มัลดีฟส์ (Maldives) หนึ่งในจุดหมายปลายทางของคนที่หลงรักทะเลจะต้องหาโอกาสไปสัมผัสสักครั้ง กับน้ำทะเลใส ๆ ท้องฟ้าสีคราม หาดทรายขาวละเอียด และที่พักสวย ๆ...จริงไหม วันนี้เราเลยหยิบเอาบันทึกการเดินทางของ คุณ Brianak สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้ไปเที่ยวมัลดีฟส์พร้อมกับพักผ่อนชิล ๆ ณ Meeru Island Resort & Spa โดยเก็บเอาภาพถ่ายรวมถึงประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ได้พบเจอมาแชร์ให้เราได้ชมกันค่ะ บอกเลยว่า...อลังการมากกกกกกกกก
เริ่มต้นทริปนี้ด้วยที่ว่าสงกรานต์นี้จะไปเที่ยวไหนดี ประเทศอะไรบ้างที่คนไทยอย่างผมไม่ต้องขอวีซ่าให้ยุ่งยากวุ่นวายนัก มัลดีฟส์ไง แต่สายการบินบ้านเราที่บินตรงไปช่วงสงกรานต์นี้ช่างแพงเหลือเกิน ค้นหาข้อมูลไปข้อมูลมา อ้าว ! มีสายการบินไทเกอร์แอร์บินไปมัลดีฟส์ด้วยอะ แต่ต้องไปต่อเครื่องที่สิงคโปร์อีกวันทั้งขาไปและขากลับ ด้วยราคาไม่แพงมาก ประกอบกับยังไม่เคยไปเที่ยวประเทศสิงคโปร์ด้วย สรุปตกลงปลงใจไปเที่ยวที่ "มัลดีฟส์" และสิงคโปร์ด้วยเลย
ที่พักผมได้ค้นหาจาก Agoda อ่านรีวิวในนั้นว่าเป็นไงบ้าง สรุปสุดท้ายจองที่ Meeru Island Resort & Spa หาข้อมูลในพันทิปรีสอร์ทนี้ไม่ค่อยมีใครรีวิวเลย จนวันหนึ่งหลังจากจองไปแล้วเจอกระทู้แนะนำของคุณArmy_Nobi เราคงเลือกรีสอร์ทไม่ผิด และต้องสวย ประทับใจแน่ ๆ มันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ครับ ส่วนห้องพักผมเลือกห้องพักแบบ Jacuzzi Water Villas แบบ Full Board คือมีอาหารสามมื้อ (ไม่รวมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์) เลือกวิลล่าแบบนี้คือแบบอยากสัมผัสทะเลแบบใกล้ชิดให้มากที่สุด ตื่นมาลงเล่นน้ำได้เลย รีสอร์ทนี้ไม่ไกลจากสนามบินมากนัก สามารถนั่งเรือไปได้ต้องจองผ่านที่รีสอร์ทนี้ได้เลย
ผมจะลงภาพให้เยอะที่สุด อยากให้ทุกคนที่เข้ามาชมกระทู้นี้ได้ซึมซับบรรยากาศเหมือนผมที่ได้เยือนที่นั่นเหมือนว่าตัวเองได้มาเที่ยวเอง ให้จินตนาการไปด้วยว่ากำลังเดินเที่ยวเล่นบนเกาะแห่งนี้ด้วยกันครับ
สรุปรายละเอียดทริปนี้คร่าว ๆ ตั้งแต่วันที่ 11-16 เมษายน 2558
