รวบรวมสถานที่เที่ยวต่างประเทศไม่ไกลเมืองไทย เหมาะสำหรับวันหยุดยาวในครึ่งปีหลัง การเดินทางสะดวกสบาย ในงบสุดประหยัด
หมดไปแล้วครึ่งปีใครที่ยังไม่ได้เดินทางออกไปตะลุยโลกกว้างคงต้องรีบกันหน่อย ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังนี้ก็มีวันหยุดยาว ๆ พอให้ออกไปมอบรางวัลให้กับชีวิตด้วยการออกเดินทางท่องเที่ยวกันบ้าง ซึ่งกระปุกดอทคอมก็มีที่เที่ยววันหยุด 15 สถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศในโซนเอเชีย มาฝากกันอีกเช่นเคยค่ะ เพราะไม่ใกล้ไม่ไกลประเทศไทยมากนัก เดินทางได้สะดวกสบาย
แถมบางสถานที่เที่ยววันหยุดยาวยังไปได้แบบสบายเงินในกระเป๋าอีกด้วย
จะมีที่ไหนบ้างนั้นไปดูกันเลยค่ะ
1. ชุ่มฉ่ำกับทะเลมัลดีฟส์
ไม่ว่าจะฤดูกาลไหน มัลดีฟส์ก็ยังมีนักท่องเที่ยวไปเยือนเสมอ เพราะเกาะแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นสวรรค์บนดินที่ลอยละล่องอยู่กลางมหาสมุทรอินเดีย ฟ้าสีคราม น้ำทะเลสีฟ้าใส มองเห็นหาดทรายสีขาวใต้ท้องทะเลได้อย่างชัดเจน ภายใต้ผืนน้ำเหล่านั้นเต็มไปด้วยปะการังหลากหลายสายพันธุ์และสีสัน และมีสัตว์ทะเลหลากชนิดที่คอยมาแวะทักทายยามที่เราว่ายวนอยู่ในน้ำ
บริเวณชายฝั่งของเกาะต่าง ๆ ในหมู่เกาะมัลดีฟส์ยังคงรังสรรค์หาดทรายขาวนุ่มไว้ทุกที่ พร้อมที่พักสุดหรูหราที่คอยอำนวยความสะดวกให้กับผู้มาเยือนทุกตารางนิ้ว อีกทั้งสภาพอากาศที่สดใส บรรยากาศเงียบสงบ ก็ทำให้ที่แห่งนี้เป็นจุดหมายปลายทางในฝันของคนทั่วโลก
2. สัมผัสวัฒนธรรมที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย
บาหลีเป็นดินแดนที่มีเอกลักษณ์ด้วยวัฒนธรรมที่งดงามของคนท้องถิ่น ซึ่งมันถูกถ่ายทอดออกมาผ่านทางสถาปัตยกรรมต่าง ๆ รวมถึงวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ โดยสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะสะท้อนศิลปะอันโดดเด่นของชาวบาหลีออกมาได้อย่างชัดเจน เช่น วัดเบซากีห์, วัดอูลันดานูบาตูร์ หรือวัดทานาห์ลอต เป็นต้น และยังมีการแสดงร่ายรำอันขึ้นชื่อ นั่นก็คือการเต้นบารอง (Barong Dance) ซึ่งเป็นการแสดงที่มีความสวยงาม มีท่าทางการร่ายรำไม่เหมือนชนชาติใด สามารถหาชมได้ที่นี่เท่านั้น
นอกจากนี้บาหลียังมีธรรมชาติที่สวยงาม ล้อมรอบไปด้วยท้องทะเล มีป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ คนท้องถิ่นยังคงใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย โดยเฉพาะการประกอบอาชีพเกษตรกรรม ที่ยังคงมีการทำนาข้าวขั้นบันไดสืบทอดมารุ่นสู่รุ่น ทำให้เกิดทัศนียภาพที่งดงามด้วยเช่นกัน
++ เที่ยวบาหลี อินโดนีเซีย เกาะสวรรค์ที่ใครไปก็หลงรัก
++ ต้องมนตร์ขลังเมื่อไปเยือน...บาหลี
++ เที่ยวบาหลีอย่างไร ให้สนุกตามฤดูกาล
3. ชื่นชมความงามของธรรมชาติที่ซาปา ประเทศเวียดนาม
หากอยากสูดกลิ่นอายของธรรมชาติแบบเต็มปอด และสัมผัสวัฒนธรรมที่ผสมผสานระหว่างเวียดนาม ตะวันตก และจีน ต้องไม่พลาดการไปเยือนซาปา เมืองเล็ก ๆ ที่อยู่ในอ้อมกอดของขุนเขาในจังหวัดหล่าวกาย ทางภาคเหนือของประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นเขตติดต่อกับประเทศจีน
ในยุคหนึ่งเมืองแห่งนี้เคยอยู่ภายใต้การควบคุมของฝรั่งเศส จึงทำให้มีบ้านเรือนที่มีสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปแทรกซึมอยู่ทั่วเมือง ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวเขา จึงทำให้เราได้เห็นวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ไม่เร่งรีบ ผู้คนท้องถิ่นเป็นมิตร มีน้ำใจ เมืองแห่งนี้โอบล้อมไปด้วยภูเขาน้อยใหญ่ จึงทำให้มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี ในบางปีมีหิมะตกในช่วงหน้าหนาว ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการไปเยือนซาปาคือระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม และเดือนกันยายน-กลางเดือนธันวาคม
