หากมีเวลา 4 วัน 3 คืน แล้วกำลังมองหาที่เที่ยวดับร้อนแบบไม่ใกล้ไม่ไกลกรุงเทพฯ ละก็ ลองมาเที่ยวเกาะช้าง เกาะหมาก เกาะขาม กันดีกว่า แม้ไม่มีรถยนต์ส่วนตัวก็เที่ยวได้นะคะ อ๊ะ ๆ เริ่มสนใจกันแล้วใช่ไหมล่ะ ถ้าเช่นนั้นเรามาเดินรอยตาม คุณทารก มิว สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้เดินทางไปเที่ยวสุดชิลยังสามเกาะข้างต้นพร้อมกับแบ่งปันประสบการณ์ดี ๆ ให้เราได้ฟังกัน แถมยังชี้แจงรายละเอียดค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ พอให้เราได้คุมงบประมาณได้ด้วย เอาเป็นว่าอย่ารอช้า เก็บเสื้อผ้า แว่นตา ครีมกันแดด แล้วตามมาเลยค่ะ เฮ้อออออ ฟ้าใส ๆ แบบนี้คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการหนีความวุ่นวายมานอนสบาย ๆ ที่ "เกาะหมาก" ต้องบอกก่อนเลยนะครับว่าทริปนี้ไม่ได้แอดเวนเจอร์อะไรมากมาย ไม่ได้ดำน้ำ ดูปะการัง ตกปลา เพราะพวกเราไปกันเองไม่ได้ซื้อทัวร์กับทางรีสอร์ท แต่ไม่ได้แบ็คแพ็กอะไรมากมาย ก่อนหน้านี้เราแบ็คแพ็กกันอย่างหนักหน่วง ทริปนี้เลยขอนอนสบาย ๆ ใช้ชีวิตเบา ๆ ล่ะกัน ^^
ทริปนี้เป็นอีกหนึ่งทริปที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน และอีกอย่างผมต้องเดินทางกับคนแปลกหน้าอีกด้วยซ้ำ หลายครั้งที่ผมเดินทางกับคนแปลกหน้าแต่กลับรู้สึกอึดอัด ไม่สนุก ไม่เป็นตัวเอง พอไม่สนุกมันก็เลยทำให้การเดินทางของผมจืดชืดไปด้วย แม้ว่าสถานที่นั้นจะสวยแค่ไหนก็ตาม หลังจากนั้นผมก็เดินทางคนเดียวมาตลอด น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด จนเมื่อเดือนก่อน ผมก็มีโอกาสได้ไปเที่ยว
"เนปาล" กับคนแปลกหน้าอีกครั้ง ก่อนที่จะไปก็รู้สึกกังวลเหมือนกันว่า เพื่อนร่วมทางจะเป็นยังไง จะง่าย ๆ ชิล ๆ เหมือนกันไหม ลองอ่านกันดูนะครับ ^^
มิตรภาพระหว่างเส้นทาง 14 วัน 13 คืน "หิมาลัย ใต้ดวงดาว" fb :
www.facebook.com/Mew.McCandless ig :
tarokmew สำหรับผม...จะหาคนแปลกหน้าสักคนที่แนวเดียวกันมาร่วมเดินทางด้วยกันก็ยากแล้ว หลังจากการเดินทางจบ การติดต่อกัน ส่งโปสการ์ด เขียนจดหมายส่งถึงกัน (หัวโบราณปะ เดี๋ยวนี้เขาเฟซบุ๊กกันหมดแล้ว) ผมว่านั่นคือ
"โชคดี" แต่การจะกลับมาเดินทางด้วยกันอีกครั้ง นั่นคือ
"ปาฏิหาริย์" (เพื่อน ๆ รู้สึกเหมือนกันไหม)
ทริปนี้เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน กะทันหันมากครับ ก่อนวันเดินทางแค่ 2 วัน แถมอาทิตย์นั้นคือ "Long Weekend" 3-6 เมษายน 2558 แถมยังต้องเดินทางกับคนแปลกหน้า (ที่คุ้นเคย) อีก ที่บอกว่าคนแปลกหน้าที่คุ้นเคย คือ ผม พี่เฟิร์น พี่ปลาซิว พี่จู๊ด เราเคยเดินทางด้วยกันแล้วก็ที่ไป
"เนปาล" แหละครับ (ถ้าใครอ่านแล้วคงจะรู้ดีว่านี่คือมิตรภาพ)
ก่อนหน้านี้เราคุยกันว่าจะไปเดินชิล ๆ ที่งานสัปดาห์หนังสือ แต่คุยกันไม่ลงตัวเลยต้องมาเคลียร์กันที่
"เกาะหมาก" เฮ้ย !! เอาจริงเหรอ รีวิวก็ยังไม่ได้ดู งานก็ยังไม่ได้ลา มารู้สึกตัวอีกที พี่เฟิร์น กับ พี่ปลาซิว นั่งรถทัวร์มาจากขอนแก่นแล้ว สองสาวจะนั่งรถไปลงโคราช แล้วต่อรถไปตราด ส่วนผมกับพี่จู๊ดจะขึ้นรถตู้ที่อนุสาวรีย์แล้วจะไปเจอกันที่ท่าเรือแหลมงอบ
เช้าวันที่ 3/4/58 เวลา 05.30 น. ผมต้องไปทำงานถึง 07.30 น. ทุกอย่างมันรวดเร็วไปหมด กว่าจะมาถึงท่ารถตู้ที่อนุเสาวรีย์ก็ 09.30 น. กว่ารถจะออกในตั๋วระบุไว้ว่า 11.00 น. แต่เอาเข้าจริงกว่ารถจะออกก็ปาเข้าไป 12.05 น. แล้วจะทันเรือเหรอเนี่ย !!! ระหว่างทางคิดตลอดว่าจะทันเรือรอบสุดท้าย 16.00 น. ไหม ? คิดเพลิน ๆ มีเสียงไลน์เด้งขึ้นมาว่า เรือรอบ 16.00 น. เต็ม ซวยแล้วไง เรือเต็ม เรือเต็ม เรือเต็ม เอาไงดีปรึกษากับพี่จู๊ดแกเลยบอกว่าจะหานอนโฮมสเตย์สักคืนแล้วพรุ่งนี้ค่อยไปเกาะหมาก
รถตู้มาจอดให้เราลงที่ บขส. เวลา 16.30 น. ซึ่งถ้าเรือไม่เต็ม (ก็ไม่ทันอยู่ดี) เราต่อรถสองแถวไปที่ท่าเรือครับ ไปดูเชิงเพื่อจองไว้พรุ่งนี้ บนรถมีแต่คนเขมรครับ รวมไปถึงพี่จู๊ด แกฟังและพูดเขมรได้อย่างคล่องแคล่ว
อยู่บนรถสองแถวไม่นานเราก็มาถึงที่ซื้อตั๋ว ไม่ว่าจะไปเกาะไหนที่นี่มีหมด ^^ พี่คนขายตั๋วเสนอทางให้ 2 ทาง คือ
1. หาโรงแรมแถวนี้นอนแล้วพรุ่งนี้ขึ้นเรือรอบ 12.30 น.
