เที่ยวต่างประเทศ แนะนำสถานที่ที่สร้างสีสันบนพื้นโลกให้งดงาม ทั้งจากการสร้างสรรค์จากธรรมชาติและมนุษย์ ไปดูกันสิว่าจะมีที่ไหนบ้าง
1. ทุ่งดอกลาเวนเดอร์ เมืองโพรวองซ์ (Provoence) ประเทศฝรั่งเศส
ยามเมื่อได้กลิ่นดอกลาเวนเดอร์ยังรู้สึกพิสมัย แล้วนี่ถ้าได้เห็นทุ่งสีม่วงกว้างใหญ่ไพศาล ที่มองเห็นได้ไกลจนสุดลูกหูลูกตาในเมืองโพรวองซ์ จะไม่ตกหลุมรักเลยเชียวหรือ แน่นอนเราคงแทบอยากจะทอดกายหงายหลังดังผึ่งลงไปนอนบนทุ่งดอกไม้ที่ว่านี้ ถ้าอย่างนั้นก็รีบหยอดกระปุกกันให้ไว เพราะฤดูกาลดอกลาเวนเดอร์ผลิบานใกล้เข้ามาถึงแล้ว โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนกรกฎาคม ของทุกปี

2. เกาะปรอซิดา (Procida) ประเทศอิตาลี
แม้จะเป็นเพียงเกาะเล็ก ๆ แต่ก็แต่งแต้มความสดใสให้โลกได้เช่นกัน สีสันมากมายคล้ายสีลูกกวาดที่ทาบทาบนอาคารบ้านเรือนบนเกาะซึ่งลดหลั่นกันลงมาจนจรดกับผืนทะเล โดยมีฉากหลังเป็นทะเลเมดิเตอร์เรเนียนสีฟ้าครามส่งให้หมู่บ้านนี้โดดเด่นยิ่งขึ้น ยิ่งถ้าได้ดื่มด่ำกับการนั่งชมพระอาทิตย์ค่อย ๆ หย่อนตัวลงสู่ทะเลในยามเย็นไปพร้อม ๆ กับการจิบไวน์รสเลิศของอิตาลี บอกเลยตรงนี้ว่าฟินมาก

3. แม่น้ำห้าสี คาโน คริสเทิล (Caño Cristales) ประเทศโคลอมเบีย
ใครหลายคนมักตั้งฉายาให้แม่น้ำสายนี้ว่าเป็นแม่น้ำสีรุ้ง เพราะสาหร่ายหลากสีที่โผล่พ้นน้ำใส ๆ ขึ้นมาสะท้อนกับแสงแดดจนเกิดเป็นสีต่าง ๆ ทั้งสีแดง สีเขียว สีน้ำเงิน สีดำ และสีเหลือง ทอดเป็นทางยาวตลอดแม่น้ำ ต้องขอบคุณเจ้าพืชพันธุ์พวกนี้จริง ๆ ที่ทำให้แม่น้ำสายนี้กลายเป็นแม่น้ำที่สวยจนติดอันดับต้น ๆ ของโลก เราจึงได้เห็นความงดงามแบบนี้ในทุก ๆ ปลายเดือนกรกฎาคมจนถึงเดือนธันวาคม ของทุกปี

คงไม่มีใครแอบเอานมผสมกับน้ำแดงเฮลซ์บลูบอยไปใส่ในทะเลสาบแห่งนี้ใช่ไหม เพราะสีของน้ำในทะเลสาบช่างละม้ายคล้ายกับสีของนมเย็นเหลือเกิน แต่ใช่ว่าน้ำในทะเลสาบแห่งนี้จะหวานข้นเหมือนดั่งนมเย็นนะจ๊ะ มันเค็มปี๊ดปี๋เลยล่ะ เพราะมีความเข้มข้นของเกลือสูงถึง 40 เปอร์เซ็นต์ จึงกลายเป็นแหล่งทำมาหากินที่หล่อเลี้ยงชีวิตของชาวบ้านในพื้นที่อีกด้วย ส่วนที่มีสีชมพูสดใสเช่นนี้ก็เกิดมาจากสาหร่ายที่มีชื่อว่า Dunaliella salina ที่อยู่ใต้ผืนน้ำนั่นเอง

5. ทุ่งดอกทิวลิป ประเทศเนเธอร์แลนด์
ใครที่หลงรักทุ่งดอกไม้อย่างทิวลิปคงต้องกดไลก์ให้กับสถานที่แห่งนี้แบบรัว ๆ ถือเป็นไฮไลต์อีกแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวที่ไปเยือนเนเธอร์แลนด์ต้องไปเช็กอิน ตลอดช่วงฤดูใบไม้ผลิดอกทิวลิปจะแย้มบานสะพรั่งแข่งกันชูช่อโบกสะบัดไปทั่วทั้งทุ่งที่มีการทำเพาะปลูก สร้างความรื่นรมย์ให้กับท้องถิ่นและผู้คนมากมายที่หลั่งไหลเข้ามาเยี่ยมชมเพราะหลงเสน่ห์ของดอกทิวลิปหลากหลายสีสัน ช่วงเข้าชมที่ดีที่สุดจะอยู่ช่วงประมาณกลางเดือนเมษายนจนถึงต้นเดือนพฤษภาคม ซึ่งทิวลิปจะบานเร็วบานช้าก็ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละปีด้วย

