
นั่งรถไฟชิล ๆ ไปเชียงคาน สัมผัสความสงบและเรียบง่าย
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณสมาชิกหมายเลข 1455381 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก Peach Surrealism
บางครั้งการได้ออกไปเที่ยวคนเดียวโดยไม่มีจุดหมายปลายทาง ก็ถือเป็นอีกหนึ่งสีสันที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะเราไม่รู้ว่าจะต้องพบเจอกับอะไรบ้าง สถานที่ท่องเที่ยวที่จะไปเป็นอย่างไร ที่พักดีไหม จะมีเพื่อนร่วมทางหรือเปล่า ??? ซึ่งคำถามทั้งหมดจะไม่มีคำตอบหากคุณไม่เริ่มออกเดินทาง เหมือนกับบันทึกการเดินทางของ คุณสมาชิกหมายเลข 1455381 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ตัดสินใจไปเที่ยว "เชียงคาน" จังหวัดเลย แบบปัจจุบันทันด่วน แต่กลับพบเจอความประทับใจไม่รู้ลืม พร้อมนำเอาความทรงจำดี ๆ มาถ่ายทอดผ่านบันทึกการเดินทางสนุก ๆ ให้เราได้ชมกัน รับรองว่าอ่านจบเพื่อน ๆ ต้องอยากเที่ยวตามรอยออกสัมผัสเชียงคานแน่นอนค่ะ ^^
ป.ล. เนื่องจากผมเพิ่งสมัครสมาชิกเป็นตัวเป็นตนได้ไม่กี่วัน (ก่อนหน้านี้เข้ามาส่องอย่างเดียว) กระทู้นี้จึงเป็นกระทู้แรกของผม ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยนะครับ
จุดเริ่มต้นของทริปนี้มาจาก...ผมอกหักครับ 5555 เลยกะว่าจะไประเบิดความเหงาที่ไหนสักที่หนึ่ง (ไหน ๆ ก็เหงาแล้วต้องเอาให้สุด) ผมเป็นคนชอบนั่งรถไฟ เผอิญมีเส้นหนึ่งที่ผมยังไม่เคยไป นั่นก็คือสายอีสาน เท่านั้นแหละครับ เช็กตารางรถไฟ เก็บของไปหัวลำโพงเลย (ทั้งหมดใช้เวลาประมาน 3 ชั่วโมงเศษ) ตอนแรกก็ยังไม่รู้นะว่าจะไปกี่วัน และก็ไปลงที่ไหนดี เปิดกูเกิลดูก็เจอเชียงคานนี่แหละ ช่วงหน้าฝนน่าจะสงบ เหงา ๆ ดี ก็จัดเลย คลำ ๆ ทางไปกว่าจะถึง 5555 สำหรับผมแค่นี้ถือว่ายังไม่ลำบากเท่าไร (สงสัยชิน) เอาล่ะ ไม่รู้พร่ำทำเพลงไปเที่ยวเชียงคานกันดีกว่า
ป.ล. ถ้าใครอยากไปแบบสบาย ๆ เขามีรถทัวร์ไปส่งถึงที่เลยนะเออ ขึ้นรถที่หมอชิต
_2.jpg)
ชื่อทริปหนีรักไปพักใจครับ (ชื่อโคตรเสี่ยว) 5555 ตอนนี้ยังคิดอะไรไม่ออก รู้แค่ว่ารถไฟสายนี้ยังไม่เคยไป ก็เออขึ้นคันนี้แหละ !!!
หากใครมีข้อสงสัยหรือจะแวะมาพูดคุยกันก็ยินดีนะครับ : ) เฟซบุ๊ก Peach Surrealism
_3.jpg)
กว่าจะเช้าก็ถึงขอนแก่นพอดีครับ อากาศดีมาก อุณหภูมิน่าจะประมาณ 20 องศากว่า ๆ
_3.jpg)
ผมตัดสินใจลงที่สถานีอุดรฯ ครับ หลังจากถามอากู๋กูเกิลแล้วพบว่าเชียงคานช่วงหน้าฝนแบบนี้น่าจะเหงาที่สุดแล้ว
_3.jpg)
บรรยากาศหน้าสถานีคึกคักพอสมควรครับ คนลงกันเยอะอยู่ แถมมีสามล้อมาคอยบริการถึงที่ซะด้วย
_4.jpg)
หลังจากสอบถามเจ้าหน้าที่ที่สถานี ได้ความว่าขนส่งอยู่ใกล้ ๆ นี่เอง ผมเลยเดินไปครับ แต่ที่ไหนได้...มาผิดที่ !!! ที่นี่ไม่มีรถไปเลย ต้องเหมาสามล้อไปส่งที่ขนส่งอุดรฯ 2
_3.jpg)
ถึงขนส่งอุดรฯ 2 ปุ๊บพี่เขาก็รีบเข้าไปสอบถามข้อมูลให้เลยครับ แล้วก็เดินไปส่งถึงประตูรถทัวร์ !!! เจอแบบนี้แล้วโคตรรู้สึกดีเลยครับ คนอุดรฯ น่ารักจริง ๆ
ป.ล. ค่าสามล้อจากขนส่งอุดรฯ 1 มาถึงนี่ 100 บาท แต่ขอต่อพี่เขาเหลือ 70 บาท พอจะจ่ายตังค์พี่เขาบอกเอาแค่ 60 บาทพอ งงเลยครับ นี่ขนาดพี่เขาโดนหักหัวคิวไปด้วย 10 บาท นะเนี่ย ซูฮกเลย
_4.jpg)
บนรถทัวร์อุดรธานี-เลย ค่ารถ 100 บาทครับ คนไม่ค่อยเยอะเท่าไร ระหว่างทางมีซาลาเปาขึ้นมาขายด้วย
_3.jpg)
ระหว่างทางรถจะแวะจอดที่ขนส่งจังหวัดหนองบัวลำภู ประมาณ 30 นาทีครับ
ป.ล. ไม่มีอะไรมาก แค่ตกใจค่าครองชีพเล็กน้อย
