
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณสมาชิกหมายเลข 1460397 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก The DayDreamer
การเดินทาง...เป็นเสมือนการเปิดโลกทัศน์ในการพบเจอสิ่งแปลกใหม่ ประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่แตกต่างจากความคุ้นเคยเดิม ๆ ที่ทำให้เราได้รู้ว่าโลกยังมีอะไรให้ค้นหาและเรียนรู้อีกมากมาย ซึ่งบางคนก็ชอบเดินทางคนเดียว บางคนก็ชอบไปเป็นกลุ่ม หรือบางคนก็นิยมชมชอบการเที่ยวกับครอบครัว แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็คือการได้ออกไปเจอโลกกว้าง เฉกเช่นเดียวกับ คุณสมาชิกหมายเลข 1460397 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้ออกเดินทางไปสัมผัสกับความต่างยัง ณ "มาเลเซีย" และ "สิงคโปร์" ซึ่งถึงแม้ว่าจะต้องออกเดินทางท่องโลกคนเดียวก็ไม่ทำให้เขาหวั่นใจแต่อย่างใด ^^ เอาล่ะ...ถ้าอยากรู้ว่าการเดินทางไปพบเจอสิ่งใหม่ ๆ จะสนุกและตื่นเต้นขนาดไหนนั้น ลองตามบันทึกการเดินทางนี้ไปเที่ยวกันได้เลย
++++++++++++++++++++++++
8 วัน 2 ประเทศ กับการเดินทางของผู้ชายคนหนึ่ง ด้วยรถไฟจากกรุงเทพฯ _1.jpg)
::: อโลนแต่ไม่โลนลี่ :::
นี่เป็นการเดินทางออกนอกประเทศคนเดียวครั้งแรก ตื่นเต้นเหมือนกัน ทำให้เราต้องทำการบ้านมากเป็นพิเศษ รวมถึงการวางแผนการเดินทางสถานที่ที่จะไป แต่แผนมันก็คือแผน มันไม่เป็นไปตามแผนทุกอย่าง เรียกได้ว่าแผนเปลี่ยนเกือบทุกวันเลยทีเดียว แต่ก็ไม่ได้แย่อะไรมากมาย กลับสนุกที่ได้แก้ปัญหาและสุดท้ายก็กลับมาอย่างปลอดภัย
เคยได้ยินมาว่าคนที่ขึ้นรถไฟไทยก็มีแต่คนไม่มีทางเลือกกับคนที่ไม่รีบเท่านั้นแหละ...สำหรับเรารถไฟไม่ได้เลือกเรา...เราต่างหากที่เลือกรถไฟ
_2.jpg)
ทริปนี้เกิดขึ้นจากเราได้ดูรายการ HUMAN RIDE ตอนที่ไปปั่นจักรยานที่สงขลาและปีนัง เลยอยากจะไปเที่ยวบ้าง หลังจากหาข้อมูลการเดินทางทำให้มีตัวเลือกจุดหมายเพิ่มมาอีก สุดท้ายเลยจบที่กรุงเทพฯ-ปีนัง-กัวลาลัมเปอร์-มะละกา และสิงคโปร์ ส่วนการเดินทางไปนั้นมีอยู่หลายทาง แต่เราเลือกที่จะนั่งรถไฟไปด้วยขบวน 35 กรุงเทพฐ-บัตเตอร์เวอร์ธ นั่งยาว ๆ ไปถึงบัตเตอร์เวอร์ธเลย ส่วนสาเหตุที่เลือกการเดินทางด้วยรถไฟก็ไม่มีอะไรมาก แค่อยากลองเดินทางไกล ๆ ด้วยรถไฟดูบ้าง หลังจากได้ดูรายการ Roaming ของ พี่เรย์ และ พี่เล่ การได้อ่านหนังสือดาวหางเหนือทางรถไฟของพี่ก้อง รวมทั้งได้อ่านหนังสือและดูหนัง Wish Us Luck ของสองพี่น้อง แวว และ วรรณ นี่แหละเหตุผลของการเดินทางด้วยรถไฟ อ้อ !!! นี่รู้ยังกระทู้ที่แล้วเราก็เดินทางด้วยรถไฟนะ ^^
นี่ก็เขินอายที่จะบอกว่าเราเพิ่งทำเพจเอาไว้บันทึกเรื่องราวการเดินทางของเรา หรือเอาไว้พูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกันก็ได้นะ เฟซบุ๊ก The DayDreamer
แพลนคร่าว ๆ เรียบร้อยหาแนวร่วม เอาแผนไปขายฝันให้เพื่อนฟังว่าการเดินทางแบบนี้ ๆๆ นะ เพื่อนบอกเออ ๆ น่าสนใจ ไป ๆ สุดท้ายพอจะเดินทางเพื่อนไม่วาง โอเคไม่เป็นไร งั้นไม่รอนะ กระทู้นี้ก็เลยเดินทางคนเดียวอีกแล้ว ไม่เป็นไรเที่ยวไม่ง้อใคร ไปไม่ง้อทัวร์ก็ได้
แพลนการเดินทาง
BackpackTrip 21-28 Oct 2014
BKK-Penang-Kuala Lumpur-Melaka-Singapore
:::เตรียมพร้อมก่อนออกเดินทาง:::
- ซื้อตั๋วรถไฟกรุงเทพฯ-บัตเตอร์เวอร์ธ ล่วงหน้า 1 อาทิตย์ เวลารถออก คือ 14.45 น. เวลาถึง 12.55 น. (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 24 ชั่วโมง) มีทุกวันวันละรอบ ส่วนขากลับจากบัตเตอร์เวอร์ธ-กรุงเทพฯ เราจำเวลาไม่ได้น่าจะประมาณบ่าย 3 เราซื้อเตียงล่าง ได้เลขที่นั่ง 22 ซึ่งอยู่ใกล้กับปลั๊กไฟพอดี (สำหรับใครที่อุปกรณ์ไฟฟ้าเยอะลองเลือกที่นั่ง ประมาณนี้ 18, 21 อยู่ติดกับปลั๊กไฟเลย และ 20, 22, 23, 24 จะอยู่ในระยะที่มองเห็น)
- ตั๋วเครื่องบินสำหรับขากลับจากสิงคโปร์ เราจองตั๋วกลับตามเวลาไฟลท์ออกจาก Changi Airport 22.45 น. ถึงดอนเมือง 24.10 น.
