ดอยอินทนนท์ สูงสุดแดนสยาม สวยงามทุกฤดูกาล
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ tamrong สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก Tamrong MF
ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย แต่ "ดอยอินทนนท์" หรือ "อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์" จังหวัดเชียงใหม่ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งยอดดอยที่มีการเดินทางสะดวกสบาย สามารถขับรถขึ้นไปถึงได้เลย ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปสัมผัสกับความงดงามอยู่เสมอไม่ว่าจะฤดูกาลไหน อีกทั้งสีสันของแต่ละช่วงฤดูกาลก็สวยแตกต่างกันออกไปเช่นกัน ดังนั้นสำหรับคนที่อยากรู้ว้าดอยอินทนนท์แต่ละฤดูจะตระการตาขนาดไหนนั้น ก็ตามบันทึกการเดินทางของ คุณ tamrong สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่มีโอกาสไปเยือนดอยอินทนนท์และถ่ายทอดความสวยงามผ่านรีวิวแบบเจาะลึกมาให้เราได้ชมกันค่ะ
+++++++++++++++++++
ถ้าถามผมว่าในประเทศไทยเนี่ย ชอบไปเที่ยวไหนที่สุด คงไม่พ้นคำตอบว่า "ดอยอินทนนท์" นี่แหละครับ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ใกล้บ้านผม เพราะผมอยู่เชียงใหม่ครับดอยอินทนนท์ไปได้ทุกฤดู แต่ละฤดูก็มีสีสันแตกต่างกันไป
ฤดูหนาว...ก็เจออากาศอันเย็นที่สุดเท่าที่จะเย็นได้ในประเทศไทย เย็นจนเกิดน้ำค้างแข็งหรือเหมยขาบ แม่คะนิ้ง แล้วแต่จะเรียกกันไปตามแต่ละภาค พอเลยมานิดหนึ่งช่วงวันเด็ก ยังไม่ทันหายหนาวก็มีดอกนางพญาเสือโคร่ง ซากุระเมืองไทยบานเต็มไปหมด สวยตั้งแต่เริ่มบานยันกลีบร่วงกันเลยทีเดียว
หน้าร้อน...ถึงในเมืองร้อนตับแตก มีแต่หมอกควันมองไปทางไหนก็เหลืองระอุไปหมด แต่พอไปถึงยอดดอย ก็ยังเจอฟ้าใส ๆ มีอากาศเย็น ๆ สิบ-ยี่สิบองศาให้ได้ชื่นใจ
หน้าฝน...เป็นหน้าโลว์ ไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว ไม่ต้องแย่งกันกิน แย่งกันใช้ ขับรถขึ้นไปเงียบสนิท มีรถผมอยู่คันเดียวทั้งดอยแต่ก็เขียวชื่นใจ ร่มรื่นชื่นเย็น ปลายฝนต้นหนาวก็มีนาข้าวขั้นบันไดเขียวขจีให้ได้ชื่นชม