_3.jpg)
ถึงเมืองเลยแล้วครับ นั่งมา 3 ชั่วโมงครึ่ง (ก็พี่แกเล่นแวะเติมแก๊สซะงั้น) ที่นี่มีรถทัวร์ไปถึงเชียงคานเลย แต่...เราไม่เอา เราอยากนั่ง 2 แถว ฮ่า ๆๆๆ
_4.jpg)
ถามพี่วินแถวนั้นเขาบอกว่ารถ 2 แถวต้องไปขึ้นหน้าโรงพยาบาลเลย เห็นบอกว่าอยู่ไม่ไกลเดี๋ยวพี่ไปส่ง (อยู่ไม่ไกลแล้วพี่จะไปส่งทำไมว้า) ก็เลยเดินไป เลาะถนนไปเรื่อย ๆ ประมาณ 2 กิโลเมตรได้กว่าจะถึง (รู้ซึ้งเลย ไม่ไกลของพี่เขา ถึงว่าทำไมจะไปส่ง)
_3.jpg)
ต่อสุดท้ายแล้วครับ อีก 47 กิโลเมตร ก็จะถึงเชียงคานแล้ว ตื่นเต้น ๆๆๆๆๆๆๆๆ
_3.jpg)
นั่งมาชั่วโมงกว่า ๆ ก็ถึงแล้วครับ...อำเภอเชียงคาน ก่อนจะถึงมีฝนเทลงมาเหมือนกัน โชคดีที่มันพัดผ่านไปซะก่อนไม่อย่างนั้นเละ หึหึ ไม่อยากจะคิดถึงสภาพ
_3.jpg)
เนื่องจากแท็บเล็ตแบตฯ หมด เลยเปิดแมพดูไม่ได้ ผมก็รอจนสุดสายป้ายสุดท้ายถึงจะลง จ่ายค่ารถไป 35 บาท ก่อนจะถามพี่เขาว่า...ถนนคนเดินไปทางไหนครับ ? คำตอบที่ได้มาก็คือ..."อ้าว มันเลยมาแล้ว ขึ้นมา ๆ เดี๋ยวพี่พาไปส่ง" ฮ่า ๆๆ หลงจนวินาทีสุดท้ายจริง ๆ
_3.jpg)
ในที่สุดก็มาถึงสักที ถนนคนเดินเชียงคาน !!! แต่...ขอแวะร้านนี้ก่อนครับ หิวไม่ไหวล่ะ
_3.jpg)
เส้นหมี่ไก่ตุ๋น !!! ไม่รู้ว่าเพราะหิวหรือเปล่านะ รู้แค่ว่าอร่อยมากกกกกกกกกกกก
ป.ล. พิเศษ 40 บาท
_3.jpg)
เมื่อท้องอิ่มก็ได้เวลาเดินหาที่พัก ถนนคนเดินเชียงคานจะมีอยู่ประมาณ 20 ซอย เต็มไปด้วยพี่พักตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลายพัน บ้างเป็นโฮสเทล บ้างเป็นโรงแรม ชอบแบบไหนเลือกเอาได้เลยครับ
_3.jpg)
หลังจากเดินเลือกอยู่ 2-3 รอบ ก็มาตกลงปลงใจเพราะมุมนี้
_3.jpg)
นั่งพักกินลม ชมวิวชิล ๆ ริมฝั่งโขงซะหน่อย
_3.jpg)
ย้อนกลับมาที่ที่พัก อันนี้คือทางเดินไประเบียงครับ
_3.jpg)
ห้องนอนไซส์มินิสไตล์โฮสเทล
_3.jpg)
และนี่คือหน้าตาของที่พักคืนนี้ครับ ป้าแกชื่อ ป้าเป๊ะ ใจดีมาก ๆ มีการเรียกเข้าไปนั่งคุยเล่นกันก่อนพาดูห้องด้วยนะ ผมมาคนเดียวเลยขอป้าแกลดราคาค่าห้อง ตกลงว่าจะอยู่ 2 คืน ป้าแกก็โอเค
ป.ล. 2 คืน 700 บาท
_3.jpg)
มืดแล้ว ไปเดินเล่นกัน...บรรยากาศเชียงคานช่วงหน้าฝนนี่หว่าเว้ได้ใจอยู่เหมือนกันนะ
_4.jpg)
ถึงคนจะน้อยแต่ก็ยังคงเสน่ห์เชียงคานอยู่
_3.jpg)
อารมณ์แบบนี้น้อยคนนักที่จะได้สัมผัส
_3.jpg)
ในเมืองเก่ามีความไฮเทคซ่อนอยู่
_3.jpg)
เงียบสงบมากถึงมากที่สุด ใครกลัวว่าจะเหงาไปแนะนำให้มาช่วงวันหยุดครับ
_3.jpg)
เมื่อวานได้นัดกับป้าเป๊ะไว้แล้วครับว่าวันนี้จะตักบาตร เวลานัดคือ 6 โมงเช้า มีลุงชาวญี่ปุ่นมาร่วมแจมด้วย
_3.jpg)
ที่นี่ใช้ข้าวเหนียวแทนข้าวสวยครับ เนื่องจากเคยตักบาตรข้าวเหนียวเป็นครั้งแรก ใส่ไปจนหมดถึงมารู้ทีหลังว่า...เขาให้หยิบใส่บาตรเลย ไม่ต้องปั้น ฮ่า ๆๆ
_3.jpg)
วิถีชีวิตยามเช้าที่เชียงคาน
_3.jpg)
ริมน้ำก็อีกแบบหนึ่ง
_3.jpg)
ที่บ้านมีจักรยานให้ปั่นฟรีครับ ก็เลยยืมออกมาแว้นซะหน่อย
_3.jpg)
ปั่นเลาะริมแม่น้ำโขงไปเรื่อย ๆ
_2.jpg)
เส้นทางริมน้ำ
_3.jpg)
จริง ๆ แล้วตั้งใจจะมาเจอฝนครับ แต่มันดันไม่ตกซะงั้น แดดก็ไม่มี เลยปั่นสนุกเลยทีนี้ ไม่ร้อนด้วย
_3.jpg)
แวะกินอาหารเช้าก่อนกลับ ชื่อเมนู "ข้าวเปียกเส้น" เห็นชื่อแปลกดีเลยลองสั่งดู ถึงบางอ้อเลย กวยจั๊บญวนนี่เอง
_2.jpg)
กลับมานั่งพักเหนื่อยที่บ้าน เห็นบรรยากาศแบบนี้ 9 โมงเช้าแล้วนะครับ
_2.jpg)
ออกมาเดินเล่นต่อ บ้านบางหลังก็เปิดร้านกันแต่เช้าเลย แถมมีพนักงานต้อนรับด้วย
_2.jpg)
ถนนคนเดินตอนเช้า
_2.jpg)