4. เดินเล่นชิค ๆ ณ ปีนัง ประเทศมาเลเซีย
ไม่อยากเอาเวลามายึดติดกับการใช้ชีวิต ต้องลองไปเยือนเมืองในตำนานแห่งนี้...เมืองปีนัง เป็นรัฐที่อยู่ภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศมาเลเซีย ห่างจากอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ประมาณ 160 กิโลเมตรเท่านั้น แม้ว่าปีนังจะเป็นเพียงเมืองเล็ก ๆ แต่กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยวัฒนธรรมที่มีเสน่ห์ ซึ่งดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกต้องหลงรัก
ภายในเมืองปีนังมีบ้านเรือนที่มีสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ มีคุณค่าแก่การรักษาไว้ เรียกว่าย่านจอร์จทาวน์ (George Town) ได้รับการจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ. 2011 ชาวเมืองยังคงดำเนินวิถีชีวิตแบบเรียบง่าย ผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใส มีการส่งเสริมงานศิลปะ ซึ่งถูกถ่ายทอดออกมาเป็นภาพวาดฝาผนังสไตล์เก๋ไก๋กระจายอยู่ทั่วเมือง จึงไม่ควรพลาดอย่างยิ่งที่จะเอาใจไปหลงรักที่นี่
5. เยือนลาวใต้ ชมความอลังการของน้ำตกคอนพะเพ็งและแก่งหลี่ผี
ข้ามฝั่งไปเยี่ยมเยือนประเทศเพื่อนบ้านเพื่อชมความงดงามของไนแองการาแห่งเอเชีย ณ เมืองปากเซ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว กันบ้าง น้ำตกคอนพะเพ็งเป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในแม่น้ำโขงตอนล่าง เมื่อถึงฤดูน้ำหลากจะมีมวลน้ำมหาศาลไหลผ่านชั้นหินที่ลดหลั่นกันบริเวณนี้ลงมาสูงกว่า 21 เมตร ละอองน้ำจากน้ำตกจะฟุ้งกระจายอยู่รอบ ๆ ริมฝั่งโขง รวมทั้งเสียงของน้ำตกก็จะดังกึกก้องไปทั่ว
ส่วนแก่งหลี่ผี ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน เป็นแก่งหินขนาดใหญ่ ในฤดูร้อนเกาะแก่งต่าง ๆ จะโผล่พ้นน้ำขึ้นมาอย่างชัดเจน ทำให้เห็นสายน้ำน้อยใหญ่ไหลผ่านโขดหินต่าง ๆ เป็นเส้นสายสวยงาม เป็นความมหัศจรรย์ที่น่าไปสัมผัสสักครั้งในชีวิต
6. ไหว้พระ ณ พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง ประเทศเมียนมา
เป็นที่ทราบกันดีว่าชาวเมียนมาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาอย่างมาก นั่นจึงทำให้เราได้เห็นสถาปัตยกรรมที่เกี่ยวกับศาสนาพุทธมากมาย ซึ่งแต่ละสถานที่นั้นล้วนแฝงไปด้วยความมหัศจรรย์และสวยงาม มีความศักดิ์สิทธิ์แตกต่างกันไป การใช้วันหยุดในเมียนมาเพื่อการไหว้พระขอพรจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาด
สถานที่แนะนำคือ "พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง" เป็นเจดีย์สีทองขนาดใหญ่ สูง 98 เมตร มีการสร้างมามากกว่า 2,500 ปี ภายในบรรจุพระเกศาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้จำนวน 8 เส้น บริเวณรอบ ๆ องค์เจดีย์ห่อหุ้มด้วยทองคำ เรือนยอดประดับด้วยเพชร 5,448 เม็ด และอัญมณีอื่น ๆ อีก 2,317 เม็ด จึงทำให้มหาเจดีย์แห่งนี้มีความงดงามและมีความสำคัญต่อชาวพม่าอย่างมาก
7. ช้อปปิ้ง เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
การช้อปปิ้งถือได้ว่าเป็นการพักผ่อนอย่างหนึ่ง เพราะฉะนั้นในวันหยุดยาวก็ต้องลองบินลัดฟ้าไปพาเงินออกจากกระเป๋ากันบ้างที่ฮ่องกง เพราะที่แห่งนี้ถือได้ว่าเป็นเมืองแห่งแฟชั่นและศูนย์รวมการค้าจากทั่วโลก มีทั้งแบรนด์ทั่วไปและแบรนด์ดังระดับโลก มีสินค้าทุกประเภทให้ได้เลือกซื้อจับจ่ายใช้สอย ครบทุกเพศ ครบทุกวัย ไปฮ่องกงที่เดียวก็สามารถหาซื้อได้ทุกอย่างที่นี่
8. เปิดประสบการณ์ความหนาวกับเส้นทางเจแปนแอลป์ ประเทศญี่ปุ่น
เส้นทางแอลป์ ทาเตยามะ คุโรเบะ เป็นเส้นทางที่ได้รับการขนานนามว่า หลังคาของญี่ปุ่น โดยเส้นทางดังกล่าวจะทอดยาวผ่านเขาทาเตยามะ แอลป์แห่งญี่ปุ่น ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ำทะเลมากกว่า 2,000 เมตร โดยตลอดเส้นทางนักท่องเที่ยวจะได้ชมความงดงามของธรรมชาติมากมาย ทั้งป่าเขา แม่น้ำ ลำธาร เขื่อน น้ำตก ภูเขาหิมะ ความยิ่งใหญ่ของเจแปนแอลป์