ผมไปดอยอินทนนท์แทบทุกเดือนครับ บางเดือนก็ไปหลาย ๆ รอบ เหมือนเป็นสถานที่คลายเครียด เบื่อ ๆ ก็ขับรถขึ้นไปลั่นชัตเตอร์ทิ้งสัก 500 แชะ หาอะไรอร่อย ๆ กิน ดูอะไรสวย ๆ งาม ๆ ก็หายเครียดแล้ว ผมว่าดอยอินทนนท์นี่ใกล้เชียงใหม่มากครับ พอมาตอนนี้ถนนเลียบคลองชลประทานสายใหม่ใกล้จะเปิดแล้ว ถนนสายนี้เลี่ยงตัวเมืองหางดง สันป่าตอง ทุ่งเสี้ยว มาโผล่ถึงดอยหล่อเลย ย่นระยะเวลาเดินทางได้เยอะพอสมควร สมัยก่อนขับรถ 2-3 ชั่วโมง ตอนนี้ขับรถชั่วโมงครึ่งถึงสองชั่วโมงก็ถึงยอดดอย
ไปง่าย ไม่ต้องใช้ความยากลำบากในการเดินทางอะไรมากครับ ไม่ต้องเดินป่าเป็นวัน ๆไม่ต้องลุยป่า ลุยโคลน เจอทาก เหมาะกับคนเวลาน้อย รักความสบายและขี้เกียจแบบผม 555
การเดินทางก็ตามเว็บเขาบอกเลยครับ ถ้ารถส่วนตัวก็สบายเลย แวะเที่ยวได้ทุกที่ ถ้าเป็นรถสาธารณะนั่งรถจอมทองจากคิวรถประตูเชียงใหม่ มาลงที่คิวรถหน้าวัดจอมทอง แล้วก็เหมารถสองแถวจากคิวรถหน้าวัดจอมทองขึ้นดอยมาเลยครับ ถนนหนทางก็กว้างขวาง เรียบง่าย ไม่ค่อยซับซ้อน ไม่น่าหลงกันได้ง่าย ๆ ครับ มีทางหลัก ๆ ตรงอยู่ทางเดียว ตรงขึ้นไปเรื่อย ๆ ก็ถึงยอดดอยหละครับ มีแยกย่อยอยู่ไม่กี่แยก
สถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ แบ่งแยกไล่ลงมาจากยอดดอยเลยครับ
ยอดดอยอินทนนท์ สูงสุดยอดในสยาม
ไม่ต้องบรรยายมากครับ เขาก็บอกอยู่แล้วว่าสูงที่สุดในสยามประเทศ ขึ้นดอยไปจนสุดทางหลวงหมายเลข 1009 ก็ไปต่อไม่ได้แล้วครับ ถ้าตรงจากปากทางขึ้นไปไม่แวะที่ไหนเลยก็ใช้เวลาราว ๆ 40-60 นาที ตามแต่ความถนัดของแต่ละคนครับ ก็จะมาถึงลานจอดรถแห่งนี้ครับ
ขาขึ้นไม่ค่อยยากเท่าไร แต่ขาลงนี่ต้องใช้ความชำนาญพอสมควรครับ ใช้เกียร์ให้ต่ำที่สุด ใช้เบรกให้น้อยสุด ลากรอบเครื่อง ค่อย ๆ ไหลลงมาเรื่อย ๆ ครับ ถ้าลงแบบพุ่งพรวด ๆ เบรกทุกโค้ง ผลสุดท้ายจะเจออาการผ้าเบรกไหม้ น้ำมันเบรกร้อนจัด สุดท้ายเบรกจะหายไปเฉย ๆ เลยครับ เหยียบแล้วมันก็ยุบลงไปเฉย ๆ เลย เบรกไม่หยุดฉุดไม่อยู่ครับ...อันตรายมาก ดังนั้นก่อนจะขึ้นเตือนวิธีลงก่อนครับ ไม่ต้องซิ่ง ไม่ต้องแซง ใส่เกียร์ต่ำ ๆ ไหลลงมาเรื่อย ๆ ครับจะได้ไม่ต้องจอดข้างทาง เอ้า...บอกวิธีขับแล้วก็ไปเที่ยวกันดีกว่าครับ
จอดลานจอดรถข้าง ๆ สถานีเรดาร์ สถานีเรดาร์ตรงนี้เป็นความลับทางการทหารนะครับ ห้ามถ่ายรูปครับ ดูเฉย ๆ แวะไปกินกาแฟ ถ่ายรูปนก ถ่ายดอกไม้ ถ่ายเซลฟี่หน้าตัวเองได้ แต่อย่าไปถ่ายรูปเรดาร์เขาเด็ดขาด