ที่นี่ทุกคนดำเนินชีวิตไปแบบช้า ๆ ครับ
_2.jpg)
ลองแวะมาเดินริมโขงบ้าง
_2.jpg)
ชาวบ้านริมน้ำใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายมากครับ บ้างก็เลี้ยงไก่
_1.jpg)
บ้างก็ทำสวน
_1.jpg)
บ้างก็เก็บผัก
_1.jpg)
บ้างออกเรือไปจับปลา
_1.jpg)
อยู่กันอย่างเรียบง่าย ริมสายธาร
_1.jpg)
เกือบลืมบอกไป พอย่างก้าวเข้าวันที่ 2 ผมก็ได้เพื่อนใหม่ครับ พี่เขาชื่อ บอส ด้วยสาเหตุที่ชอบเดินทางคนเดียวเหมือนกัน เราเลยคุยกันถูกคอ นี่ก็เลยชวนกันปั่นจักรยานไปหาของกินที่ตลาด
ป.ล. ทุกการเดินทาง ผมจะได้เพื่อนใหม่เสมอ : )
_1.jpg)
พอถึงตลาดปุ๊บก็จัดไป 2 ไม้ฮะ ไส้กรอกกับไส้แฮม
_1.jpg)
กินเสร็จก็กลับมาเดินเล่นดูพระอาทิตย์ตก สวยงามใช่ย่อยเลยทีเดียว
_1.jpg)
บางคู่มานั่งกินบรรยากาศ
_1.jpg)
บางคู่ก็ถือโอกาสมานั่งปิกนิกกันซะเลย
_1.jpg)
กลับมานั่งพักหน้าบ้าน สักพักเจ้าสามสีก็ออกมานั่งเป็นเพื่อน
_1.jpg)
พอเริ่มมืดบรรยากาศก็เริ่มคึกคัก
_1.jpg)
ทุกคนกำลังเตรียมตัวออกไปเดินเล่นกัน
_2.jpg)
คืนนี้เป็นวันศุกร์ครับ ร้านรวงเลยเปิดเยอะกว่าเมื่อวาน
_1.jpg)
เดินไปเดินมาเริ่มหิวน้ำ หันขวาไปก็เจอนี่เลย...โค้กวุ้น
_1.jpg)
มาถึงคิวของกินกันบ้าง ต้องนี่เลยครับ สะดุดตา สะดุดใจสุด ๆ หวาน มัน อร่อยสวด ๆ ผมขอคอนเฟิร์ม !!!
ป.ล. หลังจากสอบถามแม่ค้าว่ามันเรียกว่าอะไร เขาก็ตอบกลับมาอย่างเรียบง่ายว่า... กุ้งเสียบ จบ
_1.jpg)
มากินของหวานกันมั่งดีกว่า เห็นกลม ๆ แบบนี้รู้ไหมว่าคืออะไร ?
_1.jpg)
มันคือปาท่องโก๋ยัดไส้หมูสับครับ ใครไปเชียงคานก็ลองแวะชิมกันได้ ชื่อร้านลุงมุข
_1.jpg)
กำลังเดินหาซื้อน้ำกินก็ต้องสะดุดเข้ากับร้านนี้
_1.jpg)
เจ้าของร้านครับ ฮ่า ๆ (ล้อเล่น ๆ) ตกแต่งร้านซะแบบนี้คงไม่แปลกถ้าจะเป็นร้านยอดฮิตของเด็ก ๆ
_1.jpg)
และรวมถึงผมด้วย 5555 ชาเขียวนมสดที่หนึ่งครับ
_1.jpg)
คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายแล้วครับ ขอแวะดูของฝากซะหน่อย
_1.jpg)
ที่บอกว่าของฝากน่ะ ฝากตัวเองทั้งนั้นครับ 5555 ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบเขียนโปสการ์ดหาตัวเองเวลาไปเที่ยว (เหมือนเป็นเครื่องบันทึกความทรงจำอะไรประมาณนั้น) ส่วนสมุดโน้ตนี่ก็เหมือนกัน ถ้าเจออันไหนสวย ๆ เก็บหมด .
_1.jpg)
ด้วยความที่กดชัตเตอร์มันมือไปหน่อย บวกกับความสะเพร่าของผมที่ลืมเอาที่ชาร์ตแบตกล้องมา ต่อไปนี้จึงต้องพึ่งกล้องฟิล์มและไอโฟน4 ที่มี T^T
_1.jpg)
เมื่อวานตอนได้นั่งคุยกันพี่บอสถามว่าขึ้นไปภูทอกมายัง ไอ้เราก็บอกว่ายังไม่ได้ขึ้นเลย พี่เขาบอกว่า "เนี่ยเมื่อเช้าไปมาแล้ว สวยดี ถ้าพรุ่งนี้อากาศดีจะขึ้นไปอีก" เราก็โอเคขอตามไปด้วย ส่วนเรื่องรถป้าเป๊ะติดต่อลุงสามล้อมารับให้เสร็จสรรพ ตีห้าครึ่งล้อหมุน
_1.jpg)
สามล้อจะมาส่งได้แค่ตรงทางขึ้นครับ จากนั้นต้องซื้อตั๋ว 25 บาท แล้วจะมีรถ 2 แถวพาขึ้นไป
_1.jpg)
ทริปนี้อาศัยการเล่าเรื่องด้วยภาพครับ สิ่งที่ต้องทำอย่างแรกที่ขึ้นมาถึงก็คือถ่ายรูป เมื่อควักกล้องออกมา เปิดวัดแสง เปิดฝาเลนส์... เอ๊ย !!! ถึงกับต้องอุทานด้วยความตกใจอย่างสุดขีด (เว่อร์) แต่เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ครับ (เอ้า !) เห็นเส้น ๆ นั่นไม่ใช่กิ่งไม้ใบหญ้านะครับ แต่มันคือรอยร้าวที่กรีดลึกลงไปที่ขั้วหัวใจ (เว่อร์อีกละ) จริง ๆ มันคือรอยร้าวของฟิลเตอร์ครอบเลนส์ คาดว่าน่าจะเกิดจากตอนที่จักรยานล้ม (จอดไว้ดี ๆ หันไปถ่ายรูปแป๊บเดียว...โครม !!!)