วันที่ 11 เมษายน 2558 เดินออกจากประเทศไทยประมาณสิบโมงยี่สิบห้านาที ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ถึงสิงคโปร์ช่วงประมาณบ่ายสอง เช็กอินเข้าโรงแรมแล้วก็เที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ที่เป็นแลนด์มาร์กของสิงคโปร์ และพักที่สิงคโปร์ 1 คืน
วันที่ 12-13 เมษายน 2558 ออกจากสิงคโปร์ตอนเก้าโมงสามสิบห้าเพื่อเดินทางไปถึงมัลดีฟส์ในเวลาสิบเอ็ดโมงยี่สิบ นั่งเรือไปพักที่ Meeru Island Resort & Spa ใช้เวลาประมาณสี่สิบห้านาที
วันที่ 14 เมษายน 2558 เช็กเอาท์ที่ Meeru แล้วนั่ง เรือไปสนามบิน รอรถโรงแรม พักที่โรงแรม UI INN เมือง Hulhu Male มารับ ซึ่งอยู่ใกล้สนามบิน เพราะอยากเที่ยวตัวเมืองมาเล่ เมืองหลวงของมัลดีฟส์ โดยนั่งเรือโดยสารแบบชาวมัลดีฟส์ไปเที่ยวตัวเมืองในตอนเย็น ๆ
วันที่ 15 เมษายน 2558 เช็กเอาท์ที่โรงแรม UI INN แล้วเดินออกจากมัลดีฟส์ในเวลาเที่ยงสิบนาที เพื่อเดินทางไปยังสิงคโปร์ถึงในเวลาประมาณสองทุ่ม คืนนี้นอนค้างที่สนามบินชางงี สิงคโปร์ (เช็กอินในช่วงเวลาสี่ทุ่มครึ่ง เพื่อเข้าไปนอนรอในสนามบินข้างใน รอเครื่องออกในช่วงเช้าได้เลย)
วันที่ 16 เมษายน 2558 เดินทางจากสิงคโปร์ในเวลาหกโมงครึ่งเพื่อกลับมายังประเทศไทย ถึงไทยเวลาแปดโมงเช้า
ท่องจำให้ขึ้นใจเลย ถ้าได้ขึ้นไทเกอร์แอร์ไปมัลดีฟส์นะครับ ผมไม่แน่ใจว่าสายการบินอื่น ๆ จะเหมือนกันหรือเปล่านะครับ ขาไปนั่งฝั่ง ABC (ซ้ายมือ) จะได้เห็นเกาะต่าง ๆ อย่างฟินมาก ๆ ส่วนฝั่ง DEF (ขวามือ) ให้นั่งขากลับครับ ส่วนผมขาไปนั่งฝั่ง DEF เห็นวิวข้างล่างแวบเดียว เห็นคนอื่นนั่งอีกฝั่งถ่ายรูปมองดูวิวสวย ๆ อดถ่ายกับเขาเลย แต่ขากลับโชคดีได้ฝั่งเดิม เลยได้เห็นวิวแค่นี้ก็สวยสุดยอดแบบไม่ต้องนั่ง Seaplane ให้เสียเงินแพง ๆ แล้ว วิวที่ว่านี่คือเกาะต่าง ๆ ในมัลดีฟท์นั่นแหละที่เรียกว่า อะทอล (Atoll) เป็นภาษาที่ใช้พูดกันบนหมู่เกาะมัลดีฟส์ "เป็นแนวปะการังรูปวงแหวนล้อมรอบลากูน ที่ไม่มีส่วนของโหนกยื่นออกไป นอกเสียจากปะการังและเกาะเล็กเกาะน้อยที่ประกอบไปด้วยเศษชิ้นส่วนปะการัง" ครับ
พอถึงสนามบินมัลดีฟส์ผ่าน ตม. เสร็จเรียบร้อย ถ้าใครอยากแลกสกุลเงินรูฟียาห์ แลกก่อนทางออกได้เลยสะดวกดีครับ เพราะมีเคาน์เตอร์ของธนาคาร แต่จริง ๆ แล้วใช้เงินดอลลาร์ก็ได้นะครับ พอออกมาจะมีคนมาต้อนรับเยอะเลย ฮ่า ๆ ก็คือพนักงานของโรงแรมรีสอร์ทต่าง ๆ นั่นเอง เราสาดส่องสายตามองหาไปเคาน์เตอร์ที่ 59 ถ้าใครจำไม่ได้ว่าโรงแรมหรือรีสอร์ทอยู่เคาน์เตอร์ไหนสอบถาม Information ให้เขาช่วยหาให้ก็ได้ เพราะมีโรงแรมเยอะมาก ๆ จริง ๆ
