถวกด Fast Pass Toy Story Mania ! นานแสนนาน กดตอน 10 โมงเช้าได้เล่น 20.00-21.00 น. เราก็ไปเล่น Tower of Terror กันค่ะ 2 เครื่องเล่นนี้อยู่โซน American Waterfront และถือเป็นไฮไลท์ของที่ Tokyo DisneySea เลยค่ะ

ช่วงที่ไปกำลังต้อนรับเทศกาล Easter อยู่เลย บรรยากาศภายในสวนสนุกสดใสมาก

มาโซน Lost River Delta กันต่อเลย แวะพักกินไอศกรีมก่อนดีกว่า Mickey’s Tiramisu Ice Cream Sandwich ¥310

ถึงอากาศจะเย็นแต่แดดร้อน ได้ Mickey Peach and Raspberry Ice Bar สักแท่งเย็นชื่นใจ ¥310 เท่ากันค่ะ


มีรสส้มและรสราสเบอร์รี

โซนนี้มี 2 เครื่องเล่นที่น่าสนใจคือ
- Indiana Jones® Adventure : Temple of the Crystal Skull สนุกมาก เห็นแถวข้างนอกดูเหมือนจะสั้นแต่เข้าไปข้างในนี่ขอโทษขดยาวมากนะจ๊ะ Fast Pass เท่านั้นที่ช่วยคุณได้ค่ะ รีบ ๆ มากดกันให้ทันเพราะหลังเที่ยงมันจะหมด
- Raging Spirits อันนี้แนะนำให้เล่นตอนเย็นค่ะเพราะบรรยากาศจะสวยมาก ไม่ค่อยหวาดเสียวนะคะรถไฟเหาะอันนี้มากด Fast Pass ไว้ก่อนได้ช่วงเวลาใกล้ค่ำกำลังสวยเลยค่ะ
มาต่อที่โซน Port Discovery ที่มีเครื่องเล่นที่น่าสนใจคือ Aquatopia และ StormRider โซนนี้มีขนมยอดฮิตอีกอย่างใน Tokyo DisneySea คือซาลาเปาไส้กุ้ง ราคา ¥450 ค่ะ

Arabian Coast โซนนี้มุมถ่ายภาพสวย ๆ เยอะเลย แวะซื้อ Chandu Tail ¥450 ที่ Sultan’s Oasis มาชิม
ชิ้นนี้เป็น "Chicken Cream Bun" แป้งด้านนอกนุ่มด้านในเป็นครีมซอสไก่อร่อยดีค่ะ ใครมาเดินเล่นโฉบ ๆ โซนนี้ลองซื้อมาชิมดูนะคะ

ใน Tokyo DisneySea และ Tokyo Disneyland มี Popcorn อยู่หลายรสในแต่ละโซนค่ะ เดินผ่านแต่ละทีกลิ่นนี่โชยมาเลย แต่รสที่ดูเหมือนจะได้รับความนิยมที่สุด คนต่อแถวรอซื้อเยอะที่สุดก็น่าจะเป็นรสแกงกะหรี่ค่ะ ที่ Tokyo DisneySea Curry Popcorn จะขายอยู่ตรง Popcorn Wagon ที่โซน Arabian Coast ลองชิมแล้วก็ดีนะคะแต่ไม่ถึงกับชอบมาก

มาดูฝั่ง Tokyo Disneyland กันบ้างนะคะทั้ง 2 ที่นี้แนะนำอย่างยิ่งว่าควรหลีกเลี่ยงวันเสาร์-อาทิตย์และช่วงเดือนมีนาคมที่เด็กปิดเทอมค่ะ แต่เราไปมาทั้งสองอย่างที่ว่ามาเลย รู้แต่ก็ยังทำ บอกเลยว่าพังค่ะ !!
Tokyo Disneyland ยังไม่เท่าไร แต่ที่ Tokyo DisneySea เครื่องเล่นแต่ละอย่างต่อแถวโหดมาก เด็กญี่ปุ่นความอดทนสูงกันมากจริง ๆ

ช่วงที่ไปตกแต่งต้อนรับเทศกาล Easter เช่นกันค่ะ น่ารักมาก ๆ


เครื่องเล่นภายใน Tokyo Disneyland จะไม่ค่อยมีมัน ๆ เสียว ๆ เท่าไรนะคะ เน้นความแบ๊ว แต่บอกเลยว่าเข้ามาแล้วก็ยังคุ้มค่ะ เพราะทุกอย่างสวยงามไปหมด