_1.jpg)
โชคดีที่วันนี้อากาศดีเลยได้เห็นทะเลหมอกนิดหน่อย (จริง ๆ เรียกว่าสายหมอกน่าจะถูกกว่า) มองจากตรงนี้ เห็นเชียงคานทั้งเมืองเลย อยู่ริมน้ำโขงลิบ ๆ โน้นแหนะ
_1.jpg)
มองไปอีกฝั่งก็จะเห็นแก่งคุดคู้
_1.jpg)
นอกจากจะมาส่งขึ้นเขาแล้ว ลุงแกยังรอรับเรากลับด้วยครับ ค่าโดยสาร (เหมา) คนล่ะ 100 บาท
_1.jpg)
พอถึงบ้านพักก็เดินไปหยิบโอวัลตินกับขนมมานั่งกินทันที (ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่เลย)
_1.jpg)
เกือบลืมบอกไปที่นี่มีอุโมงค์ต้นไม้ด้วยนะครับ อยู่แถว ๆ โรงเรียน
_1.jpg)
เหมือนจะไปในช่วงที่โรงเรียนเขามีงานอะไรสักอย่าง เด็กเลยออกมาเดินเล่นเพ่นพ่านได้เต็มไปหมด
_1.jpg)
ถัดออกไปอีกหน่อยชาวบ้านก็กำลังวุ่นกับการทำเรือไฟเช่นกัน
_1.jpg)
ที่เชียงคานบ้านแทบทุกหลังจะเลี้ยงหมาหรือไม่ก็แมว จะสงสารก็แต่ไอ้เจ้าตัวนี้ เห็นโดนผูกอยู่หน้าบ้านประจำเลย
_1.jpg)
คนที่นี่เท่าที่เห็นจะอยู่ติดบ้านครับ วันไหนว่าง ๆ ก็จะหาอะไรทำที่บ้าน กวาดบ้าน ดูทีวี เล่นกับลูก ก็ว่ากันไป
_1.jpg)
เห็นฟ้าครึ้ม ๆ ท่าจะไม่ดี เลยรีบปั่นจักรยานไปซื้อตั๋วก่อนที่ตลาด ค่าตั๋วกลับกรุงเทพฯ เบ็ดเสร็จ 485 บาท
ป.ล. ก่อนหน้านี้ป้าเป๊ะพามาซื้อแล้ว แต่ผมรั้นจะกลับรถไฟ ฮ่า ๆ
_1.jpg)
ซื้อเสร็จปุ๊บฝนตกปั๊บ เห็นเหรียญ ๆ นั่นคือตังค์ทอน
ป.ล. ใจจริงอยากจะนั่งรถเลาะริมโขงกลับไปขึ้นรถไฟที่หนองคาย แต่...สายแล้วไปไม่ทัน จบ
_1.jpg)
หลังฝนหยุดท้องก็เริ่มร้อง ออกมาหาอะไรกินกันดีกว่า
_1.jpg)
เห็นโชว์เครื่องฉายหนังแบบนี้ แน่นอนครับที่นี่คือโรงหนังเก่าของเชียงคาน จากประวัติเห็นว่าสมัยก่อนโด่งดังมาก ถึงขั้นว่าคนลาวต้องดั้นด้นนั่งเรือข้ามแม่น้ำโขงมาดูเลยทีเดียว แต่ปัจจุบันแปลเปลี่ยนเป็นอะไร ให้ลองทายดูกันเล่น ๆ ครับ
_1.jpg)
ใช่แล้วครับ นี่คือร้านอาหารจานด่วนขึ้นชื่อของเชียงคาน ไฮไลท์ได้แก่เมนูไข่กระทะ+อะไรก็ว่าไป (ในรูปนี้คือเบคอน) ส่วนแก้วข้าง ๆ นั่นก็คือน้ำสตรอว์เบอร์รีปั่นที่ใส่โซดากับมะนาวลงไปด้วย (ตกลงมันคือน้ำสตรอว์เบอร์รีใช่มะ ?)
_1.jpg)
พอหนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อน เลยกะจะกลับมานอนที่ห้อง มาถึงบ้านปุ๊บป้าเป๊ะชวนคุย แถมดูละครต่ออีก ยาวเลยทีนี้
_1.jpg)
ผมต้องกลับแล้ว แต่พี่บอสยังอยู่ต่อ เลยยืมขับมอเตอร์ไซค์ป้าเป๊ะไปส่งที่ท่ารถ โดยมีข้อแม้ว่าฝากเติมน้ำมันให้ด้วย
_1.jpg)
ขอปิดท้ายด้วยรูปนี้ล่ะกัน
เคยเจอไหม ?