_2.jpg)
- ที่พัก
_2.jpg)
_3.jpg)
- แลกเงินตามแต่สะดวกเราแลก ที่ซุปเปอร์ริช เซ็นทรัลลาดพร้าว
- ปลั๊กไฟแบบ 3 ขาเหลี่ยมเท่านั้นนะ ตอนแรกเราซื้อ 3 ขากลมจาก B2S เพราะเห็นข้อมูลที่แพ็กเกจจิ้งบอกใช้ได้ที่มาเลเซียและสิงคโปร์ มันก็ใช้ได้หรอกแต่ไม่ทุกที่ คือคุณหลอกดาว เพราะฉะนั้น 3 ขาเหลี่ยมชัวร์สุดใช้ได้ทุกที่
::: หัวลำโพง :::
_2.jpg)
21 Oct 2014
เราขึ้น MRT มาประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงหัวลำโพง พร้อมกับสายฝนที่โปรยปรายลงมา บรรยากาศนี่มันชวนเหงาเหลือเกิน รถออกตรงตามเวลา ที่นั่งตรงข้ามคือคุณลุงที่ไปลงสถานีคลองแงะ
สถานีกรุงเทพฯ
สถานีนครปฐม
นั่งเพลิน ๆ ก็ถึงสถานีราชบุรี แล้วได้เวลามื้อเย็นพอดีเลย จัดก๋วยเตี๋ยวแห้งไป 2 กล่อง
_3.jpg)
กินอิ่มนั่งไปสักพักพนักงานปูเตียงก็เริ่มปูเตียงแล้ว รู้สึกกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง กินแล้วก็นอน
_2.jpg)
นั่งเล่นนอนเล่นไปเรื่อย ๆ รู้สึกไม่ชินเท่าไรกับการนอนเร็ว ๆ แบบนี้ เสียงเพลงภาษาจีน กลุ่มสาว ๆ ฝรั่งที่คุยกันเสียงดัง กลุ่มผู้โดยสารหน้าใหม่ที่ขึ้นมาทีหลัง นั่นคือบรรยากาศในขบวนตอนนั้น แต่สุดท้าย ..... z z z Z Z เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้
22 Oct 2014
::: เช้านี้ที่หาดใหญ่ :::
ตื่นมาได้ยินสาวฝรั่งเตียงเยื้องกันคุยกับเพื่อนว่า เมื่อคืนร้อนเลยถอดเสื้อผ้านอน คือนี่ไม่อยากจะคิดต่อไปไกล มาถึงหาดใหญ่ทั้งทีจะพลาดไก่ทอดหาดใหญ่ได้อย่างไร รีบซื้อตุนไว้เป็นเสบียง เมื่อถึงหาดใหญ่มีลุงเดินมาบริการให้แลกเงิน เราแลกจากลุงไป 100 บาท เพื่อเอาแบงค์ย่อยและเหรียญสำหรับค่ารถ-เรือ ลุงเอาใบขาออกมาให้เขียนพร้อมทั้งอธิบายและให้คำแนะนำ
::: ด่านปาดังเบซาร์ :::
_2.jpg)
พอถึงด่านปาดังเบซาร์เราต้องลงไปทำเรื่องผ่านแดนพร้อมทั้งเอากระเป๋าลงไปด้วย พี่ ตม. ฝั่งไทยรับพาสปอร์ตไปเปิดดูประทับตรา...จบปิ๊ง ผ่าน ตม. ฝั่งไทยเดินเลี้ยวซ้ายมาเจอพี่ ตม. มาเลเซียรับพาสปอร์ต สแกนนิ้วมือ ประทับตรา ง่ายดาย ฟิ๊ว ฝึบ ฟับ ปิ๊บ ๆ จุดตรวจค้นสัมภาระ กระเป๋าแบ็คแพ็กใบใหญ่ เราภาวนาให้พี่ ๆ อย่ารื้อค้นมากมายเพราะขี้เกียจเก็บ คำภาวนาที่เป็นผล พี่ ตม. ไม่ได้ดูอะไรมากมาย ดูเหมือนมาเลเซียจะต้อนรับเราอย่างง่ายดาย
ทำเรื่องผ่านแดนมาเรียบร้อยลองเดินสำรวจ ชั้น 2 มีศูนย์อาหารเล็ก ๆ อยู่ หาอะไรกินที่นี่ได้ (กว่าจะถึงบัตเตอร์เวอร์ธคือเที่ยงนะ เรามีไก่ทอดแล้ว) เจอนักท่องเที่ยวสาวไทยน่ารักดีแต่เธอมากับแฟน ไม่มีอะไรหรอกแค่อยากบอกเฉย ๆ ^^
::: บัตเตอร์เวอร์ธ :::
_2.jpg)
ความรู้สึกก้าวแรกหลังลงจากรถ...จะรอดไหมเนี่ย อันตรายหรือเปล่า ภาษาก็ใช่ว่าจะเก่ง แต่มาถึงขนาดนี้แล้วถอยกลับไม่ได้แล้ว เชิดหน้าสูดลมหายใจแล้วก้าวข้ามความกลัวนั้นไป
_2.jpg)
มองหาป้ายไปจุดขายตั๋วรถไฟ ตามแพลนคือพรุ่งนี้จะนั่งรถไฟตู้นอนไปถึงกัวลาลัมเปอร์ในตอนเช้า สอบถามซื้อตั๋วแต่เต็มครับ แต่เราไม่แปลกใจหรอกเพราะเราเช็กมาจากเว็บและเต็มล่วงหน้ามาตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว แต่เช่นเคยคือภาวนาให้มีคนปล่อยตั๋ว แต่ครั้งนี้ไม่ได้ผลแฮะ
แผนเปลี่ยน...เดินไปซื้อตั๋วรถล่วงหน้าสำหรับคืนพรุ่งนี้ที่ท่ารถบัตเตอร์เวอร์ธ เด็กขายตั๋วเยอะแยะมากมายเดินมาเสนอขายตั๋ว เจอลุงคนหนึ่งพอรู้ว่ามาจากไทยก็พูดไทยกับเรา บอกรถของเจ้าตัวเอง ดีอย่างนั้นอย่างนี้ โฆษณาเต็มที่ ก่อนจะตัดสินใจซื้อ อยู่ดี ๆ ลุงบอกเคยไปติดคุกที่กรุงเทพฯ เลยพูดไทยได้ คือลุงต้องการอะไรบอกผมทำไม เลยค่อย ๆ เดินหนีออกมา มาเจออีกเจ้าเจ้พูดไทยได้เหมือนกัน ให้คำแนะนำดี เลยตัดสินใจซื้อที่นี่รอบ 24.45 น. แอบดึก แต่ไม่เป็นไรขอแค่ไปถึง KL เช้าเป็นพอ (รถไปจอดที่ปาดู เซ็นทรัล ใกล้กับสถานี LRT มัสยิดจาเม็ก)
_2.jpg)
ดูเวลาเราเสียเวลาไปจุดนี้เกือบ ๆ ชั่วโมง รีบเดินไปท่าเรือเฟอร์รี่อย่างไว เข้าแถวแรกเหรียญ จ่ายค่าเรือเรียบร้อย แต่เหมือนโดนแกล้งเรือออกไปต่อหน้า แหมมมมมมม รอรอบใหม่ **ค่าเรือ 1.2 MYR จ่ายแต่ขาไป ขากลับไม่ต้องจ่าย**
_2.jpg)
รอไม่นานและแล้วก็ได้ขึ้นเรือสักที เห็นสะพานข้ามเกาะปีนังอยู่ไกล ๆ
_2.jpg)
_2.jpg)
::: ปีนัง :::
หลังจากเราลงจากเรือเราจะเจอท่ารถ Jetty ซึ่งเราเลือกที่จะเดินจากที่นี่ไปที่พัก เปรี้ยวปะล่ะ 555 ซึ่งเสียเวลากับการเดินและแวะถ่ายรูปไปพอสมควร เราพักอยู่ในซอยย่อยของ Love Lane จริง ๆ นั่งรถสาย 101 จากท่า Jetty ไปลงหน้า 7 ที่ Love Lane ได้
_2.jpg)
นี่คือซอยที่เราพัก
_2.jpg)
และแล้วก็มาถึงที่พัก
_2.jpg)
_2.jpg)
เช็กอิน นั่งพัก อาบน้ำเรียบร้อย ไปออกไปเดินเล่นกัน ปีนังเป็นเมืองที่เหมาะกับการถ่ายรูปเป็นโปรไฟล์ FB ยิ่งนัก เสียดายมาคนเดียว...ร้องไห้แป๊บ อยากรู้ว่าเป็นยังไง มา ๆ เราเก็บบรรยากาศมาฝาก
_2.jpg)
ฮาโลวีน
_2.jpg)
จริง ๆ แล้วหากมากันหลายคนการเช่าจักรยานปั่นเล่นรอบเมือง รวมทั้งการหาจุด Wall Art ก็สนุกไม่น้อย
_2.jpg)
แต่เราเลือกที่จะเดิน ๆๆๆ แล้วก็เดิน
_3.jpg)
_2.jpg)
เราเดินแบบใช้ความรู้สึกให้นำทางเราไป
_2.jpg)
_2.jpg)
เดินเข้าซอยนู้นออกซอยนี้ไปเรื่อย ๆ
_2.jpg)
_2.jpg)
_2.jpg)
มื้อแรกในปีนัง ที่เห็นคนน้อย ๆ คือเขาเพิ่งตั้งร้าน ร้านนี้อยู่ตรงแยก Love Lane เลย
_2.jpg)
_2.jpg)