2. ไปนอนที่ "เกาะช้าง" แล้วต่อเรือจากเกาะช้างไปเกาะหมาก
เราสองคนเลือกข้อ 2 ครับ เราจะไปนอน
เกาะช้างก่อนแล้วค่อยต่อเราไปเกาะหมาก เราจองโรงแรมที่ท่าเรือเลยเพราะขี้เกียจหา ได้มาในราคา 1,600 บาท ต่อไปต่อมาเหลือ 1,300 บาท ที่นี่จะมีบริการรถตู้ไปส่งถึงที่พักบนเกาะช้างเลยครับ เรามาถึงท่าเรือก็ตอนตะวันใกล้ลับขอบฟ้าแล้วครับ นั่งดูพระอาทิตย์ตกบนเรือก็คงดีไม่น้อย ^^
พระอาทิตย์ใกล้จะลาลับขอบฟ้าแล้วครับ บรรยากาศดีมากคับ ผมชอบช่วงเวลานี้นะครับ สำหรับผมมันคือเวลาสงบ นั่งปล่อยอารมณ์ไปเรื่อย ๆ คิดถึงเรื่องที่ผ่าน ๆ มา ก็คงต้องเวลานี้แหละครับ สมองไบรท์ ^^ อีกอย่างผมชอบชีวิตช้า ๆ นั่งดูการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ ถ้าไปกับคนอื่นบางคน รีบ รอไม่ไหว นั่นไม่ใช่วิถีในการเดินทางของผม
เรือค่อย ๆ แล่นไปแบบเรียบ ๆ ไม่นานก็มาหยุดที่ท่าเรือเกาะช้าง พระอาทิตย์ลาไป พระจันทร์ก็มาทำหน้าที่แทน ก่อนที่พระอาทิตย์จะตกผมชอบที่จะคิดถึงเพลง
"คิดถึงเธอทุกทีที่อยู่คนเดียว" พระจันทร์ขึ้นมารู้สึกคิดถึงเพลง
"จดหมายจากพระจันทร์" ผมเป็นแบบนี้ทุกที ^^ รถตู้พาเรามาส่งที่ อารีน่า รีสอร์ท ครับ อยู่บริเวณหาดทรายขาว เป็นห้องทั่ว ๆ ไปไม่ได้มีวิวอะไรให้ติดตาม ผมเลยไม่ได้ถ่ายมา เราเอาของไปเก็บแล้วจะออกไปหาอะไรกินหน่อย หิวมาก ๆ คืนนี้ผ่านไปแบบเงียบ ๆ Good Night ^^
เมื่อวานพี่ที่ขายตั๋วบอกว่า 08.30 น. จะมีรถมารับเราที่ อารีน่า แล้วไปส่งที่ท่าเรือบางเบ้าเพื่อจะไปเกาะหมาก เช้านี้ผมตื่นมาแบบสดชื่นมาก สงสัยเมื่อคืนกินอิ่ม นอนหลับ แถมจิบเบียร์ไปนิดหน่อยพอให้ผ่อนคลาย เวลา 06.00 น. ผมตื่นมาเช็กเมล (ก็หนีงานมานี่หว่า) เช็กเมลเสร็จก็อาบน้ำแล้วจะออกไปเดินเล่นเก็บภาพหาดทรายขาวซะหน่อยครับ
หาดทรายไม่ขาวมาก ทอดยาวสุดสายตาก็ว่าได้ เช้านี้อากาศดีครับ แถมคนไม่เยอะ คงเพราะว่ายังเช้าอยู่ ใครจะอยากตื่นล่ะครับ นอนสบาย ๆ ในห้องดีกว่า ฮ่า ๆ
เดินลัดเลาะตามชายหาดไปเรื่อยเปื่อยครับ ปล่อยเวลาเดินไป ไม่ได้รีบร้อนอะไรแต่เวลาเดินไวไปไหม ?