สรุปค่าใช้จ่าย (แค่ค่าเดินทาง+ที่พักเด้อ) ค่าจิปาถะอื่น ๆ คงแล้วแต่บุคคล
สรุปค่าจ้างความเหงา 1,725 บาท
ป.ล. เจอกันใหม่ทริปหน้าครับ ^__^ ขอบคุณทุกกำลังใจมาก ๆ เลยครับ ผมดีใจที่ทุกคนชอบ อ่านแล้วหาเวลาออกไปเที่ยว ให้รางวัลกับชีวิตกันบ้างนะครับ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณสมาชิกหมายเลข 1455381 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก Peach Surrealism
บางครั้งการได้ออกไปเที่ยวคนเดียวโดยไม่มีจุดหมายปลายทาง ก็ถือเป็นอีกหนึ่งสีสันที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะเราไม่รู้ว่าจะต้องพบเจอกับอะไรบ้าง สถานที่ท่องเที่ยวที่จะไปเป็นอย่างไร ที่พักดีไหม จะมีเพื่อนร่วมทางหรือเปล่า ??? ซึ่งคำถามทั้งหมดจะไม่มีคำตอบหากคุณไม่เริ่มออกเดินทาง เหมือนกับบันทึกการเดินทางของ คุณสมาชิกหมายเลข 1455381 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ตัดสินใจไปเที่ยว "เชียงคาน" จังหวัดเลย แบบปัจจุบันทันด่วน แต่กลับพบเจอความประทับใจไม่รู้ลืม พร้อมนำเอาความทรงจำดี ๆ มาถ่ายทอดผ่านบันทึกการเดินทางสนุก ๆ ให้เราได้ชมกัน รับรองว่าอ่านจบเพื่อน ๆ ต้องอยากเที่ยวตามรอยออกสัมผัสเชียงคานแน่นอนค่ะ ^^
++++++++++++++++
สวัสดีครับชาวพันทิป ก่อนอื่นเลยต้องขอขอบคุณทุก ๆ คน ที่คอยเอาข้อมูลดี ๆ มาเล่าสู่กันฟัง เพราะหลาย ๆ ครั้งที่ผมจะไปเที่ยว ส่วนใหญ่ก็ได้ข้อมูลจากเว็บนี้ วันนี้ผมเลยมาตอบแทนด้วยการร่วมแชร์ประสบการณ์ของผมบ้าง (ไม่ถามสักคำว่าคนอื่นเขาอยากรู้หรือเปล่า) ใครพร้อมแล้วก็เตรียมตัวโดดขึ้นขบวนไปกับผมได้เลยครับป.ล. เนื่องจากผมเพิ่งสมัครสมาชิกเป็นตัวเป็นตนได้ไม่กี่วัน (ก่อนหน้านี้เข้ามาส่องอย่างเดียว) กระทู้นี้จึงเป็นกระทู้แรกของผม ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยนะครับ
จุดเริ่มต้นของทริปนี้มาจาก...ผมอกหักครับ 5555 เลยกะว่าจะไประเบิดความเหงาที่ไหนสักที่หนึ่ง (ไหน ๆ ก็เหงาแล้วต้องเอาให้สุด) ผมเป็นคนชอบนั่งรถไฟ เผอิญมีเส้นหนึ่งที่ผมยังไม่เคยไป นั่นก็คือสายอีสาน เท่านั้นแหละครับ เช็กตารางรถไฟ เก็บของไปหัวลำโพงเลย (ทั้งหมดใช้เวลาประมาน 3 ชั่วโมงเศษ) ตอนแรกก็ยังไม่รู้นะว่าจะไปกี่วัน และก็ไปลงที่ไหนดี เปิดกูเกิลดูก็เจอเชียงคานนี่แหละ ช่วงหน้าฝนน่าจะสงบ เหงา ๆ ดี ก็จัดเลย คลำ ๆ ทางไปกว่าจะถึง 5555 สำหรับผมแค่นี้ถือว่ายังไม่ลำบากเท่าไร (สงสัยชิน) เอาล่ะ ไม่รู้พร่ำทำเพลงไปเที่ยวเชียงคานกันดีกว่า
ป.ล. ถ้าใครอยากไปแบบสบาย ๆ เขามีรถทัวร์ไปส่งถึงที่เลยนะเออ ขึ้นรถที่หมอชิต
_2.jpg)
ชื่อทริปหนีรักไปพักใจครับ (ชื่อโคตรเสี่ยว) 5555 ตอนนี้ยังคิดอะไรไม่ออก รู้แค่ว่ารถไฟสายนี้ยังไม่เคยไป ก็เออขึ้นคันนี้แหละ !!!
หากใครมีข้อสงสัยหรือจะแวะมาพูดคุยกันก็ยินดีนะครับ : ) เฟซบุ๊ก Peach Surrealism
_3.jpg)
กว่าจะเช้าก็ถึงขอนแก่นพอดีครับ อากาศดีมาก อุณหภูมิน่าจะประมาณ 20 องศากว่า ๆ
_3.jpg)
ผมตัดสินใจลงที่สถานีอุดรฯ ครับ หลังจากถามอากู๋กูเกิลแล้วพบว่าเชียงคานช่วงหน้าฝนแบบนี้น่าจะเหงาที่สุดแล้ว
_3.jpg)
บรรยากาศหน้าสถานีคึกคักพอสมควรครับ คนลงกันเยอะอยู่ แถมมีสามล้อมาคอยบริการถึงที่ซะด้วย
_4.jpg)
หลังจากสอบถามเจ้าหน้าที่ที่สถานี ได้ความว่าขนส่งอยู่ใกล้ ๆ นี่เอง ผมเลยเดินไปครับ แต่ที่ไหนได้...มาผิดที่ !!! ที่นี่ไม่มีรถไปเลย ต้องเหมาสามล้อไปส่งที่ขนส่งอุดรฯ 2
_3.jpg)
ถึงขนส่งอุดรฯ 2 ปุ๊บพี่เขาก็รีบเข้าไปสอบถามข้อมูลให้เลยครับ แล้วก็เดินไปส่งถึงประตูรถทัวร์ !!! เจอแบบนี้แล้วโคตรรู้สึกดีเลยครับ คนอุดรฯ น่ารักจริง ๆ