เคาน์เตอร์แลกเงินที่สนามบิน
เคาน์เตอร์รีสอร์ทต่าง ๆ
เคาน์เตอร์รีสอร์ทต่าง ๆ
Information สอบถามข้อมูลได้หมด พอเจอเจ้าหน้าที่แล้วรอสักพักใหญ่ ๆ ก็ได้ขึ้นเรือ ท่าเรือนี่เดินมาไม่ไกลเลยจากสนามบิน แค่เดินข้ามถนนเท่านั้นสะดวกดี น้ำทะเลที่สนามบินก็ใสแจ๋วแล้วอะครับ สุดยอดจริง ๆ และถ้าเป็น Seaplane จะต้องนั่งรถไปขึ้นอีกที ซึ่งไม่ไกลกันมากนักจากสนามบิน เพราะผมมีโอกาสได้พักแถว Hulhumale ผ่านสนามบินน้ำ เห็นเครื่องบินน้ำเยอะเลย ค่าเครื่องก็แพงมากเช่นกัน ในบริเวณสนามบินมีร้านอาหารไทยเอ็กเพรสด้วยอะ ใครอยากกินรสชาติไทยก็จัดก่อนไปเกาะก็ได้ ผมนี่สั่งกะเพราไก่ไปกินที่เกาะด้วยล่ะ
ข้ามถนนนี้จากสนามบินไปก็เป็นท่าเรือ
ท่าเรือไปยังเกาะต่าง ๆ
ร้านอาหารไทยเอ็กเพรส
มีร้านไอศกรีมสเวนเซ่นด้วย
ท่าเรือไปยังเกาะต่าง ๆ
ร้านอาหารไทยเอ็กเพรส
มีร้านไอศกรีมสเวนเซ่นด้วย
เบอร์เกอร์คิงก็มี...ก่อนจะพาไปเที่ยวรีสอร์ท พาไปดูสนามบินน้ำ ผมถ่ายตอนขากลับในวันที่ 15 และตอนเช้าโรงแรมที่ผมพักนั้นเครื่องบินน้ำบินผ่านตลอดเลย ได้ทีถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระลึกแม้ว่าผมไม่ได้นั่งก็ตาม เพลินดีครับ
ในภาพนี้น่าจะเป็นหอบังคับการบินของ Seaplane
Seaplane
Seaplane
แผนที่ของรีสอร์ท
สิ่งที่ไม่คาดคิดกับผมก็เกิดขึ้น !!! เจ้าหน้าที่พาแยกตัวไปคุยกันอีกมุมหนึ่ง เขาบอกผมว่าห้องที่ผมจอง คือ จากุซซี่วิลล่าในน้ำ มีบางอย่างกำลังซ่อมอยู่ ทำให้ผมต้องไปพักที่ห้องจากุชซี่บีชฟร้อนท์แทน ตอนนั้นมึน ๆ งง ๆ เข้าใจว่าไม่ได้นอนที่จากุซซี่วิลล่าในน้ำนั่นแล้ว แต่เขาบอกว่าจะซ่อมเสร็จประมาณสองทุ่ม พร้อมทั้งกับปลอบใจพวกเราด้วยการมอบ Voucher ร้านอาหาร Asian wok มูลค่า 85 USD เพื่อให้ไปรับประทานอาหาร พร้อมกับสำรองโต๊ะให้ไปทานในวันพรุ่งนี้ ห้องที่ผมได้ไปพักก่อนเป็นแบบจากุซซี่บีชฟร้อนท์ นี่เปิดประตูมาเป็นชายหาดสีขาวเดินลงทะเลได้เลย สวยไม่แพ้กัน
ห้องแบบจากุซซี่บีชฟร้อนท์
อยากจะบอกว่านี่คือบ้านพักที่ผมไม่ได้พักนะ แค่มารอห้องจากุซซี่วิลล่าในน้ำนะ แค่นี้ยังฟินเลยแล้ว วิลล่าที่ผมจะนอนนั้นจะขนาดไหน คิดดูครับ !!