สิ่งที่เป็นไฮไลท์ของเส้นทางนี้ก็คือ "กำแพงหิมะยูคิโนะโอทานิ" ซึ่งมีความสูงโดยเฉลี่ย 7 เมตร และจะสูงถึง 20 เมตรในปีที่มีหิมะตกหนัก โดยกำแพงนี้จะมีความยาวประมาณ 500 เมตร นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมได้อย่างใกล้ชิด ช่วงที่เหมาะสมที่สุดในการชมกำแพงหิมะคือระหว่างเดือนเมษายน-มิถุนายน
9. ลิ้มรสอาหาร เมืองไทเป ไต้หวัน
ประเทศไต้หวันเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีเศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว มีพลเมืองที่มีคุณภาพ ยังคงรักษาวัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิมให้อยู่ควบคู่กับเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งยังมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ สิ่งเหล่านี้หล่อหลอมให้ไต้หวันเป็นประเทศที่น่าอยู่ติดอันดับต้น ๆ ของโลก และอาหารการกินก็เป็นสิ่งหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าประเทศนี้อยู่ดีกินดีแค่ไหน
ซึ่งเราจะเห็นได้จากในเมืองใหญ่อย่างกรุงไทเป ที่มีร้านอาหารกระจายอยู่ทั่วเมือง พร้อมทั้งตลาดของกินอย่างไนท์ มาร์เกต ก็มีอยู่รอบ ๆ เมืองเช่นกัน เช่น ไนท์มาร์เกตซื่อหลิน ไนท์มาร์เกตเหลาเหอ ไนท์มาร์เกตหนิงเซี่ย ไนท์มาร์เกตจิ่งเหม่ย ไนท์มาร์เกตหัวซีเจีย เป็นต้น ซึ่งแต่ละสถานที่นั้นก็มีครบทั้งอาหารพื้นเมือง ขนม และเครื่องดื่ม สิ่งที่แนะนำอีกอย่างคือการไปลิ้มลองเสี่ยวหลงเปาและเมนูติ่มซำที่ภัตตาคารติ่งไท่ฟง รับรองว่าจะต้องเสียน้ำตาให้กับความอร่อยของอาหารที่นี่แน่นอน
10. ปั่นจักรยานชมเมืองหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ถ้าพูดถึงเมืองสโลว์ไลฟ์ (Slow Life) หลวงพระบางคงจะได้เป็นเจ้าแม่แห่งคำนี้แน่นอน เพราะสภาพบรรยากาศของบ้านเมืองเอื้อต่อคำนี้มาก ๆ จุดเด่นของหลวงพระบางก็คือเป็นเมืองที่อยู่ติดริมแม่น้ำโขง มีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ บ้านเมืองยังคงรักษาไว้ซึ่งสถาปัตยกรรมดั้งเดิม ไม่มีตึกสูง ไม่มีปัญหาการจราจรที่คับคั่ง ชาวบ้านยังคงดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย มีวัดวาอารามที่งดงามรายล้อมอยู่รอบเมือง อากาศยังเย็นสบาย เหมาะแก่การปั่นจักรยานชมเมืองที่สุด
ภายในเมืองยังมีร้านอาหาร ร้านกาแฟน่ารัก ๆ มากมาย ให้ได้เลือกนั่งพักผ่อนหย่อนกายและดื่มด่ำกับอาหารและเครื่องดื่ม เป็นการชาร์จพลังงานให้ร่างกายอย่างเต็มเปี่ยม
11. ย้อยรอยประวัติศาสตร์จีน ณ กรุงปักกิ่ง
ปักกิ่งเป็นมหานครที่สำคัญของประเทศจีน ด้วยเป็นเมืองหลวงอันเป็นศูนย์กลางทั้งด้านการปกครอง เศรษฐกิจ การคมนาคม และวัฒนธรรมของประเทศ มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมากกว่า 3,000 ปี จึงทำให้มหานครแห่งนี้มีโบราณสถานที่สำคัญหลงเหลืออยู่ให้เห็นมากมาย เช่น พระราชวังต้องห้าม กำแพงเมืองจีน หอบูชาฟ้า พระราชวังฤดูร้อน สุสานสิบสามกษัตริย์ เป็นต้น ซึ่งแต่ละสถานที่นั้นล้วนมีความเป็นมาที่น่าสนใจ และสามารถบอกเล่าถึงประวัติศาสตร์ของจีนได้อย่างดีเยี่ยม กรุงปักกิ่งจึงเป็นดินแดนที่นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องมาทำความรู้จักประเทศจีนที่นี่
12. นอนอาบแดดบนเกาะโบราไกย์ ฟิลิปปินส์
เกาะโบราไกย์ อยู่ห่างจากกรุงมะนิลาไปทางตอนใต้ประมาณ 350 กิโลเมตร ตัวเกาะมีความยาวประมาณ 7 กิโลเมตร และจุดที่แคบที่สุดกว้างแค่ประมาณ 1 กิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งพื้นที่ทั้งหมดมีประมาณ 1,083 เฮกเตอร์ ซึ่งโดยรอบเกาะโอบล้อมไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าสดใส แนวปะการังที่สมบูรณ์ พร้อมกับสัตว์ทะเลหลากหลายชนิด หาดทรายมีความขาวสะอาด เนียนละเอียด และอ่อนนุ่ม เหมาะแก่การนอนอาบแดดอย่างยิ่ง มีบรรยากาศเงียบสงบ