กินเสร็จกะเข้าไปนั่งพักที่ Hostel แล้วกะจะออกมาใหม่แต่ฝนดันตกอีก บวกกับวันนั้นมีบอลเตะเลยดูบอลแล้วขี้เกียจออกไปเลยพลาดการเดินเล่นตอนกลางคืนไป
23 Oct 2014
เช้านี้รีบตื่นแต่เช้าออกไปเดินเล่น สำหรับอาหารเช้าที่นี่ก็ชา กาแฟ ขนมปังปิ้งทั่วไปแหละ
_2.jpg)
_1.jpg)
เดินกันต่อไป ข้อดีของการมาคนเดียวคือเราสามารถเดินไปไหนก็ได้โดยไม่ต้องรอและแคร์ใคร ก็แค่ไม่มีคนถ่ายรูปให้แค่นั้นเอง
_2.jpg)
_2.jpg)
_1.jpg)
วนเข้าซอยนู้นออกซอยนี้เรื่อยเปื่อย
_1.jpg)
เช้าแบบนี้ไม่มีคนเลย
_1.jpg)
สาวญี่ปุ่นที่เราขอให้ช่วยถ่ายรูปให้
_1.jpg)
จิวเจ็ตตี้ จริง ๆ ตรงฝาผนังบ้านหลังนี้เคยมี Wall Art อยู่นะ แต่ก็อย่างว่าใด ๆ จะสามารถต้านทานกาลเวลาได้ หลาย ๆ รูปก็ค่อย ๆ ลบเลือนไปตามกาลเวลา
_1.jpg)
_1.jpg)
เดินไปเรื่อย ๆ มาเจอกับหอนาฬิกาควีนวิกตอเรีย
.jpg)
โบสถ์เซนต์จอร์จ
.jpg)
และโบสถ์อัสสัมชัญ
.jpg)
หญิงสาวนักเต้นบัลเลต์บนโค้งประตู
.jpg)
.jpg)

.jpg)
เดินวนไปวนมาก็ถึงมื้อกลางวันแล้ว คืออยากบอกว่าเป็นมื้อที่พลาด ไม่อร่อยเลย ย่านลิตเติลอินเดีย
.jpg)
.jpg)
บางรูปนี่ก็แอบหลบอยู่ตามซอกซอยที่เจอโดยบังเอิญ
.jpg)
.jpg)
.jpg)
_1.jpg)
.jpg)
สุดท้ายเดินวนกลับมาที่พัก แวะเข้า Museum Camera
.jpg)
.jpg)
นั่งพัก ชาร์จแบตโทรศัพท์ แล้วเอากระเป๋าที่ฝากไว้ เพราะคืนนี้เราจะเดินทางไปกัวลาลัมเปอร์แล้ว...จำกันได้ไหม แต่รอบรถเราคือ 24.45 น. คือดึกสุดดดดดด เลือกรอบนี้เองแล้วดันบ่น ก่อนจะออกจากปีนังเย็นนี้เราตั้งใจจะไป Gurney Drive หาอะไรกินและนั่งเล่นที่นั่นสักพัก แบกกระเป๋าใบโตออกจากที่พักมาขึ้นรถเมล์สาย 101 ฝั่งตรงข้าม 7 Love Lane ไปลงที่ Gurney Plaza แล้วเดินตัดทะลุมาอีกฝั่งก็จะเจอ เรียกง่าย ๆ ว่าตลาดโต้รุ่งก็คงได้ล่ะมั้ง
.jpg)
.jpg)
ปลาหมึกแถวไหนแพงสุด ? ใช่แถวนี้ไหม ?
.jpg)
.jpg)
ของกินเยอะมากกกกกกก แต่มาคนเดียวเลยต้องกินอาหารจานเดียวไปดิ
.jpg)
คือคืนนี้ต้องอยู่ดึกเลยต้องจัดหนัก
.jpg)
ขากลับเราเดินกลับมาขึ้นรถที่ป้ายรถเมล์เดิม แต่ขึ้นจากที่นี่ไม่ได้ เราไม่รู้ว่าสายการเดินรถเป็นแบบไหน แต่คนขับรถบอกให้เราเดินตัดถนนอีกเส้นขึ้นไป ซึ่งเป็นทางชันเนินเขา โดยเราแบกกระเป๋าหนัก 10 กว่ากิโลกรัมมาด้วย เดินตัดถนนขึ้นไปเลี้ยวซ้ายจะเจอกับป้ายรถเมล์ นั่งสาย 101 ไปลงที่ท่า Jetty เพื่อข้ามไปฝั่งบัตเตอร์เวอร์ธ แต่ที่เราพลาดคือแบกกระเป๋ามาด้วย แล้วรถเมล์มันวิ่งผ่านกลับไปทางเดิม คือผ่าน Love Lane รู้แบบนี้ฝากไว้ที่โฮสเทลก่อนก็ดี แบกมาทำไม
::: บายยยยยย จอร์จทาว์น ปีนัง :::
ฉันจะรู้จักเธอ เท่าที่เธอให้ฉันรู้จัก ฉันจะยิ้มให้เธอ เท่าที่เธอให้ฉันยิ้มให้ สักวันเราจะหาโอกาสกลับมาใหม่

ข้ามมาถึงฝั่งบัตเตอร์เวอร์ธเรียบร้อย เพิ่งจะ 2 ทุ่มครึ่ง รอบรถ 24.45 น. เอายังไงดีล่ะ เลยตัดสินใจไปนั่งรอที่สำนักงานขายตั๋วรถไฟบัตเตอร์เวอร์ธ แอร์เย็น มีฟรี Wi-Fi มีปลั๊กชาร์จโทรศัพท์ สวรรค์ชัด ๆ
.jpg)
(เผื่อใครพลาดคือเราเดินทางโดยรถบัส แต่เรามานั่งในสถานีรถไฟเพราะมันอยู่ใกล้กัน) นั่งจนถึงรอบรถไฟรอบสุดท้ายคือรถที่เราจะซื้อตอนแรกออกไป พี่ตำรวจรถไฟก็มาถามว่าเดินทางด้วยรถไฟหรือเปล่า ? เราบอกเปล่ารอเวลารถบัส พี่เขาก็ไม่ว่าอะไร จนถึงประมาณ 4 ทุ่มครึ่ง พี่ตำรวจกลับมาอีกครั้งบอกสถานีจะปิดแล้ว เราเลยต้องอพยพตัวเองไปที่ท่ารถบัส
.jpg)
ท่ารถบัส...เมื่อมาถึงเดินไปเช็กตั๋วและถามข้อมูล เราถามว่ารอตรงนี้ใช่ไหม พนักงานบอกใช่ แต่เราเดินมาหาที่นั่งเพราะได้ข้อมูลรถและ Platform ที่รถจอดแล้ว
.jpg)
นั่งรอจน 5 ทุ่มกว่า มีป้าพนักงานที่ท่ารถเอาตั๋วเราไปดูแล้วบอกให้รอตรงนี้ ไป ๆ มา ๆ มีคนจะให้เราขึ้นไปกับรถอีกคัน เราก็ปฏิเสธไปว่าเรารอรถตามข้อมูลนี้อยู่ สุดท้ายเดินไปถามที่บูธขายตั๋วบอกให้เราไปกับรถอีกคัน พร้อมออกตั๋วใบใหม่ให้ สรุปได้ขึ้นรถคันใหม่มา
.jpg)
โดยที่ราคาหน้าตั๋วใบใหม่ราคาแพงกว่าที่เราซื้อ นี่คิดในใจถ้าคิดตรูเพิ่มไม่จ่ายนะเฟ้ยยยยย เราเดาเอาว่ารถเจ้าที่เราซื้อเนี่ยยอดคนคงไม่พอเลยตัดยอดไปกับรถเจ้าอื่นเลย นี่ยังสงสัยจนทุกวันนี้ถ้าเรารอตรงหน้าบูธขายตั๋วนี่จะได้ไปเร็วกว่านี้ไหม
.jpg)
ตามทันกันไหมรถจะออกแล้วนะ
24 Oct 2014
::: อรุณสวัสดิ์ กัวลาลัมเปอร์ :::
รถมาถึงกัวลาลัมเปอร์ประมาณตี 5 ครึ่ง จอดตรงปาดูเซ็นทรัล ห่างจากสถานี LRT มัสยิดจาเม็กประมาณ 400 เมตร แต่รถไฟเปิดบริการ รอบแรก 6 โมงเช้า เลยนั่งพักอยู่ตรงนั้นก่อน ที่ตรงนั้นคนเพิ่งลงรถและรอขึ้นรถไฟเยอะแยะไม่น่ากลัว เมื่อได้เวลาก็ออกเดินไปสถานีรถไฟมัสยิดจาเม็ก เพื่อต่อรถไปที่ KL Sentral เพื่อไปที่ Hostel ที่เราพัก อยู่ห่างจากสถานี KL Sentral ประมาณ 400 เมตรเอง
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
และแล้วก็มาถึง KL Sentral
.jpg)
เดินสำรวจหาข้อมูลการเดินทางอยู่พักใหญ่ กะว่าจะออกไปเที่ยวเลย เพราะตอนแรกพี่ที่ Hostel อีเมลมาถามว่าจะเข้าเช็กอินกี่โมง เราตอบกลับไปว่าประมาณ 11 โมง แต่นี่เพิ่ง 6 โมงเช้า จะเข้าไปก็กลัวจะไม่มีคนอยู่ แต่สุดท้ายก็ลองเสี่ยงเข้าไปแล้วขอเช็กอิน ซึ่งพี่เขาก็ให้เช็กอินได้เลย แถมไม่คิดเงินเพิ่มอีกด้วย ง่วงจากการเดินทางเลยขอเข้านอน แต่นอนได้พักเดียวประมาณ 8 โมง ที่ตึกห้องข้าง ๆ มีการซ่อมแซมอีกเสียงดังนอนไม่ได้อีก เออ...ออกเที่ยวก็ได้วะ โมโหคนจะนอน !!!