ป.ล. ค่าสามล้อจากขนส่งอุดรฯ 1 มาถึงนี่ 100 บาท แต่ขอต่อพี่เขาเหลือ 70 บาท พอจะจ่ายตังค์พี่เขาบอกเอาแค่ 60 บาทพอ งงเลยครับ นี่ขนาดพี่เขาโดนหักหัวคิวไปด้วย 10 บาท นะเนี่ย ซูฮกเลย
_4.jpg)
บนรถทัวร์อุดรธานี-เลย ค่ารถ 100 บาทครับ คนไม่ค่อยเยอะเท่าไร ระหว่างทางมีซาลาเปาขึ้นมาขายด้วย
_3.jpg)
ระหว่างทางรถจะแวะจอดที่ขนส่งจังหวัดหนองบัวลำภู ประมาณ 30 นาทีครับ
ป.ล. ไม่มีอะไรมาก แค่ตกใจค่าครองชีพเล็กน้อย
_3.jpg)
ถึงเมืองเลยแล้วครับ นั่งมา 3 ชั่วโมงครึ่ง (ก็พี่แกเล่นแวะเติมแก๊สซะงั้น) ที่นี่มีรถทัวร์ไปถึงเชียงคานเลย แต่...เราไม่เอา เราอยากนั่ง 2 แถว ฮ่า ๆๆๆ
_4.jpg)
ถามพี่วินแถวนั้นเขาบอกว่ารถ 2 แถวต้องไปขึ้นหน้าโรงพยาบาลเลย เห็นบอกว่าอยู่ไม่ไกลเดี๋ยวพี่ไปส่ง (อยู่ไม่ไกลแล้วพี่จะไปส่งทำไมว้า) ก็เลยเดินไป เลาะถนนไปเรื่อย ๆ ประมาณ 2 กิโลเมตรได้กว่าจะถึง (รู้ซึ้งเลย ไม่ไกลของพี่เขา ถึงว่าทำไมจะไปส่ง)
_3.jpg)
ต่อสุดท้ายแล้วครับ อีก 47 กิโลเมตร ก็จะถึงเชียงคานแล้ว ตื่นเต้น ๆๆๆๆๆๆๆๆ
_3.jpg)
นั่งมาชั่วโมงกว่า ๆ ก็ถึงแล้วครับ...อำเภอเชียงคาน ก่อนจะถึงมีฝนเทลงมาเหมือนกัน โชคดีที่มันพัดผ่านไปซะก่อนไม่อย่างนั้นเละ หึหึ ไม่อยากจะคิดถึงสภาพ
_3.jpg)
เนื่องจากแท็บเล็ตแบตฯ หมด เลยเปิดแมพดูไม่ได้ ผมก็รอจนสุดสายป้ายสุดท้ายถึงจะลง จ่ายค่ารถไป 35 บาท ก่อนจะถามพี่เขาว่า...ถนนคนเดินไปทางไหนครับ ? คำตอบที่ได้มาก็คือ..."อ้าว มันเลยมาแล้ว ขึ้นมา ๆ เดี๋ยวพี่พาไปส่ง" ฮ่า ๆๆ หลงจนวินาทีสุดท้ายจริง ๆ
_3.jpg)
ในที่สุดก็มาถึงสักที ถนนคนเดินเชียงคาน !!! แต่...ขอแวะร้านนี้ก่อนครับ หิวไม่ไหวล่ะ
_3.jpg)
เส้นหมี่ไก่ตุ๋น !!! ไม่รู้ว่าเพราะหิวหรือเปล่านะ รู้แค่ว่าอร่อยมากกกกกกกกกกกก
ป.ล. พิเศษ 40 บาท
_3.jpg)
เมื่อท้องอิ่มก็ได้เวลาเดินหาที่พัก ถนนคนเดินเชียงคานจะมีอยู่ประมาณ 20 ซอย เต็มไปด้วยพี่พักตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลายพัน บ้างเป็นโฮสเทล บ้างเป็นโรงแรม ชอบแบบไหนเลือกเอาได้เลยครับ
_3.jpg)
หลังจากเดินเลือกอยู่ 2-3 รอบ ก็มาตกลงปลงใจเพราะมุมนี้
_3.jpg)
นั่งพักกินลม ชมวิวชิล ๆ ริมฝั่งโขงซะหน่อย
_3.jpg)
ย้อนกลับมาที่ที่พัก อันนี้คือทางเดินไประเบียงครับ
_3.jpg)
ห้องนอนไซส์มินิสไตล์โฮสเทล
_3.jpg)
และนี่คือหน้าตาของที่พักคืนนี้ครับ ป้าแกชื่อ ป้าเป๊ะ ใจดีมาก ๆ มีการเรียกเข้าไปนั่งคุยเล่นกันก่อนพาดูห้องด้วยนะ ผมมาคนเดียวเลยขอป้าแกลดราคาค่าห้อง ตกลงว่าจะอยู่ 2 คืน ป้าแกก็โอเค
ป.ล. 2 คืน 700 บาท
_3.jpg)
มืดแล้ว ไปเดินเล่นกัน...บรรยากาศเชียงคานช่วงหน้าฝนนี่หว่าเว้ได้ใจอยู่เหมือนกันนะ
_4.jpg)
ถึงคนจะน้อยแต่ก็ยังคงเสน่ห์เชียงคานอยู่
_3.jpg)
อารมณ์แบบนี้น้อยคนนักที่จะได้สัมผัส
_3.jpg)
ในเมืองเก่ามีความไฮเทคซ่อนอยู่
_3.jpg)
เงียบสงบมากถึงมากที่สุด ใครกลัวว่าจะเหงาไปแนะนำให้มาช่วงวันหยุดครับ
_3.jpg)
เมื่อวานได้นัดกับป้าเป๊ะไว้แล้วครับว่าวันนี้จะตักบาตร เวลานัดคือ 6 โมงเช้า มีลุงชาวญี่ปุ่นมาร่วมแจมด้วย
_3.jpg)
ที่นี่ใช้ข้าวเหนียวแทนข้าวสวยครับ เนื่องจากเคยตักบาตรข้าวเหนียวเป็นครั้งแรก ใส่ไปจนหมดถึงมารู้ทีหลังว่า...เขาให้หยิบใส่บาตรเลย ไม่ต้องปั้น ฮ่า ๆๆ
_3.jpg)
วิถีชีวิตยามเช้าที่เชียงคาน
_3.jpg)
ริมน้ำก็อีกแบบหนึ่ง
_3.jpg)
ที่บ้านมีจักรยานให้ปั่นฟรีครับ ก็เลยยืมออกมาแว้นซะหน่อย
_3.jpg)
ปั่นเลาะริมแม่น้ำโขงไปเรื่อย ๆ
_2.jpg)
เส้นทางริมน้ำ
_3.jpg)
จริง ๆ แล้วตั้งใจจะมาเจอฝนครับ แต่มันดันไม่ตกซะงั้น แดดก็ไม่มี เลยปั่นสนุกเลยทีนี้ ไม่ร้อนด้วย
_3.jpg)
แวะกินอาหารเช้าก่อนกลับ ชื่อเมนู "ข้าวเปียกเส้น" เห็นชื่อแปลกดีเลยลองสั่งดู ถึงบางอ้อเลย กวยจั๊บญวนนี่เอง
_2.jpg)