ในยามค่ำคืนก็มีสีสันด้วยมีคลับ ผับ และบาร์ เปิดบริการริมชายหาดมากมาย สร้างความคึกคักและเติมเต็มชีวิตชีวาให้กับเกาะโบราไกย์ได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งยังมีรีสอร์ทและบ้านพักหลากหลายสไตล์ไว้บริการอีกด้วย
13. ตระการตาแสงสียามค่ำคืนที่สิงคโปร์
ประเทศสิงคโปร์เป็นอีกหนึ่งประเทศต้นแบบของเอเชีย ด้วยมีการจัดการบริหารประเทศที่ดี จึงทำให้สิงคโปร์เติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ก็มีคุณภาพไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าประเทศทางฝั่งยุโรป และแม้ว่าจะเป็นเพียงเกาะเล็ก ๆ แต่ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวให้ได้เที่ยวชมไม่รู้เบื่อ โดยเฉพาะในยามค่ำคืน แสงสีต่าง ๆ จากอาคารบ้านเรือนและตึกสูงใหญ่จะเปล่งประกายออกมาอย่างสวยงาม
จุดที่สามารถชมความงดงามของเมืองสิงคโปร์ได้อย่างดีเยี่ยม เช่น บนตึกมารีน่า เบย์ แซนด์ส ซึ่งสามารถมองเห็นเกาะสิงคโปร์ได้กว้างขวาง เห็นแสงสียามค่ำคืนได้อย่างชัดเจน และอีกจุดก็คือบนชิงช้าสวรรค์ยักษ์ หรือสิงคโปร์ ฟลายเออร์ (Singapore Flyer) นักท่องเที่ยวสามารถรับชมความสวยงามยามค่ำคืนของสิงคโปร์ได้แบบ 360 องศาเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีการแสดงแสง สี เสียง และน้ำพุ (Wonder Full – Light & Water Spectacular) สุดอลังการเปิดให้ชมฟรีอีกด้วย
14. ทักทายหมีเท็ดดี้แบร์ บนเกาะเชจู ประเทศเกาหลีใต้
เที่ยวบนแผ่นดินใหญ่กันมาเยอะแล้ว คราวนี้ขอไปทักทายกับเกาะเล็ก ๆ ทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศเกาหลีใต้กันบ้าง เกาะเชจูแห่งนี้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งคนเกาหลีเองและชาวต่างชาติ ด้วยมีภูมิทัศน์ที่สวยงาม แปลกตา เพราะเกาะแห่งนี้เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ
บรรยากาศโดยรอบเกาะเต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม ยามฤดูใบไม้ผลิก็จะมีดอกเรป (Rapeseed) สีเหลืองสดบานสะพรั่งไปทั่วเกาะ เป็นความโรแมนติกที่คู่รักมักจะพากันมาฮันนีมูนที่นี่ นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์หมีเท็ดดี้ แบร์ (Teddy Bear Museum) โดยจัดแสดงเกี่ยวกับหมีเท็ดดี้แบร์ที่มีมายาวนานมากกว่า 100 ปี จุดที่ไม่ควรพลาดของการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คือ ตุ๊กตาเท็ดดี้แบร์ที่เล็กที่สุดในโลก ใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของเจ้าตุ๊กตาตัวนี้ ก็ไม่ควรพลาดเลยเชียว
15. ชมความมหัศจรรย์ของปราสาทหิน เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา
เมืองเสียมราฐ อยู่ห่างจากเมืองไทยเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งมันก็คุ้มค่ามาก ๆ กับการเดินทางไปเยือนเมืองแห่งนี้เพื่อการชื่นชมกับความอลังการของปราสาทหินรอบ ๆ เมือง โดยเฉพาะปราสาทนครวัด ที่มีการก่อสร้างอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการใช้หินภูเขาไฟขนาดใหญ่มาวางเรียงซ้อนกันจนเกิดเป็นปราสาทหินที่มีความงดงามและอลังการที่สุดในโลก
หวังว่าทั้งหมดนี้จะเป็นไอเดียให้กับคนที่ต้องการจะออกไปหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ใครสนใจที่ไหน หรือที่ใดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในฝัน ก็เตรียมวางแผนกันไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะเมื่อใดที่วันหยุดยาวมาถึงจะได้ใช้ช่วงเวลาเหล่านั้นให้คุ้มค่าที่สุด เชื่อเถอะว่าการเดินทางไม่ทำให้ใครขาดทุน มีแต่ได้กำไร :)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
Visitmaldives, Visitkorea, Renown-Travel, Yoursingapore, Boracaybeaches, unesco, Thaiembassy, Tourismpenang, Thaibizchina, Vietnamtravelguide, Nitt.Taipei, Alpen-Route, DMC และ Indonesia.Travel