ต้องขอโทดด้วยนะครับ ผมจะทำรีวิวช้าหน่อย ไม่รู้เที่ยงคืนจะเสร็จรึป่าว ผมไม่ได้ทำที่ร้านกาแฟ ที่ทำงาน ที่บ้าน หรือที่ร้านอินเทอร์เน็ต ผมนั่งทำอยู่ในสวน ซึ่งไม่มี Wi-Fi ได้แต่แชร์ 3G จาก Ipad ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่ามันแรงมาก แถมความเร็วที่ให้มาอย่างจำกัดหมดด้วย และยังไม่ได้จ่ายตังค์ ผมแนะนำว่าให้อ่านรีวิว
เนปาล ไปพลาง ๆ ก่อน ฮ่า ๆ
ตัดสลับกลับมาที่เกาะช้าง ยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกาใกล้ถึงเวลาที่นัดกับรถไว้แล้ว เดินมาไกลพอสมควร เพื่อเวลาเดินกลับสักหน่อยครับ เดินช้า ๆ ชิล ๆ
เดินกลับมาถึงที่พัก เก็บของที่เหลือ ไม่นานรถก็มาจอดรอที่หน้ารีสอร์ทแล้วครับ ตรงเวลามาก จากนั้นรถก็จะขับวนรับคนตามรีสอร์ทที่จะไปเกาะต่าง ๆ 09.05 น. รถก็พาเรามาส่งที่ท่าเรือบางเบ้าและเรือจะออกตอน 09.15 น. ถึงเวลาก็มีคนเรียกให้เดินไปขึ้นเรือ ซึ่งตรงเวลาพอสมควร ^^
เดินมาถึงเรือก็จะมีคนคอยรับกระเป๋า จัดคนขึ้นเรือ ซึ่งเรือลำนี้จะแวะส่งผู้โดยสารที่เกาะหวาย เกาะหมาก และก็เกาะกูด ^^ จัดกระเป๋า ส่งผู้โดยสารขึ้นเรือเสร็จเรือก็ออกครับ ผมแอบอิจฉาเด็กเรือ ก็ดูพี่เขาสิครับนั่งหัวเรือ ผมอยากไปนั่งตรงนั้นบ้าง
เรือออกจากฝั่งมาไม่นานก็มาจอดส่งผู้โดยสารที่เกาะหวายครับ ผมไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเกาะนี้แต่ดูแล้วจะเป็นเกาะเงียบ ๆ เหมาะแก่การพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง
จอดไม่ถึง 7 นาที เรือก็ออกจากท่า มุ่งหน้าสู่เกาะหมากครับ โดยที่เรือลำนี้จะจอดให้เราลงที่ เกาะหมาก รีสอร์ท ^^
และแล้วเราก็มาถึงกันจนได้ เกาะหมาก !!! เรือมาจอดส่งเราที่ เกาะหมาก รีสอร์ท แล้วจะมีรถจาก Cococape มารับเรา
อย่างที่บอกไปตอนแรก ผมไม่ได้ดูรีวิวก่อนมา ผมไม่รู้ว่าเกาะหมากมีอะไร ? Cococape คืออะไร ? ไม่เคยได้ยินมาก่อน ฮ่า ๆ เดินออกมาจาก เกาะหมาก รีสอร์ท ก็มีรถจาก Cococape มาจอดรออยู่นานแล้ว ถึง Cococape ก็เจอพนักงานต้อนรับ น่ารักครับ คุยเก่ง ต้อนรับเราเป็นอย่างดี แต่ผมไม่ได้ถ่ายรูป บริเวณรีเซปชั่นมา เราคุยเรื่องห้องเรียบร้อยก็เอาของไปเก็บ แล้วออกมากินข้าว หิวมาก ๆ ส่วนโปรแกรมวันนี้ พี่จู๊ดบอกว่ากินข้าวเสร็จแล้วจะออกไปพายเรือเล่น แล้วจะไปเจอกับพี่ปลาซิวและพี่เฟิร์นที่เกาะขาม
กินข้าวเสร็จ เช่าเรือ เตรียมอุปกรณ์สำหรับการดำน้ำเรียบร้อยก็ออกเดินทางกันเลยครับ จุดหมายของเราคือเริ่มจากรีสอร์ทไปเกาะผี แล้วจากเกาะผีไปเกาะขาม ^^ ออกเรือไปได้ยังไม่พ้นรีสอร์ท รู้สึกว่ามันไกลเหลือเกิน เราต้องพายไกลขนาดนี้เลยหรอเนี่ย ? เฮ้ย พี่จู๊ดนี่ผมจะมาพักผ่อนนะ ชวนมาพายเรือทำไม (จริง ๆ ที่พูดมาทั้งหมด คือ ผมเองที่เป็นคนชวน - -") พายกันมาสักพักก็มาถึงเกาะผีครับ เกาะผีเป็นเกาะเล็ก ๆ ครับมีชาวต่างชาติตกปลากันอยู่แค่ 3 คน
เราอยู่ที่เกาะผีกันไม่นานมาก เพราะไม่มีอะไรน่าสนใจให้ติดตาม ทั้งเกาะมีแต่ผู้หญิงเสื้อส้มที่ดูแล้วว่าน่าสนใจ ฮ่า ๆจุดหมายต่อไปของเราคือ เกาะขาม ครับ ตอนที่เรานั่งสปีดโบ๊ทผ่านมาเห็นเกาะนี้ยังรู้สึกเลยว่าสวย หาดทรายสีขาวนวลดูแล้วน่าจะละเอียด เดี๋ยวต้องลองไปดูซะหน่อย !! เดินทางกันต่อ พี่จู๊ดจ้วงเอา ๆ ไม่รู้แกจะรีบไปไหน