เดินขึ้นไปอีกด้านตรงข้ามของสถานีเรดาร์ก็จะเจอป้ายจุดสูงสุดในสยามครับ ซึ่งเป็นจุดที่มหาชนนิยมมาถ่ายรูปกันสุด ๆ ช่วงเทศกาลนี่ถึงกับต้องต่อคิวกันถ่ายรูปเลยทีเดียว
เดินไปอีกนิดก็จะมีหมุดบอกความสูง สูงสุดยอดในสยาม 2,565 เมตร ของจริง ๆ ครับ (ป้ายข้างล่างเอาไว้ถ่ายรูป อิอิ)
สูดอากาศให้เต็มปอดครับ
แล้วเดินออกไปทะลุที่ทำการหน่วยพิทักษ์ป่า
คำว่ายิ่งสูงยิ่งหนาวนี่จริง ๆ เลยครับ แถว ๆ ยอดดอยนี่ไม่ว่าฤดูไหน เดือนอะไร ในเมืองจะร้อนตับแตกแค่ไหน ขึ้นมาถึงยอดดอยตรงนี้อย่างร้อน ๆ ที่สุดก็ไม่เกินยี่สิบองศาครับ ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็เย็นสบาย มันม่วนแต๊ ๆ เลยหนะปี้น้อง
พอหน้าหนาวนี่หนาวจนมือชา กดชัตเตอร์แทบไม่ลง ช่วงที่หนาวจัด ๆ ก็อาจจะติดลบได้เลยครับ พออุณหภูมิติดลบน้ำมันก็กลายเป็นน้ำแข็งสิครับ
นอกจากนี้ยังมีแบบเป็นผลึกที่เกิดจากน้ำค้างกลายเป็นน้ำแข็งด้วยครับ
ต่อจากน้ำค้างแข็งเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามจะมีทางลงครับ
เขาเรียกว่าเส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา เป็นป่าชื่นแฉะครับ พื้นข้างล่างเป็นดินชุ่มน้ำ มีน้ำซึม ๆ ออกมา ไหลลงไปรวมกันเป็นต้นน้ำลำธาร เดินสบายครับ เขาทำเป็นขั้นบันได มีทางเดินไม้ให้เรียบร้อย เดินดูต้นมอส ต้นเฟิร์น กุหลาบพันปี ข้าวตอกฤาษีอะไรพวกนี้แหละครับ หน้าฝนนี่ชุ่มฉ่ำสุด ๆ มอสเป็นปึก ๆ งอกออกมาเต็มทางเดินไปหมด
ส่วนหน้าหนาวก็แห้งหน่อยแต่ก็ยังชุ่มฉ่ำ เพราะยอดดอยนี่มีเมฆนำความชุ่มชื้นลอยมาชนตลอดทั้งปี เดินเข้าไปรอบหนึ่งถ้าจ้ำพรวด ๆ ก็ 20 นาที คงครบรอบ แต่ถ้าเดินซึมซับชื่นชมธรรมชาติไปเรื่อย ๆ ก็อยู่ในนั้นได้เป็นชั่วโมง ๆ เลยครับ
ควรทายากันยุงไว้ด้วยครับ เพราะมีพวกแมลงบินต่าง ๆ ทั้งยุง ทั้งคุ่น คอยดูดเลือดเราอยู่ครับ
ลงมาจากยอดดอยสัก 5 กิโลเมตร ซ้ายมือเป็นลานจอดเฮลิคอปเตอร์ครับ รวมทั้งจอดรถด้วย ถ้าเป็นช่วงเทศกาลจะมีรถจอดเต็มไปหมด แต่ถ้าเป็นหน้าฝนทั้งดอยมีเราอยู่คนเดียวครับ จะกระโดดโลดเต้นยังไงก็ตามสบาย
ฝั่งขวามีร้านอาหาร ขายส้มตำ แหนมย่าง มาม่า อยู่ 2 ร้านครับ
