
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ white balance สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม และ เฟซบุ๊ก I will see the world : ชีวิตเดียวเที่ยวให้คุ้ม
เสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้ใคร ๆ ก็อยากไปเยือนประเทศญี่ปุ่นสักครั้ง คงหนีไม่พ้นภาพความงดงามของดอกซากุระที่บานสะพรั่งไปทั่วทั้งเมือง และสำหรับคนที่กำลังวางแผนไปเที่ยวญี่ปุ่น โดยเฉพาะคุณสาว ๆ ที่ยังกล้า ๆ กลัว ๆ กับการเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองอยู่ละก็...ตามเรามาเลยค่ะ เพราะเราได้นำเอาบันทึกการเดินทางของ คุณ white balance สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้ไปสัมผัสกับความสวยงามของญี่ปุ่นในช่วงซากุระบานพร้อมกับเพื่อนสาว และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ดี ๆ มาแชร์ให้เราได้อ่านกันค่ะ












1. เริ่มจากหาตั๋วเครื่องบิน ตอนนั้นเราได้ตั๋วของหางแดงใน Route ไปลง Nagoya และบินกลับทาง Tokyo (Haneda) ในราคาคนละ 17,500 บาท (แต่ไม่ได้บินตรงต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่ KL โดยออกเดินทางจากเชียงใหม่ค่ะ) โดยจองไว้วันที่ 28 มีนาคม 2014 ถึง 7 เมษายน 2014
2. แพลนทริปคร่าว ๆ โดยกำหนดแผนเริ่มจากทางใต้ (Kansai) ไล่ขึ้นมาเรื่อย ๆ จนจบที่ Tokyo แบ่งเป็นวันต่าง ๆ และหาสถานที่ที่อยากไป จนได้เมืองไว้ในใจ คือ Osaka, Kyoto, Nagoya, Hakone, Kawaguchiko และ Tokyo
3. รีวิว ขั้นตอนนี้ คือ อ่าน อ่าน และอ่าน จากไม่รู้อะไรเลยมันจะค่อย ๆ ซึมซับจนเกิดเป็นแผนในหัวเองค่ะ
4. ทำแผนละเอียดของเราเอง โดยทำแผนเป็นวัน ๆ จองโรงแรม หาการเดินทางที่ประหยัดที่สุด ฯลฯ โดยโรงแรมจองผ่าน booking.com เป็นหลัก เพราะสะดวกและยกเลิกได้ฟรีเยอะมาก เผื่อการเปลี่ยนแผนช่วงใกล้ ๆ การเดินทางแต่ละเมืองเราเลือกจะไม่ใช่ JR Pass เพราะคำนวณแล้วใช้ไม่ถึง เลยใช้ Pass ของบริษัท Kintetsu Rail Pass Wide ในราคา 5,700 เยน (5 วัน) เพื่อเดินทางระหว่างเมือง Nagoya-Osaka-Kyoto-Nagoya ของการเดินทางช่วงแรกของทริป ซึ่งคุ้มมาก ๆ แต่ข้อเสีย คือ เสียเวลามากกว่านั่งรถไฟ JR นะคะ แต่หยวน ๆ เพราะเรางบน้อย อิอิ
5. ปรับแผนครั้งสุดท้าย โดยดูพยากรณ์ซากุระช่วงใกล้ ๆ ตอนต้นเดือนมีนาอีกครั้ง โดยรอบนี้ได้เมือง Shizuoka มาอีกเมือง แทรกตรงระหว่าง Nagoya กับ Hakone เพราะช่วงวันที่เราผ่านมัน Full Bloom พอดีถ้าดูจากพยากรณ์ ซึ่งไม่ผิดหวังจริง ๆ ชอบเมืองนี้มากค่ะ
