คลองโคกขาม เรื่องน่ารู้ของคลองคดเคี้ยว และมีกระแสน้ำเชี่ยวกราก สมัยพระเจ้าเสือ ตำนานพันท้ายนรสิงห์ ที่ถูกพูดถึงในละครพรหมลิขิต ในขณะที่ละคร พรหมลิขิต กำลังเข้าสู่ช่วงเข้มข้น มีฉากหนึ่งในละครยอดฮิตดังกล่าวได้พูดถึง พระเจ้าท้ายสระพาพระอนุชาและข้าราชบริพารล่องเรือไปสำรวจ คลองโคกขาม ที่เมืองสาครบุรี เพื่อขุดขยายเส้นทาง ซึ่งคือจังหวัดสมุทรสาคร ในปัจจุบัน ซึ่งนอกจากจะปรากฏในละคร พรหมลิขิต แล้ว คลองโคกขาม สายน้ำที่พาดผ่านเมืองสมุทรสาครยังเป็นที่ตั้งของศาลพันท้ายนรสิงห์อีกด้วย วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับ คลองโคกขาม และ ตำนานพันท้ายนรสิงห์ ข้าหลวงผู้ซื่อสัตย์ มั่นคง ยอมเสียสละชีวิตโดยไม่ยอมเสียพระราชประเพณี คลองโคกขาม เป็นลำคลองที่มีต้นไม้ขึ้นปกคลุมโดยรอบ มีความคดเคี้ยวและน้ำไหลเชี่ยว มีความสำคัญอย่างมากในประวัติศาสตร์รัชสมัยสมเด็จพระสรรเพ็ชญ์ที่ 8 (พระเจ้าเสือ) กษัตริย์แห่งอาณาจักรอยุธยา พระองค์ได้เสด็จประพาสปากน้ำเมืองสาครบุรี เมื่อปี พ.ศ. 2247 ด้วยเรือพระที่นั่งเอกชัย ล่องลงมาตามแม่น้ำเจ้าพระยาถึงบางกอก พ้นคลองลัดบางกอก เข้าคลองบางกอกใหญ่ (แม่น้ำเจ้าพระยาเดิม) ออกคลองด่าน คลองสนามชัยถึงคลองโคกขาม พระราชพงศาวดารกรุงสยามฉบับบริติช มิวเซียม ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ตอนนี้ไว้ว่า ใน พ.ศ. 2246-2252 ครั้งที่สมเด็จพระเจ้าเสือ เสด็จโดยเรือพระที่นั่งเอกไชย จะไปประพาสเพื่อทรงเบ็ด ณ ปากน้ำเมืองสาครบุรี ขณะเรือพระที่นั่งถึงตำบลโคกขาม ซึ่งเป็นคลองคดเคี้ยว และมีกระแสน้ำเชี่ยวกราก พันท้ายนรสิงห์ซึ่งถือท้ายเรือพระที่นั่งมิสามารถคัดแก้ไขได้ทัน ทำให้หัวเรือพระที่นั่งชนกิ่งไม้ใหญ่หักตกลงไปในน้ำ พันท้ายนรสิงห์รู้ว่าความผิดครั้งนี้มีโทษถึงประหารชีวิตตามโบราณราชประเพณี ที่กำหนดว่า “ถ้าผู้ใดถือท้ายเรือพระที่นั่งให้หัวเรือพระที่นั่งหัก ผู้นั้นถึงมรณะโทษให้ตัดศีรษะเสีย” พันท้ายนรสิงห์จึงกราบบังคมทูลพระเจ้าเสือให้ประหารชีวิตตามกฎมณเฑียรบาล แต่พระเจ้าเสือทรงพิจารณาเห็นว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เป็นการสุดวิสัยมิใช่ความประมาท จึงพระราชทานอภัยโทษให้ ซึ่งพันท้ายนรสิงห์ก็ยังยืนยันขอให้ตัดศีรษะตน เพื่อรักษาขนบธรรมเนียมในพระราชกำหนดกฎหมาย เป็นการป้องกันมิให้ผู้ใดครหาติเตียนพระเจ้าอยู่หัวได้ว่า ทรงละเลยพระราชกำหนดของแผ่นดิน และเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างสืบไป