
เที่ยวบ้านบางพลับ สมุทรสงคราม สัมผัสวิถีชุมชนต้นแบบ
ถ้าเอ่ยถึงสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดสมุทรสงครามก็คงจะนับกันไม่หวาดไม่ไหว ไม่ว่าจะเป็นที่เที่ยวด้านประวัติศาสตร์, ธรรมชาติ หรือวิถีชุมชนที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ แต่วันนี้กระปุกดอทคอมขอพาเพื่อน ๆ ไปรู้จักกับอีกหนึ่งสถานที่น่าสนใจในจังหวัดสมุทรสงคราม นั่นก็คือ ชุมชนบ้านบางพลับ อำเภอบางคนที ซึ่งเต็มไปด้วยเรือกสวนที่ให้ความร่มรื่น อีกทั้งยังเป็นชุมชนต้นแบบด้านเกษตรกรรม ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เรายังพาลัดเลาะตามไปเที่ยวสถานที่ใกล้เคียงอื่น ๆ อีกด้วย
เริ่มกันที่อาสนวิหารพระแม่บังเกิด โบสถ์คาทอลิคซึ่งเป็นสถานที่สักการะอันศักดิ์สิทธิ์ของคริสตชนที่อาศัยอยู่โดยรอบ
โบสถ์ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2433 (ค.ศ. 1890) โดยบาทหลวงเปาโลซัลมอน มิชชันนารีชาวฝรั่งเศสและชาวคณะ โดยใช้เวลาสร้างถึง 6 ปีจึงเสร็จสมบูรณ์ และมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2439 (ค.ศ. 1896)
ด้านสถาปัตยกรรมนั้นเป็นแบบโกธิคของประเทศฝรั่งเศส ฉาบด้วยปูนตำ
ออกจากอาสนวิหารพระแม่บังเกิดก็ได้เวลาเข้าสู่ที่หมาย นั่นคือ ชุมชนบ้านบางพลับ ซึ่งเต็มไปด้วยความร่มรื่นของสวนมะพร้าว ส้มโอ ลิ้นจี่ และผลไม้อื่น ๆ โดยทริปนี้เราได้ปั่นจักรยานเรียนรู้ความเป็นมาและวิถีชีวิตของผู้คนในชุมชนด้วย แต่ก่อนจะออกสตาร์ทนั้น ผู้นำชุมชนนำโดย อาจารย์สมทรง แสงตะวัน ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับการทำปุ๋ยชีวภาพและการทำน้ำตาลปึกแก่เราด้วยค่ะ
เริ่มตั้งแต่การเคี่ยวน้ำตาลจากมะพร้าวจนเหนียวหนึบหนับบนเตาปูนขนาดใหญ่
เคล็ดลับที่จะให้น้ำตาลออกมาสีสวยเสมอกัน คือ การใช้ไฟในระดับพอดี ที่สำคัญไฟต้องมีความร้อนแบบคงที่ ไม่ขึ้น ๆ ลง ๆ
จากนั้นยกลงมาแล้วใช้ที่กวนน้ำตาลกวนไป-มา
พอน้ำตาลเริ่มแข็งตัวก็ตักใส่ภาชนะเพื่อเตรียมหยอด
เคล็ดลับน้ำตาลปึกของที่นี่อยู่ที่การใช้น้ำตาลมะพร้าวสด ๆ ที่เก็บตั้งแต่ตอนเช้าและตอนบ่ายเพื่อมาเคี่ยว ที่สำคัญไม่ใช่สารกันบูดด้วย
หลังจากชมสาธิตการทำน้ำตาลมะพร้าวเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาไปยึดเส้นยืดสายด้วยการปั่นจักรยานไปตามเส้นทางสีเขียว แถมยังได้เรียนรู้วิถีชุมชนตามจุดต่าง ๆ เริ่มกันที่สวนมะพร้าว ที่อาจารย์สมทรงโชว์ปาดช่อดอกมะพร้าวเพื่อเก็บน้ำตาลให้เห็นกันสด ๆ
ส่วนอันนี้เป็นอุปกรณ์สำหรับเก็บน้ำตาล แขวนไว้กับตัว พอปาดดอกมะพร้าวแล้วจะมีน้ำตาลไหลลงมา ก็นำภาชนะดังกล่าวไปรองน้ำตาล
จากนั้นก็ปั่นยานชมสวนผลไม้สองข้างทางแล้วแวะมาที่กลุ่มสตรีเกษตรพัฒนา เพื่อดูการทำผลไม้แช่อิ่มและการแปรรูปผักและผลไม้ ซึ่งมีทั้งเปลือกส้มโอ, มะละกอ, บอระเพ็ด และมะกรูด ฯลฯ มาแช่อิ่มให้มีรสชาติหวานและรับประทานง่าย ที่สำคัญยังเก็บได้นานด้วย เรียกว่าต่อให้มีผลผลิตล้นตลาดแค่ไหนแต่กลุ่มแม่บ้านที่นี่ก็รับมือได้สบาย ๆ เลย
สาธิตการทำขนมสัมปันนีโบราณ
ผลไม้แช่อิ่มก็มีเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีสินค้าแปรรูปต่าง ๆ เช่น ไข่เค็มพอกดิน, เปลือกส้มโอแช่อิ่ม, ชา ฯลฯ
ใครที่มีเวลาเหลือก็อย่าลืมกิจกรรมไหว้พระไม่ว่าจะเป็นทางบกหรือทางน้ำ ซึ่งแต่ละวัดนั้นมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป อย่างเช่น วัดบางกุ้ง ซึ่งมีโบสถ์เก่าแก่และเป็นที่ประดิษฐานพระประธาน พระพุทธรูปปั้นขนาดใหญ่ที่ชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อโบสถ์น้อย และมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัยปลายกรุงศรีอยุธยาแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ เป็นภาพพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมและภาพพระพุทธเจ้าประทับนั่งอยู่ในซุ้มขนาบข้างด้วยอัครสาวกนั่งพนมมือ โดยสามารถสอบถามรายละเอียดของวัดบางกุ้งและการเดินทางได้ที่ โทรศัพท์ 034-760630, 089-2009684 หรือ ททท.