6. เดินทางจริงค่ะ ว่าแล้วก็ลุยกันเลย จะพาไปชมภาพแต่ละเมืองที่เราได้ไปมา โดยจะลงชื่อเมืองและวันที่ที่ไปมา เพื่อเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ ที่วางแผนเที่ยวเองในปีหน้านะคะ (ขอข้ามขั้นตอนการบิน รายละเอียดบนเครื่องบิน การผ่าน ตม. ไปนะคะ โดยจะเน้นจากที่เที่ยวและจุดชมซากุระค่ะ)
Day 1 : 28 มีนาคม 2557
เดินทางจาก KL เราบินด้วยหางแดงไปลง Nagoya กว่าจะเดินทางจาก Nagoya ไปพักที่ Osaka ก็ดึกมากแล้วค่ะ วันนี้เลยไม่มีรูปสวย ๆ มาอวดนะคะ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของช่วงนี้ คือ
- ตม. ที่ Nagoya ไม่เข้มงวดเท่าไรค่ะ ไม่ถามมาก จดหมายลา แผนเที่ยว และเอกสารที่จองโรงแรมไว้ไม่ขอดูเลยค่ะ (เค้าอุตส่าห์เตรียมมา)
- Kintetsu Rail Pass Wide สามารถซื้อได้ที่สนามบินเลยนะคะ (ที่ในเมืองไม่มีขายนะ ใครหาบูธไม่เจอต้องหาให้เจอ อย่าหวังจะไปซื้อที่ในเมือง Nagoya นะคะ เพราะไม่มี)
Day 2 : Osaka 29 มีนาคม 2557
ตื่นแต่เช้าหาอะไรกินแถวที่พักย่านสถานี Shinimamiya (ย่านนี้ที่พักราคาถูกนะคะ และไม่ไกลจากย่านกินเที่ยว) แล้วก็ไปรอสำนักงานขาย Osaka Amazing Pass (แต่ก่อนเรียก Osaka Unlimited Pass) เปิดซื้อ Pass 1 วัน ราคา 2,000 เยน (ตอนนี้รู้สึกจะ 2,300 เยน นะคะ) ขอแนะนำว่าใช้เถอะค่ะคุ้มมาก เพราะสามารถเดินทางใน Osaka ได้แบบไม่จำกัด รวมถึงเข้าสถานที่ท่องเที่ยวเจ๋ง ๆ ใน Osaka ได้เกือบหมด
ที่แรกที่เราใช้สิทธิ์จาก Osaka Unlimited Pass คือ Osaka Castle ที่นี่เป็นอีกที่ที่ไม่ควรพลาด เพราะเป็นจุดชมซากุระที่สวยมากของ Osaka วันที่เราไปดอกเริ่มบานแล้วค่ะ ประมาณ 40-50% จะมีบางต้นที่ Full Bloom เป็นพันธุ์กิ่งย้อย ครั้งแรกที่เห็นนะคะ คือ ตื่นเต้นมาก เพิ่งจะเคยเห็นของแท้ที่ญี่ปุ่น ดอกสีจะจางกว่านางพญาเสือโคร่งบ้านเรา และมีหลายแบบมากกว่า เรียกได้ว่าที่ Osaka Castle นี่พวกเราเริงร่ามากค่ะ ปล่อยเวลาให้ผ่านไป ไม่เร่งรีบ รวมแล้วถ่ายรูปเล่นแถวนั้นเกือบ 4 ชั่วโมง เรียกว่าเวลาผ่านไปแบบไม่รู้ตัวเลยจริง ๆ


เด็กน้อยคนนี้คงได้เห็นซากุระเป็นครั้งแรกในชีวิตเหมือนพวกเรา ดูมีความสุขมาก ๆ เลย

หลังจากถ่ายรูปที่ Osaka Castle จนหนำใจเราก็ไปหาอะไรกินกันที่ย่าน Shinsekai ที่ไม่ไกลจากโรงแรมที่เราพักเท่าไร ส่วนตัวชอบนะคะ ให้อารมณ์คลาสสิก ๆ ถึงไม่ทันสมัยจ๋าแบบย่าน Shinsaibashi หรือ Dotonbori แต่ก็น่าเดิน และคึกคักมีสีสันตลอดทั้งวัน ร้านอาหารก็เยอะ

มื้อนี้เราจัดเมนู 3 อย่าง คือ Kushikatsu, Okonomiyaki ทำเอง และไส้กรอกยักษ์ห่อด้วยไข่ 2 อันหลังนี่อร่อยมากค่ะ อันแรกเราเฉย ๆ เพราะไม่ค่อยชอบของทอดและหวาน ๆ