ปล่อยให้พี่จู๊ดแกพาย ไปส่วนผมก็ตามคอนเซ็ปต์ ผมนำวิชาความรู้ที่ได้ร่ำเรียนเอามาใช้สักหน่อย คุณครูสอนมาเมื่อตอนประถมว่า "มือไม่พาย (ให้) เอาเท้าราน้ำ" พี่จู๊ดแกคงเหนื่อย แกคงคิดว่าผมจะพายต่อ ไม่ครับ ผมหยิบหนังสือ ipod หูฟัง ขึ้นมาแล้วปล่อยให้ลมและคลื่นพาเรือไป ไม่รู้จะไปทางไหน แต่ก็ไม่สนใจ ชิล ๆ ไม่หรอกคับ เพราะไอเดียมันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เราเลยต้องเตรียมพร้อมที่จะจดจะเก็บตอนที่หัวเราว่าง ๆ จดไว้ก่อน แล้วค่อยไปลอง ไปใช้ ไปปรับ ^^
หนังสือเอามาถ่ายรูป สร้างภาพไปอย่างนั้นแหละครับ พายกันต่อเกาะขามอยู่ข้างหน้าเรานี่เอง อีกไม่นานคงจะถึงแล้ว !!! ใช่ครับ พายกันไม่นานก็มาถึงเกาะขาม เราเอาเรือมาจอดห่างจากจุดเก็บเงินพอสมควร มาที่นี่จะต้องเสียค่าขึ้นเกาะ คนละ 100 บาท แต่เราจอดเรือไกลเราไม่ได้จ่าย
เกาะขาม...เป็นเกาะเล็ก ๆ มีรีสอร์ทที่กำลังสร้าง หาดทรายที่นี่สีขาวจริง ๆ ครับ เม็ดทรายละเอียดมาก คล้าย ๆ แป้งมันแต่หยาบกว่า น้ำใส ๆ ตัดกับทรายสีขาว ท้องฟ้าที่เปิด แถมคนน้อยอีก ที่นี่นอกจากจะมีหาดสวย ๆ ทรายขาว ๆ แต่ที่นี่ยังมีเพื่อนเราอยู่อีกสองคน สุดท้ายเราก็ได้เจอกันอีกรอบ ^^
ไม่ต้องพูดอะไรมากมาย ไปเที่ยวเกาะขามกันดีกว่า ^^
ผมไม่มีอะไรจะอธิบายมากมายเกี่ยวกับเกาะขาม รู้แค่ว่าที่นี่สวยจริง ๆ ครับ ฟ้าสวย น้ำใส ทรายขาว มีเสียงคลื่นกระทบหาดเบา ๆ พอให้นอนฟัง มีสายลมเบา ๆ พัดผ่านร่างกายพอให้นอนสบาย ๆ นอกจากดีใจที่ได้เห็นวิวสวยๆ แต่ที่ดีใจไปกว่านั้น คือ ผมได้เจอพี่ ๆ ที่เคยลำบากด้วยกันอีกครั้ง ซึ่งผมเองก็ไม่คิดว่าจะได้เดินทางด้วยกันอีก
ยังสัมผัสเกาะขามได้ไม่เต็มที่เลยเวลาตอนนี้ก็ปาเข้ามาบ่ายแก่ ๆ แล้ว เราคงต้องบอกลาที่นี่แล้ว บ๊ายบายนะเกาะขาม เราคุยกันว่าจะพายเรือกลับไปที่ Cococape เพื่อพักผ่อน ผมคิดว่าจะกลับไปอาบน้ำ ฟังเพลง แล้วมานั่งรอดูพระอาทิตย์ตกที่บาร์สะพาน บ๊ายบายเกาะขาม ^^
เราออกจากเกาะขาม ปลายทางของผมคือ Cococape เอาล่ะ จะได้พักแล้วหลังจากเปื่อยมาทั้งวัน ผมมาถึงที่รีสอร์ทกะว่าจะไปอาบน้ำมานั่งรอดูพระอาทิตย์ตก แต่เรามาถึงไวเกินไปจากการคาดคะเนคงอีกนานกว่าพระอาทิตย์จะตก ก็ดียังมีเวลานั่งพักไม่ต้องรีบร้อนอะไร ^^ ทำอะไรเสร็จเรียบร้อยก็แดดร่มลมตกพอดี ผมจะไปที่บาร์สะพานครับ ถือว่าเป็นจุดนั่งชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดของเกาะนี้เลยก็ว่าได้ครับ (พี่รีเซ็ปชั่นเขาบอกมา) สะพานไม้ทอดยาว ยื่นออกไปในทะเล ถือว่าเป็นไฮไลท์ของ Cococape เลยก็ว่าได้ครับ เพราะคนที่พักที่รีสอร์ทอื่นก็จะแวะมาเยี่ยมเยียนบาร์สะพานแห่งนี้ บริเวณนี้สามารถสน็อกเกิลดูสิ่งแวดล้อมใต้ทะเลได้เหมือนกันนะคับ
เย็น ๆ แบบนี้นักท่องเที่ยวก็มีทั้งมาเล่นน้ำ ทั้งมารอพระอาทิตย์ตกครับ ส่วนผมของเลือกรอดูพระอาทิตย์ตก ฟังเพลงที่เปิดจากบาร์เทนเดอร์ดีกว่า
ศาลา (พักใจ) ตรงนั้นแหละคับ ที่ผมเล็งไว้จะใช้เป็นสถานที่นั่งเสพบรรยากาศเย็นนี้ ตรงนี้ชิลมากครับ แต่ตรงนี้แดดตอนบ่าย ๆ จะสาดเข้ามาเต็ม ๆ แต่ก็ไม่ได้ร้อนจนเกินไป ได้เวลานั่งรอดูความเปลี่ยนแปลงในแบบที่ผมชอบ บาร์เทนเดอร์ที่นี่เปิดเพลงเพราะดีหรือว่าเป็นเพราะบรรยากาศที่ทำให้เพลงเดิม ๆ ที่เราเคยฟังหรือเพลงที่เราเลิกฟังไปแล้วมันกลับมาเพราะกว่าปกติ