นอกจากนี้ยังมีวัดบางแคน้อยที่เราได้เก็บภาพสวย ๆ มาฝากกัน โดยภายในโบสถ์ของวัดบางแคน้อยนั้นวิจิตรงดงามไปด้วยไม้แกะสลัก ซึ่งเป็นเรื่องราวความเป็นมาของพระพุทธเจ้า อีกทั้งพื้นภายในโบถส์ยังทำจากไม้กระดานเพียง 7 แผ่นเท่านั้น ใครที่สนใจก็สามารถสอบถามได้ที่ ททท. สำนักงานสมุุทรสงคราม โทรศัพท์ 034752847-8
และหากว่าใครที่นอนพักค้างคืนก็อย่าลืมล่องเรือชมความงดงามของหิ่งห้อยที่สาดแสงกระพริบใส่ต้นลำภูอย่างสวยงาม อีกทั้งในยามเช้าก็สามารถมาตักบาตรทางน้ำได้ที่ทางเดินริมตลาดน้ำอัมพวา โดยจะมีพระสงฆ์พายเรือมาบิณฑบาตรในยามเช้าตรู่ด้วยค่ะ
ส่วนตอนสาย ๆ เราได้แวะมาที่ตลาดน้ำท่าคา ซึ่งเป็นตลาดนัดทางน้ำที่ยังคงความเป็นธรรมชาติของวิถีชีวิตชาวบ้านซึ่งมีอาชีพทำสวนปลูกพืชชนิดต่าง ๆ ชาวบ้านจะพายเรือนำผลผลิต พืชผักและผลไม้จากสวน เช่น พริก หอม กระเทียม น้ำตาลมะพร้าว ฝรั่ง มะพร้าว ชมพู่ ส้มโอมาขาย-แลกเปลี่ยนกัน อีกทั้งยังมีของกินรสเด็ดให้ลองลิ้มลองเพียบ ทั้งก๋วยเตี๋ยว, ขนมเบื้องญวณ, ข้าวเกรียบปากหม้อ ฯลฯ ที่นำมาทำกันสด ๆ ร้อน ๆ บนเรือ
ใครที่ชอบกิน เที่ยว ช้อป ก็แวะเวียนมาได้เลย โดยตลาดน้ำท่าคาจะมีเฉพาะวันข้างขึ้นและข้างแรม 2 ค่ำ, 7 ค่ำ, 12 ค่ำ และวันเสาร์-อาทิตย์ เท่านั้นนะคะ เนื่องจากวันดังกล่าวน้ำในลำคลองจะขึ้นสูงทำให้เรือสามารถสัญจรไป-มาได้อย่างสะดวก ส่วนในวันเสาร์และอาทิตย์ก็จะมีร้านขายของที่ระลึกริมฝั่งด้วยค่ะ
แต่ที่พลาดไม่ได้เลย คือ บ้านหมื่นปฏิคมคุณวัติ หรือบ้านกำนันจัน บ้านทรงไทยเก่าแก่ซึ่งมีอายุและประวัติความเป็นมาน่าสนใจตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ที่พระองค์สั่งเลิกทาสและได้ออกตรวจตราว่าบ้านขุนนางคนไหนปฏิบัติตามหรือไม่นั้น และทรงเห็นว่าบ้านกำนันจันได้ปฏิบัติตามคำสั่งซึ่งถือว่าเป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์ พระองค์จึงแต่งตั้งให้เป็นหมื่นปฏิคมคุณวัติ โดยภายในยังมีสิ่งของเก่าแก่ให้ได้ชมกัน เช่น เสาไม้และโซ่สำหรับล่ามนักโทษที่กระทำผิด, เครื่องบดยา และกระดานอยู่ไฟสำหรับหญิงเพิ่งคลอดลูกในสมัยก่อน เป็นต้น
ใครที่สนใจอยากมาสัมผัสและเรียนรู้วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนต้นแบบก็สามารถเดินทางมาได้ที่ชุมชนบ้านบางพลับ อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานสมุทรสงคราม หรือโทรศัพท์ 034752847-8
ขอขอบคุณข้อมูลจาก