จำไม่ได้ว่าร้านชื่ออะไรนะคะ แต่อยู่ย่าน Shinsekai อาศัยเห็นคนเข้าเยอะและดูราคาแล้วไม่แพงมาก เดินเล่นย่อยอาหารเที่ยง แล้วก็ไปเดินเที่ยวเล่นกันแถวย่าน Shinsaibashi และ Dotonbori กัน กินแหลกค่ะ ชิมทุกอย่าง ๆ ทั้ง Takoyaki, Udon, Okanomiyaki และ Ramen เรียกได้ว่าถ้าไม่นับเรื่องมาดูซากุระพวกเรามา Osaka เพื่อกินค่ะ 555
เมนูนี้ห้ามพลาดนะคะ อร่อยมาก ๆ ไม่เคยกิน Takoyaki ที่ไหนอร่อยเท่า Osaka มาก่อน

(ลืมบอกทริปนี้ไม่เน้นกินตามรีวิวนะคะ เราเน้นเที่ยว อาศัยว่าหิวตอนไหนก็กินตอนนั้น และมักจำชื่อร้านไม่ได้ด้วย จะให้แนะนำคงยาก เพราะกลับไปกินเองยังไม่รู้จะถูกร้านไหมเลยค่ะ 555)
Day 3 : Kyoto 30 มีนาคม 2557
ตื่นแต่เช้าเพื่อเดินทางไป Kyoto ด้วยรถไฟ Limited express ของ Kintetsu โดยใช้เวลาเดินทางนานกว่านั่ง Shinkansen นะคะ แต่วิวข้างทางสวยมาก ๆ ซากุระริมทางบานเยอะแล้ว เวลาเกือบชั่วโมงเลยไม่นานไปเลยในความรู้สึก
เรามาถึง Kyoto พร้อมสายฝนเลยค่ะ ภาวนาอย่าให้ตกแรงเพราะซากุระที่เราหมายมั่นปั้นมือที่จะไปชมจะร่วงไปหมดซะก่อน ที่แรกที่เราไป คือ Kiyomizudera ฝนตก ๆ หยุด ๆ ทั้งวัน แทบไม่มีแสงเลยค่ะวันนี้ ซากุระบานเป็นบางส่วนแล้ว ประมาณ 30-40% ที่นี่คนเยอะมากค่ะ โดยเฉพาะคนไทย เดิน ๆ ไปจะได้ยินภาษาไทยเป็นระยะ






Day 4 : Kyoto 31 มีนาคม 2557
วันนี้เราไป 2 ที่หลัก ๆ ค่ะที่แพลนไว้ คือ Fushimi inari กับ Arashiyama อยากไปดูเสาโทริอิแดงเรียงราย และป่าไผ่อันเลื่องชื่อ เริ่มที่ Fushimi inari นะคะ ไปแต่เช้าเพราะคิดว่าคนคงไม่เยอะมาก แต่ก็เยอะอยู่ดี 555 หามุมโล่ง ๆ ถ่ายไม่มีคนนี่ยากเหมือนกันค่ะ แถว ๆ นี้มีซากุระบ้างประปราย แต่ทุกต้นที่เจอบานค่อนข้างเยอะแล้ว ประมาณ 60-70%



จาก Fushimi inari เรานั่งรถไฟต่อเพื่อไปสถานี Saga-Arashiyama เห็นดงซากุระดงใหญ่บนภูเขาออกมาต้อนรับตั้งแต่อยู่ที่สถานีเลยค่ะ เดินเท้ากันไปผ่านย่านร้านค้าที่คึกคัก ไปจนถึงสะพาน Togetsukyo เจอซากุระตลอดทาง บานแล้ว 60-70% ได้ค่ะ



จากสะพาน Togetsukyo เราเดินต่อเลียบแม่น้ำขึ้นไปเจอดงซากุระดงใหญ่กำลังบานสวยเลยค่ะ ถ่ายเล่นกันอยู่มุมนี้นานมาก ๆ