ติด ๆ กันเป็นทางเข้าเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่สวยงามมาก ๆ อยู่ครับ ชื่อว่ากิ่วแม่ปาน เส้นทางนี้ไม่ได้เปิดทั้งปีครับ แต่ปิดในช่วงฤดูฝน เพราะมันแฉะเกิ๊น เดินไม่ไหว และเขาก็ให้ป่าได้ฟื้นตัวด้วยครับ จะเปิดช่วง 31 ตุลาคม ถึงปลายฤดูร้อนเท่านั้นครับ ต้องลงทะเบียนและมีเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นนำทางเข้าไปครับ เพื่อจะได้ไม่หลงทาง ไม่ไปทำอะไรพิเรนทร์ ๆ หรือไปทำลายธรรมชาติในนั้น วันไหนเจอเมฆคลุมดอยนี่รีบ ๆ เดินเข้าไปเลย สวยมาก ๆ ครับ
วันแดดออกก็สวยไม่แพ้กัน เพราะเห็นวิวไปไกลเลย
ข้างในก็แบ่งเป็นช่วง ๆ มีน้ำตก มีป่าฝน มีทุ่งโล่ง ต้นกำเนิดแม่น้ำลำธารครับ
เลยทางเข้าพระธาตุไปก็มีที่ขึ้นไปชมวิวอยู่สองสามจุดครับ
ลงมาอีกนิดจะมีแยกเล็ก ๆ ครับ เลี้ยวไปพระตำหนักดอยผาตั้ง กลับไปดูแผนที่ด้านบนได้ครับ เป็นสถานที่ที่ปลูกดอกพญาเสือโคร่งไว้หนาแน่นเช่นกันครับ มุมมองจะเป็นถนน มีซากุระปลูก 2 ข้างทาง ประมาณเนี้ย เสียดายผมเคยไปครั้งเดียวตอนซากุระร่วงไปเกือบหมดแล้ว ถ้าไปตอนบานเต็มที่จะสวยน่าดูเลยครับ
ที่เที่ยวมาพอสมควรแล้ว แวะชมที่กิน ที่นอนมั่งครับ โครงการหลวงดอยอินทนนท์ ขับรถลงดอยเลยที่ทำการอุทยานฯ ลงมา เลี้ยวซ้ายเข้าไปนิดหน่อยตามหาป้ายเลยครับ
ในนี้ก็มีสถานที่พักผ่อนหย่อนใจครับ สระน้ำมีหงส์ มีเป็ดน้ำ ร้านกาแฟ สวนดอกไม้ สวนเฟิร์น
ราคาบ้านพักในโครงการหลวง ก็พอ ๆ กับบ้านชาวบ้านแถว ๆ แม่กลางหลวงเลยครับ แพงกว่ากันนิด ๆ หน่อย ๆ แต่ว่าสะดวกสบายกว่าพอสมควร
CR ควักเอง จ่ายเอง แต่เชียร์เต็มที่ม้าเต็มฝีเท้า เพราะว่าเป็นบ้านพักของมูลนิธิโครงการหลวง เงินเข้าหลวงครับ อย่างบ้านสิริภูมิ B เนี่ย หน้าเทศกาล 1,500 บาท หน้าโลว์ 1,100 บาท พร้อมอาหารเช้าอลังการมาก ๆ ผมว่าบ้านเบอร์สิริภูมิ B1-B6 นี่จะใกล้น้ำตกที่สุด อยู่สบาย ไม่พลุกพล่าน นอนฟังเสียงน้ำทั้งคืนครับ
เย็นจนไม่ต้องเปิดแอร์ เพราะเย็นกว่าแอร์ หน้าหนาวนี่ต้องร้องหาฮีตเตอร์ เครื่องทำน้ำอุ่น เอาไม่อยู่ครับ น้ำเย็นจนไม่ต้องอาบน้ำกันเลยทีเดียว 555 ในห้องมีกาแฟคั่วบดพร้อม French Press ให้นั่งละเลียดกาแฟ ชมวิวที่ริมระเบียงครับ
เริดมาก แต่หน้าเทศกาลนี่จะจองยากสุด ๆ ครับ แนะนำให้หนีร้อนไปนอนหน้าร้อนหรือหน้าฝน ขออนุญาต แปะเบอร์โทรศัพท์คงไม่ผิดกฎ เพราะเป็นที่พักของหน่วยงานราชการ โดยมูลนิธิโครงการหลวงครับ ไม่ได้เข้ากระเป๋าเอกชน
รีวิวเพิ่มเติมก็กระทู้นี้ได้เลยครับ