ทะเลในสวยขนาดนี้ผมเล่นน้ำก่อนเลยจนเวลาฟ้าเปลี่ยนสีเป็นแบบนี้ กำลังจะเข้าช่วงแสงทไวไลท์พระอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า แต่ละช่วงเวลาท้องฟ้าสีสวยมาก คือแค่มองฟ้าแต่ละช่วงเวลานี่ก็สุขใจสุดแล้วครับ
ผมชอบถ่ายภาพ ถ่ายทุกอย่าง ทั้งไอโฟน กล้อง SJ5000+ และกล้อง NikonD7000 ถ่ายเก็บความประทับใจหมด ในวิดีโอนี้ถ่ายบรรยากาศตอนเย็น ๆ หน้าบ้านพัก สวยไหมครับ ?
ถ้าดูภาพแผนที่ ฝั่งบ้านพักนี้จะไม่เห็นตะวันทิ้งตัว เพราะคนละฝั่ง ผมตั้งใจไปดูพระอาทิตย์ลาลับฟ้าอีกด้านในวันพรุ่งนี้ ฝั่งพระอาทิตย์ตกก็คือด้านที่เราขึ้นเรือมานั่นแหละครับ คือบรรยากาศมันได้มากช่วงแสงทไวไลท์ โรแมนติกมาก ๆ หลับตาแล้วจินตนาการไปกับผมว่าคุณกำลังมาเที่ยวกับคนที่คุณรักนะครับ
ที่นี่ยังมีบริการพาล่องเรือไปชมพระอาทิตย์ตกด้วยนะครับ แต่ผมขอซึมซับบรรยากาศแค่ที่เกาะก็ชื่นใจมากพอแล้ว
ถ้าใครเป็นคนชอบเมฆ ผมว่ามองแล้วจะรู้สึกฟินดีนะ เพราะเหมือนมันลอยต่ำ ๆ ยังไงไม่รู้ ยิ่งแสงตอนเย็นแบบนี้สวยจริง แต่ละช่วงเวลาของที่นี่มันเสน่ห์ดีจริง ๆ
นกตัวนี้มาดูแสงสุดท้ายของที่นี่ มันยืนนิ่งแล้วมองดูอาทิตย์ลับฟ้าด้วย อารมณ์และบรรยากาศนี่ใช่เลย โรแมนติกมาก เสียดายที่ว่าเมฆบังเลยผมเลยไม่ได้เห็นดวงตะวันที่กำลังจะทิ้งตัวหายไป
จากภาพข้างบนความสุขมากอีกอย่างของที่นี่ เห็นบริเวณที่นกตัวนั่นยืนไหมครับ ผมเห็น Baby Shark หลายตัวมาก มาให้พวกผมชื่นชมกับความยังเป็นธรรมชาติของที่นี่อยู่ ซึ่งทำให้เห็นว่าที่นี่มีความสมบูรณ์ของทะเลเป็นอย่างมาก
บรรยากาศยามเย็นบนสะพานที่นี่แหละ ที่ผมคิดว่าเป็นจุดชมอาทิตย์ตกที่โรแมนติกมาก
มาพูดถึงห้องพักของที่นี่เขามีอยู่ 5 แบบ ดังนี้
รายละเอียดและภาพวิดีโอห้องอยู่ในเว็บนี้เลยครับ http://meeru.com/rooms-garden-rooms
1. Garden Room บ้านพักอยู่ในสวน
2. Beach Villas บ้านพักมีชายหาด
3. Jacuzzi Beach Villas บ้านพักมีชายหาดและมีอ่างน้ำจากุซซี่
4. Water Villas บ้านมีชายหาดวิวทะเล
5. Jacuzzi Water Villas บ้านพักในน้ำมีอ่างจากุซซี่
6. Honeymoon Suits บ้านพักแบบฮันนีมูนสวีท มีอยู่แค่ 2 หลัง
เป็นบ้านพักที่สำหรับฮันนีมูนอย่างแท้จริง เพราะต้องเดินทางด้วยเรือไปพักนะ มีแค่ 2 หลัง