เดินเรื่อย ๆ ชิล ๆ จนมาเจอป่าไผ่ในตำนาน และแวะเข้าไปในวัด Tenryuji วัดดังแถวย่านนี้ คนเยอะสุด ๆ ไปเลยค่ะ บริเวณนี้บานเยอะทีเดียว น่าจะประมาณ 70-80% ได้ สรุปอยู่ที่ Arashiyama เกือบทั้งวัน ที่นี่ค่อนข้างใช้เวลาเยอะนะคะ ถ้าจะไปควรเผื่อเวลาครึ่งวันเป็นอย่างน้อย




จาก Arashiyama กลับเข้ามาในเมือง เหลือเวลาอีกไม่มากต้องย้ายเมืองไปนอนที่ Nagoya แล้ว แต่ยังมีอีกที่ที่อยากไป คือ ริมแม่น้ำ Kamogawa พวกเราเลยรีบบึ่งกันไปก่อนแสงจะหมด และก็ไม่ผิดหวัง กำลังบานสวยเลยค่ะ จบแบบสวยงามประทับใจ Kyoto มาก ๆ แม้จะเที่ยวได้ไม่ครบ แต่ที่ที่เราไปสวย ๆ ทั้งนั้น เลิฟเลยเมืองนี้ให้อารมณ์คล้าย ๆ เชียงใหม่บ้านเรา ส่วนตัวคิดว่า Kyoto ช่วงซากุระน่าจะมาช่วงหลังจากนี้เล็กน้อยสัก 4-5 วัน คงจะได้เจอช่วง Full Bloom พอดี และถ้าจะเก็บให้ครบทุกที่แบบไม่เหนื่อยต้องใช้เวลาสัก 4 วัน เพราะจุดชมซากุระที่นี่สวย ๆ ทั้งนั้น พูดแล้วก็อยากไปอีก


Day 5 : 1 เมษายน 2557 Nagoya
เมื่อคืนเราเดินทางจาก Kyoto มานอนที่ Nagoya เป็นอันสิ้นสุดการใช้ Kintetsu Rail Pass Wide ที่ Nagoya นี้ ซึ่งคุ้มมาก ๆ 5,700 เยน แต่เดินทางได้มากกว่ามูลค่า ประหยัดค่ารถไฟไปได้เยอะเลยค่ะ อิอิ วันนี้เรามีภารกิจจะไปชมซากุระกัน 2 ที่ คือ Yamazakigawa และ Nagoya Castle จากพยากรณ์ที่บอกว่า Nagoya จะ Full Bloom ช่วงนี้ ซึ่งก็ตรงตามพยากรณ์เป๊ะ Nagoya ช่วงที่เราไปสวยมาก ๆ ฟินกันถ้วนหน้า ที่แรกที่เราเดินทางไปอยู่ไม่ไกลจากสถานี Mizuho-undojo nishi วินาทีแรกที่เห็นอึ้งค่ะ คือ มันสวยมาก ๆ อธิบายไม่ถูก บรรยากาศเหมือนในการ์ตูนญี่ปุ่นอะไรแบบนั้นเลยค่ะ เดินเล่นถ่ายรูปจนฉ่ำเราก็ไปซื้อเบนโตะที่ร้านสะดวกซื้อมานั่งกินกันริมแม่น้ำ ชมดอกไม้แบบชาวญี่ปุ่นซะเลย...เนียน ๆ แถวนี้ส่วนใหญ่จะเป็นคนญี่ปุ่นที่มา Hanami กัน ไม่ค่อยเจอคนไทยหรือกรุ๊ปทัวร์ค่ะ




หลังจากฟินจาก Yamazakigawa แล้วเราก็ไปฟินกันต่อที่ Nagoya Castle กัน กำลัง Full Bloom เช่นกันค่ะ