นั่งตรงนี้ไม่เบื่อเลยจริง ๆ บรรยากาศดี เพลงเพราะ ^^ ผมขอโทษจริง ๆ ที่ผมนั่งนาน จริง ๆ ผมก็เกรงใจคนอื่นที่มาที่นี่เหมือนกันนะครับ ผมว่าใครก็คงอยากนั่งตรงนี้เพราะตรงนี้มันชิล มีผู้คนเดินผ่านไปผ่านมามากมาย แต่กลับไม่วุ่นวายเหมือนในกรุงเทพฯ ถ้าเป็นเวลาเย็น ๆ แบบนี้ ผู้คนคงเบียดเสียดยัดเยียด แย่งกันขึ้นรถเมล์ รถไฟฟ้า ยิ่งแถวอโศก เพชรบุรี พระรามเก้า ฮ่า ๆ แต่ที่นี่ไม่เป็นอย่างนั้น จริง ๆ ผมก็ชอบบรรยากาศแบบนั้นนะครับ ดูคึกคักดี ^^
"ตะวันลับฟ้าเมื่อตอนเย็น ๆ จะเป็นเวลาที่ใจหาย" ผมรู้สึกอินกับเพลงนี้จริง ๆ บรรยากาศที่นี่ดี แต่ก็เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เรารู้สึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาหรืออะไรต่าง ๆ ได้ดีเหมือนกัน ฮ่า ๆ นั่งตรงนี้ไม่ได้รีบร้อนอะไร รอดูความเปลี่ยนแปลง เป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่มีความสุข ^^
พระอาทิตย์ร่วงหล่นน้ำไป แสงไฟที่สะพานก็สว่างขึ้นมาทันตา นอกจากการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติแล้ว "การเดินทางยังสอนให้ผม ใส่ใจสิ่งรอบ ๆ ตัวด้วย" ค่ำ ๆ ที่บาร์สะพานก็สวยเหมือนกันนะครับ ^^
มืดแล้วพี่อีกสามคนชวนผมให้ไปกินข้าว แต่ผมปฏิเสธไป เพราะไม่หิวเท่าไร แต่จริง ๆ คืออยากนั่งตรงนี้นาน ๆ มากกว่า ผมลืมไปว่าคืนนี้มีจันทรุปราคาด้วย ผมได้ยินจากในข่าว ผมเห็นแล้วว่ามีวัตถุกลม ๆ ลอยอยู่แต่ผมคิดว่าเป็นบอลลูนที่เกาะหมากรีสอร์ท ฮ่า ๆ จนพี่ปลาซิวมาถ่ายรูปผมเลยนึกขึ้นได้ พี่ทั้งสามคนไปกินข้าวกัน เขาคงสงสารผมเลยยกข้าวมาเสิร์ฟให้ถึงที่ กำลังหิวพอดี เพราะผมกำลังด้นรีวิวสด ๆ อยู่ ฮ่า ๆ ^^ ถ้าได้เบียร์เย็น ๆ สักกระป๋อง สองกระป๋อง กำลังดี หลับฝันดีแน่ ๆ คืนนี้ Good Night นะครับ ^^
ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตอนไหน รู้สึกตัวอีกทีก็เช้าแล้ว แถมตื่นสายด้วยไม่ได้ออกไปดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยซ้ำ ตื่นมาล้างหน้าแปรงฟัน แล้วไปกินข้าวดีกว่า ที่นี่มีอาหารเช้าให้กินกันเต็มที่ แต่ปัญหาคือวันนี้ไม่มีแผนเลยว่าจะทำอะไร จริง ๆ เราต้องกลับกันตั้งแต่วันนี้ตอนสาย ๆ แต่คำนวณวันผิดเลยต้องอยู่อีกวันแล้วกลับพรุ่งนี้สาย ๆ แล้ววันนี้จะทำอะไรดี ไม่ได้มากับทัวร์ ไม่ได้ไปดำน้ำ พี่จู๊ดเลยเสนอมาว่าอยากไปขับมอเตอร์ไซค์รอบ ๆ เกาะ พวกเราอีกสามคนเห็นดีเห็นงาม กินข้าวเสร็จเดินไปนั่งเล่นที่ชายหาดพักหนึ่งแล้วเดี๋ยวสาย ๆ จะไปซิ่งกันหาดยามเช้าเงียบ ๆ ครับ มุมนี้ไม่ค่อยมีใครผ่านไปมาสักเท่าไร พอจะทำให้มีสามธิอ่านหนังสือคิดไอเดียในการทำงานออกแบบเบา ๆ วางแผนการเดินทางครั้งต่อไป
อย่างที่เกริ่นไปครับ เรามีแพลนจะไปขับมอไซค์รอบ ๆ เกาะครับ เหมือนเป็นธรรมเนียมนะครับ เวลาไปเกาะไหน ๆ ก็ต้องขี่มอเตอร์ไซค์เล่น เสร็จตรงนี้ก็สาย ๆ เล่นน้ำ อ่านหนังสือ ก็ไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปซิ่ง เรามานั่งกินข้าวกันก่อนไปซิ่ง เป็นเรื่องธรรมดาที่หนังท้องตึง หนังตาก็จะหย่อน ทุกคนดูง่วงครับ รวมทั้งผมเองก็ง่วง เลยขอตัวไปนอนที่บาร์สะพาน บอกพี่จู๊ดว่าจะไปตอนไหนให้ไปเรียกผมที่บาร์นะ ผมจะไปนอนรอ