พระเจ้าเสือ จึงโปรดให้ฝีพายทั้งปวงปั้นมูลดินเป็นรูปพันท้ายนรสิงห์ แล้วให้ตัดศีรษะรูปดินนั้นเพื่อเป็นการทดแทนกัน แต่พันท้ายนรสิงห์ยังบังคมกราบทูลยืนยันขอให้ประหารตน แม้พระเจ้าเสือจะทรงอาลัยรักน้ำใจพันท้ายนรสิงห์เพียงใด ก็ทรงจำฝืนพระทัยปฏิบัติตามพระราชกำหนด ดำรัสสั่งให้เพชฌฆาตประหารพันท้ายนรสิงห์ แล้วโปรดให้ตั้งศาลสูงประมาณเพียงตา นำศีรษะพันท้ายนรสิงห์กับหัวเรือพระที่นั่งเอกไชยซึ่งหักนั้น ขึ้นพลีกรรมไว้ด้วยกันบนศาลพันท้ายนรสิงห์ (ปัจจุบันตั้งอยู่บริเวณตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมืองสมุทรสาคร) เพื่อเป็นการรำลึกถึงพันท้ายนรสิงห์ข้าหลวงเดิมซึ่งเป็นคนซื่อสัตย์ มั่นคง ยอมเสียสละชีวิตโดยไม่ยอมเสียพระราชประเพณี อย่างไรก็ตาม ตำนานของพันท้ายนรสิ่งห์ ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันของนักประวัติศาสตร์ว่า เป็นบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริงหรือไม่ โดยเรื่องพันท้ายนรสิงห์ มีบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งแรกในพระราชพงศาวดารฉบับบริติชมิวเซียม โดยเป็นฉบับที่ชำระในสมัยรัชกาลที่ 1 กล่าวคือ พันท้ายนรสิงห์ ปรากฏในพระราชพงศาวดารฉบับชำระสมัยต้นรัตนโกสินทร์ แต่ไม่มีในพระราชพงศาวดารฉบับสมัยอยุธยา และไม่ได้ระบุรายละเอียดครอบครัวหรือประวัติความเป็นมา ดังที่ปรากฏในละครหรือภาพยนตร์แต่อย่างใด พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา บันทึกไว้ว่า สมเด็จพระเจ้าเสือมีพระราชดำริว่า คลองโคกขามนั้นคดเคี้ยวนัก คนทั้งปวงจะเดินเรือเข้าออกยาก ต้องอ้อมวงไปไกลกันดารนัก ควรให้ขุดคลองลัดเสียให้ตรงจึงจะซอย แล้วมีพระราชโองการตรัสสั่งสมุหนายกให้เกณฑ์เลกหัวเมืองได้ 30,000 ไปขุดคลองโคกขาม และให้ขุดลัดให้ตรงตลอดไป โดยลึกหกศอก ปากคลองกว้างแปดวา พื้นคลองกว้างห้าวา และให้พระราชสงครามเป็นแม่กองคุมพลหัวเมืองทั้งปวงขุดคลองจงแล้วสำเร็จดุจพระราชกำหนด แม้จะเกณฑ์กำลังคนถึง 30,000 คน จากเมืองนนทบุรี เมืองราชบุรี และเมืองสมุทรปราการ เริ่มขุดในปี พ.ศ. 2248 จนสิ้นรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าเสือ ในปี พ.ศ. 2251 ก็ยังไม่เสร็จ การจึงค้างมาในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าท้ายสระ เมื่อปี พ.