1. ชุ่มฉ่ำกับทะเลมัลดีฟส์
ไม่ว่าจะฤดูกาลไหน มัลดีฟส์ก็ยังมีนักท่องเที่ยวไปเยือนเสมอ เพราะเกาะแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นสวรรค์บนดินที่ลอยละล่องอยู่กลางมหาสมุทรอินเดีย ฟ้าสีคราม น้ำทะเลสีฟ้าใส มองเห็นหาดทรายสีขาวใต้ท้องทะเลได้อย่างชัดเจน ภายใต้ผืนน้ำเหล่านั้นเต็มไปด้วยปะการังหลากหลายสายพันธุ์และสีสัน และมีสัตว์ทะเลหลากชนิดที่คอยมาแวะทักทายยามที่เราว่ายวนอยู่ในน้ำ
บริเวณชายฝั่งของเกาะต่าง ๆ ในหมู่เกาะมัลดีฟส์ยังคงรังสรรค์หาดทรายขาวนุ่มไว้ทุกที่ พร้อมที่พักสุดหรูหราที่คอยอำนวยความสะดวกให้กับผู้มาเยือนทุกตารางนิ้ว อีกทั้งสภาพอากาศที่สดใส บรรยากาศเงียบสงบ ก็ทำให้ที่แห่งนี้เป็นจุดหมายปลายทางในฝันของคนทั่วโลก
2. สัมผัสวัฒนธรรมที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย
บาหลีเป็นดินแดนที่มีเอกลักษณ์ด้วยวัฒนธรรมที่งดงามของคนท้องถิ่น ซึ่งมันถูกถ่ายทอดออกมาผ่านทางสถาปัตยกรรมต่าง ๆ รวมถึงวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ โดยสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะสะท้อนศิลปะอันโดดเด่นของชาวบาหลีออกมาได้อย่างชัดเจน เช่น วัดเบซากีห์, วัดอูลันดานูบาตูร์ หรือวัดทานาห์ลอต เป็นต้น และยังมีการแสดงร่ายรำอันขึ้นชื่อ นั่นก็คือการเต้นบารอง (Barong Dance) ซึ่งเป็นการแสดงที่มีความสวยงาม มีท่าทางการร่ายรำไม่เหมือนชนชาติใด สามารถหาชมได้ที่นี่เท่านั้น
นอกจากนี้บาหลียังมีธรรมชาติที่สวยงาม ล้อมรอบไปด้วยท้องทะเล มีป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ คนท้องถิ่นยังคงใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย โดยเฉพาะการประกอบอาชีพเกษตรกรรม ที่ยังคงมีการทำนาข้าวขั้นบันไดสืบทอดมารุ่นสู่รุ่น ทำให้เกิดทัศนียภาพที่งดงามด้วยเช่นกัน
++ เที่ยวบาหลี อินโดนีเซีย เกาะสวรรค์ที่ใครไปก็หลงรัก
++ ต้องมนตร์ขลังเมื่อไปเยือน...บาหลี
++ เที่ยวบาหลีอย่างไร ให้สนุกตามฤดูกาล
3. ชื่นชมความงามของธรรมชาติที่ซาปา ประเทศเวียดนาม
หากอยากสูดกลิ่นอายของธรรมชาติแบบเต็มปอด และสัมผัสวัฒนธรรมที่ผสมผสานระหว่างเวียดนาม ตะวันตก และจีน ต้องไม่พลาดการไปเยือนซาปา เมืองเล็ก ๆ ที่อยู่ในอ้อมกอดของขุนเขาในจังหวัดหล่าวกาย ทางภาคเหนือของประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นเขตติดต่อกับประเทศจีน
ในยุคหนึ่งเมืองแห่งนี้เคยอยู่ภายใต้การควบคุมของฝรั่งเศส จึงทำให้มีบ้านเรือนที่มีสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปแทรกซึมอยู่ทั่วเมือง ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวเขา จึงทำให้เราได้เห็นวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ไม่เร่งรีบ ผู้คนท้องถิ่นเป็นมิตร มีน้ำใจ เมืองแห่งนี้โอบล้อมไปด้วยภูเขาน้อยใหญ่ จึงทำให้มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี ในบางปีมีหิมะตกในช่วงหน้าหนาว ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการไปเยือนซาปาคือระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม และเดือนกันยายน-กลางเดือนธันวาคม
4. เดินเล่นชิค ๆ ณ ปีนัง ประเทศมาเลเซีย
ไม่อยากเอาเวลามายึดติดกับการใช้ชีวิต ต้องลองไปเยือนเมืองในตำนานแห่งนี้...เมืองปีนัง เป็นรัฐที่อยู่ภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศมาเลเซีย ห่างจากอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ประมาณ 160 กิโลเมตรเท่านั้น แม้ว่าปีนังจะเป็นเพียงเมืองเล็ก ๆ แต่กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยวัฒนธรรมที่มีเสน่ห์ ซึ่งดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกต้องหลงรัก