ผมเดินมาที่บาร์สะพานตอนเที่ยงนิด ๆ ที่บาร์ไม่ค่อยมีคนครับ มีพี่บาร์เทนเดอร์นั่งกินข้าวอยู่ พี่แกก็ชวนผมคุย เล่าประวัติของเกาะหมากให้ผมฟัง แกคงเห็นผมมานอนเปื่อย ๆ อยู่ เลยถามผมว่า "ไม่ไปดำน้ำดูปะการังเหรอ" ผมบอกไปว่า "ไม่ดีกว่าครับ ผมอยากพักมากกว่าครับ เพิ่งกลับมาจากเนปาล" พอผมบอกว่าเพิ่งกลับมาจากเนปาล พี่ดูหน้าผมสิครับดำไปครึ่งหน้า (ใครที่ไปเจอผมที่เกาะวันนั้นคงสงสัยแน่ ๆ) พี่แกดูสนใจมากครับ พี่เขาไปประเทศรอบ ๆ ประเทศไทยมาหมดแล้ว อยากไปเนปาลบ้าง ผมก็เล่าให้ฟัง เขาดูสนใจมาก ผมชอบเวลาเราเดินทางไปไหนมาแล้วเอามาแชร์ให้คนที่สนใจฟัง ^^
คุยกับพี่เขาจบก็มีนักท่องเที่ยวคนอื่นแวะมาทักทายพี่บาร์เทนเดอร์ ผมนอนอ่านหนังสือไปเรื่อย ๆ ก็เริ่มง่วง จะไม่ง่วงได้ไง น้ำใส ฟ้าสวย มีเสียงคลื่นกล่อม มีลมพัดเบา ๆ ผมพยายามเล็งศาลาที่เดิม แต่มีคนนั่งอยู่ ๆ ตื่นมาอีกทีไม่มีใครอยู่แล้ว ผมเลยสวมรอยไปนั่งที่ศาลาแทน ^^
อย่าเพิ่งเบื่อนะครับ ผมมานอนจริง ๆ การเดินทางของแต่ละคนต่างกัน !!! "เมื่อก่อนผมเคยพยายามจะเที่ยวหลาย ๆ ที่ ตามเก็บแลนด์มาร์กใหญ่ แต่แบบนั้นผมรู้สึกเหนื่อยและเข้าไม่ถึง ผมเดินทางบ่อย ๆ การเดินทางของผมมันเปลี่ยนไปครับ ผมพยามยามจะโฟกัสแค่ที่ใดที่หนึ่ง สำหรับผมมันดีกว่า ผมได้เห็นเรื่องราว วิถีชีวิตในชุมชน วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีของสถานที่ที่ผมได้ไป ผมชอบแบบนี้มากกว่า"
ผมนอนรอพี่จู๊ดมาเรียก แต่ไม่มาสักที ผมก็อ่านหนังสือเรื่อยเปื่อย ฟังเพลงไปเรื่อย ๆ บรรยากาศแบบนี้มันเหมาะจริงที่จะฟังเพลงของค่ายเบเกอร์รี่ มิวสิค อีกหนึ่งค่ายที่ผมหลงรัก (โบราณจริง ๆ) ผมฟังเพลงไปพราง ๆ หลับบ้าง จะสะดุ้งตื่นตอนเรือมาจอดส่งนักท่องเที่ยว คนเริ่มเยอะครับ ส่วนมากจะออกไปเที่ยวตามเกาะต่าง ๆ มา แล้วมาดำน้ำที่บาร์สะพานต่อ
ต่อไปจะเป็นบรรยากาศจากบาร์สะพานนะครับ ผมไม่ได้ไปไหนจริง อยู่แต่ตรงนี้ ^^ แต่ถ้าเพื่อน ๆ สนใจ ทางรีสอร์ทมีราคาทัวร์ด้วยนะคับ แต่ผมไม่รู้ข้อมูล
ผมลงมาจากศาลาตอนบ่ายแก่ ๆ จะไปรอดูพระอาทิตย์ตกอีกที่หนึ่ง จริง ๆ ผมก็อยากนั่งที่ศาลาต่อ ผมไม่ได้เห็นแก่ตัวขนาดนั้น แต่ผมเกรงใจคนอื่นให้เขาได้สัมผัสบรรยากาศดี ๆ บ้าง ^^
ถึงเวลาของผมแล้วครับ ^^ เวลาที่พระอาทิตย์ใกล้จะตก ผมชอบเวลานี้ เย็นนี้ผมไม่อยู่ที่บาร์สะพาน ผมมานั่งอ่านหนังสืออีกมุมหนึ่ง (เหมือนหนอนหนังสือไหมครับ จริง ๆ แค่ถ่ายรูป) ผมมานั่งอยู่อีกมุมหนึ่ง มองมาจากสะพานก็เห็น แถมตรงนี้ก็เห็นพระอาทิตย์ตกเหมือนกัน ผมชอบมุมนี้ซะแล้ว พี่เฟิร์นกับพี่ปลาซิวก็ถ่ายด้วย มุมนี้สวย ๆ แถมเงียบด้วย
เราสามคนชอบหนังเรื่องเดียวกัน ท่านี้เราเอามาจากในหนังครับ ไม่รู้ว่าชื่อท่าอะไร เพื่อน ๆ ช่วยคิดหน่อยได้ไหมครับ ? ชื่อไหนโดนใจจะชวนไปลำบากด้วยกันหนึ่งทริปแบบฟรี ๆ ถ่ายรูปเสร็จเราก็กลับไปที่สะพานไม้อีกครั้ง แต่ไม่ได้ไปที่ศาลา เรานั่งกันอยู่กลางสะพาน รอดูการเปลี่ยนแปลงตามเคย ^^
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก พระอาทิตย์ตกไปก็มีแสงไฟเข้ามาแทนที่ ผมก็ยังใช้ชีวิตช้า ๆ เหมือนเดิม ดูไฟ ดูไฟมันสวยตรงไหนผมบอกไม่ได้แต่ผมชอบ บางทีอยู่บ้านเซ็ง ๆ นอนไม่หลับ ผมก็จะสตาร์ทรถมุ่งหน้าสู่ทางด่วนอุตสาหกรรมแล้วกลับมาทางดาวคะนอง ไปขับรถเล่นดูไฟ ฟัง Green Wave ครับ ไม่รู้ทำไมแต่มันรู้สึกสบายตัว โปร่ง ๆ เบา ๆ เพลงเพราะ ถ้าเป็นรถเปิดประทุนด้วยจะดีมาก ก่อนจะขับเปิดประทุนตอนนี้ขับเปิดกระจกไปก่อนละกันครับ - -"