มาชมความงามของชายหาดกับวิลล่าสวย ๆ หาดทรายขาว ๆ ทะเลใส ๆ ท้องฟ้าสวยฟ้าจริง ๆ สีน้ำนี่น่าเล่นมาก ๆ
ผมพักที่นี่ครับ Jacuzzi Water Villas
ภาพภายในห้อง Jacuzzi Water Villas
เตียงนอน
ทางเข้าประตู
ห้องน้ำ
อ่างน้ำจากุซซี่
ที่อาบฝักบัว-อาบน้ำ
เตียงอาบแดดในห้อง
ภายนอกระเบียงบ้านพัก Jacuzzi Water Villas ลงไปเล่นน้ำได้ตลอด มันสุขตรงนี้ล่ะ
ภาพนี้เป็นบริเวณทะเลหน้าห้องพักครับ น้ำใสมาก แต่มีหินและเศษปะการังเยอะ ปลาก็เยอะอยู่ ถ้าสังเกตดี ๆ ในทะเลจะมีสีน้ำเงินเข้ม ๆ ตอนแรกผมเข้าใจว่าเป็นเงาเมฆแต่มันไม่ใช่ครับ บริเวณนั่นจะลึกลงไปและมีปะการังฝูงปลาเยอะมาก ๆ ตรงนั้นเลย
สีของน้ำคือบ่งบอกความลึกของน้ำ
กิจกรรมที่น่าสนใจอีกหนึ่งอย่างของที่นี่ คือ การพายเรือคายัค
กิจกรรมที่น่าสนใจอีกหนึ่งอย่างของที่นี่ คือ การพายเรือคายัค
ถ้าสังเกตดี ๆ ในภาพนี้จะมีฝูงปลาเยอะมาก ๆ ^^ ผมขอฟินกับหน้ากากดำน้ำตื้นสัมผัสกับความใสของน้ำทะเลก็สุขสุด ๆ
พาชมบรรยากาศรอบ ๆ รีสอร์ท ที่นี่ปลูกต้นมะพร้าวเยอะทีเดียว ทำให้เกาะมีความร่มรื่น บอกตามตรงแดดที่นี่แรงมาก แต่พอเข้าไปในร่มมีลมทะเลพัดเย็น ๆ
ผมได้เดินถ่ายภาพและสำรวจตามทางวิลล่าในน้ำ ผมเดินไปจนสุดทางไกลพอสมควร ยิ่งเดินไปไกลเท่าไรผมเห็นฝูงปลาเยอะขึ้นมากเท่านั้น
ที่เห็นดำ ๆ ในทะเลเป็นหินและมีซากปะการัง
สุดทางวิลล่ามาดูเป็นวิดีโอบ้างว่าสวยขนาดไหน
สุดทางวิลล่ามาดูเป็นวิดีโอบ้างว่าสวยขนาดไหน
มาที่นี่นอกจากจะได้สัมผัสกับทะเลใส ท้องฟ้าสีฟ้าคราม หาดทรายขาว ๆ ปะการังและสัตว์น้ำมากมาย ที่สุดของความฟินของทริปนี้ที่ผมไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าจะได้พบเจอ ก็คือ ผมเห็นดาวเยอะมาก เห็นเป็นทางช้างเผือกด้วยซ้ำ ถ่ายทอดออกมาเป็นภาพได้เท่านี้ นอนดูดาวนอกระเบียงบ้านพัก นอนนับดาวดูดาวกันโรแมนติกมากจนเคลิ้มหลับไปกับสายลมเย็นเบา ๆ
วิลล่าในน้ำนี้จะมีเปิดไฟใต้บ้านด้วยครับ ทำให้พวกปลามากันเต็มเลย ผมเห็นปลากระเบนตัวใหญ่มาก ๆ ตรงบันไดบ้านด้วย ตอนแรกที่เห็นนึกว่าเป็นหินเพราะมันสีดำ ๆ แต่เอ๊ะมันเคลื่อนไหวได้ตื่นเต้นกันใหญ่เลยทีนี้
ท้องฟ้ายามค่ำคืนของที่นี่สวยจริง ๆ ดาวเต็มท้องฟ้า มองเห็นทางช้างเผือกกันไหมครับ