ภายในเมืองปีนังมีบ้านเรือนที่มีสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ มีคุณค่าแก่การรักษาไว้ เรียกว่าย่านจอร์จทาวน์ (George Town) ได้รับการจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ. 2011 ชาวเมืองยังคงดำเนินวิถีชีวิตแบบเรียบง่าย ผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใส มีการส่งเสริมงานศิลปะ ซึ่งถูกถ่ายทอดออกมาเป็นภาพวาดฝาผนังสไตล์เก๋ไก๋กระจายอยู่ทั่วเมือง จึงไม่ควรพลาดอย่างยิ่งที่จะเอาใจไปหลงรักที่นี่
5. เยือนลาวใต้ ชมความอลังการของน้ำตกคอนพะเพ็งและแก่งหลี่ผี
ข้ามฝั่งไปเยี่ยมเยือนประเทศเพื่อนบ้านเพื่อชมความงดงามของไนแองการาแห่งเอเชีย ณ เมืองปากเซ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว กันบ้าง น้ำตกคอนพะเพ็งเป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในแม่น้ำโขงตอนล่าง เมื่อถึงฤดูน้ำหลากจะมีมวลน้ำมหาศาลไหลผ่านชั้นหินที่ลดหลั่นกันบริเวณนี้ลงมาสูงกว่า 21 เมตร ละอองน้ำจากน้ำตกจะฟุ้งกระจายอยู่รอบ ๆ ริมฝั่งโขง รวมทั้งเสียงของน้ำตกก็จะดังกึกก้องไปทั่ว
ส่วนแก่งหลี่ผี ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน เป็นแก่งหินขนาดใหญ่ ในฤดูร้อนเกาะแก่งต่าง ๆ จะโผล่พ้นน้ำขึ้นมาอย่างชัดเจน ทำให้เห็นสายน้ำน้อยใหญ่ไหลผ่านโขดหินต่าง ๆ เป็นเส้นสายสวยงาม เป็นความมหัศจรรย์ที่น่าไปสัมผัสสักครั้งในชีวิต
6. ไหว้พระ ณ พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง ประเทศเมียนมา
เป็นที่ทราบกันดีว่าชาวเมียนมาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาอย่างมาก นั่นจึงทำให้เราได้เห็นสถาปัตยกรรมที่เกี่ยวกับศาสนาพุทธมากมาย ซึ่งแต่ละสถานที่นั้นล้วนแฝงไปด้วยความมหัศจรรย์และสวยงาม มีความศักดิ์สิทธิ์แตกต่างกันไป การใช้วันหยุดในเมียนมาเพื่อการไหว้พระขอพรจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาด
สถานที่แนะนำคือ "พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง" เป็นเจดีย์สีทองขนาดใหญ่ สูง 98 เมตร มีการสร้างมามากกว่า 2,500 ปี ภายในบรรจุพระเกศาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้จำนวน 8 เส้น บริเวณรอบ ๆ องค์เจดีย์ห่อหุ้มด้วยทองคำ เรือนยอดประดับด้วยเพชร 5,448 เม็ด และอัญมณีอื่น ๆ อีก 2,317 เม็ด จึงทำให้มหาเจดีย์แห่งนี้มีความงดงามและมีความสำคัญต่อชาวพม่าอย่างมาก
7. ช้อปปิ้ง เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
การช้อปปิ้งถือได้ว่าเป็นการพักผ่อนอย่างหนึ่ง เพราะฉะนั้นในวันหยุดยาวก็ต้องลองบินลัดฟ้าไปพาเงินออกจากกระเป๋ากันบ้างที่ฮ่องกง เพราะที่แห่งนี้ถือได้ว่าเป็นเมืองแห่งแฟชั่นและศูนย์รวมการค้าจากทั่วโลก มีทั้งแบรนด์ทั่วไปและแบรนด์ดังระดับโลก มีสินค้าทุกประเภทให้ได้เลือกซื้อจับจ่ายใช้สอย ครบทุกเพศ ครบทุกวัย ไปฮ่องกงที่เดียวก็สามารถหาซื้อได้ทุกอย่างที่นี่
นอกจากเรื่องช้อปปิ้งแล้วฮ่องกงยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมาย
ทั้งทางธรรมชาติ วัฒนธรรม และประเพณี ซึ่งแต่ละสถานที่นั้นก็ต้องว้าวไปตาม ๆ
กัน เช่น ดิสนีย์แลนด์ จุดชมวิวเดอะ พีค, กระเช้าบนเกาะลันตา,
ชิงช้าสวรรค์ยักษ์ เป็นต้น รู้แบบนี้แล้วก็เตรียมเงิน
เตรียมวันหยุดให้พร้อมแล้วไปลั้ลลาที่ฮ่องกงได้เลย
8. เปิดประสบการณ์ความหนาวกับเส้นทางเจแปนแอลป์ ประเทศญี่ปุ่น
ภาพจาก Perati Komson/ Shutterstock.com
เส้นทางแอลป์ ทาเตยามะ คุโรเบะ เป็นเส้นทางที่ได้รับการขนานนามว่า หลังคาของญี่ปุ่น โดยเส้นทางดังกล่าวจะทอดยาวผ่านเขาทาเตยามะ แอลป์แห่งญี่ปุ่น ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ำทะเลมากกว่า 2,000 เมตร โดยตลอดเส้นทางนักท่องเที่ยวจะได้ชมความงดงามของธรรมชาติมากมาย ทั้งป่าเขา แม่น้ำ ลำธาร เขื่อน น้ำตก ภูเขาหิมะ ความยิ่งใหญ่ของเจแปนแอลป์
สิ่งที่เป็นไฮไลท์ของเส้นทางนี้ก็คือ "กำแพงหิมะยูคิโนะโอทานิ" ซึ่งมีความสูงโดยเฉลี่ย 7 เมตร และจะสูงถึง 20 เมตรในปีที่มีหิมะตกหนัก โดยกำแพงนี้จะมีความยาวประมาณ 500 เมตร นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมได้อย่างใกล้ชิด ช่วงที่เหมาะสมที่สุดในการชมกำแพงหิมะคือระหว่างเดือนเมษายน-มิถุนายน