ถ้าเดินเล่นตอนกลางคืนจะเห็นแปลงดอกเบญจมาศบนดอย เปิดไฟกันสว่างไสวครับ เพราะว่าดอกชนิดนี้ต้องการแสงนานเกินวันละ 12 ชั่วโมง เขาเลยต้องเปิดไฟให้ดอกครับ
อาจจะปีนขึ้นไปได้อีก แต่ผมกลัวแข้งขาหักตอนแก่ก็เลยสุดถึงแค่นี้ มีต้นเฟิร์นต่าง ๆ นานาพรรณรวบรวมไว้ที่นี่ครับ และก็มีต้นนางพญาเสือโคร่งด้วย พอถึงฤดูก็บานสะพรั่ง ตอนดอกร่วงก็สวยดีครับ ร่วงเต็มพื้นไปหมดเลยตระการตาครับ
แต่ถ้าวันธรรมดาวันที่แขกน้อย ๆ อาหารเช้าก็เป็นเซตมาให้เลือก 4 ชนิด ตามรูปครับ
อาหารในเซตค่อนข้างอลังการเลยทีเดียวครับ คนอ้วน ๆแบบผมกินอิ่มครับ
ถ้าเป็นข้าวต้มเขาก็จะมีสลัดกับซาลาเปาทอด และน้ำกระเจี๊ยบ กาแฟสดแถมมาให้ด้วย ข้าวต้มปลาตอนที่สั่งมาก็สงสัยอยู่ว่าบนดอยเขาเอาปลาอะไรมาใส่ พลิก ๆ ดูปรากฏว่าเป็นปลาเทราต์ โครงการหลวงครับ เริดอีกแล้ว
ไปหน้าโลว์นี่ห้องนอน 2 คน รวมอาหารเช้าชุดใหญ่ ๆ แบบนี้ 1,100 บาท ผมว่าคุ้มครับ ราคานี้ถึงตุลาคมเท่านั้นครับ
จากโครงการหลวงเข้าซอยไปอีกนิดหน่อยก็จะเจอสถานีประมงอินทนนท์ครับ เข้าไปเดินเล่นดูได้ มีเลี้ยงปลาน้ำเย็นที่สามารถเลี้ยงได้ดีในที่อากาศเย็น ๆ เช่น ปลาเทราต์ ปลาสเตอร์เจียน และกุ้งแดง (Clay Fish) ส่งขายไปทั่วประเทศครับ แถมยังมีต้นซากุระและต้นหม่อนปลูกไว้ด้วยครับ
ผ่านตัวหมู่บ้านขุนวางเลยไปสัก 2-3 กิโลเมตร จะเจอสถานีเกษตรขุนวางครับ ที่นี่เป็นที่ทดลองปลูกพืชไม้ผลเมืองหนาวต่าง ๆ เยอะเหมือนกันครับ
วกกลับมาทางเดิมผ่านที่ทำการอุทยานฯ กลับมาแถว ๆ ที่ทำการอุทยานฯ ก่อนลงดอยแวะซื้อพืชผลที่ตลาดม้งหน่อยครับ
ที่ชอบซื้อที่สุด คือ สตรอว์เบอร์รีครับ หน้าหนาวสตรอว์เบอร์รีพันธุ์ 80 ไซส์ใหญ่สุดของไทยมันก็อร่อยน้อง ๆ ของเกาหลีเลยนะครับ ครั้งแรกสุดเคยซื้อมากิโลหนึ่ง ขับรถออกมาได้หน่อยหนึ่งแกะมาลองชิมดู พอกัดเข้าไป เฮ้ย...อร่อยจังเลย ต้องกลับรถมาซื้อเพิ่มอีก 3 กิโล พันธุ์ประราชทาน 80 นี่เป็นสตรอว์เบอร์รีพันธุ์ที่นำเมล็ดมาจากญี่ปุ่น มาทดลองปลูกในไทยแล้วได้ผลดีครับ ถ้าปลูกดี ๆ ดูแลดี ๆ หน่อย ก็อร่อยน้อง ๆ ต้นตำรับเลยครับ ยิ่งลูกโต ๆ นี่กัดเข้าไปแล้วอร่อยเต็มปากเต็มคำ ตอนมันยังไม่ค่อยสุกมันจะสีขาว ๆ แบบนี้ครับ และมันจะแดงขึ้นเรื่อย ๆ ถึงบ้านก็แดงเกือบทั้งกล่อง