ที่พักอยู่ชั้น 2 ของตึก
.jpg)
หนุ่มอิหร่านร่างยักษ์ นอนเตียงข้าง ๆ กัน
.jpg)
จาก kl sentral ขึ้น LRT ไปลงที่ pasar seni เดินเล่นย่านไชน่าทาวน์ จัตุรัสเมอร์เดก้า, สุลต่านอับดุลซามัค, มัสยิดจาเม็ก และ Kuala Lumpur City Gallery
.jpg)
และอีกเช่นเคยคือเดิน ๆๆๆๆ
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
สำหรับมื้อกลางวันเรามาฝากท้องกับที่นี่ Central Market ที่นี่จะมีพวกของฝาก ของที่ระลึก รวมทั้งของพื้นเมืองขายอยู่เยอะแยะ ใครสนใจอยากได้สินค้าประเภทนี้ก็ลอง ๆ แวะมาดูได้ แต่เราแค่แวะมากินข้าว
.jpg)
เป็นมื้อที่อร่อยที่สุด ถูกปากที่สุด เราจำไม่ได้ว่าชื่อเมนูอะไร ใครรู้ช่วยบอกด้วย
.jpg)
คุณลองนึกตามนะ ข้าวผัดพริกเผากินกับไก่ประมาณไก่ทอดหาดใหญ่ มีน้ำพริกกะปิและซอสพริกคอยเพิ่มรสชาติ โอ๊ยยยยยยย...อร่อย กินเสร็จก็เดินต่อ
.jpg)
_1.jpg)
.jpg)
.jpg)
หลังจากนั้นเราขึ้นรถไฟฟ้าจากสถานี masjid jamek ไปลงที่ KLCC เพื่อไปตึกแฝด
.jpg)
.jpg)
นั่งแล้ว นอนแล้ว เมื่อไหร่จะเปิดไฟ...พี่ง่วงงงงงงงงง
.jpg)
โอเคถ่ายรูปเช็กอิน สร้างแลนด์มาร์ก ภารกิจเสร็จสิ้นกลับห้องนอนได้
ระหว่างทาง เอ๊ะ ๆๆๆ ป้ายนี้แปลว่าอะไรนะ ? จริง ๆ น้องสาวฝากซื้อกระเป๋าเหมือนกัน แต่เราไม่ไหวแล้ว ไว้ไปซื้อให้ทีเดียวสิงคโปร์ดีกว่า มันคงไม่ถูกกว่าสิงคโปร์หรอกมั้ง ^^ เราเข้าใจถูกใช่ไหม ?
_1.jpg)
รีบกลับห้องนอนกะว่าจะนอนเร็วเมื่อคืนได้นอนไม่ถึง 3 ชั่วโมง แต่เปล่าเลยเพื่อนร่วมห้องอีกคนเมามาอ้วกแตกอีก ลำบากพี่ที่ Hostel ต้องมาทำความสะอาดใหม่อีก เสียเวลากว่าจะได้นอนคือดึกอีก
25 Oct 2014
::: มะละกา รออยู่ :::
วันนี้ตั้งใจจะตื่นแต่เช้า แต่ด้วยความเหนื่อยและเพลียกว่าจะตื่นก็สายแล้ว รีบกินกาแฟ ขนมปัง อาบน้ำแล้วออกมา KL Sentral นั่งรถไฟ KTM ไปลงที่ Bandar Tasik Selatan เพื่อไปขึ้นรถบัสที่ TBS ไปลงที่ Melaka Sentral
.jpg)
Love is all Around คู่นี้น่ารัก เขาแค่พูดคุยหยอกล้อกันปกติแต่ทำไมเรารู้สึกตาร้อนผ่าว ๆ
.jpg)
ตั๋วครับตั๋ว
.jpg)
และแล้วก็มาถึง Bandar Tasik Selatan เพื่อจะไปขึ้นรถบัสที่ TBS
.jpg)
ลงจากรถไฟเดินข้ามสะพานลอยเพื่อไปตึก TBS
.jpg)
เรามาถึงที่นี่ประมาณ 11 โมง ด้วยมัวแต่เดินวนไปวนมาหารอบรถก็เกือบ 11โมงครึ่งแล้ว สรุปได้รอบรถ 11 โมงครึ่ง ตอนซื้อตั๋วเขาจะถามชื่อเราด้วยเพื่อระบุชื่อในตั๋ว ค่ารถ 10 RM เราเลยยื่นพาสปอร์ตให้ไป พอรู้ว่าเป็นคนไทยพนักงานก็ทักทายสวัสดีค่ะมา เราก็สวัสดีครับไปตามระเบียบ แต่เดี๋ยวก่อนนะ อีก 5 นาที รถออก แต่ตอนนี้หิวมาก รีบวิ่งไป 7-Eleven กะหาขนมปังรองท้อง แถวยาวโคตรรรรรร เปลี่ยนใจไม่กิน วิ่งลงไปที่ Gate คือที่ตั๋วเขาเรียกแบบนี้จริง ๆ ก่อนลงบันไดเลื่อนต้องทำแสตมป์ตั๋วก่อนอีก ถามทางพนักงานว่านี่ใช่ทางลงไป Gate ไหม กว่าจะคุยกันรู้เรื่องหมดไปแล้วนาทีหนึ่ง เอ๋วิ่ง เอ๋วิ่งดิเอ๋ แล้วตอนนี้ลงไปแล้วไม่ใช่ว่าจะขึ้นรถได้เลยนะ ต้องเอาตั๋วไปสแกนบาร์โค้ดก่อนอีก โอ๊ย ! นี้รถบัสหรือเครื่องบิน สุดท้ายก็ได้ขึ้นรถแบบเหนื่อยหอบแฮกกกกกกก
รูปนี้ถ่ายจากที่นั่งเลย ข้างซ้ายคุณลุงเชื้อสายจีนที่นั่งพูดคนเดียวตลอดทาง ข้างขวาสาวมุสลิมหน้าตาคม ส่วนเราหนุ่มไทยรถออกพักเดียวก็หลับแล้ว แอบบ่นคือรถที่นี่เขาขับกันช้าจริง ๆ
.jpg)
::: Melaka Sentral :::
Melaka Sentral เมื่อมาถึงที่นี่ก็หาป้ายเดินออกไปโซนที่จอดรถเมล์ ขึ้นรถ Panorama Melaka สาย 17 ไปลง Dutch Square ค่ารถ 1.5 RM กว่ารถจะออกคือนานมาก คนขึ้นมาจนแน่นรถถึงออก มาถึง Dutch Square ลงจากรถแวะถ่ายรูปโบสถ์มะละกานิดหน่อย คือคนเยอะจริง
::: Dutch Square :::
.jpg)
.jpg)
เดินข้ามสะพานเพื่อไปที่พัก 555 เดินอีกแล้ว คือเราเลือกที่พักที่มันสามารถเดินไปได้หลังจากลงรถหรือการขนส่งหลัก ๆ
.jpg)
.jpg)
::: คนไทยในต่างแดน :::