ศ. 2264 เสด็จประพาสปากอ่าวสาครบุรี เห็นคลองนั้นขุดยังไม่แล้วเสร็จค้างอยู่ จึงตรัสสั่งให้พระราชสงครามเป็นนายกอง ให้เกณฑ์คนหัวเมืองปากใต้แปดหัวเมือง ได้คนสามหมื่นเศษสี่หมื่นไปขุดคลองมหาไชย จึงให้ฝรั่งเศสส่องกล้องแก้ว ดูให้ตรงปากคลอง ปักกรุยเป็นสำคัญทางไกล 340 เส้น คลองมหาชัยขุดเชื่อมคลองด่านขุดตรงเป็นแนว ตั้งแต่หน้าวัดแสมดำ เขตบางขุนเทียน ไปบรรจบแม่น้ำท่าจีน ที่บริเวณหน้าศาลหลักเมืองในปัจจุบัน ใช้เวลาขุดเพียงสองเดือนเศษก็แล้วเสร็จ เมื่อขุดเสร็จจึงได้พระราชทานนามว่า คลองสนามไชย ต่อมาเปลี่ยนเป็น คลองมหาชัย แต่บางทีชาวบ้านก็เรียกว่า คลองถ่าน และที่ปากคลองมหาชัยติดกับคลองโคกขามจะมีศาลพันท้ายนรสิงห์อีกศาลหนึ่ง ศาลพันท้ายนรสิงห์ ตั้งอยู่บริเวณปากคลองโคกขาม หมู่ 7 ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมืองสมุทรสาคร ต่อมาชาวบ้านในชุมชนได้แกะสลักพันท้ายนรสิงห์ทำจากไม้จันทน์หอมขึ้นไว้ที่ศาลเพียงตา ซึ่งปัจจุบันองค์การบริหารส่วนตำบลพันท้ายนรสิงห์ได้จัดสร้างศาลเป็นอาคารคอนกรีต ผนังเป็นลายไทย นำองค์พ่อพันท้ายนรสิงห์ตั้งประทับไว้ตรงกลางให้ประชาชน ทั้งภายนอกและภายในชุมชนมาสักการบูชา ต่อมามูลนิธิพันท้ายนรสิงห์ คณะกรรรมการศาลปากคลองโคกขามกำหนดจัดงานในวันขึ้น 3 ค่ำเดือน 4 ของทุกปี เพื่อเป็นการรำลึกถึงความกล้าหาญ ความซื่อสัตย์ และความจงรักภักดี ความเสียสละเพื่อรักษากฎมณเฑียรบาลของพันท้ายนรสิงห์ และเพื่อให้ประชาชน เยาวชน ได้เรียนรู้ถึงประวัติความเป็นมาของตำบลพันท้ายนรสิงห์ คลองโคกขาม ที่เที่ยวสมุทรสาคร เป็นคลองที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน ตั้งแต่สมัยพระเจ้าเสือ กษัตริย์แห่งอาณาจักรอยุธยา ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม และศิลปะวิทยาการ ริมคลองเป็นป่าชายเลน มีศาลพันท้ายนรสิงห์อยู่บริเวณข้าง ๆ ใครที่กำลังมองหาที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ก็ลองแวะไปกันได้นะ หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง ที่เที่ยวสมุทรสาคร จัดมาเน้น ๆ ใกล้กรุงเทพฯ มีเวลาน้อยก็เที่ยวได้ ประวัติพันท้ายนรสิงห์ นายทหารกล้าผู้ยึดมั่นในความซื่อสัตย์และจงรักภักดี ไหว้พระ 9 วัด สมุทรสาคร ตระเวนไหว้พระขอพร เสริมสิริมงคล ตามรอยละครพรหมลิขิต กับพิกัดที่เที่ยวอยุธยา 2566 ขอบคุณข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนตำบลพันท้ายนรสิงห์ (1), (2), กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา, กลุ่มงานยุทธศาสตร์และข้อมูลเพื่อการพัฒนาจังหวัด สำนักงานจังหวัดสมุทรสาคร
แสดงความคิดเห็น