จาก Nagoya เราเดินทางมา Shizuoka กันต่อ เมื่อคืนเราพักกันที่เมือง Shimizu เมืองเล็ก ๆ ใน Shizuoka สาเหตุที่มาพักที่นี่เพราะที่พักถูกกว่าแถวในเมือง และก็ไม่ผิดหวังเลยเมืองนี้มีอะไรดี ๆ เยอะมาก เช่น เป็นบ้านเกิดของมารูโกะ วิวสวย สามารถมองเห็นฟูจิซังได้จากเมืองนี้ หรือซูชิไม่แพงเลย ฯลฯ ช่วงเช้าเราตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อเดินทางไปยังจุดชมวิวระดับ 5 ดาว (จัดอันดับโดยเราเอง) ที่ได้ข่าวจากช่างภาพคนไทยในญี่ปุ่นว่าตอนนี้ซากุระบานแล้ว มีเหรอเราจะพลาด มาอยู่ใกล้ ๆ แค่นี้แล้วต้องไปโดน เราไม่รู้เหมือนกันว่าย่านนั้นเรียกอะไร แต่อยู่ไม่ไกลจากสถานี Iriyamase โชคดี 3 ชั้นของวันนั้น คือ อากาศดีฟ้าเปิดให้เห็นฟูจิซัง ซากุระบาน และไม่หลง 555 (ปกติหลงกันจนเป็นเรื่องปกติ) นอกจากจะมีซากุระแล้วบริเวณเดียวกันจะมีดง Rapeseed สีเหลืองอร่ามให้ชมด้วย





อีกที่ที่สวยไม่แพ้กัน คือ Nihondaira ซึ่งเป็นภูเขาที่มีภูมิประเทศสวยงาม สามารถชมวิวฟูจิซังได้ในมุมสูง และมองเห็นมหาสมุทรแปซิฟิกได้ด้วยเราเราเดินทางโดยรถบัสสาธารณะ ซึ่งขึ้นได้จากหน้าสถานี Shizuoka เสียดาย 2 อย่างสำหรับที่นี่ คือ เมฆเยอะจนมาบังยอดฟูจิซังเกือบหมด และอดดูวิวไร่ชาเขียวในตำนานที่เห็นวิวฟูจิซังด้วย ไว้แก้ตัวคราวหน้าละกันเนอะ







Day 7 : Hakone 3 เมษายน 2557
จาก Shizuoka เราเดินทางไปเที่ยว Hakone ต่อ โดยเข้าทาง Odawara ตั้งใจจะไปนอนที่ Hakone 1 คืน แล้วไปนอนที่ Kawaguchiko อีก 1 คืน เส้นทางนี้เราใช้ Hakone free pass 2 วัน ราคา 3,900 เยน ในการเดินทางจาก Odawara, ใน Hakone และเดินทางไปจนถึง Gotemba ค่ะ ช่วงที่ไป Hakone ฝนตกทั้งวัน ได้ไปแค่ Owakudani กับ Little Prince Museum ซากุระที่นี่ส่วนใหญ่ยังไม่บาน ต้นที่บานแถว ๆ สถานี Gora ก็บานไม่เยอะ ประมาณ 40-50%









เที่ยวเล่นแถว Hakone จนบ่าย ๆ ก็เดินทางต่อไป Gotemba เพื่อต่อบัสไป Kawaguchiko กว่าจะถึงก็มืดค่ำล่ะค่ะ วันนั้นเลยหาอะไรกินง่าย ๆ ที่ Lawson แล้วเข้านอนกันเลย

Day 8 : Kawaguchiko 4 เมษายน 2557
ที่นี่เราเลือกพักด้านในทางฝั่งเหนือของทะเลสาบ เพื่อที่ว่าตื่นเช้ามาจะได้ไปรอดูวิวฟูจิซังได้ตั้งแต่เช้าตรู่ แต่น่าเสียดายที่แม้วันนี้ฝนไม่ตกแล้ว แต่เมฆยังเยอะมากและคลุมเฉพาะยอดซะด้วย ขี้อายนะเนี่ยฟูจิซัง ได้มาแค่นี้ค่ะ นั่งเฝ้าตั้งแต่ตี 5 กว่า ๆ 555 ส่วนซากุระช่วงที่เราไปยังไม่บานค่ะ เจอแต่ตุ่มดอกเยอะมาก ๆ ถ้าบานคงสวยมาก ๆ แน่เลย ซึ่งจากสถิติปีนี้ที่ Kawaguchiko บานช่วงวันที่ 10 กว่า ๆ ของเดือนเมษายนนะคะ