9. ลิ้มรสอาหาร เมืองไทเป ไต้หวัน
ประเทศไต้หวันเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีเศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว มีพลเมืองที่มีคุณภาพ ยังคงรักษาวัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิมให้อยู่ควบคู่กับเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งยังมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ สิ่งเหล่านี้หล่อหลอมให้ไต้หวันเป็นประเทศที่น่าอยู่ติดอันดับต้น ๆ ของโลก และอาหารการกินก็เป็นสิ่งหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าประเทศนี้อยู่ดีกินดีแค่ไหน
ซึ่งเราจะเห็นได้จากในเมืองใหญ่อย่างกรุงไทเป ที่มีร้านอาหารกระจายอยู่ทั่วเมือง พร้อมทั้งตลาดของกินอย่างไนท์ มาร์เกต ก็มีอยู่รอบ ๆ เมืองเช่นกัน เช่น ไนท์มาร์เกตซื่อหลิน ไนท์มาร์เกตเหลาเหอ ไนท์มาร์เกตหนิงเซี่ย ไนท์มาร์เกตจิ่งเหม่ย ไนท์มาร์เกตหัวซีเจีย เป็นต้น ซึ่งแต่ละสถานที่นั้นก็มีครบทั้งอาหารพื้นเมือง ขนม และเครื่องดื่ม สิ่งที่แนะนำอีกอย่างคือการไปลิ้มลองเสี่ยวหลงเปาและเมนูติ่มซำที่ภัตตาคารติ่งไท่ฟง รับรองว่าจะต้องเสียน้ำตาให้กับความอร่อยของอาหารที่นี่แน่นอน
10. ปั่นจักรยานชมเมืองหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ถ้าพูดถึงเมืองสโลว์ไลฟ์ (Slow Life) หลวงพระบางคงจะได้เป็นเจ้าแม่แห่งคำนี้แน่นอน เพราะสภาพบรรยากาศของบ้านเมืองเอื้อต่อคำนี้มาก ๆ จุดเด่นของหลวงพระบางก็คือเป็นเมืองที่อยู่ติดริมแม่น้ำโขง มีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ บ้านเมืองยังคงรักษาไว้ซึ่งสถาปัตยกรรมดั้งเดิม ไม่มีตึกสูง ไม่มีปัญหาการจราจรที่คับคั่ง ชาวบ้านยังคงดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย มีวัดวาอารามที่งดงามรายล้อมอยู่รอบเมือง อากาศยังเย็นสบาย เหมาะแก่การปั่นจักรยานชมเมืองที่สุด
ภายในเมืองยังมีร้านอาหาร ร้านกาแฟน่ารัก ๆ มากมาย ให้ได้เลือกนั่งพักผ่อนหย่อนกายและดื่มด่ำกับอาหารและเครื่องดื่ม เป็นการชาร์จพลังงานให้ร่างกายอย่างเต็มเปี่ยม
11. ย้อยรอยประวัติศาสตร์จีน ณ กรุงปักกิ่ง
ปักกิ่งเป็นมหานครที่สำคัญของประเทศจีน ด้วยเป็นเมืองหลวงอันเป็นศูนย์กลางทั้งด้านการปกครอง เศรษฐกิจ การคมนาคม และวัฒนธรรมของประเทศ มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมากกว่า 3,000 ปี จึงทำให้มหานครแห่งนี้มีโบราณสถานที่สำคัญหลงเหลืออยู่ให้เห็นมากมาย เช่น พระราชวังต้องห้าม กำแพงเมืองจีน หอบูชาฟ้า พระราชวังฤดูร้อน สุสานสิบสามกษัตริย์ เป็นต้น ซึ่งแต่ละสถานที่นั้นล้วนมีความเป็นมาที่น่าสนใจ และสามารถบอกเล่าถึงประวัติศาสตร์ของจีนได้อย่างดีเยี่ยม กรุงปักกิ่งจึงเป็นดินแดนที่นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องมาทำความรู้จักประเทศจีนที่นี่
12. นอนอาบแดดบนเกาะโบราไกย์ ฟิลิปปินส์
เกาะโบราไกย์ อยู่ห่างจากกรุงมะนิลาไปทางตอนใต้ประมาณ 350 กิโลเมตร ตัวเกาะมีความยาวประมาณ 7 กิโลเมตร และจุดที่แคบที่สุดกว้างแค่ประมาณ 1 กิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งพื้นที่ทั้งหมดมีประมาณ 1,083 เฮกเตอร์ ซึ่งโดยรอบเกาะโอบล้อมไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าสดใส แนวปะการังที่สมบูรณ์ พร้อมกับสัตว์ทะเลหลากหลายชนิด หาดทรายมีความขาวสะอาด เนียนละเอียด และอ่อนนุ่ม เหมาะแก่การนอนอาบแดดอย่างยิ่ง มีบรรยากาศเงียบสงบ
ในยามค่ำคืนก็มีสีสันด้วยมีคลับ ผับ และบาร์ เปิดบริการริมชายหาดมากมาย สร้างความคึกคักและเติมเต็มชีวิตชีวาให้กับเกาะโบราไกย์ได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งยังมีรีสอร์ทและบ้านพักหลากหลายสไตล์ไว้บริการอีกด้วย