วิลล่าที่ผมพักไฟด้านล่างไม่ได้เปิดเหมือนวิลล่าในภาพ ผมไม่แน่ใจว่ามันเสียหรือยังไง แต่มีช่วงหนึ่งเปิดไฟ เห็นปลาว่ายกันเต็มเลย แต่วินาทีขอนอนดูดาวสวย ๆ ก่อนครับ
สรุปทริปนี้เผื่อใครอยากไปเองโดยไม่ซื้อแพ็กเกจ
1. จองเครื่องบิน มีทั้งบินตรงหรือต่อเครื่อง (ถ้าไม่มีโปรโมชั่นบินตรงราคาแพงมาก) ผมไปด้วยสายการบินไทเกอร์แอร์ไป-กลับ ราคาประมาณ 14,000 บาท แต่ต้องพักที่สิงคโปร์ทั้งไปและกลับ การต่อเครื่องต้องดูเวลาเช็กอินให้ดี ๆ นะครับเพราะเป็นไฟลท์ที่เช้าต้องวางแผนการเดินทางนิดหนึ่ง ถ้าใครอยากนอนในสนามบินก็ได้นะครับ ส่วนผมขาไปจากไทยมาสิงคโปร์ผมออกไปเที่ยวสิงคโปร์ก่อนต่อเครื่องในตอนเช้าไปมัลดีฟส์ และนอนขากลับมากจากมัลดีฟส์มาสิงคโปร์ผมนอนในสนามบินที่สิงคโปร์
2. จองที่พัก ลองค้นหาจากพวก Agoda อ่านคอมเม้นท์ที่รีวิวจะช่วยในการตัดสินใจได้ด้วย ราคาที่พักจะแตกต่างกันไปแล้วแต่จะพักแบบไหน และในราคาที่พักถ้าเป็นอาหารสามมื้อที่รวมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือที่เรียกว่า all inclusive ราคาก็จะสูงกว่าแค่อาหารสามมื้อที่เรียกว่า Full board (ผมเลือก Full board มีสั่งน้ำและเครื่องดื่มอื่น ๆ เพิ่มพอรวมราคาไม่แพงกว่าแบบ all inclusive แต่ถ้าใครชอบดื่มแนะนำเลือกแบบ all inclusive) ผมจองแบบวิลล่าในน้ำมีอ่างจากุซซี่ ราคาเกือบสองหมื่นบาทต่อคืน
3. ที่พักส่วนใหญ่เป็นเกาะ แต่ละเกาะจะเป็นหนึ่งรีสอร์ท ถ้ารีสอร์ทไหนอยู่ใกล้กับสนามบินหน่อยก็ต้องนั่งเรือไปที่เกาะนั้น ถ้าไกลมากต้องนั่งเครื่องบินน้ำ (Seaplane) ไป ซึ่งการนั่งเรือหรือเครื่องบินน้ำต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ราคาเรือไป-กลับต่อคนที่ Meeru ราคา 150 USD ครับ
สุดท้ายนี้ก่อนจะจบรีวิวนี้ ขอบคุณทุกท่านที่มาเยี่ยมชมแม้จะริวิวช้าไปหน่อย ผมเชื่อแน่ว่ามัลดีฟส์เป็นหนึ่งในสถานที่ของคนที่รักทะเลอยากจะมาเยือนสักครั้งแน่ ๆ ถ้ามีโอกาสลองมาสัมผัสด้วยตา มาผ่อนคลายเติมเต็มให้ร่างกายของเราสดชื่น หวังว่าภาพของผมที่ถ่ายทอดมาให้ชมจะเป็นแรงบันดาลใจไม่มากก็น้อย ให้อยากมาเที่ยวที่มัลดีฟส์กัน ขอบคุณครับ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ Brianak สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม, IG amarikon และ Twitter @amarikon