กลับมานั่งพักเหนื่อยที่บ้าน เห็นบรรยากาศแบบนี้ 9 โมงเช้าแล้วนะครับ
_2.jpg)
ออกมาเดินเล่นต่อ บ้านบางหลังก็เปิดร้านกันแต่เช้าเลย แถมมีพนักงานต้อนรับด้วย
_2.jpg)
ถนนคนเดินตอนเช้า
_2.jpg)
ที่นี่ทุกคนดำเนินชีวิตไปแบบช้า ๆ ครับ
_2.jpg)
ลองแวะมาเดินริมโขงบ้าง
_2.jpg)
ชาวบ้านริมน้ำใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายมากครับ บ้างก็เลี้ยงไก่
_1.jpg)
บ้างก็ทำสวน
_1.jpg)
บ้างก็เก็บผัก
_1.jpg)
บ้างออกเรือไปจับปลา
_1.jpg)
อยู่กันอย่างเรียบง่าย ริมสายธาร
_1.jpg)
เกือบลืมบอกไป พอย่างก้าวเข้าวันที่ 2 ผมก็ได้เพื่อนใหม่ครับ พี่เขาชื่อ บอส ด้วยสาเหตุที่ชอบเดินทางคนเดียวเหมือนกัน เราเลยคุยกันถูกคอ นี่ก็เลยชวนกันปั่นจักรยานไปหาของกินที่ตลาด
ป.ล. ทุกการเดินทาง ผมจะได้เพื่อนใหม่เสมอ : )
_1.jpg)
พอถึงตลาดปุ๊บก็จัดไป 2 ไม้ฮะ ไส้กรอกกับไส้แฮม
_1.jpg)
กินเสร็จก็กลับมาเดินเล่นดูพระอาทิตย์ตก สวยงามใช่ย่อยเลยทีเดียว
_1.jpg)
บางคู่มานั่งกินบรรยากาศ
_1.jpg)
บางคู่ก็ถือโอกาสมานั่งปิกนิกกันซะเลย
_1.jpg)
กลับมานั่งพักหน้าบ้าน สักพักเจ้าสามสีก็ออกมานั่งเป็นเพื่อน
_1.jpg)
พอเริ่มมืดบรรยากาศก็เริ่มคึกคัก
_1.jpg)
ทุกคนกำลังเตรียมตัวออกไปเดินเล่นกัน
_2.jpg)
คืนนี้เป็นวันศุกร์ครับ ร้านรวงเลยเปิดเยอะกว่าเมื่อวาน
_1.jpg)
เดินไปเดินมาเริ่มหิวน้ำ หันขวาไปก็เจอนี่เลย...โค้กวุ้น
_1.jpg)
มาถึงคิวของกินกันบ้าง ต้องนี่เลยครับ สะดุดตา สะดุดใจสุด ๆ หวาน มัน อร่อยสวด ๆ ผมขอคอนเฟิร์ม !!!
ป.ล. หลังจากสอบถามแม่ค้าว่ามันเรียกว่าอะไร เขาก็ตอบกลับมาอย่างเรียบง่ายว่า... กุ้งเสียบ จบ
_1.jpg)
มากินของหวานกันมั่งดีกว่า เห็นกลม ๆ แบบนี้รู้ไหมว่าคืออะไร ?
_1.jpg)
มันคือปาท่องโก๋ยัดไส้หมูสับครับ ใครไปเชียงคานก็ลองแวะชิมกันได้ ชื่อร้านลุงมุข
_1.jpg)
กำลังเดินหาซื้อน้ำกินก็ต้องสะดุดเข้ากับร้านนี้
_1.jpg)
เจ้าของร้านครับ ฮ่า ๆ (ล้อเล่น ๆ) ตกแต่งร้านซะแบบนี้คงไม่แปลกถ้าจะเป็นร้านยอดฮิตของเด็ก ๆ
_1.jpg)
และรวมถึงผมด้วย 5555 ชาเขียวนมสดที่หนึ่งครับ
_1.jpg)
คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายแล้วครับ ขอแวะดูของฝากซะหน่อย
_1.jpg)
ที่บอกว่าของฝากน่ะ ฝากตัวเองทั้งนั้นครับ 5555 ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบเขียนโปสการ์ดหาตัวเองเวลาไปเที่ยว (เหมือนเป็นเครื่องบันทึกความทรงจำอะไรประมาณนั้น) ส่วนสมุดโน้ตนี่ก็เหมือนกัน ถ้าเจออันไหนสวย ๆ เก็บหมด .
_1.jpg)
ด้วยความที่กดชัตเตอร์มันมือไปหน่อย บวกกับความสะเพร่าของผมที่ลืมเอาที่ชาร์ตแบตกล้องมา ต่อไปนี้จึงต้องพึ่งกล้องฟิล์มและไอโฟน4 ที่มี T^T
_1.jpg)
เมื่อวานตอนได้นั่งคุยกันพี่บอสถามว่าขึ้นไปภูทอกมายัง ไอ้เราก็บอกว่ายังไม่ได้ขึ้นเลย พี่เขาบอกว่า "เนี่ยเมื่อเช้าไปมาแล้ว สวยดี ถ้าพรุ่งนี้อากาศดีจะขึ้นไปอีก" เราก็โอเคขอตามไปด้วย ส่วนเรื่องรถป้าเป๊ะติดต่อลุงสามล้อมารับให้เสร็จสรรพ ตีห้าครึ่งล้อหมุน
_1.jpg)
สามล้อจะมาส่งได้แค่ตรงทางขึ้นครับ จากนั้นต้องซื้อตั๋ว 25 บาท แล้วจะมีรถ 2 แถวพาขึ้นไป
_1.jpg)
ทริปนี้อาศัยการเล่าเรื่องด้วยภาพครับ สิ่งที่ต้องทำอย่างแรกที่ขึ้นมาถึงก็คือถ่ายรูป เมื่อควักกล้องออกมา เปิดวัดแสง เปิดฝาเลนส์... เอ๊ย !!! ถึงกับต้องอุทานด้วยความตกใจอย่างสุดขีด (เว่อร์) แต่เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ครับ (เอ้า !) เห็นเส้น ๆ นั่นไม่ใช่กิ่งไม้ใบหญ้านะครับ แต่มันคือรอยร้าวที่กรีดลึกลงไปที่ขั้วหัวใจ (เว่อร์อีกละ) จริง ๆ มันคือรอยร้าวของฟิลเตอร์ครอบเลนส์ คาดว่าน่าจะเกิดจากตอนที่จักรยานล้ม (จอดไว้ดี ๆ หันไปถ่ายรูปแป๊บเดียว...โครม !!!)