โค้กก่อนแล้วตามด้วยเบียร์ วันนี้เปิดเบียร์เร็วมากตั้งแต่ยังไม่ทุ่ม พอให้ผ่อนคลายนะครับ ครั้งหนึ่งผมเคยแบ็คแพ็กไปเชียงใหม่มีน้องเห็นผมโพสต์ในเฟซบุ๊กว่า ไปเชียงใหม่ เลยชวนผมไปผาสองฤดู ผมไม่มีผ้าห่ม ถุงนอน ชุดกันหนาว ห้าโมงกว่า ๆ น้ำค้างตกแล้วหนาวมาก ดึก ๆ นอนไม่หลับ ต้องออกไปผิงไฟ เจอน้อง ๆ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีล้านนา ชวนผมจิบเหล้าบ๊วยแก้หนาว ปรากฏว่าเมาครับ ตื่นนอีกทีเขาเก็บเต็นท์กันหมดแล้ว ผมรู้สึกว่าพลาดช่วงเวลาดี ๆ ไป จากนั้นมาก็จิบ ๆ ตลอด ฮ่า ๆ
เบียร์หมด เราจะเดินเลาะหาดไปที่เกาะหมากรีสอร์ท ว่าแต่...พี่จู๊ดหายไปไหน ไลน์ไปไม่ตอบ โทรไปไม่รับ หรือว่าไปซิ่งมอเตอร์ไซค์แล้วกลับไม่ถูก ไม่มีใครรู้พี่จู๊ดไปไหน เราเดินกลับไปที่ห้องพัก เก็บของแล้วจะเดินเล่นชิล ๆ ในห้องก็ไม่มีพี่จู๊ดไม่อยู่ ผมเดินไปที่รีเซ็ปชั่น (จะโทรไปแจ้งความคนหาย ฮ่า ๆ) เหลือบไปเห็นพี่จู๊ดนั่งอยู่หน้าทีวีที่เดิมตั้งแต่กลางวัน แกหลับครับ ไม่เจอนี่เดือดร้อนตำรวจอีก ฮ่า ๆๆๆ เลยชวนพี่แกไปเดินเล่นกันคืนสุดท้ายใช้เวลาให้เต็มที่
ระหว่างทางไปเกาะหมากรีสอร์ทครับ ^^ ตอนกลางวันก็จะสวยไปอีกแบบ แต่ร้อนครับ เลยมาก็จะเจอเกาะหมากรีสอร์ทกับวิวตอนกลางคืน ผมเคยผ่านมาตรงนี้แล้ว วันที่มาถึงเกาะหมากวันแรก มาดูวิวตอนกลางคืนบ้าง
กลับจากเกาะหมากรีสอร์ทพวกเราไปที่บาร์สะพานกันอีกรอบเพราะตอนนี้ยังไม่ดึกมาก ไปนั่งฟังเสียงคลื่น เสียงลมก่อนนะมันคงดีไม่น้อย มาถึงไม่ต้องพูดอะไรกันมาก มองตาก็รู้ใจ พี่ ๆ เดินไปซื้อเบียร์มาให้ นี่เพิ่งเดินทางกันครั้งที่สองเองนะ นั่งอยู่ที่นี่จนห้าทุ่มกว่า ๆ ได้ครับ ก่อนจะไปอาบน้ำ ดื่มเบียร์ นั่งจัดตารางเทรนลูกค้า แล้วเข้านอน Good Night ครับ ^^
เช้าวันสุดท้าย ตื่นมาไม่ทันพระอาทิตย์ขึ้นตามเคย รู้สึกเซ็งตัวเอง เดี๋ยวต้องกลับมาแก้มือใหม่ ฮ่า ๆ วันนี้จะต้องกลับแล้ว ยังไม่อยากกลับเลย วันนี้วันเบา ๆ ไม่มีแผนอะไรทั้งนั้น คงจะไปอยู่ที่สะพาน อ่านหนังสือเหมือนเดิม เพื่อน ๆ อย่าเพิ่งเบื่อนะครับ ครัวเปิด 07.00 น. ผมไปซัดตั้งแต่ไข่ยังทอดไม่เสร็จ พนักงานดูงง ๆ ผมก็งงว่าตกลงครัวเปิดยัง เห็นมีคนมากิน ผมเลยหรอยตาม เอิ่ม...ไม่ได้ถ่ายรูปอาหารนะครับ แต่พอจะอธิบายได้ คือ Breakfast ทั่ว ๆ ไป มีไข่ดาว ข้าวผัด สลัด ก๋วยเตี๋ยว ไส้หรอก แตกโม สับปะรด แคนตาลูป น้ำผลไม้ ชา กาแฟ แฮมต้ม ประมาณนี้ครับ กินอิ่มผมก็ออกไปถ่ายบรรยากาศบริเวณรอบ ๆ ที่พัก เดี๋ยวจะออกไปซิ่งหน่อยครับ จะไปที่ ชินามอน รีสอร์ท และตระเวนรอบ ๆ เกาะ
ถึงแล้วครับ ชินามอนที่มีสะพานไม้ทอดยาวลงไปในทะเล รวมระยะทางไปกลับน่าจะประมาณ 1 กิโลเมตรได้
ไปมาแล้วรอบเกาะ สุดท้ายผมก็มาตายที่บาร์สะพานเหมือนเดิม มานั่งอ่านหนังสือ เขียนไดอารี่ ฟังเพลง เบเกอรี่ แหม ๆ ทำเป็นอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ ใช่ครับ ก่อนที่จะเดินทางผมเกลียดภาษาอังกฤษมาก อาจารย์ให้แปลเปเปอร์หน้าเดียวนี่แทบแย่ แต่การเดินทางทำให้ผมเปลี่ยนไป หันมาอ่านหนังสือภาษาอังกฤษมากขึ้น นั่งอ่าน นั่งแปล อยู่กับมันได้เป็นวัน ๆ "วันนี้ห้องเรียนผมเปลี่ยนไปจากห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ เป็นห้องใหญ่ทรงกลม ๆ ที่เขาว่ากันว่าคล้ายผลส้ม" เหลือเวลาอีกไม่นานที่จะได้อยู่ที่นี่ แล้วจะต้องกลับแล้ว ไม่ค่อยชอบอารมณ์ค้างแบบนี้เลย