ของกินยอดฮิตอันดับ 1 ที่ Tokyo Disneyland ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ Waffle Mickey สุดน่ารักจากร้าน Great American Waffle Company ที่อยู่โซน World Bazaar เข้ามาถึงก็เจอเลยค่ะ


อันดับ 2 ไอศกรีมโมจิ Little Green Men จากร้าน Soft Landing Tomorrowland ด้านในเป็นรสวานิลลา ช็อกโกแลต และสตรอว์เบอร์รีค่ะ ¥360 ถ้าเอาแพ็กเกจด้วยก็ ¥880 ค่ะ

ว่าด้วยเรื่อง Popcorn บ้างดีกว่ามีหลายรสชาติมาก เช่น Soy Sauce and Butter, Honey Popcorn ขายตรงระหว่าง The Hungry Bear restaurant กับเครื่องเล่น The Winnie the Pooh เข้ากันเลยหมีพูห์กับน้ำผึ้ง Caramel Popcorn, Chocolate Popcorn ช็อกโกแลตนี่กลิ่นหอมมากค่ะ ยากจะต้านทานจริง ๆ อยู่ตรงโซน Fantasyland ในแต่ละจุดที่ขายนอกจากรสชาติจะต่างกันแล้ว ตัว Bucket ก็เป็นตัวการ์ตูนต่างกันด้วยนะคะ

Troubadour Tavern โซน Fantasyland ขายไอศกรีม Soft serve

ร้านอาหารภายในสวนสนุก Tokyo Disneyland มีหลายร้านให้เลือกแต่มีโอกาสลองร้านเดียวคือ Grandma Sara\'s Kitchen อยู่บริเวณโซน Critter Country




ของอร่อยอีกอย่างที่ไม่ควรพลาดคือน่องไก่งวงรมควันที่ร้านรถเข็นข้างทาง Chuck Wagon โซน Westernland ราคา ¥700 ค่ะ

ลา Tokyo Disneyland ไปด้วยภาพจากด้านใน Pirates of the Caribbean และโชว์ "Once Upon a Time : Special Edition" ที่อยากแนะนำไม่ให้พลาดเช่นกันค่ะ เป็นการฉายภาพ 3D ลงบน Cinderella Castle สวยงามน่าประทับใจมากค่ะ


ส่วนท้ายของรีวิวแถมนิด ๆ หน่อย ๆ กับร้านกดตู้หยอดเหรียญและร้านในสถานีโตเกียวค่ะ กลับจาก Tokyo Disneyland ดึก ๆ ร้านส่วนใหญ่ปิดหมดแล้วต้องพึ่งพาร้านกดตู้หยอดเหรียญแถวโรงแรม ขนาดเป็นร้านที่กดสั่งจากตู้ราคาไม่แพงมาก อาหารยังน่าทานและอร่อยขนาดนี้เลย



น้ำหวานตามตู้กดหยอดเหรียญก็เช่นกัน ชอบน้ำพีชอร่อยมาก ตัวดูดเงินเลยมีอยู่แทบทุกที่ในสถานที่ท่องเที่ยวและสถานีรถไฟ สามารถใช้ Suica, Pasmo แตะได้ค่ะ

สถานีโตเกียวเป็นสถานีใหญ่มาก ขนมและของกินเยอะไปหมด เรามาขึ้นชินคันเซ็นไปโอซาก้าที่สถานีนี้เลยแวะซื้ออะไรไปทานบนรถไฟด้วย ถึงเป็นเบนโตะแต่ก็มีหลายร้านที่ทำใหม่ ๆ ร้อน ๆ นะคะ ยิ่งทานบนชินคันเซ็นยิ่งได้บรรยากาศ
หมดแล้วค่ะร้านที่ได้ไปลองมา ยังไปไม่ได้เยอะเท่าที่อยากไป สงสัยต้องหาเรื่องกลับไปใหม่ซะแล้ว ขอบคุณทุกคนที่แวะมาชมนะคะ และขอให้ทุกคนมีความสุขกับการท่องเที่ยวเดินทางและทานอาหารอร่อย ๆ ค่ะ




ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ Princess of Napier สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก Princess of Napier