6. เกรท แบริเออร์ รีฟ (Great Barrier Reef) ประเทศออสเตรเลีย
อีกหนึ่งสถานที่ที่คงถูกใจคนรักโลกใต้ท้องทะเล ด้วยความงดงามจากแนวปะการังที่ยาวที่สุดในโลกกว่า 2,000 กิโลเมตร ที่พร้อมให้เราแหวกว่ายในสายน้ำชมความสวยงามของมันได้อย่างจุใจไม่รู้จักเบื่อ นอกจากจะมีปะการังหลากสีมากกว่า 350 ชนิดแล้ว ในบริเวณนี้ยังมีเหล่าฝูงปลาน่ารัก ๆ และสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ อีกกว่า 1,500 ชนิด โดยแนวปะการังที่ว่านี้อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศออสเตรเลีย สามารถมองเห็นได้จากอวกาศ น่าตื่นตาตื่นใจขนาดนี้ ต้องรีบไปเรียนดำน้ำซะแล้ว

7. ทุ่งดอกคาโนลา ประเทศจีน
ภาพของทุ่งดอกไม้สีเหลืองทองอันกว้างใหญ่ไพศาลราวกับมหาสมุทรแห่งดอกไม้ เป็นภาพที่ทำให้หัวใจของใครหลายคนพองโต อันเนื่องมาจากความสวยงามเหมือนกับว่าถูกสร้างสรรค์ขึ้นโดยปลายพู่กันของจิตรกรชาวจีน ซึ่งสวรรค์ของดอกไม้แห่งนี้ตั้งอยู่ที่เมืองโหลวผิง (Luoping) มณฑลยูนนาน จะเบ่งบานในช่วงเดือนกุมภาพันธุ์จนถึงเมษายน เป็นแหล่งผลิตน้ำมันพืชคุณภาพดี โดยปริมาณการผลิตน้ำมันจากดอกคาโรลานี้เป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากน้ำมันปาล์มและถั่วเหลือง

8. อุทยานแห่งชาติหุบเขาดอกไม้ (Valley of Flowers National Parks) ประเทศอินเดีย
ต้องบอกว่าใครที่เกิดมาแล้วหลงรักดอกไม้นี่ช่างโชคดีมาก ๆ เพราะบนโลกใบนี้มีแหล่งชมดอกไม้มากมายให้ได้เลือกชม ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ หุบเขาดอกไม้ ตั้งอยู่ทางตะวันตกของเทือกเขาหิมาลัย โดยจะต้องเดินเท้าเข้าไปเยี่ยมชมเท่านั้น การเดินทางอาจจะเป็นอุปสรรคไปสักนิดแต่ถ้าหากได้เห็นจุดหมายปลายทางแล้วรับรองว่าจะช่วยสลัดความเหนื่อยล้าให้หายไปแน่นอน เพราะภาพของดอกไม้หลากสีสันที่บานสะพรั่งอยู่บนเนินเขาสลับไปมากับสีเขียวของต้นไม้ในหุบเขา สวยจนอยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนั้นเลยทีเดียว

9. หุบเขาชิบะซากุระ (Shibazakura Hill) ประเทศญี่ปุ่น
ในฤดูใบไม้ผลิ คือช่วงที่ดอกพิงค์มอสจะเบ่งบานบนพื้นที่กว่า 17,600 ตารางเมตร ให้สีชมพูในเฉดต่าง ๆ ทั้งอ่อนเข้มสลับกันไปเป็นการสร้างความน่าสนใจให้กับทุ่งดอกไม้แห่งนี้ได้อย่างดีเยี่ยม ยิ่งไปกว่านั้นเบื้องหลังยังเป็นภูเขาไฟฟูจิอันโด่งดังของโลก เรียกได้ว่ามาทีเดียว เที่ยวให้คุ้ม การเดินทางก็แสนสะดวกสบายสามารถนั่งไฟจากโตเกียวมาลงที่เมืองชิชิบุ (Chichibu) ได้เลย

ทะเลสาบที่ได้รับการตั้งชื่อว่าเป็นทะเลสาบสีเลือด เพราะน้ำในทะเลสาบมีสีแดง อันเนื่องมาจากแบคทีเรียในน้ำที่มีความเค็มในระดับสูง และด้วยความที่น้ำมีความเป็นด่างสูงจึงมีเพียงปลาบางชนิดเท่านั้นที่สามารถอาศัยอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้ได้ อีกทั้งน้ำในทะเลสาบยังร้อนถึง 40 องศาเซลเซียส จึงทำได้เพียงชื่นชมความงดงามของทะเลสาบแห่งนี้อยู่บนชายฝั่งเท่านั้น แต่ถึงแม้จะทำได้แค่นั้น ก็ขอให้ได้ไปเยือนสักครั้งในชีวิตเถอะนะ

และนี่คือ 10 สถานที่ที่ทั้งสวยและสดใสขนาดนี้ คงทำให้หลาย ๆ คนกระปรี้กระเปร่าที่อยากจะทำงานเก็บเงินเพื่อไปเติมสีสันให้ตัวเองกันไม่มากก็น้อย...ใช่ไหมล่ะ
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก
huffpost.com และ purewow.com