_1.jpg)
โชคดีที่วันนี้อากาศดีเลยได้เห็นทะเลหมอกนิดหน่อย (จริง ๆ เรียกว่าสายหมอกน่าจะถูกกว่า) มองจากตรงนี้ เห็นเชียงคานทั้งเมืองเลย อยู่ริมน้ำโขงลิบ ๆ โน้นแหนะ
_1.jpg)
มองไปอีกฝั่งก็จะเห็นแก่งคุดคู้
_1.jpg)
นอกจากจะมาส่งขึ้นเขาแล้ว ลุงแกยังรอรับเรากลับด้วยครับ ค่าโดยสาร (เหมา) คนล่ะ 100 บาท
_1.jpg)
พอถึงบ้านพักก็เดินไปหยิบโอวัลตินกับขนมมานั่งกินทันที (ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่เลย)
_1.jpg)
เกือบลืมบอกไปที่นี่มีอุโมงค์ต้นไม้ด้วยนะครับ อยู่แถว ๆ โรงเรียน
_1.jpg)
เหมือนจะไปในช่วงที่โรงเรียนเขามีงานอะไรสักอย่าง เด็กเลยออกมาเดินเล่นเพ่นพ่านได้เต็มไปหมด
_1.jpg)
ถัดออกไปอีกหน่อยชาวบ้านก็กำลังวุ่นกับการทำเรือไฟเช่นกัน
_1.jpg)
ที่เชียงคานบ้านแทบทุกหลังจะเลี้ยงหมาหรือไม่ก็แมว จะสงสารก็แต่ไอ้เจ้าตัวนี้ เห็นโดนผูกอยู่หน้าบ้านประจำเลย
_1.jpg)
คนที่นี่เท่าที่เห็นจะอยู่ติดบ้านครับ วันไหนว่าง ๆ ก็จะหาอะไรทำที่บ้าน กวาดบ้าน ดูทีวี เล่นกับลูก ก็ว่ากันไป
_1.jpg)
เห็นฟ้าครึ้ม ๆ ท่าจะไม่ดี เลยรีบปั่นจักรยานไปซื้อตั๋วก่อนที่ตลาด ค่าตั๋วกลับกรุงเทพฯ เบ็ดเสร็จ 485 บาท
ป.ล. ก่อนหน้านี้ป้าเป๊ะพามาซื้อแล้ว แต่ผมรั้นจะกลับรถไฟ ฮ่า ๆ
_1.jpg)
ซื้อเสร็จปุ๊บฝนตกปั๊บ เห็นเหรียญ ๆ นั่นคือตังค์ทอน
ป.ล. ใจจริงอยากจะนั่งรถเลาะริมโขงกลับไปขึ้นรถไฟที่หนองคาย แต่...สายแล้วไปไม่ทัน จบ
_1.jpg)
หลังฝนหยุดท้องก็เริ่มร้อง ออกมาหาอะไรกินกันดีกว่า
_1.jpg)
เห็นโชว์เครื่องฉายหนังแบบนี้ แน่นอนครับที่นี่คือโรงหนังเก่าของเชียงคาน จากประวัติเห็นว่าสมัยก่อนโด่งดังมาก ถึงขั้นว่าคนลาวต้องดั้นด้นนั่งเรือข้ามแม่น้ำโขงมาดูเลยทีเดียว แต่ปัจจุบันแปลเปลี่ยนเป็นอะไร ให้ลองทายดูกันเล่น ๆ ครับ
_1.jpg)
ใช่แล้วครับ นี่คือร้านอาหารจานด่วนขึ้นชื่อของเชียงคาน ไฮไลท์ได้แก่เมนูไข่กระทะ+อะไรก็ว่าไป (ในรูปนี้คือเบคอน) ส่วนแก้วข้าง ๆ นั่นก็คือน้ำสตรอว์เบอร์รีปั่นที่ใส่โซดากับมะนาวลงไปด้วย (ตกลงมันคือน้ำสตรอว์เบอร์รีใช่มะ ?)
_1.jpg)
พอหนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อน เลยกะจะกลับมานอนที่ห้อง มาถึงบ้านปุ๊บป้าเป๊ะชวนคุย แถมดูละครต่ออีก ยาวเลยทีนี้
_1.jpg)
ผมต้องกลับแล้ว แต่พี่บอสยังอยู่ต่อ เลยยืมขับมอเตอร์ไซค์ป้าเป๊ะไปส่งที่ท่ารถ โดยมีข้อแม้ว่าฝากเติมน้ำมันให้ด้วย
_1.jpg)
ขอปิดท้ายด้วยรูปนี้ล่ะกัน
เคยเจอไหม ?
ป้าที่ชวนมานั่งคุยกันก่อนให้เช่าห้อง
ป้าที่ลดราคาให้เพราะเห็นว่าเป็นเด็กมาคนเดียว
ป้าที่บอกให้ทำตัวเหมือนอยู่บ้าน (ตรูเลยเดินทั้งหลัง)
ป้าที่ให้ยืมจักรยานไปปั่นเล่นได้
ป้าที่ขับรถพาไปซื้อตั๋วกลับกรุงเทพฯ
ป้าที่ให้ชาร์ตแบต อาบน้ำ นั่งเล่นต่อแม้เช็กเอาท์ไปแล้ว
และสุดท้ายป้าที่ให้ยืมมอเตอร์ไซค์ไปส่งถึงท่ารถทัวร์
ขอบคุณมากสำหรับทุกอย่างครับ...ป้าเป๊ะ
สรุปค่าใช้จ่าย (แค่ค่าเดินทาง+ที่พักเด้อ) ค่าจิปาถะอื่น ๆ คงแล้วแต่บุคคล
รถไฟ กรุงเทพฯ-หนองคาย (ขบวน133) : ฟรี
สามล้อไปขนส่งอุดร (2) : 60 บาท
รถทัวร์ไปขนส่งเลย : 100 บาท
2 แถวไปเชียงคาน : 35 บาท
ที่พัก 2 คืน (ไทยกันเอง) : 700 บาท
ตักบาตรข้าวเหนียว : 50 บาท
สามล้อไปภูทอก : 100 บาท
รถทัวร์กลับกรุงเทพฯ : 485 บาท
สรุปค่าจ้างความเหงา 1,725 บาท
ป.ล. เจอกันใหม่ทริปหน้าครับ ^__^ ขอบคุณทุกกำลังใจมาก ๆ เลยครับ ผมดีใจที่ทุกคนชอบ อ่านแล้วหาเวลาออกไปเที่ยว ให้รางวัลกับชีวิตกันบ้างนะครับ