เข้าที่พักเช็กอินเรียบร้อยวันนี้เจอคนไทยพักที่เดียวกัน คุยกันไป ๆ มา ๆ คือพรุ่งนี้มีแผนจะเข้าสิงคโปร์เหมือนกันอีก แถมวันกลับจากสิงคโปร์ก็กลับเครื่องไฟลท์เดียวกันอีก บังเอิญโลกกลมพรหมลิขิต นี่ถ้าเป็นผู้หญิงนี่เราคิดว่าเป็นเนื้อคู่เลยนะเนี่ย 555 เก็บกระเป๋าเรียบร้อยแยกย้ายกันออกเดินเที่ยว (จากนี้เราขอเรียกเพื่อนใหม่ว่าเพื่อนละกัน เพราะต่อจากนี้จะมีช่วงที่เดินทางร่วมกันอีกพอสมควร)
จุดหลัก ๆ เราจะเดินวนรอบ ๆ Dutch Square และย่านถนน Jonker Street (ย่านนี้ติดกับที่พักเราเลย)
.jpg)
.jpg)
รถเมล์ที่เราขึ้นมาจาก Melaka Sentral ก็หน้าตาเหมือนในรูปนี่เลย ภายในนี่เหมือนพวกรถ ปอ. บ้านเราเปี๊ยบ น่าจะสั่งซื้อมาจากบริษัทเดียวกันนะ
.jpg)
.jpg)
.jpg)
สำหรับใครอยากชมวิวเมืองมะละกาในมุมสูงก็ต้องนี่เลย
.jpg)
รถสามล้อสายแบ๊ว เห็นแบบนี้มีเครื่องเสียงทุกคันนะครับ เปิดเพลงแทบทุกแนวตั้งแต่แนวตื๊ดจนถึงเพลงดังของแต่ละชาติ ตามแต่สัญชาติของลูกค้า เพลงไทยเราก็ได้ยินนะ จากที่สังเกตดูทัวร์ไทยและเกาหลีมาลงที่นี่เยอะมาก ส่วนคนท้องถิ่นที่นี่เราคิดว่าจีนซะ 80% น่าจะได้
.jpg)
.jpg)
ว่าแล้วก็ออกเดินต่อ เป็นทริปที่เดินทรหดมาก
.jpg)
ซากโบสถ์เซนต์ปอล จุดนี้เราต้องเดินขึ้นบันไดไป บนเขาลูกย่อม ๆ สามารถมองเห็นวิวทะเลได้ด้วย
.jpg)
.jpg)
.jpg)
และจุดต่อไปคือโบสถ์เซนต์ฟรานซิสซาเวียร์ เป็นโบสถ์คาทอลิกสไตล์กอทิก เราชอบโบสถ์นี้นะสวยดี
.jpg)
.jpg)
เดินวนมาเจอบ้านนี้ บลู แจ๊ส ฟังก์ พังค์ บ้านนี้ไม่สนใจนะครับ เพราะบ้านนี้ร็อคตึ่งโป๊ะ 5555
.jpg)
ร้านนี้น่าสนใจ
.jpg)
เดินวนมาถึงย่าน Jonker Street หิวแล้วเลยสั่งข้าวมันไก่มากิน 4RM อาม่าเดินมาเก็บเงิน อาตี๋ค่าข้าวลื้อจ่ายอั๊วมา 4 RM เร็ว ๆ ลูกค้าอั๊วเยอะ เราทำหน้างง เป็นการส่งสัญญาณว่าฟังไม่เข้าใจ อาม่าเดินกลับไปให้ลูกสาวมาคิดเงิน (อาม่าพูดภาษาจีนใส่รัวเป็นชุดไม่งงได้ยังไง) ลูกสาวอาม่ามาเก็บเงิน คราวนี้ภาษาอังกฤษ โหยค่อยยังชั่วคุยกันรู้เรื่อง ^^
.jpg)
กินอิ่มเดินเข้าไปนอนเล่นที่พัก ช่วงหัวค่ำค่อยออกมาเดินใหม่ คุยนัดแนะกันกับเพื่อนว่าจะออกไปให้ทันรถเมล์รอบแรกที่จะไป Melaka Sentral คือ 07.30 น. และไปแจ้งที่รีเซฟชั่นว่าจะออกแต่เช้า เพราะที่นี่รีเซฟชั่นจะเข้ามาประมาณ 10 โมง พี่เขาก็บอกให้เอาคีย์การ์ดวางไว้ตรงนี้ ๆ นะ แล้วก็เช็กของให้เรียบร้อยเพราะถ้าเราคืนบัตรแล้วจะไม่สามารถเข้าไปได้อีก คือมีประตูคีย์การ์ดอีกชั้นอ่ะ พร้อมทั้งคืนเงินค่ามัดจำคีย์การ์ดให้เรา
มา ๆ เดินเล่นตอนกลางคืนที่มะละกากัน นั่งเรือชมเมืองก็ได้บรรยากาศอีกแบบนะ
.jpg)
.jpg)
เดินเพลินกับบรรยากาศยามค่ำคืนที่มะละกา
.jpg)
Jonker Street ขนมของกิน ของฝาก เยอะแยะเลย
.jpg)
.jpg)
รูปถ่ายในอดีตของมะละกา ดูน่าสนใจไม่น้อย
.jpg)
เวทีที่ให้ความบันเทิงของเหล่าอาตี๋ อาหมวย อาซ้อ อาอึ้ม อาเจ็ก อาม่า อากงทั้งหลาย แสดงไปจนถึงราว ๆ ห้าทุ่มได้
.jpg)
.jpg)
ที่พักสายแบ๊ววก็ต้องมานะครับ เมี๊ยวววววว
.jpg)
ร้านนี้คนเยอะตลอดเดินวนไป 2 รอบ ไม่กินก็ได้ฟระ
.jpg)
เลยจัดนี่มาแทน 6 RM
.jpg)
ราตรีสวัสดิ์มะละกา แอบให้ใจกับเมืองนี้นะ เสียดายมีเวลาอยู่แค่คืนเดียว
.jpg)
26 Oct 2014
เฮ้ยยยยยย Bedbug กัด ตื่นเช้ามาพบกับรอยแดงเป็นจุด ๆ ที่ต้นขาทั้งสองข้าง และส่วนอื่น ๆ อีกนิดหน่อย ตรูว่าแล้วไง เมื่อวานตอนนอนเล่นก็รู้สึกคัน ๆ ตั้งแต่แรก ถามเพื่อนที่นอนตียงข้าง ๆ ที่พักมาก่อนเรา 2 คืนบอกไม่โดนนะ คืออะไรในห้องนี้มีคนพักอยู่ 6 คน (รวมเรา) แล้วมีเราโดนคนเดียว แหมมมมมมม...โลกนี้ช่างโหดร้าย T^T (เวลาหาที่พักก็อย่าลืมดู feedback เรื่องพวกนี้ด้วย จะได้ไม่พลาดเหมือนเรา) บ่น ๆ อยู่พักใหญ่รีบอาบน้ำแต่งตัวออกไปขึ้นรถเมล์ตรงป้ายที่เราลงมาเมื่อวานเลย แต่ขากลับค่าตั๋ว 2 RM เช้า ๆ แบบนี้เงียบสงบดี ผิดกับเมื่อวานที่ผู้คนพลุกพล่าน
.jpg)
ระหว่างทางเจอกับกลุ่มนักปั่น
.jpg)