13. ตระการตาแสงสียามค่ำคืนที่สิงคโปร์
ประเทศสิงคโปร์เป็นอีกหนึ่งประเทศต้นแบบของเอเชีย ด้วยมีการจัดการบริหารประเทศที่ดี จึงทำให้สิงคโปร์เติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ก็มีคุณภาพไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าประเทศทางฝั่งยุโรป และแม้ว่าจะเป็นเพียงเกาะเล็ก ๆ แต่ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวให้ได้เที่ยวชมไม่รู้เบื่อ โดยเฉพาะในยามค่ำคืน แสงสีต่าง ๆ จากอาคารบ้านเรือนและตึกสูงใหญ่จะเปล่งประกายออกมาอย่างสวยงาม
จุดที่สามารถชมความงดงามของเมืองสิงคโปร์ได้อย่างดีเยี่ยม เช่น บนตึกมารีน่า เบย์ แซนด์ส ซึ่งสามารถมองเห็นเกาะสิงคโปร์ได้กว้างขวาง เห็นแสงสียามค่ำคืนได้อย่างชัดเจน และอีกจุดก็คือบนชิงช้าสวรรค์ยักษ์ หรือสิงคโปร์ ฟลายเออร์ (Singapore Flyer) นักท่องเที่ยวสามารถรับชมความสวยงามยามค่ำคืนของสิงคโปร์ได้แบบ 360 องศาเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีการแสดงแสง สี เสียง และน้ำพุ (Wonder Full – Light & Water Spectacular) สุดอลังการเปิดให้ชมฟรีอีกด้วย
14. ทักทายหมีเท็ดดี้แบร์ บนเกาะเชจู ประเทศเกาหลีใต้
เที่ยวบนแผ่นดินใหญ่กันมาเยอะแล้ว คราวนี้ขอไปทักทายกับเกาะเล็ก ๆ ทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศเกาหลีใต้กันบ้าง เกาะเชจูแห่งนี้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งคนเกาหลีเองและชาวต่างชาติ ด้วยมีภูมิทัศน์ที่สวยงาม แปลกตา เพราะเกาะแห่งนี้เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ
บรรยากาศโดยรอบเกาะเต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม ยามฤดูใบไม้ผลิก็จะมีดอกเรป (Rapeseed) สีเหลืองสดบานสะพรั่งไปทั่วเกาะ เป็นความโรแมนติกที่คู่รักมักจะพากันมาฮันนีมูนที่นี่ นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์หมีเท็ดดี้ แบร์ (Teddy Bear Museum) โดยจัดแสดงเกี่ยวกับหมีเท็ดดี้แบร์ที่มีมายาวนานมากกว่า 100 ปี จุดที่ไม่ควรพลาดของการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คือ ตุ๊กตาเท็ดดี้แบร์ที่เล็กที่สุดในโลก ใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของเจ้าตุ๊กตาตัวนี้ ก็ไม่ควรพลาดเลยเชียว
15. ชมความมหัศจรรย์ของปราสาทหิน เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา
เมืองเสียมราฐ อยู่ห่างจากเมืองไทยเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งมันก็คุ้มค่ามาก ๆ กับการเดินทางไปเยือนเมืองแห่งนี้เพื่อการชื่นชมกับความอลังการของปราสาทหินรอบ ๆ เมือง โดยเฉพาะปราสาทนครวัด ที่มีการก่อสร้างอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการใช้หินภูเขาไฟขนาดใหญ่มาวางเรียงซ้อนกันจนเกิดเป็นปราสาทหินที่มีความงดงามและอลังการที่สุดในโลก
โดยรอบ ๆ ปราสาทประดับประดาด้วยภาพแกะสลักนางอัปสราในลวดลายที่อ่อนช้อย
ตัวปราสาทมีทั้งหมด 5 ยอด นอกจากนี้ยังมีปราสาทอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น
นครธม, ปราสาทบายน, ปราสาทบันทายศรี, ปราสาทพระขรรค์ เป็นต้น
หวังว่าทั้งหมดนี้จะเป็นไอเดียให้กับคนที่ต้องการจะออกไปหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ใครสนใจที่ไหน หรือที่ใดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในฝัน ก็เตรียมวางแผนกันไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะเมื่อใดที่วันหยุดยาวมาถึงจะได้ใช้ช่วงเวลาเหล่านั้นให้คุ้มค่าที่สุด เชื่อเถอะว่าการเดินทางไม่ทำให้ใครขาดทุน มีแต่ได้กำไร :)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
Visitmaldives, Visitkorea, Renown-Travel, Yoursingapore, Boracaybeaches, unesco, Thaiembassy, Tourismpenang, Thaibizchina, Vietnamtravelguide, Nitt.Taipei, Alpen-Route, DMC และ Indonesia.Travel