Day 9-10-11 : Tokyo 5-6-7 เมษายน 2557
ช่วงก่อนเราจะมา Tokyo ดูพยากรณ์อากาศแล้วบอกฝนตกหนักที่ Tokyo ทุกวัน ใจแป้วเลยค่ะ เพราะซากุระที่ช่วงก่อนบานแล้วคงร่วงไปเยอะ ซึ่งพอมาเจอก็เป็นตามที่คิด กลีบร่วงเต็มใต้ต้นและเริ่มแทงใบสีเขียวแล้วค่ะ แต่ถ้าเทียบกับครึ่งแรกที่เห็น Full Bloom มาบ้างแล้วจากเมืองก่อน ก็พอใจค่ะกับทริปนี้...คุ้มละ ที่หลัก ๆ ที่ไป คือ Ueno Park, ริมแม่น้ำ Sumida, Tokyo midtown และ Nakameguro ส่วนใหญ่ร่วงแล้วค่ะ แต่จริง ๆ ที่อื่น ๆ ที่เราไม่ได้ไปยังมีให้ชมได้อยู่นะคะ เช่น Shinjuku Gyoen National Garden แต่ด้วยความอยากช้อปและอยากไปย่านอื่นมากกว่าเลยไม่ได้ไปค่ะ สรุปที่ Tokyo พวกเราก็กิน เที่ยว ช้อปไปตามประสา ปลาย ๆ ทริปแล้วเริ่มล้าค่ะ ไม่อะไรมากละ 555






ภาพสุดท้ายแล้วค่ะ ครอบครัว Totoro มาร่วมเทศกาล Hanami ด้วย เป็นตัวแทนเรา 3 คนค่ะ ^^ โดยรวมทริปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยเองของพวกเรา 3 สาว มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียนะคะ
ข้อดี
1. ได้ไปเฉพาะที่ที่เราอยากไป
2. ใช้เวลาในแต่ละที่เท่าที่เราอยากอยู่
3. ได้ประสบการณ์ที่แบบว่าไปกับทัวร์คงไม่ได้สัมผัส หลัก ๆ คือหลงทางและอ่านเมนูภาษาญี่ปุ่นไม่ออก ก็ชี้มั่ว ๆ ไปค่ะ ยังขำตัวเองมาจนทุกวันนี้
ข้อเสีย
1. เหนื่อยมาก เพราะต้องลากกระเป๋าเอง ย้ายที่นอนก็บ่อย (คราวหลังไม่ทำละครับ เข็ด ๆๆ)
2. ต้องแพลนเอง บางอย่างก็ไม่ค่อยเป็นไปตามแผน บางที่ก็ไม่ได้ไปเพราะกะเวลาพลาด+ชิลเกิน
3. จองตั๋วเครื่องบินและที่พักใกล้ช่วงเดินทางเกินไปค่ะเลยได้ราคาแพง นี่ถ้าจองเนิ่น ๆ ข้ามปีคงได้ราคาถูกกว่านี้
แต่รวม ๆ แล้วข้อดีมันก็มากกว่าข้อเสียแหละเนอะ (เข้าข้างตัวเองไว้ก่อน อิอิ) ยังไงต้องขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ รีวิวแรกมีอะไรผิดพลาดก็ขออภัยด้วยนะคะ มือใหม่หัดรีวิว ส่วนใครอยากถามอะไรเรื่องการเดินทางกับข้อสงสัยอะไร หน้าไมค์ หลังไมค์ ถามได้นะคะ ไม่หยิ่งค่ะ
พฤศจิกายนนี้มีแพลน Backpack ไปชมใบไม้แดงที่ญี่ปุ่นกันอีก อาจเดินสวน ๆ กันกับคนแถวนี้ ยังไงจะนำภาพมาฝากชาวพันทิปกันอีกนะคะ ^^

Facebook Page : https://www.facebook.com/iwillseetheworld แวะเวียนไปทักทายและติดตามชมภาพและเรื่องราวท่องเที่ยวที่เคยไปมาได้นะคะ