ข้อมูลที่หามาจาก Melaka Sentral เราสามารถเดินทางเข้าสิงคโปร์ได้ 2 แบบ คือ นั่งรถบัสไปลงที่ johor bahru แล้วต่อรถเมล์สาย 170 เพื่อข้ามไปสิงคโปร์ แต่เราเลือกที่จะนั่งรถบัสยาว ๆ ไปถึงสิงคโปร์กันเลย (แต่จากข้อมูลที่หามาก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกันที่รถจะไม่รอ หากเรามีปัญหาที่ด่าน ตม.) จัดแจงซื้อตั๋วรอบ 9 โมง ยังพอมีเวลาเลยหามื้อเช้ากินแถวนั้น ค่ารถก็ 25 RM ใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง ร่วมเวลาที่ด่านด้วย รถเจ้านี้ดีนั่งสบาย เก้าอี้นวดไฟฟ้า แถมมีปลั๊กสำหรับชาร์จแบตฯ ได้ด้วย
.jpg)
::: ประเทศต่อไปสิงคโปร์ :::
หลังจากมาถึงด่าน Tuas Checkpoint ใช่แล้วอ่านไม่ผิดหรอก รถที่เราขึ้นไม่ได้ไปที่ด่าน Woodland แต่มาที่ด่านนี้ เรากับเพื่อนตกลงกันว่าหากใครคนใดคนหนึ่งมีปัญหาที่ด่านไม่ต้องรอกัน ให้ไปได้เลย เมื่อใกล้ถึงด่านพนักงานบนรถจะแจกใบขาออกให้เขียน แต่เรายังไม่ได้เขียนเราเลือกที่จะลงไปเขียนข้างล่าง ถึงด่านก็ตามระเบียบแบกกระเป๋าสัมภาระที่มีลงไปด้วย ลงไปถึงในตัวอาคารเราก็พบกับแถวยาวเหยียด เราเลือกแถวที่สั้นที่สุด แต่ก็ยาวเกือบ ๆ ร้อยเมตรเห็นจะได้ ระหว่างรอคิวก็ค่อย ๆ เขียนใบขาออกไปเรื่อย ๆ ก็ถามกันไปมากับเพื่อนว่าตรงนี้เขียนอะไรวะ แล้วนี่อะไรวะ คืองงกันอยู่สองคน สาวที่มารถคันเดียวกันกับเราก็ถามว่าอยากให้ช่วยไหม ? พร้อมทั้งแนะนำ เขียน ๆ อยู่เพื่อนหันไปเจอแถวที่เปิดใหม่ก็วิ่งออกจากแถวไปเข้าแถวใหม่กัน
ป.ล. ช่วงนี้ไม่มีรูปถ่ายนะครับ ยุ่งวุ่นวายกับการแบกกระเป๋าและเขียนใบขาเข้า ไม่ใช่อะไรจริง ๆ กลัวโดนกักตัว ฮ่า ๆๆๆๆๆ
มนุษย์ป้า : มนุษย์ป้าเล่นงานเข้าแล้ว เมื่อไปถึงแถวใหม่ระหว่างกรอกเอกสารนิดหน่อยมีช่องว่างระหว่างเราและคนข้างหน้าอยู่ ก็มีมนุษย์ป้าเดินมาแทรกแถว แถมเรียกเพื่อนมาอีก 4-5 คน เฮ้ยผมนี่อึ้งเลยดิ นะจุดนั้นได้แต่คิดในใจขอให้โดนกักตัวยกแก๊งสาธุ เพี๊ยงงงงงง
ตม. จอมโหด : ถึงคิวเพื่อนเราแล้ว เพื่อนเดินเข้าไป ตม. มีถามนู่นนี่นั่น แล้วเห็นเพื่อนหยิบเอกสารต่าง ๆ ออกมาให้ดู ลุ้น ๆๆๆๆๆๆๆๆ ตื่นเต้น ๆ แล้วก็ผ่านไปได้ เอาละคราวนี้ถึงคิวเราบ้างแล้ว ยื่นพาสปอร์ตให้ ตม.สาว เธอหยิบไปดูเอกสารขาเข้า พลิกดูพาสปอร์ตหน้านู้นหน้านี้ มองหน้าสแกนพาสปอร์ตไร้ซึ่งคำพูดและคำถามใด ๆ เราคิดว่าเธออาจจะกล่าวว่าสิงคโปร์ยินดีต้อนรับ ผ่านการแสตมป์ประทับตรายื่นพาสปอร์ตคืนให้กับเราแล้วก็ได้ ไม่มีเหตุการณ์ใด ๆ ให้ตื่นเต้นมากกว่านี้ เรากล่าวขอบคุณแล้วเดินออกมา ไหนใครบอกโหด !!!! ส่วนกระเป๋าสัมภาระก็แค่สแกนปกติไม่ได้เปิดตรวจค้นใด ๆ
คำขอบคุณที่ไม่ได้กล่าวขอบคุณ
หลังจากผ่านด่าน ตม. มาเรียบร้อยเราเดินออกมาขึ้นรถ อ้อ ! อย่าลืมจำเลขทะเบียนรถไว้ด้วยเพราะในเอกสารขาเข้าต้องเขียน แล้วก็จะได้ขึ้นรถถูกคันด้วย ที่นี่รถบัสเยอะมาก ขึ้นรถมาได้สักพักจนรถออก เรามองหาสาวคนที่ให้คำแนะนำกับเราแต่เราหาเธอไม่เจอ เราไม่แน่ใจว่าเธอมีปัญหาอยู่ที่ ตม. หรือเปล่า แต่ตอนนี้รถออกมาแล้วและเธอก็ไม่ได้อยู่บนรถ เรายังไม่ได้ขอบคุณกับเธอเลย นี่ทุกวันนี้ยังรู้สึกผิดอยู่เลยเนี่ย แม้ว่าเธอจะไม่ได้มาอ่านแต่เราขอขอบคุณเธอตรงนี้เลยละกัน "ขอบคุณครับ"
::: สิงคโปร์ยินดีต้อนรับ :::
มองจากหน้าต่างรถ รถบัสจะไปจอดส่งเราที่ Textile Centre จากตรงนั้นเดินมาขึ้น MRT ที่สถานี Nicoll Highway
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
มาถึงที่นี่ก็ซื้อบัตร EZ-Link บัตรนี้สามารถใช้จ่ายได้ตั้งแต่ MRT รถเมล์รวมทั้งการซื้อของใน 7-Eleven ยอดเงินหมดก็สามารถเติมที่ตู้อัตโนมัติมีอยู่ทุกสถานี ยอดเงินเหลือก็ขอคืนได้ จากนั้นก็แยกย้ายกัน เราพักย่าน Clarke Quay ส่วนเพื่อนพักย่านไชน่าทาวน์ นัดแนะกันเข้าที่พักเรียบร้อย ออกมาเดินเล่นย่านไชน่าทาวน์แล้วกินข้าวกัน
.jpg)
มื้อแรกของเราในสิงคโปร์มาแล้ว ร้านนี้อร่อยให้เต็ม 10 เลย ร้านอยู่ตรงไชน่าทาวน์เลย ข้าวหมูกรอบ+หมูแดง หมูแดงอร่อยมากกกกกกก
.jpg)
กินอิ่มก็ต้องมีเดินเล่นย่อยอาหารกันบ้างดิ หราาาา จริง ๆ เดินทั้งทริป ^^ ช่วงนี้เราจะเดินเล่นรอบ ๆ ย่านไชน่าทาวน์
.jpg)
เอิ่ม...นี่สำเพ็งใช่ไหมเนี่ย ?