ค่าใช้จ่าย ผมจะพูดค่าใช้จ่ายหลัก ๆ คร่าว ๆ นะครับ ผมจำไม่หมดจริง ๆ ผมไม่ได้เที่ยวแบบประหยัดอะไรมากมาย เน้นที่ตัวเองมีความสุขดีกว่า ^^ - ค่ารถตู้จากอนุสาวรีย์ : 300 บาท
- ค่ารถสองแถวไปท่าเรือ : 60 บาท
- ค่าเรือไปเกาะช้าง : 80 บาท
- ค่าที่พักเกาะช้าง : 650 บาท
- ค่าเรือจากเกาะช้างไปเกาะหมาก : 750 บาท
- ค่าที่พัก : 1,000 บาท
- ค่าเช่าเรือคายัค : 150 บาท
- ค่าเช่ามอเตอร์ไซค์ : 150 บาท
- ค่าเรือจากเกาะหมากไปท่าเรือแหลมงอบ : 450 บาท
- ค่ารถสองแถวจากท่าเรือไป บขส. : 60 บาท
- ค่ารถทัวร์กลับ กทม. : 250 บาท
- จุกจิก + - ไม่เกิน : 500 บาท *รวมค่าข้าว น้ำ ขนม ตลอดทริป
รวม = 3,500 บาท
***แต่จะประหยัดกว่านี้ได้อีก คือ มากัน 2 คน หารค่าห้อง ค่าเรือคายัค ค่ามอเตอร์ไซค์
***ถ้าขึ้นเรือจากแหลมงอบ-เกาะหมาก ราคาไป-กลับ 900 บาท ประหยัดกว่าผม 380 บาท
***จองที่พักผ่าน Agoda ครับ จะได้ราคาดีลที่ถูกกว่านี้ แต่เรา Walk in ช่วงวันหยุดยาวมีที่นอนก็โอเคครับ ^^
***ผมพักที่บ้านชายทะเล ห้องที่ผมนอนไม่มีแอร์+ห้องน้ำรวม (แต่เหมือนส่วนตัว เพราะไม่มีใครใช้เพียงแต่ต้องเดินหน่อย)
***เลือกมาช่วง Low Season ก็ได้ แต่เลือกวันและเช็กพยากรณ์อากาศดี ๆ จะมีช่วงที่ฟ้าใสแน่นอน เช่น ฟ้าหลังฝน แต่น้ำคงขุ่น ๆ หน่อยครับ
ส่วนตัวผมชอบทะเลช่วงมรสุม เงียบ สดชื่นแบบชื้น ๆ รู้สึกได้พักจริง ๆ ราคาที่พักถูก สามารถนอนฟังเสียงฝน เสียงลม เสียงคลื่น รวมไปถึงเสียงของแมลงหรือพวกอึ่งอ่าง คางคก อะไรพวกนี้ได้อย่างสบายใจ
ค่าใช้จ่ายหลัก ๆ จะอยู่ประมาณนี้ครับ ที่นึกออกนะครับ ^^ ผมว่ามันไม่ได้หมดเยอะอะไรมากไป ถ้าเทียบกับวิวกับบรรยากาศ แต่ผมไม่ได้ออกไปดำน้ำแค่นั้น เพราะผมไม่อินกับการดำน้ำบริเวณนี้ ผมมีใบเซอร์ฯ สำหรับการดำน้ำ เอาไว้ค่อยไปดำที่อันดามัน แนะนำให้เรียนนะครับ แล้วจะพบโลกอีกใบเลยแหละ ^^
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามทริปหน้าร้อน นอนทะเลของผมนะครับ (มาเที่ยวทั้งทีเอาแต่นอนคิดได้ไง)
อีกไม่นานเรื่องราวทั้งหมดตลอดการเดินทางคงกลายเป็นแค่ความหลัง แต่ความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์และผู้คนที่ผมได้พบเจอตลอดการเดินทางมันจะไม่หายไปไหน และผมเชื่อว่าในวันข้างหน้าไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหน ผมอาจจะกำลังเดินป่า ปีนหน้าผา ตกปลา ดำน้ำ ตีกอล์ฟ ดูปะการัง การมาเกาะหมากครั้งนี้จะทำให้ผมยิ้มได้แน่นอน เหมือนตอนนี้ที่ผมเปลี่ยนสถานะตัวเองจากโลกกว้างใหญ่มานั่งอยู่เครื่องบิน (บินไปทำงานที่มาเลเซียต่อ) บนเก้าอี้แคบ ๆ ผมหยิบกล้องขึ้นมานั่งดูรูปที่ถ่ายไว้ได้เห็นรอยยิ้มของเพื่อนร่วมทาง ผมก็อดที่จะยิ้มตามไม่ได้ ยิ้มให้กับประสบการณ์ที่ผ่านมาแต่จะไม่ผ่านไป มันจะเป็นบทเรียนสำหรับการเดินทางครั้งใหม่ในไม่ช้า
ลองค้นหารูปแบบการเดินทางของตัวเองให้เจอ แล้วคุณจะมีความสุขกับการเดินทางในแบบของคุณเอง
ฝากเข้าไปให้กำลังใจคนเนปาลด้วยนะครับ แล้วจะรู้ว่าทำไมคนทั่วโลกถึงหลงรักประเทศเล็ก ๆ อย่างเนปาล
มิตรภาพระหว่างเส้นทาง 14 วัน 13 คืน "หิมาลัย ใต้ดวงดาว" หรือใครที่อยากแบกเป้แต่ไม่รู้จะเดินทางยังไงลองดูอันนี้ครับ การเดินทางไม่มีข้อจำกัดครับ
ถ้าใจคิดจะไปแบกเป้ สะพายกล้อง ลุยเดี่ยว เชียงคาน ภูทอก ภูห้วยอีสัน อำเภอศรีเชียงใหม่ ขอบคุณครับ ^^