อีกอย่างที่มีขายกันทุกฤดู คือ ยอดฟักแม้วครับ หรือซาโยเต้ มัดละ 1-20 บาท ถูกมาก ๆ คนขายขายเท่าไรก็กำไร เพราะมันขึ้นไปทั่วดอย เด็ดมาจากริมรั้วข้าง ๆ นั่นเอง 555 ลงแรงอย่างเดียว หมดเงินไป 200 บาท ได้ผักกลับมาเต็มหลังรถครับ
ใครอยากช้อปก็ช้อปไป ใครอยากถ่ายรูปเล่นก็ถ่ายไป ฤดูซากุระแถว ๆ นี้จะล้อมรอบไปด้วยต้นท้อ บ๊วย พลัม และซากุระครับ
ถัดลงมาจากแยกขุนกลาง ตลาดม้ง ขับลงดอยไปหน่อยหนึ่งจะเจอบ้านแม่กลางหลวงอยู่ขวามือครับ ถ้าขับขึ้นดอยมาก็อยู่ฝั่งซ้ายมือ เลี้ยวเข้าไปเป็นนาขั้นบันไดให้แวะชมครับ หรือจะแวะนอนเสพบรรยากาศทุ่งนาก็ได้ มีบ้านพักให้พักอยู่ครับ
แล้วก็แวะเที่ยวน้ำตก...ดอยอินทนนท์เป็นแหล่งกำเนิดต้นน้ำลำธารสำคัญ จากความสูงสองพันกว่าเมตร กว่าน้ำที่ผุดออกมาที่ยอดดอยจะไหลลงมาจนถึงพื้นราบนี่มันต้องเดินทางมากมาย ทำให้ดอยอินทนนท์มีน้ำตกเยอะเลยครับ บางที่ก็เล็ก ๆ บางที่ก็ใหญ่อลังการ บางที่ก็ลงเล่นได้ บางที่ก็ลงเล่นไม่ได้ครับ ได้แต่ชมความสวยงามอย่างเดียว
น้ำตกที่อยู่ช่วงกลางดอย ได้แก่ น้ำตกสิริธารกับน้ำตกวชิรธารครับ ทั้งสองแห่งเข้าไปได้โดยไม่ยากลำบากเลยครับ น้ำตกสิริธารเดินลงบันได้ไปสัก 100 เมตร ก็เจอลานชมน้ำตกแล้ว
ทั้งสองน้ำตกอยู่สูงและไม่ควรหาทางปีนลงไปเล่นครับ อยากเล่นลงไปเล่นที่น้ำตกแม่กลางหรือน้ำตกแม่ยะปู้น
แถว ๆ ช่วงน้ำตกสิริธาร มีเส้นทางเลี้ยวไปบ้านผาหมอนอยู่ครับ ถ้าขาขึ้นดอยก็ฝั่งขวามือ ถ้าขาลงดอยอยู่ฝั่งซ้ายมือ จะมีป้ายบอกทางไปบ้านผาหมอนอยู่ ระยะทางราว ๆ 7 กิโลเมตร ถนนเป็นดิน+โคลนสลับกับผิวคอนกรีตครับ รถเก๋งพอเข้าได้แต่ต้องระวัง ๆ 7 กิโลเมตร ขับกันราว ๆ 30 นาทีครับ พอถึงบ้านผาหมอนก็จะเห็นนาขั้นบันไดที่สวยมาก ๆ แห่งหนึ่งในไทยครับ มีที่นอนด้วย แต่ผมยังไม่เคยไปนอน ได้แต่แวะเข้าไปดูอย่างเดียวครับ
ลงดอยมาเรื่อย ๆ ครับ จนจะถึงเชิงดอยแล้วจะเป็น “น้ำตกแม่กลาง” และ “วัดน้ำตกแม่กลาง” ครับ
และสุดท้ายแล้วจริง ๆ ออกจากปากทางดอยอินทนนท์ ใครอยากไหว้พระแวะเข้าไป “วัดพระธาตุจอมทอง” พระอารามหลวงได้เลยครับ ก็เป็นอีกวัดที่น่าไปแวะกราบบูชาครับ เป็นวัดเก่าแก่ของเมืองนี้ครับ ผมก็เคยบวชอยู่ที่วัดนี้แป๊บหนึ่ง
ขอบคุณครับที่ชมกระทู้มาจนถึงตอนจบ รูปเยอะมาก บางท่านอาจจะโหลดช้าต้องขออภัยด้วยครับ ที่ใส่รูปไว้เยอะเพราะอยากให้ได้รับชมกันให้จุใจ ดังสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นครับ ขอบคุณมากครับ