.jpg)
ป่ะ ๆ เดินต่อ
.jpg)
ป.ล. ช่วงไหนที่มีรูปเรานี่แสดงว่าไปกับเพื่อนนะ
วัดศรีมาริอัมมัน เป็นวัดของชาวฮินดูที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในสิงคโปร์
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
ของเล่นแบบนี้เคยเล่นกันไหม อันตรายเหมือนกันนะถ้าเด็กเล็ก ๆ กลืนเข้าไปเนี่ย
.jpg)
และวัดเขี้ยวแก้ว
.jpg)
.jpg)
.jpg)
หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันเดินกลับที่พัก
.jpg)
.jpg)
.jpg)
กลับมาถึง Hostel นอนเล่นอัพโหลดรูปถ่ายอวดเพื่อน ตรูชวนแล้วนะไม่มาเอง 5555 แล้วช่วงหัวค่ำออกไปเดินเล่นรอบ ๆ ที่พัก ดูอาคารเก่าย่าน City Hall รูปปั้น Sir Stamford, Merlion Park หลังจากนั้นวนเข้า Clarke Quay ย่านแฮงก์เอาท์ยามค่ำคืน
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)

เดินจนเริ่มเมื่อยก็แวะนั่งพักพร้อมดูโชว์แสง สี เสียง ลมพัดเย็นสบายบรรยากาศก็ดี กำลังเคลิ้ม ๆ กลุ่มครอบครัวพี่แขกมานั่งเหนือลม เท่านั้นแหละบรรยากาศเปลี่ยนทันใด จากนั้นเลยเดินไปย่าน Clarke Quay แล้วกลับ Hostel
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
ที่กาญจน์บ้านเรามีแพเธค ที่นี่ก็มีบาร์เรือนะครับ...เอาสิ
.jpg)
ราตรีสวัสดิ์กับคืนแรกที่สิงคโปร์ แอบหลงรักประเทศนี้แฮะ ไอ้นี้ใจง่ายจังเมื่อคืนเพิ่งบอกชอบมะละกาอยู่เลย แหมก็มันคนละแนวนิเนอะ 555
27 Oct 2014
เช้านี้ที่ Bunc @ Radius Clarke Quay มีอาหารเช้ารอเราอยู่ สำหรับที่พักที่นี่เราให้ 8/10 เลยที่พักอาหารทุกอย่างโอเคหมด แต่คือเราได้นอนเตียงบนตรงหน้าประตูไง ก็สงสัยว่าเออเขานอนไม่ปิดไฟกันหรือยังไง เพราะเหมือนยังเห็นแสงไฟตอนนอน แต่ไม่ใช่ปัญหาเพราะแต่ละเตียงมีม่านปิด เพื่อความเป็นส่วนตัวอยู่แล้ว สรุปคือป้ายไฟ Exit มันอยู่บนหัวเตียงเรา ถึงว่ามีแสงไฟทั้งคืน
สรุปแพลนคร่าว ๆ วันนี้
ช่วงเช้าไปเกาะ Sentosa : Universal Studios (ไม่ได้ไปเล่นนะไปถ่ายรูปเฉย ๆ) จริง ๆ ที่นี่ไม่ได้อยู่ในแพลนเราแต่แรกเพราะมาคนเดียว พอดีเพื่อนจะเข้าไปเล่น เราเลยเนียน ๆ มาด้วย เพื่อให้เพื่อนช่วยถ่ายรูปให้ ฮ่า ๆๆๆๆ คือจากประสบการณ์ 3-4 วัน ที่ผ่านมาการบอกให้คนไทยด้วยกันถ่ายรูปให้นี่มันได้รูปที่ถูกใจ กว่าขอพวกนักท่องเที่ยวถ่ายให้นะ บอกได้เต็มที่อยากได้มุมแบบไหน ระยะไหน ส่วนขอให้พวกนักท่องเที่ยวถ่ายให้นี่ เราได้แต่รูปยืนตรงถ่ายติดบัตรมา ไม่กล้าขอมากกลัวพวกด่าเอา ><”
ช่วงบ่ายไป Anchorpoint Outlet เพื่อซื้อกระเป๋าให้น้องสาว และจะไปเดินเล่นย่าน Arab Street, Haji lane ส่วนกลางคืนจะไปดูแสดงไฟที่ Garden by the bay และ Mustafa Centre โอเครับทราบแพลนร่วมกันก็ออกเดินทาง
.jpg)
สำหรับการเดินทางไปเกาะ Sentosa นั้นเราต้องนั่ง Sentosa Express เข้ามาเสียค่ารถ 4 เหรียญ (จ่ายเฉพาะขาเข้า จ่ายผ่านบัตร EZ-Link ได้เลย) แหมพลาดคิดว่าฟรี ไหน ๆ ก็มาแล้วก็เข้าก็ได้วะ
.jpg)
เฮียแกอยากจะมีส่วนร่วม
.jpg)
Family Selfie ><"
.jpg)
.jpg)
.jpg)
เดินได้สักพักฝนเริ่มลงเม็ด เลยมูฟออกมา
.jpg)
ต่อไปคือ Anchorpoint Outlet เพื่อซื้อกระเป๋าให้น้องสาว การเดินทางคือขึ้นรถไฟฟ้ามาลงสถานี Queenstown แล้วต่อรถเมล์สาย 195 ไปลงตรงหน้ IKEA ไป ๆ รถเมล์มาแล้ว ขึ้นรถมาก็เอาบัตรแตะจ่ายค่ารถเลย ตอนลงก็อย่าลืมแตะลงด้วยล่ะ เดี๋ยวเงินหมดบัตรไม่รู้ด้วยนะ
.jpg)
รถเมล์ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ใจเย็น ๆ ไม่ต้องล่ก บอกใครบอกตัวเองนี่แหละ คือยิ่งนั่งเหมือนยิ่งออกนอกเมือง แต่ขากลับเร็วมากไม่ถึง 10 นาที เห็น IKEA ก็ลงได้ เพราะห้าง Anchorpoint Outlet จะอยู่ตรงข้ามกัน
.jpg)
.jpg)
ซื้อกระเป๋าให้น้องเสร็จกลับที่พักเอากระเป๋าไปเก็บ แล้วกะออกไป Haji Lane เลย แต่ฝนตกติดฝนนอนเซ็งอยู่เกือบ 2 ชั่วโมง สุดท้ายก็ได้ออกมา
Haji Lane เป็นแหล่งรวมร้านเสื้อผ้าและคาเฟ่น่ารัก ๆ เดินเล่นเพลิน ๆ ช่วงที่เราไปมีหลาย ๆ ร้านกำลังปรับปรุง รวมถึงร้านที่กำลังจะเปิดใหม่อีกเยอะเลย สำหรับวิธีเดินทางมาที่ Haji lane นั่ง MRT มาลงที่สถานี Bugis ออกทางออก B เดินให้มาถึงสี่แยก ที่ถนน Ophir Rd. ตัดกับ North Bridge Rd. มองฝั่งตรงข้ามเลยจะเห็นซอย Bali Lane ก่อน ซอยถัดไปจะเป็นซอย Haji Lane
.jpg)
.jpg)
.jpg)
และร้านนี้มี Motto เดียวกะเราเลยเก็บรูปมาฝาก


Shop Tokyo Bike ก็มีนะ ไม่ได้เข้าไปดูราคาว่าถูกหรือแพงกว่าบ้านเรามากน้อยแค่ไหน
.jpg)
.jpg)
.jpg)
เราไม่รีบเดินเล่นเรื่อย ๆ กันนะ
.jpg)
.jpg)
แล้วก็มาเจอกับคันนี้
.jpg)
และคันนี้
.jpg)
เริ่มเมื่อยก็กลับที่พัก
.jpg)
เดินมาเจอกับจักรยานคู่นี้ มีโซ่คล้องคู่กันแบบนี้ น่ารักดีเนอะ
.jpg)
คืนนี้นัดกับเพื่อนไว้จะไป Garden By The Bay กัน แต่ก่อนจะออกไปเราแวะกินข้าวที่ Hong Lim Complex อยู่ระหว่าง MRT สถานี China Town และ Clarke Quay ที่นี่จะมีศูนย์อาหารอยู่ ราคาถูกเลยล่ะ ที่เดินสำรวจดูส่วนมากราคาจะเริ่มที่ 2.5 เหรียญ ใครพักแถวนี้ก็มาฝากท้องกับที่นี่ได้
.jpg)
.jpg)
กินอิ่มก็ออกเดินทางตามที่นัดหมายกันไว้
.jpg)
Infinity Singapore
.jpg)
มาทันเวลาโชว์พอดี เพลงเพราะ ไฟสวย เพลินนนนนนนน
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
จากนั้นเดินวนมาสะพาน The Helix Bridge
.jpg)
.jpg)
หลังจากนี้ไปเดินที่ Mustafa Shopping Center แต่เป็นการไปเดินดูและเทสกลิ่นน้ำหอมกันมากกว่า เพราะเรายังไม่ได้ตัดสินใจซื้ออะไรกัน
28 Oct 2014
เช้าวันใหม่วันนี้ตั้งใจไป Garden By The Bay อีกรอบ แต่รู้สึกว่าพลาดมาก อากาศร้อนไม่น่าเดินเลย เราว่ากลางคืนสวยกว่านะ แต่พวกในโดมที่เสียค่าเข้าเราไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร แต่ถ้าจะมาดูแค่ด้านนอกมากลางคืน ตอนที่มีแสดงไฟดีกว่า ซื้อตั๋วขึ้นรถ จริง ๆ จะเดินก็ได้นะ แต่เพราะเราคิดว่ารถจะพาวนรอบแ ต่เปล่าแค่ขับไปส่ง เสียไป 2 เหรียญ ซึ่งขากลับออกมาก็ไม่ได้นั่ง
.jpg)
.jpg)
เหนื่อยร้อน...นอนแป๊บ
.jpg)
.jpg)
หลังจากนั้นก็ไป Mustafa Shopping Center อีกรอบ คราวนี้ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไปซื้อน้ำหอม ดูจริงจังและตั้งใจเนอะ รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง 5555 เพราะราคามันน่าโดนสุด ๆ เป็นยังไงเดี๋ยวเอาราคามาให้ดู ระหว่างทางอาม่ากับหลาน
.jpg)
นี่ไงราคาถูกดี พอดีช่วงที่ไปมีโปรโมชั่นวัน Divali พอดี เราซื้อ CK One ขวด 100 ml จับคู่กับเพื่อนได้มาราคาขวดละ 22.5 เหรียญ ที่บอกไปตอนแรก รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง ราคานี้ก็ถือว่าน่าเสี่ยง และได้น้ำหอม Adidas มา 2 ขวด ตอนแรกที่ป้ายราคา 6 เหรียญ พอซื้อคู่กัน 2 ขวด ลดเหลือ 5 เหรียญ (ซื้อคนละขวดกับเพื่อน) วนกลับมาซื้ออีกขวดคราวนี้ได้ราคาปกติ 6 เหรียญ
.jpg)
ซื้อของเสร็จวนซื้อขนมอีกนิดหน่อยแล้วออกมากินข้าว กะจะไปเดินย่าน Little India ต่อ แต่ฝนตกอีกแล้ว มื้อกลางวันวันนี้รสชาติงั้น ๆ แหละเห็นร้านมีสาขาเยอะคิดว่าจะอร่อย ตั้ง 7.5 เหรียญ
.jpg)
วัดในย่าน Little India
.jpg)
ช่วงบ่ายหลังจากนั้นก็ไปเดิน ๆ ย่านไชน่าทาวน์อีกรอบ และหาที่นั่งพักแถว ๆ นั้น และช่วงเย็นก่อนจะไปสนามบิน ก็ชวนกันไปกินมื้อเย็นที่ Maxwell Food Centre กันก่อน
.jpg)
จานนี้มีหน้าตาแบบนี้ ส่วนขาว ๆ นั่นคือกระเทียมนะ เฮียถามว่าเอากระเทียมไหม เราบอกเอา เฮียก็ใส่มาเต็มที่เลย มื้อนี้ 5เหรียญ ราคาเท่าน้ำหอมเลย
.jpg)
หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันเข้าที่พัก ไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ แล้วก็ไปสนามบิน ไปถึงสนามบินเกือบ 2 ทุ่ม เช็กอินเรียบร้อยก็ไปทำเรื่อง GST Refund ไม่ยุ่งยากเลย แค่เอาใบเสร็จที่ทางร้านออกให้ไปยื่นที่เคาน์เตอร์ แล้วก็เซ็น ๆ เอกสาร จบรับเงินสดมาเลย ทีนี้ก็ไปนั่งรอนอนรอไฟลท์กลับบ้านเราแล้ว
::: บายยยยยย สิงคโปร์ :::
.jpg)
และสวัสดีประเทศไทย
.jpg)
และก็ถึงเวลาที่ต้องบอกลากันแล้วเช่นกัน บายยยยยเพื่อนใหม่ ขอบคุณทุก ๆ คนที่ทนอ่านกันจนจบ เราขอขอบคุณจริง ๆ ครับ ผิดพลาดตรงไหนก็ขอโทษด้วยครับ หากสงสัยตรงไหนทิ้งคำถามได้เลย เต็มใจตอบทุกข้อสงสัยครับ
ถ้าจะมีคนถามเราว่าไปเที่ยวแล้วได้อะไร ? การเดินทางครั้งนี้มันอาจไม่ได้ทำให้เราโตขึ้นหรือแกร่งขึ้นมากมาย แต่มันทำให้เรากล้า ๆ ที่จะออกจาก Comfort Zone กล้าที่จะออกไปพบโลกใบใหม่ นั่นแหละสิ่งที่เราได้กลับมาจากทริปนี้ ถ้าไม่นับรอยแผลจาก Bedbug อะนะ ฮ่า ๆๆๆๆๆๆ
จากนี้มาถึงช่วงที่ทุกคนรอคอย สรุปค่าใช้จ่าย
**ยอดนี้เฉพาะค่าเดินทาง ที่พัก และอาหาร**
ค่าเดินทาง รวม (5,597 บาท)
ค่าเครื่อง+น้ำหนักกระเป๋า+ข้าว 2800 บาท (เราจองล่วงหน้าแค่อาทิตย์เดียว เลยได้ราคาสูงพอสมควร หากจองล่วงหน้าและลดพวกออพชั่นเสริมราคาจะถูกลงอีกเยอะเลย)
รถไฟ 1,210 บาท
MRT ไปหัวลำโพง 40 บาท
ค่ารถจากบัตเตอร์เวร์ธไป KL 377 บาท
ค่าเรือเฟอร์รี่ 12 บาท
รถเมล์ปีนัง 24 บาท
LRT ใน KL 65 บาท
รถทัวร์ไปมะละกา 100 บาท
รถเมล์มะละกา 35 บาท
รถทัวร์ไปสิงคโปร์ 248 บาท
ค่าบัตร ez-link+เติมเงิน 686 บาท
ค่าที่พักรวม (2,213 บาท)
ปีนัง 367 บาท
กัวลาลัมเปอร์ 278 บาท
มะละกา 298 บาท
สิงคโปร์ 1,270 บาท
อาหาร+เครื่องดื่ม รวม (1,440 บาท)
ตุนเสบียงอาหารแห้ง น้ำขนม 80 บาท
มาเลเซีย 646 บาท
สิงคโปร์ 714 บาท
รวมค่าใช้จ่าย (9,250 บาท)
ทุกเส้นทางล้วนมีอันตราย แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่คนเราจะไม่ออกเดินทาง #นิ้วกลม
ป.ล. สุดท้ายเราต้องกล่าวคำว่าขอบคุณและสวัสดี จนกว่าเราจะพบกันใหม่ในทริปหน้า : D